เรื่องราวรักแสนหวานละมุน...อบอุ่นหัวใจ by บุลินทร
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
รักแรกแค้น : บทที่ ๒ + ๓ : บุลินทร

 ๒

การพบกันครั้งที่สอง




‘เป็นไง เหมือนนางในวรรณคดีของแกหรือเปล่า’

        เพื่อนของคามินละมือที่ถือพู่กันจากกระดาษบนขาตั้งวาดรูปและหันมาถาม หลังจากช่วยวาดภาพตามคำบอกเล่าของคามินเสร็จ

          คนถูกถามในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงยีนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกันยกมือขึ้นกอดอกในท่ายกมือหนึ่งขึ้นลูบคาง ดวงตาคมหรี่ลงมองอย่างพิจารณา ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกสีแดงระเรื่อจะขยับตอบ ‘อืม…ไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์’ สมแล้วที่ภัคพลเพื่อนเขาเป็นนักวาดภาพมือฉมัง

          ‘ไม่ถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์เหรอวะ’ ศิลปินหนุ่มผิดหวังกับคำตอบเล็กน้อย

          ‘มีบางจุดไม่เหมือน แต่ได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์แกก็ควรจะดีใจแล้ว คนอย่างฉันชมใครง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เอาน่า แกไม่ได้ไปเห็นตัวจริงของเธอนี่หว่า ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว’ คามินตบบ่าเพื่อน

          เขารู้จักกับภัคพลมาตั้งแต่สมัยอนุบาล และมันก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่เขายังคบอยู่ เพราะภัคพลจริงใจไม่เคยเปลี่ยน นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้กลายเป็นเพื่อนกันแล้วอดขำไม่ได้ วันนั้นคามินมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนอนุบาล เพราะแย่งเด็กผู้หญิงอีกคนกัน แต่ฝ่ายคู่อริยกพวกมารุมเขาสามต่อหนึ่ง ดีที่ได้ภัคพลเข้ามาช่วยทำให้พอต่อกรกับทางนั้นได้บ้าง แลกหมัดกันไปได้ไม่เท่าไหร่ทุกอย่างก็สงบลงเมื่อคุณครูเข้ามาแยกและทำโทษทั้งสองฝ่ายที่ก่อเรื่องอย่างเท่าเทียมกัน

          ตอนนี้ภัคพลใช้บ้านไม้สองชั้นของตนเปิดโรงเรียนสอนศิลปะให้ทั้งเด็กๆและผู้ใหญ่ที่สนใจ รวมทั้งรับจ้างวาดภาพทั่วไป ภาพประกอบ และออกแบบภาพสำหรับงานต่างๆ แม้รายได้จะไม่แน่นอน เพราะแต่ละช่วงลูกค้ามากน้อยต่างกัน แต่เจ้าตัวก็อยู่ได้ เนื่องจากวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ

          ‘แล้วนี่ให้ฉันวาดรูปทำไม อย่าบอกนะว่าตามหาตัวไม่พบ แต่เอารูปไปนอนฝันก็ยังดี’ ศิลปินหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนอย่างเย้าๆ

          คามินยักคิ้วและตอบ ‘อืม แต่จะถามแกด้วยว่า แกรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร’

          ภัคพลส่ายหน้าทันที ‘ไม่รู้เว้ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วในกรุงเทพฯนี่ก็ไม่ได้มีคนแค่หลักสิบ จะได้รู้จักกันไปหมด’

          ‘ก็แค่ถามเผื่อว่าแกจะรู้จัก แต่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แกช่วยหานักสืบให้ฉันหน่อยสิ’ ดวงตาสีเข้มเป็นประกายพราวระยับมีแผนการ

          ‘จะสืบเหรอ จริงจังมากนะเนี่ย’

          ‘เออสิวะ เธอเป็นรักแรกพบของฉัน’

          ‘รักครั้งแรกยังพอเข้าใจ แต่รักแรกพบนี่มันเป็นยังไงวะ มีด้วยเหรอที่คนเจอหน้ากันไม่กี่นาทีจะตกหลุมรักกันได้’ แม้จะเป็นศิลปิน แต่ดูเหมือนเพื่อนเขาไม่มีอารมณ์ศิลปินกับเรื่องความรักเอาเสียเลย

          ‘ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง จนได้พบเธอนั่นละ แต่ฉันชอบเธอจริงๆนะเว้ย ผู้หญิงอะไร หยิ่งชะมัด ฉันอุตส่าห์แนะนำตัวแล้วก็เปิดเผยเจตนาเต็มที่ แต่เธอดันขับรถหนีซะงั้น ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน’ บางทีเขาอาจจะยังไม่ถึงขั้นรักเธอหรอก แต่เขาก็ประทับใจที่เธอไม่ยอมบอกชื่อเขาง่ายๆนี่ละ

          ‘แกอึ้งไปเลยละสิ’

          ‘ใช่ คือถ้าไม่อยากคุยก็น่าจะแนะนำตัวกลับตามมารยาทหน่อย’ ชายหนุ่มส่ายศีรษะพลางยิ้มขันๆ ‘แต่แกว่าหน้าตาแบบฉันนี่สมควรที่ผู้หญิงจะขับรถหนีแล้วเหรอวะ’ คามินแบมือและยักไหล่อย่างหลงตัวเอง

          ‘ไม่เลย ไอ้หล่อ ไอ้เทพบุตรจุติลงมาเกิด ไอ้หน้าคมดังรูปปั้นกรีก ไอ้…’ ภัคพลแกล้งทำเสียงเยินยออย่างน่าหมั่นไส้

          คามินหัวเราะครืนกับความยียวนของเพื่อน ‘พอแล้วเว้ย หานักสืบมาเร็วๆนะ แล้วนัดวันคุยงานมาด้วย เดี๋ยวฉันจ่ายค่าดำเนินการให้’ ค่าดำเนินการที่ว่าก็คือเลี้ยงข้าวหนึ่งมือ ซึ่งปกติจะเป็นร้านข้าวราดแกงหน้าปากซอย เพราะเจ้าตัวไม่รับเป็นเงิน



ในตอนสายของสองวันต่อมา ภัคพลก็พาคามินมายังสำนักงานนักสืบแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าตัวพิจารณาแล้วว่าได้มาตรฐาน คามินนำภาพวาดที่ถ่ายไว้ในสมาร์ทโฟนให้นักสืบหนุ่มดู ก่อนจะคุยรายละเอียดและตกลงราคากัน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงเรียบร้อย

          ‘แกคิดว่าจะสืบเจอไหมวะ’ คามินหันไปถามเพื่อนระหว่างขับรถออกจากสำนักงานนักสืบ

          ‘ไม่เกินความสามารถของเขาหรอกน่า ไม่งั้นจะกล้ามารับจ้างสืบได้ไง’

          ‘จะไปรู้เหรอ เผื่อปกติสืบแต่หมาแมวหาย แต่แกบอกว่าหามาดีแล้ว ฉันก็ไว้ใจแกแล้วกัน ว่าแต่จะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนไหม หรือจะกลับบ้านเลย’

          ‘กินก่อนดีกว่า มีคลาสบ่ายสาม ยังพอมีเวลา’

          ‘โอเค แต่ไปห้างแถวบ้านแกนะ วันนี้ร้อน ขี้เกียจนั่งเหงื่อซกร้านข้าวแกงหน้าปากซอย’ คามินไม่รอฟังคำตอบ หมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยกทันที

          เวลาต่อมา รถซีดานสีขาวก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สองหนุ่มเลือกไม่นานก็ตัดสินใจเข้าร้านอาหารจีน ก่อนจะสั่งอาหารมาห้าหกอย่างและข้าวอีกโถ

‘วันนี้เลี้ยงเลยแล้วกัน’ คามินว่าขณะที่เพื่อนสนิทเคี้ยวเป็ดปักกิ่งอย่างเอร็ดอร่อย

          ‘เฮ้ย แพงไป เดี๋ยวออกเอง วันหลังค่อยไปกินข้าวแกงหน้าปากซอย’ ภัคพลตอบทั้งที่เคี้ยวอยู่ ‘เอ๊ะ หรือว่าเดี๋ยวนี้นายคามินกินข้าวข้างทางไม่ได้แล้ววะ’

          ‘เปล่า ก็แค่อยากจะรวบยอดที่แกวาดรูปผู้หญิงคนนั้นให้ด้วย แค่ข้าวแกงขาดทุนนะ จะหาว่าไม่เตือน’

          ‘เพื่อนกันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนเว้ย มีแค่เต็มใจหรือไม่เต็มใจ ถ้าฉันไม่อยากช่วย ฉันจะบอก สรุปมื้อนี้ออกคนละครึ่ง’

          เมื่อเพื่อนรักว่าอย่างนั้น สุดท้ายคามินเลยต้องยอม ‘โอเคๆ’

ระหว่างกำลังทานอาหารกันนั้นเอง สายตาของคามินก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวเจ้าของริมฝีปากอิ่มเต็มสีแดงในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีเดียวกับลิปสติกเข้าพอดี ชุดเข้ารูปนั้นส่งร่างเพรียวระหงให้โดดเด่นสะดุดตา เธอกำลังยกโทรศัพท์แนบหูคุยกับใครบางคน

          นั่นนางในวรรณคดีของเขานี่! ประกายยินดีปรากฏขึ้นในดวงตาสีเข้มทันที

          ‘ภัค ฉันขอตัวแป๊บนึงนะ’ คามินพูดพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะ

          ‘ไปไหนวะ เฮ้ย ไอ้หนึ่ง’ ภัคพลเอี้ยวตัวมองตามเพื่อนที่เดินออกไปโดยไม่หยุดตอบคำถามแล้วก็เกาศีรษะอย่างงุนงง ‘อะไรของมัน’

          นักวาดภาพหนุ่มเลิกใส่ใจและหันกลับมาทานอาหารต่อ จังหวะนั้นพนักงานของร้านก็นำหญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อและกระโปรงชีฟองสีฟ้าลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มเข้ามานั่งยังโต๊ะข้างๆ ชายหนุ่มหันไปมองตามประสาผู้ชายที่ขอให้ได้มองแม้ครอบครองไม่ได้

          น่ารักเสียด้วย มาคนเดียวหรือนี่?

ภัคพลหันไปมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นใครเดินตามเธอมาก็แอบดีใจเล็กๆโดยไม่รู้ว่าทำไม แต่ฝ่ายคนมาใหม่พอได้เมนูก็เอาแต่ก้มหน้าสั่งอาหารโดยไม่มองโต๊ะข้างๆบ้างเลยว่ามีชายหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ตรงนี้

เขาไม่ได้หลงตัวเองเหมือนไอ้หนึ่งหรอกนะ เขาหล่อ แต่ยอมรับว่าหล่อน้อยกว่ามันนิดนึง แต่ก็นั่นละ จัดว่าหล่ออยู่ดี

‘อะแฮ่ม’ ภัคพลแกล้งกระแอมเรียกร้องความสนใจและหยิบแก้วน้ำมาดื่มเพื่อความสมจริงว่าเขาคอแห้ง แต่ด้วยรีบร้อนดูดน้ำจากหลอดทำให้สำลักพรวด ‘แค่กๆๆ’ ชายหนุ่มรีบดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำที่เปียกกางเกง โชคดีที่เมื่อกี้ก้มหน้าทัน ไม่เช่นนั้นอาหารบนโต๊ะคงกินไม่ได้

ดูเหมือนแผนการของภัคพลจะได้ผลเกินคาด เพราะนอกจากเธอคนนั้นจะหันมามองแล้ว คนในร้านก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว บางคนหัวเราะคิกคักโดยไม่สนว่าเขาจะอายเลยแม้แต่น้อย ส่วนหญิงสาวผู้น่ารักเป้าหมายของเขาเพียงยิ้มบางๆก่อนจะหันไปดูเมนูต่อ

ภัคพลก้มหน้ากัดฟันด่าตัวเองในใจ ขายหน้าไหมล่ะไอ้ภัค!



คามินทำทียืนโทรศัพท์อยู่หน้าโถงทางเดินเข้าห้องน้ำเพื่อรอหญิงสาวออกมา คราวนี้เขาสัญญาว่าจะต้องรู้จักเธอมากกว่าเดิมให้ได้ ไม่สิ เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอเลย มีแต่เธอที่รู้จักชื่อเขา แต่ว่าเธอจะลืมชื่อเขาไปหรือยังนะ

          ริมฝีปากรูปกระจับกระตุกยิ้ม นึกถึงตอนเจอกันที่วัดทีไรก็ขำทุกที คนอะไร สวยแล้วยังหยิ่งอีก คอยดูเถอะ นายหนึ่งคนนี้จะทำให้หายหยิ่งให้ได้!

          เมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น คามินก็หันไปมอง แต่ปรากฏว่ายังไม่ใช่เป้าหมาย ใบหน้าคมระบายยิ้มจึงพลันขรึมลง

ห้านาทีต่อมาจึงสมหวังเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเดินออกมา ท่าทางของเธอคล่องแคล่วมั่นใจเช่นเดิม ทุกจังหวะของการก้าวเดินกระฉับกระเฉง บุคลิกสง่างามชวนมอง

          ชายหนุ่มปราดเข้าไปขวางทางโดยทำเหมือนบังเอิญ หญิงสาวมองหน้าเขาและตกใจเล็กน้อย คามินยิ้มทักทายก่อนกล่าว

          ‘อ้าว คุณนั่นเอง’

          ‘อ้อ คุณนั่นเอง’ เธอตั้งใจเลียนแบบคำพูดเขา ริมฝีปากสีแดงยิ้มนิดๆอย่างเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร

          ‘ขอบคุณนะครับที่ยังจำผมได้’

          ‘แล้วทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะคะ’

          ‘ก็…คุณอาจจะคิดว่าผมไม่สำคัญ’

          หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ‘ใช่ค่ะ ฉันคิดอย่างนั้น ปกติคนเราก็ไม่ให้ความสำคัญกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ผ่านมาก็ผ่านไป’

          ‘แต่คุณยังจำผมได้ แสดงว่าผมจะไม่ผ่านมาแล้วก็…’ คามินกำลังจะเอ่ยเข้าข้างตัวเองแต่ก็ถูกตัดบทเสียก่อน

          ‘เราเพิ่งเจอกันสี่วันที่แล้ว ถึงคุณจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ความจำฉันไม่ได้สั้นนี่คะ’ เธอยกนาฬิกาขึ้นมาดูและบอกเสียงสุภาพ ‘ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีนัด’

          ‘เดี๋ยวครับ’ ชายหนุ่มเดินตามและพูดไปด้วย เพราะอีกฝ่ายยังไม่หยุด ‘ผมเป็นลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ตที่เขาใหญ่ ถ้าว่างๆเชิญไปพักผ่อนสิครับ’

‘ขอโทษด้วยค่ะ ฉันยังไม่อยากซื้อแพคเกจห้องพักตอนนี้’ ดูเหมือนเป็นคำปฏิเสธที่ละมุนละม่อมแต่หารู้ไม่ว่าทำคามินเงิบอย่างแรง

        ‘ผมเป็นลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ตครับ’ เขาย้ำอีกครั้งเพื่อเพิ่มภาษีให้ตัวเอง ‘แล้วผมก็ไม่ได้ขาย ผมให้ฟรี จะอยู่กี่วันกี่คืนก็ได้’

          ‘ห้องพักว่างมากเหรอคะ ถึงได้เอามาแจกแบบนี้’ ริมฝีปากสีแดงแวววาวแย้มยิ้มราวสนุกกับการต่อคำ

          มันเป็นยิ้มที่คามินไม่นึกหมั่นไส้ แต่นึกอยาก…จูบมากกว่า กลีบปากอิ่มนั้นช่างยั่วเย้าปรารถนาในส่วนลึกอย่างประหลาด

          ‘ปกติไม่เคยแจกใคร แต่นี่พิเศษสำหรับคุณคนเดียวครับ’ ชายหนุ่มมองด้วยแววตาหวานลึกซึ้ง เมื่อเธอรวนมา เขาก็พร้อมตั้งรับให้เหนือกว่า

          ‘เอาไว้ว่างๆฉันไปอุดหนุนดีกว่าค่ะ’ ดูท่าเธอจะอยากยอมแพ้แล้ว และคำตอบก็ทำให้คามินยิ้มได้ อย่างน้อยเธอก็อาจไปเยือนรีสอร์ตของครอบครัวเขา

          ‘ยินดีต้อนรับเสมอครับ’ ชายหนุ่มค้อมศีรษะ แต่แล้วก็ได้อึ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามต่อมา

‘ว่าแต่ชื่อรีสอร์ตอะไรนะคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน’

‘ครับ?’ คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าคนไทยทั้งประเทศรู้จักวสุนธรารีสอร์ตจริงๆ ‘วสุนธราครับ วสุนธรารีสอร์ต ส่วนชื่อผม คุณคงยังไม่ลืมใช่ไหมครับ’ เขาเริ่มไม่แน่ใจเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

        ‘ค่ะ คุณหนึ่ง’

คามินเดาความหมายของรอยยิ้มที่หญิงสาวส่งมาให้ไม่ได้อีกครา ขณะที่เขาตกอยู่ใต้มนตร์ของนางในวรรณคดี เธอก็ถือโอกาสเดินหนี

ชายหนุ่มรีบเรียกสติกลับคืนและเดินตามห่างๆเพื่อดูว่าเธอจะไปไหน แล้วสุดท้ายหญิงสาวก็เลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารจีนที่เขากับภัคพลมาทานนั่นเอง

แล้วก็ดูเหมือนฟ้าจะเข้าข้างสุดๆเมื่อโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ข้างโต๊ะของเขา คามินเห็นดังนั้นก็รีบกลับเข้าประจำเก้าอี้ของตนตรงข้ามภัคพล

‘ท่าทางคุณจะหนีผมไม่พ้น’ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

เจ้าของริมฝีปากสีแดงกลอกตาขึ้นฟ้า ทำหน้าเอือมเล็กน้อย ‘ฉันเพิ่งรู้ว่าทฤษฎีโลกกลมไม่ได้มีแต่ในละคร’

          ‘อ้าว นี่รู้จักกันด้วยเหรอครับ’ ภัคพลมองเพื่อนสลับกับสาวสวยที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ถึงนาทีก็ถึงบางพลัด เอ๊ย บางอ้อ ‘อ้อ คนที่ไอ้หนึ่งมาให้ผมช่วย…’

          ‘เฮ้ย ไอ้ภัค!’ คามินรีบแทรกก่อนที่ฝ่ายหญิงจะรู้ว่าเขาคลั่งไคล้เธอจนถึงขนาดให้เพื่อนวาดรูปให้เพื่อเอาไปไว้ในห้องนอนและใช้สืบหาเธอ ถึงเขาจะสนใจเธอมากจริงๆ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมากเกินไป

          ‘ใครเหรอเอิง’ หญิงสาวในชุดเสื้อและกระโปรงผ้าชีฟองสีฟ้าลายดอกไม้เล็กๆถามเพื่อนในชุดเดรสแดง

          คามินยิ้มกว้างทันที ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อเธอสักที ‘ผมคามินครับ เรียกหนึ่งก็ได้’ เขาแนะนำตัวกับเพื่อนของเธอ

          ‘ฉันนิษ นิษฐาค่ะ’ หญิงสาวแนะนำตัวกลับตามมารยาท พลอยให้ภัคพลได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามไปด้วย

          ‘ส่วนผมภัค ภัคพลครับ’ นักวาดภาพหนุ่มแนะนำตัวบ้าง

          ‘ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ’

          ‘เช่นกันครับ’

          ‘ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันครับคุณนิษ’ คามินค้อมศีรษะและยิ้มเป็นมิตร ก่อนจะหันไปมองคนที่พยายามปิดชื่อตัวเองแต่สุดท้ายก็โดนเผยแบบง่ายๆ ‘บังเอิญจังเลยนะครับคุณเอิง ที่เรามาทานข้าวร้านเดียวกัน’









เข้าทางเพื่อน




‘ค่ะ!’

อุรัสยาตอบโดยไม่ยินดียินร้าย เธอไม่ชอบผู้ชายมาดเพลย์บอยมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นจึงไม่อยากสานสัมพันธ์กับคามินนัก เพราะไม่นึกว่าเจอกันครั้งนั้นแล้วจะได้พบอีกเป็นครั้งที่สอง

‘คุณหนึ่งรู้จักกับยายเอิงมานานหรือยังคะ อ้อ หรือว่าเป็นเพื่อนที่เรียนแฟชั่นดีไซน์ที่อิตาลีด้วยกัน’ นิษฐาคาดเดา เพราะเธอกับอุรัสยาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ป.๑ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้จักคามิน

‘ยายนิษ! จะไปบอกประวัติการเรียนฉันทำไมเล่า’ อุรัสยาเอ็ดเพื่อนเบาๆ เธอไม่ได้อยากรู้จักอีตาคามินนี่สักหน่อย ท่าทางเจ้าสำอางแบบนี้ ไม่รู้ทำงานทำการหรือเปล่า น่ากลัวจะลอยชายไปวันๆ แถมเจอเธอก็อวดอ้างสรรพคุณยกใหญ่ว่าเป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ตดัง!

คนอย่างอุรัสยาไม่ได้เลือกคบใครเพราะความรวย ดังนั้นคนอวดรวยแบบนี้ตกรอบคัดเลือกไปแบบไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ใช่ว่าเธออคติกับคนรวยหรอกนะ ถ้าคนคนนั้นรวยเพราะความสามารถ หรือเอาเงินทองของพ่อแม่มาต่อยอดให้งอกเงยได้ เธอก็ให้โอกาส

‘อ้าว เธอกับเขาไม่รู้จักกันหรอกเหรอ’ นิษฐาไม่ได้ออมเสียง แถมยังหันไปขอคำตอบจากคามินด้วย

‘เราไม่ได้เรียนด้วยกันหรอกครับ แล้วผมกับคุณเอิงก็เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์ครับ’ คนถูกถามตอบตามความจริง

‘นิษ ไม่ต้องไปพูดกับเขา’ อุรัสยาปรามเพื่อนโดยให้ชายหนุ่มได้ยินเช่นเดียวกัน ‘วันนี้นัดฉันมากินข้าวไม่ใช่เหรอ จะไปสนใจคนอื่นทำไม’

‘แล้วเธอกับคุณหนึ่งรู้จักกันในฐานะอะไร’ นิษฐาขมวดคิ้วเข้าหากัน

ภัคพลที่นั่งมองอยู่แอบอมยิ้มเล็กๆ เห็นทีแรกนึกว่านิษฐาจะเป็นสาวหวานเรียบร้อยพูดน้อย แต่เธอพูดเก่งกว่าที่คิดเสียอีก

‘ในฐานะคนแปลกหน้าไงล่ะ แล้วเขาก็จะไม่รู้จักชื่อฉันถ้าไม่ได้ยินจากเธอเมื่อกี้’ อุรัสยายกมือขึ้นมากอดอกและกลอกตาไปทางอื่นอย่างเซ็งๆ ก่อนหน้าไปเรียนต่อตรีและโทที่อิตาลี ไปวัดทีไรก็ไม่เคยเจอเขา แต่วันนั้นซวยจริงๆ!

เธอรู้ว่าถ้าทำเป็นไม่สนใจตอนคามินเข้ามาทำความรู้จัก เขาจะต้องตามตื๊อเหมือนพระเอกเจ้าชู้ในละครที่รักความท้าทาย แต่เธอไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย ที่พยายามบ่ายเบี่ยงไม่บอกชื่อก็เพราะไม่อยากเป็นมากกว่าคนแปลกหน้าจริงๆ จะให้พูดดีด้วยก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะเขาจะคิดว่าเธอพึงพอใจในตัวเขาเสียอีก

‘ผมว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้’ คามินไม่ยอมแพ้ อยากรู้เหมือนกันเธอจะหยิ่งแบบนี้ไปตลอดได้หรือไม่

‘ไม่ละค่ะ’ หญิงสาวบอกอย่างไร้เยื่อใย แล้วก็หันไปหาเพื่อนสาวตัวดี ‘ยายนิษ สั่งอาหารไปหรือยัง’

‘สั่งแล้ว ก็เธอบอกว่าหิว ให้ฉันสั่งอาหารรอเลย’

‘งั้นขอย้ายโต๊ะดีกว่า บรรยากาศข้างๆไม่ดี พาลจะกินข้าวไม่อร่อย’ อุรัสยายกมือเรียกบริกร ก่อนแจ้งความต้องการ โชคดีที่ในร้านมีโต๊ะว่างจึงย้ายได้ ‘เร็วเข้ายายนิษ’ เธอเร่งเพื่อนรักที่แสนชักช้า แล้วก็เดินตามพนักงานร้านอาหารจีนไป

‘คุณนิษครับ’ คามินเรียกนิษฐาเอาไว้ ก่อนจะหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์และยื่นให้ ‘ว่างๆถ้าอยากไปเที่ยววสุนธรารีสอร์ต ติดต่อผมได้นะครับ ผมมีที่พักฟรีให้ แต่อย่าลืมชวนคุณเอิงไปด้วยนะครับ’

หญิงสาวลังเล หันไปมองเพื่อนที่นั่งรออยู่ และหันกลับมามองหน้าคามิน ‘ท่าทางเพื่อนฉันคงไม่อยากไปหรอกค่ะ’

‘งั้นคุณนิษไปคนเดียวก็ได้ครับ ไม่เป็นไร รับไว้เถอะครับ’ คามินคิดว่าอย่างน้อยผูกมิตรกับนิษฐาเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย เข้าทางอุรัสยาตรงๆไม่ได้ก็ขอเข้าทางเพื่อนแทนนี่ละ

‘อืม…’ หญิงสาวยังละล้าละลัง จะยื่นมือออกมาแล้วแต่ก็ไม่ทำ จนสุดท้ายคามินต้องจับมือเธอมาและยัดนามบัตรใส่

‘ไม่ต้องเกรงใจครับ’

‘งั้นก็ขอบคุณมากนะคะ ฉันคงต้องไปแล้ว’ นิษฐาค้อมศีรษะ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเดินไปยังโต๊ะอีกฝั่งซึ่งไกลจากโต๊ะคามินพอสมควร

เมื่อหญิงสาวออกไปแล้ว ภัคพลก็จ้องเพื่อนเขม็ง ‘นี่แกคงไม่คิดจะจีบคุณนิษแทนหรอกนะ’

‘เปล่า ฉันก็แค่อยากจะเข้าทางคุณนิษ’ ดวงตาคมเต็มไปด้วยแผนการ

‘เข้าอะไร อะไรเข้า เข้าทางไหนของคุณนิษ พูดดีๆนะเว้ย’ ศิลปินหนุ่มทำท่าปั้นหมัด

คามินอดขำท่าทางเพื่อนไม่ได้ ‘ไอ้นี่ มองตาขวางเชียว ฉันรู้น่าว่าแกชอบคุณนิษ แล้วฉันก็ไม่เปลี่ยนใจจากคุณเอิงง่ายๆหรอก ไม่ต้องห่วง’

‘งั้นก็ดี แกจะจีบคุณเอิงก็จีบไป แต่คุณนิษฉันจอง เข้าใจตรงกันนะ’ ถึงจะครอบครองไม่ได้ แต่ก็ขอตีตราจองไว้ก่อนแล้วกัน

‘ประกาศซะขนาดนี้ ใครจะกล้าแย่ง แล้วฉันก็ไม่อยากต่อยกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลเพราะเรื่องผู้หญิงด้วย!’

‘เออ คบกันมาตั้งนาน จะแตกคอกันเพราะเรื่องผู้หญิงก็แย่นะ’ เมื่อทำความตกลงกันแล้ว สองหนุ่มจึงคุยเรื่องของสองสาวต่อด้วยความเพลิดเพลิน



ฝ่ายอุรัสยาและนิษฐาเองก็กำลังคุยเรื่องของคามินและภัคพลเช่นกันระหว่างรออาหารที่สั่งไว้

‘เธอกับเขาเจอกันครั้งแรกที่วัด? โอ้ ช่างโรแมนติกอะไรอย่างนี้ ดีนะเป็นตอนกลางวัน ไม่ใช่กลางดึก ไม่งั้นจะยิ่งโรแมนติกกว่านี้ เพราะมีสักขีพยานภายในวัดลอยไปลอยมาน่าเสียวสันหลัง’

‘ไปกันใหญ่แล้ว ว่าแต่…เธอคิดว่าท่าทางแบบเขาไปทำอะไรที่วัด’ ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องอยากรู้ด้วย

‘เธอคิดว่าท่าทางเขาไม่น่าเข้าวัดเหรอ’

‘ใช่ แต่ผับคงเข้าจนรู้จักทุกซอกทุกมุม’ หญิงสาวเอ่ยพลางเบ้ปากน้อยๆ และชำเลืองไปมองเขานิดหนึ่ง ทว่าหลบตาแทบไม่ทันเมื่อคามินก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน แม้จะมองจากระยะไกล แต่เธอก็เห็นว่าดวงตาคมคู่นั้นวิบวับเพียงใด

‘แหม เขาก็อาจไปทำบุญล้างซวยอะไรตามประสาแหละ แล้วว่าแต่เขา คุณหนึ่งก็อาจสงสัยเหมือนกันว่าท่าทางแบบเธอไปทำอะไรที่วัด’ นิษฐาหัวเราะคิกคัก

‘แล้วทำไมฉันจะไปวัดไม่ได้ล่ะ’

‘ก็ดูเธอแต่งตัวเป็นสาวเปรี้ยวยุคใหม่ออกอย่างนี้ ใครจะคิดว่าสนใจเข้าวัด’

‘เธอก็รู้ว่าฉันไปทำอะไร’

‘ฉันรู้จักเธอนี่นา แต่คนที่ไม่รู้จักแกก็คงสงสัย เหมือนที่เธอสงสัยคุณหนึ่ง เพราะเธอไม่รู้จักเขานั่นละ’

‘แต่ฉันคงไม่ลงทุนทำความรู้จักเขาเพื่อให้รู้คำตอบหรอกนะ’ อุรัสยาไหวไหล่ ถึงเขาจะหล่อและรวยแค่ไหน แต่นิสัยแบบนั้น ท่าทางคงไปกันได้ยาก

‘ย่ะ แม่สวยเลือกได้’ นิษฐาบอกอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ ‘อ้อ เมื่อกี้คุณหนึ่งเขาให้นามบัตรฉันมา บอกว่าถ้าอยากไปเที่ยววสุนธรารีสอร์ตเมื่อไหร่ติดต่อเขาได้ และให้ชวนเธอด้วย’

‘นายนั่นมีนามบัตรกับเขาด้วยเหรอ แต่สงสัยเอาไว้แจกสาวๆ ไม่ใช่เพื่อติดต่องาน’ เธอยังเชื่ออย่างยิ่งยวดว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะเอาถ่าน

‘เฮ้ย นามบัตรบอกว่าเขาประธานบริษัทเดอะวันโฮมดีไซน์แอนด์เดคคอร์” หญิงสาวทำเสียงตื่นเต้น “มีบริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านเป็นของตัวเองแบบนี้ แสดงว่าไม่ใช่คนเลวเกวล่องลอยใช้สมบัติครอบครัวไปวันๆนะ’ นิษฐาเองก็ผิดคาด เพราะคิดว่าเขาจะเป็นหนุ่มรักสนุกสุขนิยม เหลวไหลไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย

‘แน่ใจนะว่าไม่ได้เอาชื่อไปประดับบริษัทไว้เฉยๆ แล้วให้คนอื่นบริหารแทน’ อุรัสยาถึงกับแบมือขอดูนามบัตรให้เห็นกับตา เมื่อเพื่อนยื่นให้จึงอ่านอย่างละเอียด



The One Home Design and Decor

คามิน ชยกรสกุล

KAMIN CHAYAKORNSAKUN

President

Tel: 02-777-98XX Mobile-081-909-22XX



‘ลองโทร.ไปดีไหมเนี่ยว่าเข้าบริษัทบ้างหรือเปล่า’ อ่านจบแล้วอุรัสยาก็นึกสนุกขึ้นมา

‘เธอนี่อคติกับเขาเกินไปแล้วนะ ใครจะกล้าเอาชื่อตัวเองเป็นประธานโดยไม่ทำงาน’

‘ก็น่าจะมีไม่ใช่เหรอ’ เธอบอกพร้อมยื่นนามบัตรคืนเพื่อนโดยไม่จดเบอร์คามินเอาไว้ เพราะที่บอกว่าจะโทร.ก็แค่ล้อเล่น นายนั่นจะทำงานหรือไม่ทำงานไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย!

‘ไม่หรอกน่า เธอก็ หรือไม่เราก็คอยดูกันต่อไป’

‘ไม่รอละ ฉันหวังเหลือเกินว่าจะไม่ต้องเจอเขาอีก’



แต่อุรัสยาหารู้ไม่ว่าความหวังของเธอไม่มีวันเป็นจริง เพราะนอกจากคามินจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการจีบหญิงสาวแล้ว เขายังเพิ่งได้ข้อมูลจากนักสืบเกี่ยวกับเธอพร้อมภาพถ่ายด้วย ดวงตาคมไล่อ่านเอกสารที่ได้รับมาด้วยความพึงพอใจ



นางสาว อุรัสยา กังวารธนะเสรี

เกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2530 อายุ 26 ปี 11 เดือน สถานะภาพ โสด

เรียนจบปริญญาตรีสาขา Fashion Design และโทสาขา Luxury Marketing Management จากสถาบัน Istituto Europeo di Design ประเทศอิตาลี ปัจจุบันเปิดร้านเสื้อผ้าชื่อ Urassaya’s ที่เอกมัย

เป็นบุตรบุญธรรมของนางจิดาภา กังวารธนะเสรีเจ้าของโรงแรม Grand J.D.P Hotel ซึ่งเป็นหม้าย นางจิดาภามีลูกชายหนึ่งคนคือนายสวิช กังวารธนะเสรี ไม่ปรากฏชื่อบิดามารดาที่แท้จริงของนางสาวอุรัสยา

…



ข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นเรื่องทั่วไปรวมถึงที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของหญิงสาว คามินเก็บเอกสารลงในซองและใส่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานเมื่ออ่านจบ

‘ผมดีใจนะที่คุณยังไม่มีใคร และเร็วๆนี้เราจะได้พบกันอีกแน่’ ชายหนุ่มยิ้มหมายมาดพลางวางแผนในใจ แล้วก็ต้องหลุดจากความคิดเมื่อเสียงอินเตอร์คอมจากเลขาฯดังขึ้น

‘คุณหนึ่งคะ ทุกคนพร้อมสำหรับการประชุมตอนบ่ายแล้วนะคะ’

ดวงตาสีเข้มตวัดมองนาฬิกาฝาผนังที่บอกเวลาบ่ายโมงสิบห้านาที ‘อ้อ โทษทีครับ ผมไปเดี๋ยวนี้ละ’ เจ้าของร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน และตรงไปยังห้องประชุมซึ่งวันนี้จะคุยกันเรื่องการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดหลังจากที่บริษัทเดอะวันโฮมดีไซน์แอนด์เดคคอร์ดำเนินงานในกรุงเทพฯมาสี่ปีและค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่รวดเร็วก็มาจากพ่อของเขาด้วย เพราะท่านเป็นที่รู้จักของคนในวงการธุรกิจ ทำให้บริษัทของคามินได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้า

เมื่อผลงานออกมาดีไม่ใช่มีแต่ราคาคุยและอาศัยชื่อเสียงของบิดา ผู้ใช้บริการก็บอกต่อกันไปเรื่อยๆ และพอคนทั่วไปเห็นว่าบริษัทเขามีลูกค้ารายใหญ่ใช้บริการก็เชื่อมั่นที่จะจ้างมากขึ้นด้วย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ทำให้คามินประมาท เพราะหากไม่หมั่นพัฒนาคุณภาพและบริการ บริษัทเขาอาจถูกลืม เพราะในท้องตลาดก็มีบริษัทประเภทเดียวกันให้เลือกมากมาย

นอกจากเดอะวันจะเป็นความภูมิใจของคามินแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจของพ่อด้วย

‘ฉันดีใจนะที่เห็นแกทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก่อนฉันตาย’ ที่พ่อพูดอย่างนั้นก็เพราะสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่ใส่ใจเรียนเอาเสียเลย ต่างจากตอนประถมซึ่งสอบได้ที่หนึ่งเสมอและมาเริ่มแย่ตอนมัธยม แต่ถึงคามินจะดูเหลวไหลในสายตาท่าน แต่สุดท้ายก็จบปริญญาตรีมาด้วยเกรด ๓.๐๐ พอดีแบบที่พ่อไม่คาดคิด

‘ผมก็ดีใจที่ได้ทำให้พ่อมีความสุขครับ’ หลังจากโดนรสิตาแฟนเก่าทิ้ง คามินก็เสียศูนย์ไปเกือบสามเดือน แต่ภัคพลก็ช่วยกระตุ้นจนกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง

‘แกจะปล่อยให้ชีวิตแย่ลงไปเรื่อยๆจนพังพินาศเลยไหม แทนที่จะทำอะไรสร้างสรรค์ กลับมานั่งจมปลักกับความเศร้า ปล่อยเวลาให้หมดไปวันๆอยู่ได้ ไอ้กองขยะเดินได้!’

คามินคิดว่าถ้าไม่เป็นเพื่อนกันมาก่อน เขาคงลุกขึ้นไปต่อยปากคนที่พูดแบบนี้ใส่เขา เพราะทั้งน้ำเสียงและหน้าตาของภัคพลยียวนชวนซัดเข้าสักหมัดจริงๆ

‘ป่านนี้สิตาลืมแกไปแล้วมั้ง จะมัวคิดถึงเขาไปทำไม แล้วในโลกนี้มีผู้หญิงอีกมากมาย มันต้องมีใครสักคนที่เหมาะกับแกสิวะ ลุกขึ้นทำอะไรดีๆเพื่อตัวเองได้แล้วเพื่อน’

ตอนแรกคำพูดของภัคพลก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เข้าหูขวาออกหูซ้ายตลอด แต่นานเข้า สติของคามินก็ค่อยๆกลับมาจนพร้อมลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

ชายหนุ่มเริ่มวางแผนเปิดบริษัทออกแบบและตกแต่งบ้านโดยใช้ความรู้ด้านสถาปนิกที่เรียนจบมาโดยมีรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะเดียวกันมาเสริมทีมด้วยจนก่อตั้งสำเร็จเมื่อสี่ปีที่แล้ว

เดอะวันทำให้คามินรู้สึกว่าชีวิตมีค่า เพราะหากไม่มีบริษัทที่ก่อตั้งด้วยสมองและสองมือของตัวเอง เขาก็คงกลายเป็นคนหลักลอย หาคุณค่าในตัวเองไม่ได้ นอกจากใช้เงินของพ่อ

เงิน…ที่เขารู้แล้วว่าซื้อทุกอย่างไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนรักของเขาคงไม่ตีจาก ทั้งที่เขาพรั่งพร้อมไปด้วยเงินทอง

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็อยากจะทดสอบผู้หญิงด้วยเงิน!

อุรัสยาทำให้เขาสนใจมากขึ้น เพราะแม้เธอจะรู้ว่าเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ต แต่เธอก็ยังเฉยเมยใส่ ทำเหมือนความร่ำรวยของเขาเป็นเพียงฝุ่นเล็กๆและปัดทิ้งด้วยความรำคาญ

ถึงครอบครัวของเธอจะร่ำรวยไม่แพ้เขา แต่ก็ไม่น่าใช่เหตุผลที่เธออยากหนี เพราะคนรวยย่อมอยากคบหากับคนรวยด้วยกันไม่ใช่หรือ ดังนั้นเขาจะเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดก็ตาม

ตั้งแต่เลิกกับรสิตา เขาก็คิดว่าคงไม่เจอรักแท้อีกแล้ว แต่อุรัสยาเหมือนแสงสว่างที่สาดส่องมายังหัวใจอันเหี่ยวแห้งอีกครั้ง บทเรียนในอดีตทำให้เขาปรับปรุงตัวให้ดีกว่าเดิม แม้ตอนนี้อาจยังไม่ดีเต็มร้อย แต่ก็คงดีพอและมีค่าคู่ควรกับผู้หญิงดีๆสักคน คามินหวังอย่างยิ่งว่าฟ้าจะให้รางวัลเขากับความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลง ครั้งนี้…ขอให้เธอเป็นรักแท้ของเขาเสียที



Create Date : 14 กรกฎาคม 2557
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 14:55:19 น. 0 comments
Counter : 3779 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นิชนันท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






คนกำลังอ่าน


Friends' blogs
[Add นิชนันท์'s blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.