|
|||
ณ วัง...ปารุสก์ (ตำหนักจิตรลดา) ข้าพเจ้ารักวังปารุสก์อย่างที่สุดเหลือที่จะหาคำใด มาอธิบายให้ตรงกับใจจริง ๆ ได้ ทั้งนี้มิใช่เพราะที่นั่นใหญ่โตหรูหราอย่างใด ความจริงข้าพเจ้ารักวังปารุสก์ เพราะเป็นบ้านที่ข้าพเจ้าเกิดและได้เติบโตขึ้น เกิดวังปารุสก์ หน้า ๓๘ ต้องออกตัวก่อนว่าฉันเป็นคนเบาปัญญาทางด้านประวัติศาสตร์ อาจมีถูกบ้างผิดบ้าง ขอความกรุณาช่วยท้วงติงหรือเพิ่มเติมข้อที่อาจคลายสงสัยได้บ้างจะขอบพระคุณยิ่ง. ฉันได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม ตำหนักจิตรลดา ณ วังปารุสกวัน เดิมทีตั้งใจเข้าชมตัววังปารุสก์ แต่ติดที่ไม่ได้ทำเรื่องติดต่อมาล่วงหน้า อนึ่ง วังปารุสก์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข่าวกรอง ถ้าจะเข้าไปชมคงจะผิดวัตถุประสงค์ที่จะเรียนรู้ จึงได้แต่แอบเมียงมองอยู่ห่าง ๆ จากการสอบถาม ถ้าใครสนใจเยี่ยมชมติดต่อได้ทาง พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน เพื่อทำเรื่องขอเยี่ยมชม โดยมีกำหนดผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ประมาณ 15 คน** ตำหนักจิตรลดา ตั้งอยู่บริเวณทางทิศเหนือภายในวังปารุสกวัน รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (ต่อมาคือ ร.6) ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามาญโญ ก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2449 (บริเวณด้านข้างของตัวตำหนัก - แอบถ่ายจากติดกระจก บรรยากาศอาจหลอนนิดนึง) (บริเวณด้านหลังของตำหนัก - เป็นอาคารแบบอิตาเลียนวิลล่าสูง ๒ ชั้น ไดรับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบสติลลิเบอร์ตี้ของอิตาเลียน) ภายในมีการออกแบบตกแต่งสไตล์อาร์ตนูโวและศิลปะแบบบาโรกและรอกโคโค อันเป็นศิลปะสมัยใหม่ที่กำลังนิยมในยุโรปช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ และส่งอิทธิพลเข้ามาในสยามประเทศ (บริเวณระเบียงด้านนอก) (ลวดลายตรงมุมเพดาน - เจ้าหน้าที่อธิบายว่าแต่ก่อนเส้นสีทองเป็นทองคำเปลว แต่ตอนหลัง ทำการบูรณะจึงขออนุญาติทางกรมศิลป์เปลี่ยนเป็นทาสีทองแทน เพื่อให้ง่ายแก่การดูแล) ก่อนเดินชมด้านใน เจ้าหน้าที่ให้ดูวิดีทัศน์เกี่ยวกับตำหนักจิตรลดาเสียก่อน ซึ่งเป็นสื่อที่ใช้ได้ดีมาก มีการบรรยายละเอียดเหมาะสำหรับผู้อยากมาชื่นชม ทางด้านศิลปะ และสถาปัตยกรรมในการสร้างวังที่รับรูปแบบอิทธิพลตะวันตกเข้ามา ด้านในจะมีรูปและคำบรรยายติดอยู่ตรงผนัง เป็นแผนที่ทางไปวังต่าง ๆ บ้างก็รูปแบบศิลปะ และมีตัวจำลองขนาดพื้นที่ของวังปารุสกวันด้วย (จำลองพื้นที่ของวังปารุสกวัน - แต่เดิมตำหนักจิตรลดา ร.5 สร้างให้ป็นที่ประทับของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (ต่อมาคือ ร.6) หลังจากพระองค์ เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ และย้ายไปประทับพระราชวังดุสิตแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้รวมตำหนักทั้งสองเข้าเป็นบริเวณเดียวกันและพระราชทานให้เป็นวังที่ประทับ ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถทั้งหมด) ข้อนี้มีอธิบายใน "เกิดวังปารุสก์" ดังว่า "เมื่อทูลหม่อมลุงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านก็ได้ทรงย้ายจากตำหนักจิตรลดาไปประทับอยู่ในพระราชวังหลวง หรือพระราชวังดุสิต การสร้างตำหนักที่วังจันทร์ก็เป็นอันเลิก พ่อก็ควรจะได้รับเงินตามธรรมเนียม เพื่อสร้างวังของท่านที่ท่าวาสุกรี และวังนั้นคงจะได้รับนามว่า วังพิษณุโลก เช่นเดียวกับ วังสุโขทัย หรือ วังเพ็ชรบูรณ์ ที่มีต่อมาภายหลัง แต่บังเอิญทูลหม่อมลุงทรงอยากจะได้ที่ริมแม่น้ำสร้างท่าวาสุกรี และพ่อก็อยากจะอยู่ที่วังปารุสก์ต่อไป เพราะท่านก็สบายของท่านอยู่แล้ว ทูลหม่อมลุงและพ่อจึงทรงทำการตกลงกันอย่างฐานพี่น้อง พ่อถวายที่ ท่าวาสุกรี และทูลหม่อมลุงทรงยกตำหนักจิตรลดาและที่ดินรอบ ๆ นั้น ให้พ่อ ตกลงให้ทำบริเวณใหญ่ทั้งหมด โดยมีถนนรอบทั้งสี่ด้านเป็นวังปารุสก์" (เกิดวังปารุสก์ หน้า ๓๗ - ๓๘) ถัดจากนั้นไปจะได้ดูห้องที่ใช้เป็นที่ประชุมในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ตอนก่อนชึ้นชมชั้น ๒ บันไดทางด้านหน้าตำหนักเป็นบันไดสำหรับทางขึ้น ของเจ้าของตำหนัก ผู้รับใช้หรือคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ขึ้นทางนี้ ปัจจุบันนำทางลาดพระบาทออกแล้ว (ราวบันไดทางขึ้น - เจ้าหน้าที่ให้สังเกตว่าจะมีตราวชิราวุธอยู่ตรงบริเวณราวบันได) ด้านบนชั้น ๒ เดิมเป็นกว้างสำหรับรับแขกและเป็นห้องเต้นรำเมื่อครั้งมีงาน แต่ภายหลังกั้นห้องเสีย โดยครั้งสมัยสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถสิ้นพระชนม์ ได้ตั้งพระโกศบำเพ็ญพระกุศล บริเวณนี้ ดังปรากฏใน "เกิดวังปารุสก์" ว่า "...ครั้นถึงที่วัง ตั้งพระโกศในห้องเต้นรำใหญ่ที่เรือนรับแขก เพดานสูงไม่พอ ต้องเจาะสำหรับยอดโกศ" (เกิดวังปารุสก์ หน้า ๑๔๘) ปัจจุบัน บริเวณเพดานที่ต้องเจาะสำหรับตั้งพระโกศ ร.6 ทรงให้ปิดบริเวณนั้นเสีย และที่ตรงนี้เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่ายังเป็นที่ตั้งพระโกศของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ด้วยเช่นกัน (ภายในตำหนักยังมีรูปของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ที่ฉายร่วมกับหม่อมแคทรีนและทูลหม่อมหนู) นอกจากนั้นยังมีจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวของเราชาวไทย และยังสามารถเข้าเยี่ยมชมตึกกระจกที่อยู่ด้านหลังตำหนักจิตรลดา เพื่อชมประวัติ เรื่องราวความเป็นมาของตำรวจไทยได้ด้วยค่ะ ปัจจุบันทางพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 - 16.00 น. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมแต่อย่างใด มีข้อแนะนำเสียหน่อยสำหรับผู้เข้าชม ควรอ่านหนังสือ "เกิดวังปารุสก์" ไปก่อน เพื่อที่จะได้ อรรถรสและนึกภาพตามได้อย่างอัศจรรย์ใจ. thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:2:25:50 น.
ขึ้นต้นมาเหมือนดูละครเลยครับ ไม่ยักรู้ว่าสวนจิตรเปิดให้เข้าชมด้วย ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ จดๆๆ ที่เที่ยวใหม่!
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:22:00:04 น.
|
กาลกีรติ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog | ||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |