เมื่อลูกสุนัข น้ำมูกไหลและไอ
สุนัขก็เป็นหวัดได้

เจ้าของสุนัขหลายคน อาจมักมีข้อสงสัยถึงเรื่องไข้หวัดสุนัข ซึ่งเวลาที่เจ้าของสุนัข นำสุนัขเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล จะมีคำถามอยู่สองข้อที่ถามกันบ่อยมาก ๆ คือ ไข้หวัดของคนจะสามารถนำไปติดสุนัขได้ไหม และ ในทางกลับกัน ไข้หวัดของสุนัขเองสามารถนำมาติดคนหรือผู้เลี้ยงได้หรือไม่ คำตอบคือ ไข้หวัดสุนัข ไม่สามารถนำมาติดคนได้ และ ไข้หวัดในคน ก็ไม่สามารถนำมาติดสุนัขได้เช่นกัน

เนื่องจาก ขบวนการของการเกิดโรคนั้น เกิดขึ้นมาจากเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในสัตว์แต่ละชนิดที่ต่างกันครับ การเป็นหวัดในสุนัขนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใดบ้าง และ มีวิธีการป้องกัน หรือ แก้ไข ได้อย่างไรบ้าง

การที่เราพบสุนัขเป็นหวัด ซึ่งหมายถึงว่า เจ้าของสุนัขพบว่าสุนัขของตนเองมีอาการน้ำมูกไหลนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากต้นเหตุหลาย ๆ ประการเลยค่ะ โดยจะขออนุญาตกล่าวถึงโรคหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

โรคหวัดและหลอดลมอักเสบติดต่อ (Kennel Cough) ซึ่งต้นเหตุหลัก ๆที่ทำให้เกิดโรคนี้ก็ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า Bordetella Bronchiseptica หรือเกิดจากเชื้อไวรัสอีกตัวที่ชื่อว่า Parainfluenza

อาการที่เราพบในสุนัขที่ป่วย จะเริ่มต้นจาก พบสุนัขมีอาการไอแห้ง ๆ ตลอดเวลา จากการที่เกิดการอักเสบที่หลอดลมส่วนต้น ซึ่งโดยปกติแล้วโรคนี้สามารถพบได้บ่อยในลูกสุนัข ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น ช่วงเวลาที่เข้าสู่หน้าฝน การเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่อาศัยจากฟาร์ม มาสู่บ้านผู้เลี้ยงใหม่ ส่วนการติดต่อกันในระหว่างสุนัขจะเกิดขึ้นได้จากทางลมหายใจเป็นหลัก หรือการติดต่ออาจเกิดขึ้นอีกทางได้จากการสัมผัสคลุกคลีกับสัตว์ป่วยโดยตรง

ดังนั้นเราจึงมักพบสุนัขที่มีการเลี้ยงอยู่ด้วยกันหลาย ๆ ตัวในพื้นที่ ๆ จำกัดก็จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่ายเช่นกัน ในขณะเดียวกันหากเราปล่อยสุนัขที่ป่วยทิ้งไว้หรือละเลยมัน โรคก็จะสามารถพัฒนาจากการที่มีหลอดลมส่วนต้นอักเสบต่อไปยังปอดแล้วกลายเป็นปอดบวมได้ ซึ่งในระยะนี้เราจะสังเกตเห็นว่า สุนัขจะเริ่มมีน้ำมูกไหล และไอมากขึ้น ได้

การรักษาสำหรับโรคหวัดและหลอดลมอักเสบนี้จะมีการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมกับยาที่ลดการอักเสบที่หลอดลม ซึ่งอาจจะมีตั้งแต่ ยาลดการไอ ยาขยายหลอดลม หรือยาละลายเสมหะ ในกรณีที่เริ่มมีเสมหะเข้ามาร่วมด้วย โดยการรักษาอาจใช้เวลาตั้งแต่ 7-10 วัน ไปจนกระทั่งถึง 2-3 สัปดาห์ขึ้นกับความรุนแรงในแต่ละตัว สุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ได้สร้างความรุนแรงของโรคมากนัก เนื่องจากตัวเชื้อเองไม่ได้ก่อความรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้เสียชีวิต

โรคนี้มีวัคซีนที่เราสามารถนำสุนัขของเราเข้าไปที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อขอรับวัคซีนในการกระตุ้นภูมิต่อโรคนี้ได้ โดยวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันนี้จะมีตั้งแต่ วัคซีนแบบที่ใช้หยอดจมูก หรือ วัคซีนแบบที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังค่ะ ซึ่งเจ้าของหลาย ๆ ท่านมักเข้าใจผิดว่า เมื่อสุนัขทำวัคซีนแล้วจะไม่เป็นหวัดอีกต่อไป แต่อย่างที่กล่าวในตอนแรก เชื้อที่ก่อให้เกิดอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหล ในสุนัขนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การทำวัคซีนจึงกระทำเพื่อ กระตุ้นภูมิที่เกิดขึ้นจากเชื้อสองชนิดที่กล่าวมาในตอนแรกเท่านั้น ดังนั้นเราต้องมาตามกันต่อว่า แล้วมีเชื้ออื่นใดอีกที่ทำให้สุนัขป่วยเป้นหวัดมีน้ำมูกไหลได้อีก 





Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2558 9:23:29 น.
Counter : 3413 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 3757448 วันที่: 20 มีนาคม 2560 เวลา:16:47:59 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MR TOPMAN
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]