BlogGang.com : : mindy123 : Within Europe ตอน Easter Adventure :: Day 2 Hallstatt

Within Europe ตอน Easter Adventure :: Day 2 Hallstatt - Garmisch ::

หลังจากตอนที่แล้ว เราก็มาต่อกันวันที่ 2 ของทริป Easter Adventure ดีกว่าเนาะ

วันนี้หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มกันไป เราก็ตื่นขึ้นมา อาบน้ำ เก็บข้าวของ พร้อมออกเดินทางกันอีกครั้ง

บรรยากาศวันนี้มันช่างโหดร้ายจิงๆ อึมครึม เมฆหมอกหนาๆ ฝนพร่ำๆ Smiley

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ทำการเชคเอ้าออกจากโรงแรม และขับรถไปยังเมือง Hallstatt ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 10 นาที (ก็เมืองที่เห็นในภาพไกลๆนั้นระ)

Hallstatt ถือว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของเกลือ และเป็นจุดหมายของใครหลายๆคนที่ต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งในชาตินี้

การเดินทางมายัง Hallstatt สามารถทำได้หลายทาง

1. ทางรถยนต์

2. ทางรถไฟ - จากเส้นรถไฟสายหลักระหว่าง Salzburg และ Vienna ให้ลงที่สถานี Attnang-Puchheim และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟที่จะมาสถานีปลายทาง Bad Ischl และ Obertraun.

แต่ถ้าใครสนใจอยากนั่งเรือเที่ยวระหว่างเมืองในทะเลสาป ก็สามารถใช้บริการและดูเส้นทางเดินเรือตามเวบนี้จ้า //www.hallstattschifffahrt.at/en/ship-lines/ship-lines.html

ทะเลสาปที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องปลาสดๆ ฉะนั้นเราจะเห็นเป็ดน้อย หงษ์ใหญ่เยอะแยะมากมาย

เสียดายฟ้าไม่เป็นใจ ไม่งั้นเราคงได้เห็นภาพสวยๆสีสดๆของเมืองนี้อย่างแน่นอน

ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่เมืองนี้ก็มีอะไรให้ทำไม่น้อยเลยนะ เช่น การไปเยี่ยมชม Cultural Heritage Museum ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ที่มีมาตั้งแต่ 7000 ปีที่แล้วแนะ

หรือใครอยากจะมานอนชมวิวสวยๆของทะเลสาปแห่งนี้ ก็เลือกเอาเลยที่นี่มีโรงแรมหลายแห่ง ทั้งติดทะเลสาปและอยู่บนเขา แต่วิวสวยไม่แพ้กันแน่นอน

แล้วเราก็เดินกันมาถึงใจกลางของแหล่งชุมชน ไม่อยากจะนึกถึงตอนซัมเมอร์ว่ามันจะสวยขนาดไหน

เท่าที่เราสังเกตนะ เมืองนี้สามารถเดินเล่นได้ภายในครึ่งวัน (รวมเวลาถ่ายรูปแล้วด้วยนะ) ก็คิดดูละกันว่ามันเล็กขนาดไหน แต่....ที่นี่กลับมีโบส์ถอยู่ถึง 2-3 ที่กันเลยทีเดียว

เนื่องจากเมืองนี้ได้ถูกขึ้นเป็น UNESCO World Heritage ฉะนั้นบ้านเมืองจึงยังคงสภาพความเป็นออริจินอลของเค้าได้เป็นอย่างดี

นอกจากสีสันที่ดูสะดุดตาแล้ว ที่นี่เค้ารักษาความสะอาดได้ยอดเยี่ยมเลยละ ขยะซักชิ้นหาแทบไม่ได้เลย คนที่มาเที่ยวที่นี่ก็คงช่วยกันดูแลให้ความเคารพสถานที่กันด้วย Smiley

เราเดินย้อนกันกลับมาตรงใจกลางเมืองอีกครั้ง ตอนแรกว่าจะกลับไปที่รถเพื่อไปเมือง Salzburg ต่อละ แต่นึกอะไรไม่รู้ ลองเดินเล่นตามซอกดีกว่า

ตามทางเดินจะเจอทั้้งบ้านคน ที่พัก และร้านอาหาร เสียดายเรามาเช้าไปหน่อย ร้านยังไม่เปิด

เมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยๆเราก็จะเจอกลับโบส์ถบนยอดเขา ด้านหลังของโบส์ถนี้มีสุสานอยู่ด้วย

ภายในโบส์ถจ้า ลองนึกว่าถ้าได้มาแต่งงานบนนี้ คงโรแมนติกน่าดูเลยอะ Smiley

เมื่อเดินอ้อมมาด้านหลัง ก็จะเจอวิวของเมืองนี้ แทบจะหยุดหายใจกันเลยทีเดียว สวยม๊วกๆ แล้วเราก็ลาเมือง Hallstatt ไปด้วยภาพนี้ และเดินทางต่อไปยัง Salzburg จ้า Smiley

จาก Hallstatt ขับรถมาใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ และแน่นอน ฝนตก!! Smiley

Salzburg เป็นเมืองบ้านเกิดของ Mozart ศิลปินผู้โด่งดังด้วยนะ และแน่นอนเหมือนกับอีกหลายๆเมืองในยุโรป เขตเมืองเก่าเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ เพราะโซนนี้เป็นแหล่งรวมที่ช๊อปปิ้ง และบ้านเมืองในสไตล์เก่าแก่

ไหนๆมาถึงนี่ แม้ว่าอากาศจะไม่เป็นใจแต่ยังไงเราก็ต้องขึ้นไปชม Hohensalzburg Fortress กันนะ ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาที่สามารถแห่งได้แต่ไกลไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของเมือง

การเดินทางขึ้นปราสาททำได้ทั้ง เดินเท้า และนั่งเหมือนเป็นกระเช้าขึ้นไป ใครแข็งแรงหน่อยเราแนะนำว่าเดินดีกว่า กินบรรยากาศ

สำหรับค่าเข้าชม

- ผู้ใหญ่ คนละ €11 (รวมกระเช้า) หรือ €7.8 (เดินออกกำลังกายกันเอง)

- เด็กและเยาวชน (6-19 years, groups only) €5.10

- เด็ก (6-14 years) ราคาต่อหัวนะคะ €5.60

- หรือถ้ามากันเป็นครอบครัวจะซื้อแบบเหมาเลยก็มีนะ €22.60

ภายในปราสาทจะไม่มีไกด์ให้นะคะ แต่เค้าจะแจกเครื่องฟังให้คนละอัน ก็แล้วแต่ว่าถนัดภาษาอะไร มีทั้งอังกฤษ จีน อิตาลี่ เยอรมัน แต่ไม่มีไทยนะจ๊ะ

และเมื่อเดินขึ้นมาจนถึงยอดสุด เราก็จะเจอกับวิวของเมือง Salzburg และภูเขา แม่น้ำ โอยย สวยเกินบรรยาย

ฝนเริ่มกระหน่ำลงมา เราก็ลงจากปราสาทกัน แน่นอน เดินลง! แต่ไม่เท่าไหร่นะ ตอนขึ้นเหนื่อยกว่า

เดินมาเรื่อยๆ ว่าจะหาไรกินซะหน่อย ก็มาป๊ะก่ะชาย(หรือหญิงหว้า)คนนี้ ทำการแสดงอะไรอยู่

จิงๆก็ไม่ได้แสดงไรหรอกนะ แต่ยืนตัวลอยเฉยๆ

ในยุโรปจะมีการแสดง หรือคนเอาสีมาทาที่ตัว หรือใส่ชุดอะไรมายืนอยู่ หากท่านไปถ่ายรูปเค้าแล้วละก็ อย่าลืมใส่ตังให้เค้าไปด้วยนะ ยูโรนึงก็ได้ อย่างชายคนนี้เราถ่ายรูปเค้าเสร็จเราก็เอาตังค์ไปหยอดในถังเงินๆ แล้วเค้าก็ให้โปสการ์ดเรามานึงใบ โอเคคุ้มดี

และแล้วเราก็หาของกินได้ในที่สุด ในจานนี้มันคือ Apfelstrudel Vanillesauce หรือายแอปเปิ้ลกับซอสวนิลา อากาศหนาวๆกับซอสอุ่นๆและพายนุ่มๆ มันช่างเข้ากานนนเข้ากัน

แล้วเราก็มุ่งหน้าออกจากประเทศออสเตรียกลับเข้าสู่เยอรมันเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป นั้นคือเมือง Murnau

เมือง Murnau เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน ห่างจากเมืองดัง Garmisch-Partenkirchen เพียง 25 กิโลเพียงเท่านั้น

เมืองนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนภายนอกซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเพราะขนาดหรือเพราะเจอเมืองดังอื่นๆกลบชื่อไปก็ตาม แต่เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่น่ารักมากกกกก เหมือนเมืองตุ๊กตายังไงยังงั้นเลย

งงละซิ แล้วไปเจอมาได้ไง ต้องถือเป็นความโชคดีที่พี่ไกด์เป็นคนท้องถื่น นางจึงรู้จักเมืองแถบนี้เป็นอย่างดี

วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ บวกกับว่าฝนตกอีกตั้งหาก เพราะงั้นเมืองเลยดูเงียบๆเหมือนเมืองร้าง พี่ไกด์บอกว่า ถ้ามาในช่วงซัมเมอร์หรือฟ้าดีๆ เราจะสามารถเห็นภูเขาเป็นฉากด้านหลัง มันจะเป็นอะไรที่สวยมาก ไม่น้อยหน้าเมืองไหนในแถบนี้เลยทีเดียว

แต่ทั้งเมืองก็ไม่ได้น่ารักอย่างงี้ไปหมดนะ บอกไว้ก่อน ก็เหมือนเป็นจุดขายของหลายๆเมืองนั้นระ จะมีถนนหรือโซนที่ว่าเป็นเมืองเก่าหรือใจกลางเมืองเท่านั้น นอกจากเขตนี้บ้านช่องก็เป็นปรกตินะจ๊ะ ไม่แหววแบบนี้

ใครที่จะมาเที่ยวเยอรมันช่วงซัมเมอร์หรือคริสมาสก็ลองแวะกันมาดูนะ

เดินเล่นทั้งหนาว ทั้งเปียก ทั้งเหนื่อย เราก็ถึงเวลาของอาหารเย็นแล้ว วันนี้เราไปกินกันที่ Griesbräu zu Murnau แหมม มาถึงนี่ทั้งทีเราก็ต้องไปโรงเบียร์ประจำเมืองสิ

เมนูวันนี้คือ เป็ดย่างกับมันและกะหล่ำดอง และในจานพี่ไกด์คือ ขาหมูเยอรมัน

เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ค่าอาหารจึงไม่ได้แพงหูฉี่เหมือนอย่างในมิวนิค อย่างจานข้างบนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเรา แน่นอน กินไม่หมดคะ เพราะมันเยอะมากกกก

หลังจากทานมื้อค่ำกันเสร็จเราก็ตรงไปยังเมือง Garmisch-Partenkirchen กันต่อเลย เจอกันบลอคหน้านะค่าา บายค่า

Create Date : 20 เมษายน 2558

Last Update : 4 พฤษภาคม 2558 23:36:12 น.

0 comments

Counter : 648 Pageviews.