คนรัก คนที่แล้ว เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เราอยากเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ถึง ความรู้สึกดี ๆ ของคน 2 คน ที่แม้จะเลิกกันไปแล้ว แต่ สิ่งดี ๆ ก็ยังไม่เคยจางหาย ---- หลังจากที่เลิกกัน ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี เราทั้ง 2 ก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ไม่เคยได้ติดต่อกัน จนกระทั่ง เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง ในงานวันแต่งงานเพื่อนของเรา และเพื่อนของเราคนนี้ ก็เป็นเพื่อนของเขาเช่นกัน ตอนที่เพื่อนส่งการ์ดเชิญมาให้ เราไม่กล้าที่จะถามเพื่อนเลยว่า เขามาไหม แต่เพื่อนเรากลับบอกเราเองว่าเขาจะมาแน่ ๆ เพราะนอกจากเพื่อนคนนี้จะเป็นเพื่อนของเขาด้วยแล้ว ตัวเจ้าสาวเอง ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาด้วย หลังจากที่ได้รับการ์ด ภาพในอดีตต่าง ๆ ลอยมาวนเวียนเราบ่อยขึ้น ระยะเวลา 2 ปีที่เราคบกัน มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย และมันก็จบลงด้วยเรื่องที่ไม่ดี ที่เราเป็นคนก่อขึ้นเอง เรามีคนอื่น.... นั่นจึงทำให้เราเลิกกัน มันเป็นการจบลงที่ไม่งดงามนัก เราจึงคิดว่า เลิกกันแล้ว ตัวเราเองคงไม่อาจเป็นเพื่อนกับเขาได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลือกที่จะเงียบหายไป 8 ปีที่ผ่านมา ความสำนึกผิดที่มีต่อเขา ยังคงตามเป็นเงาจาง ๆ ในความคิด แต่สิ่งที่จางหายไปนานแล้วนั่นก็คือ... ความรักที่เคยมี แต่... ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมเราต้องร้อนรน ทั้งไม่อยากให้ถึงวันงาน เพราะเกรงทำหน้าไม่ถูก แต่...ลึก ๆ ในใจ ก็อยากพบเขาอยู่ เราปลอบใจตัวเองว่า มันไม่ใช่ว่าเรายังคงไม่ลืมความรักที่ได้เคยมีให้กัน สิ่งที่เราเป็นอยู่นี้มันเป็นแค่ ความอยากรู้ ว่าเขาจะยังคงสบายดีไหม ชีวิตเป็นอย่างไร มีใครที่ดี ๆ คอยดูแลอยู่ข้างกายแล้วหรือยัง ฯลฯ ---- และแล้ว วันงานแต่งของเพื่อนก็มาถึง เราขับรถไปกับหลานสาว เราแต่งกายด้วยชุดออกงานตัวเก่งธรรมดา ๆ ไม่ได้เลิศหรูอะไร พอถึงหน้างาน มีรถจอดอยู่เยอะมาก เราจึงจำต้องไปจอดในอีกซอยหนึ่ง ไม่ไกลจากงานนัก งานจัดขึ้นที่สโมสรแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านเรา หน้างานมีบูตรับซอง มีสมุดไว้เขียนคำอวยพร ถัดไปก็จะเป็นฉากตกแต่งด้วยดอกไม้ เจ้าสาวเจ้าบ่าวกำลังง่วนกับการถ่ายภาพกับแขก หลังจากที่ทักทายและถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เจ้าบ่าวก็กระซิบบอกเราว่า "เขา" มาตั้งนานแล้ว นั่งอยู่ข้างในแน่ะ เราค้อนเขาแว้บหนึ่ง บอกเป็นนัย ๆ ว่า "จะบอกทำไมเนี่ย" แต่แท้ที่จริงแล้ว หัวใจเราเต้นแรง บรรยากาศภายในงานแลเป็นกันเอง มีการฉายสไล้ท มีเวทีและพิธีกร และอาหารเป็นแบบค็อกเทล แต่เราไม่ได้ทานอะไรมากมาย ทานแต่อาหารที่หลานของเราไปตักมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีคนเข้ามาทักทายเราบ้าง แต่...เรายังไม่เจอเขา แม้ว่าเราจะไม่ได้ใส่ใจจะลุกขึ้นเดินหา แต่สายตาเราก็กวาดมองผู้คนภายในงานอยู่ตลอดเวลา แต่ก็... ไม่เจอ จนกระทั่งเสร็จพิธีบนเวที, เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายรูปตามโต๊ะ หลานเราก็ทำตาปรือ ๆ ง่วงนอน เราจึงขออนุญาตเพื่อน ๆ และคู่บ่าวสาวกลับก่อน พอเดินออกมาก็พบกับเขา ยืนอยู่ตรงหน้างานนั่นเอง เขายืนอยู่กับเพื่อนอีก 2-3 คน ------- พอเขาเห็นเรา เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ณ เวลานั้น เราบีบมือหลานจนแน่น เขาท้วมขึ้นเล็กน้อย แต่หน้าตายังคงสดใสเหมือนเดิม โดยเฉพาะแววตาที่ยังคงฉายแววขี้เล่น ที่ไม่ต่างไปจากเมื่อ 8 ปีที่แล้ว "สวัสดีครับ... จะกลับแล้วเหรอ ยังไม่ได้คุยกันเลย" เขาทักและยิ้มให้ เหมือนกับกล่าวเป็นนัย ๆ ว่าเขาเห็นเราอยู่นานแล้ว และรอโอกาสที่จะเข้ามาทักทายเราอยู่ "อ้าว! มาด้วยเหรอ" เราถามเขาไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขามาอยู่แล้ว - - (ปากกับใจหนอ) "ต้องมาสิ" เขาลูบหัวไปมา คำพูดของเราทั้ง 2 หยุดอยู่แค่นั้น ทั้ง ๆ ที่มีอะไรมากมายที่เราจะพูด แต่...ก็ไม่ได้พูดออกไป แม้แต่คำว่า "สบายดีไหม" "กลับก่อนนะ" เรากล่าวไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ต้องการจะพูดคำนี้เลย เราโบกมือลา และจูงมือหลานเดินออกมา เขาโบกมือตอบ และค้างไว้อย่างงั้น 8 ปี... แค่นี้เองเหรอ เราคิดอยู่ในใจ รู้สึกใจสั่นมาก และแล้ว เราก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาด้านหลัง พอหันกลับไป ก็เป็นเขานั่นเอง "จอดรถตรงไหนเหรอ เดี๋ยวไปส่งนะ มันมืด" เขากล่าว "จอดตรงนู้น" เขาเดินมากับเรา แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้อะไรนัก เพราะเรามากับหลาน ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาเหมือนเดิม สิ่งที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้า สลับกับเสียงหัวใจเราที่เต้นแรง ภาพในอดีตพรั่งพรูออกมา เขาคนนี้ ที่เคยเดินข้าง ๆ เรา ไปส่งเราที่บ้าน เขาคนนี้ ที่เคยจับมือเรา แล้วเรามักจะเข่าอ่อน เขาคนนี้ ที่เคยเล่ามุกตลกแป้ก ๆ ทำอะไรเปิ่น ๆ ให้เราดู แต่เราก็หัวเราะทุกครั้งไป ภาพทุกภาพเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น เราอยากหยุดเวลาไว้ แต่... รู้ตัวอีกที เราก็มาถึงรถแล้ว "จะกลับหรือยัง เราไปส่งไหม?" ยังคงเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับสิ่งที่อยู่ในใจเราที่เราอยากถาม "อืม! ไม่เป็นไรครับ ว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย" เขากล่าว "งั้น... ไปก่อนนะ" เราเปิดประตูรถ หลานเราอ้อมไปอีกฝั่งเข้าไปนั่งข้างในรอ และก่อนที่เราจะเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เขา...ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ และกระซิบบอกเราว่า... "งั้นก็... ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ตัวเล็ก" เขาพูดพลางลูบผมของเราแผ่วเบา ดวงตาของเขาแฝงด้วยความรู้สึกมากมาย ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เราปิดประตู หันไปมองหน้าเขาพยักหน้าแล้วยิ้มให้ เราสตาร์ทรถ เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น คอยโบกรถด้านหลังที่ออกมาจากซอย เราขับรถจากไป เงาของเขาค่อย ๆ เล็กลง เขาโบกมือลา แต่...เราเห็นจากกระจกหลังไม่ชัดนัก เพราะน้ำตามันเคลือบอยู่เต็มไปหมด ยัยผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจเอ๋ย ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแล้วไง... 8 ปีแล้ว ที่ไม่เคยมีใครเรียกเราว่า "ตัวเล็ก" ขอบคุณที่เรียกเราแบบนี้ ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณที่เคยรักกัน ขอบคุณที่ทำให้เราหวนนึกถึงสิ่งดี ๆ ที่คน ๆ หนึ่งได้เคยมีให้กับเรา และลาก่อน ทำไมไม่กลับไปรักกันล่ะ
โดย: อาทิยา IP: 203.146.122.242 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:58:28 น.
ตอนนี้เราก็กำลังเป็นแบบนี้เลย...ต่างคนต่างรู้ว่าเรายังรักกันแต่ทำอะไรไม่ได้เลย เราผิดเองที่ไม่รอเขา เป็นกำลังใจให้คุณนะ ความรู้สึกเราเป็นแบบเดียวกันเลย เราเข้าใจคุณจริง ๆ
โดย: ti IP: 202.151.4.18 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:52:31 น.
นึกถึงตัวเองค่ะ น้ำตาจะไหล
โดย: แค่มี IP: 122.154.16.246 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:58:56 น.
อยากร้องไห้...คิดถึงเขาคนนั้น คนที่เรารัก รักครั้งแรก จนทุกวันนี้ยังรักและคิดถึงอยู่เหมือนเดิม ถ้ากลับไปได้จะแก้ไขความงี่เง่าของตัวเอง...แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้...
โดย: nan IP: 202.151.4.18 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:44:18 น.
สายน้ำไม่ไหลกลับ
โดย: น้องเปิ่น IP: 49.48.4.242 วันที่: 9 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:50:16 น.
8ปี แค่นี้เองเหรอ นั่นน่ะสิคะ น่าเสียดายนะคะ
โดย: ดำ IP: 24.60.233.35 วันที่: 5 สิงหาคม 2555 เวลา:2:49:58 น.
|
หมวย ปริมณฑล
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |