บอกลาคัพ A ชะนีเฮ! ยิ้มรับเต้าใหม่คัพ C







บอกลาคัพ A  ชะนีเฮ! ยิ้มรับเต้าใหม่คัพ C




 สวัสดีค้า :) จากชื่อหัวกระทู้ ก็น่าจะพอเดากันออกแหละเนอะ
ว่าวันนี้เราจะมารีวิวเกี่ยวกับเรื่องอะไรกัน ... 

ใช่ค่ะ ... วันนี้เมย์จะมารีวิว และพูดถึงการทำศัลยกรรม "เสริมหน้าอก"
ที่เมย์เพิ่งไปทำมาสดๆร้อนๆ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ก็ครบ 2 เดือนพอดี กับหน้าอกใหม่
ก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะมารีวิว มาแชร์ประสบการณ์
ให้กับเพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังคิดจะเสริมหน้าอกกัน 


ก่อนอื่นเลย ... จริงๆแล้ว เมย์คิดที่จะเสริมหน้าอกมานานนนนนนมากแล้ว 
เพราะความอกไข่ดาวของเรานั้น มันแบนมากจริงๆ
เมย์ก็ได้มีการศึกษา มีการดูรายละเอียด ทั้งคลินิก ทั้ง โรงพยาบาล มาพอสมควร
แต่ก็ด้วยงานที่ค่อนข้างยุ่ง และไม่มีเวลาได้หยุดยาว ก็เลยปล่อยผ่านเลยมานาน
จนมาเมื่อปลายๆปีที่แล้ว ได้เห็นรีวิวเสริมหน้าอกของคลินิกหนึ่ง 
เมย์ก็เลยเริ่มกลับมาหาข้อมมูลอีกครั้ง เพราะอายุ อานามตัวเองก็ปาเข้าไปจะ 30
ในอีกปีสองปีข้างหน้าแล้ว ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเกิน 30 ก็ไม่อยากทำแล้วอะ
เลย ฮึบ!!!   เอาวะ.... 555 ต้องจัดแล้วหนะปีนี้ 
พอกำลังใจมา ก็เริ่มเลยค่ะ หาข้อมูลเปรียบเทียบหลายๆที่
เมย์มีคุณหมอที่หามูลและ เลือกมาอยู่  3 คน
ก็ค่อยๆหารายละเอียด ดูรีวิว โทร ไลน์ไปสอบถามต่างๆ
อันนี้เวลาดูรีวิว ดูรายละเอียด เมย์แนะนำให้ดูประวัติของแพท์
ว่าเป็นแพท์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จริงหรือเปล่า สถานที่ คลินิก
มีความสะอาด ปลอดภัยไหม? รวมถึงรีวิวก็ควรดูแบบที่มีรีวิวระยะยาวด้วยก็ดีค่ะ
เพราะของแบบนี้ มันต้องอยูาในร่างกสยเราไปนาน ยังไงก็ต้องศึกษา
ต้องหารายละเอียดให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจเลือกนะคะ สุดท้ายก็มาจบที่ 
เสริมหน้าอกกับคุณหมอทรงยศ จันทจิตน์ ที่ Dream Clinic ค่ะ





วันเข้าพบปรึกษาคุณหมอ

จริงๆเมย์เป็นคน ชินกับเรื่องความสวยความงามแบบนี้มากๆนะ
แต่พอมาถึงคลินิกตอน 10:30 ตามเวลานัด
คือแบบ .. ใจมัน ตุบๆๆๆ 5555 วัดความดันมา ความดันสูงไปอิ้ก
ไหนบอกไม่ตื่นเต้นไง!!! ก็อย่างว่าแหละค่ะ เดี๋ยวจะต้องเปิดหน้าอกให้คุณหมอดู
ก็คงมีตื่นเต้นเป็นธรรมดาแหละเนอะ อิอิ 
พอเมย์มาถึงคลินิก ก็จะมีพนักงานมาสอบถามรายละเอียดเราค่ะ
ว่าอยากทำขนาดเท่าไหร่ มี หรือดูรุ่นไหนมาไหม
ด้วยความที่เมย์ศึกษารายละเอียดของที่นี่มาประมาณนึงแล้ว
ก่อนจะมาเสริมหน้าอกที่ Dream Clinic
ก็เลยรู้ว่า ด้วยขนาดและฐานหน้าอกของเราแล้ว
น่าจะเหมาะกับรุ่น Mentor รุ่น Ultra High
และก็อยากได้แบบ ใหญ่พอดีตัว แต่ไม่อยากได้ใหญ่ขนาดพริตตี้อะไรแบบนี้
เพราะส่วนตัวเราก็เป็นคนไม่ได้แต่งตัวอะไรสายนั้นอยู่แล้ว 
พอนั่งรอสักพักก็ถึงคิวพบคุณหมอ...... 
ก็จะมีพนักงานมาเรียกเราให้เข้าไปในห้องพบคุณหมอ
จากนั้นก็ให้เปลี่ยนชุด ถอดเสื้อผ้าช่วงบนออก และนั่งรอคุณหมอค่ะ
พอคุณหมอมาถึง ก็ถามอยากได้รุ่นไหนอะไร ยังไง เหมือนที่พนักงานเราก่อนเข้าห้องแหละ
หลังจากนั้นคุณหมอก็ให้เราถอดผ้าคลุมออก แล้วก็มาจับๆ วัดๆที่หน้าอก
คือเขิลมากกก.... 555 คุณหมอก็วัดแบบระเอียดมาก วัดแล้ววัดอีก
วัดจนเราจากที่เขิล จนหายเขิลอะ และคุณหมอก็บอกว่า กระดูกเราไม่เท่ากันเล็กน้อย
แต่ไม่มีปัญหากับการทำหน้าอกนะ เนื้อหน้าอกไม่เท่ากัน 2 ข้าง แต่แค่เล็กน้อย
คุณหมอก็อธิบายไป จนให้เราเลือกขนาด ตอนแรกก็ลองใส่อยู่ที่
320 กับ 350 ของ Mentor Ultra High จริงๆที่เราดูรีวิวมา
มีคนตัวขนาดเท่าเมย์เป๊ะ ส่วนสูง น้ำหนัก เท่ากันเลย หน้าอกก็แบนพอๆกันเลย
ละเค้าทำอยู่ที่ 320 แล้วมันออกมาโอเคมาก เราก็เลย คิดว่า 320 ก็น่าจะพอหน่า
แต่พี่คุณหมอก็แนะนำว่า จริงๆแล้ว เราจะไปวัดจากคนอื่นไม่ได้
ว่าออกมาแล้วจะได้เท่าไหน เพราะต่อให้หน้าอกดูแบนเท่ากัน แต่ขนาดของฐานต่างกัน
เวลาใส่ได้มาก ได้น้อย มันก็ขึ้นอยู่กับฐานด้วย ไม่ใช่แค่เนื้อหน้าอกอย่างเดียว
เพราะอย่างนั้น ฐานหน้าอกเมย์ข่อนข้างเล็ก ต่อให้มีเนื้อหน้าอกอยู่ ก็ใส่ได้ไม่เยอะ
ถึงใช้รุ่น Ultra High ถ้าอยากได้ใหญ่หน่อย ก็ต้องเลาะฐาน
คุยกันไปสักพัก คุณหมอก็บอกว่าเราทำได้ใหญ่สุดคือ 375
ใจเมย์ตอนแรกก็ อยากทำอยู่ที่ 350 นะ กลัว 375 ใหญ่ไป กลัวมันเกินตัวอะ
แต่พี่ๆพนักงานก็ช่วยแนะนำว่า ถ้าชอบที่ 350 ก็ใส่ไปเลย 375 
คือมันต่างกันนิดเดียวเอง ทำทั้งทีก็เอาใหญ่ไปเลย เพราะมันก็ไม่ใหญ่กว่า 350 มาก
ขนาดนี้น่าจะดูเซ็กซี่กว่า คือเมย์ลังเลหลายรอบมากกับขนาด 
แหม... ก็ผ่าตัดใหญ่ทั้งทีเนอะ ไอ้ใหญ่ก็อยากได้ใหญ่อยู่หรอก
แต่แค่กลัวมันใหญ่เกินไป กลัวคลำเจอขอบ กลัวดูโป๊ะไรงี้ บลาๆ 
แต่ด้วยเชื่อใจคุณหมอและพี่พนักงานที่แนะนำ
ก็เลยได้ข้อสรุปกันว่า เป็นขนาด 375 ของ Mentor Ultra High
มีการเลาะฐาน เพราะเมย์เลือกขนาดใหญ่กว่าฐานเดิม
เป็น Dual Plane ซิลิโคนวางใต้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนบน




ข้ออธิบายเพิ่มเติมเรื่อง ซิลิโคนรุ่น Mentor Ultra High

หลายๆคนอาจคุ้นหูกับ ซิลิโคน Mentor กันอยู่แล้ว
แต่รุ่น Ultra High นี้จะเป็นรุ่นพิเศษ ที่วัสดุออกแบบมาให้มีปริมาณมากขึ้น
กว่าซิลิโคนรุ่นธรรมดาถึง 150% โดยที่ความกว้างของฐานเท่าเดิม
เป็นทรงพุ่ง ทำให้หน้าอกดูชิด และไม่ล้นขอบจนเกินไป (ถ้าเลือกทำไม่เกินฐานเดิม)
ลดโอกาสการเป็นผังผืด เหมาะสำหรับสาวๆที่หน้าอกเล็ก ตัวเล็ก ฐานหน้าอกเล็กแบบเมย์
มันถูกสร้างมาเพื่อเราจริงๆ 555555


(ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต)







การวางซิลิโคน แบบ  DPM อยู่ระหว่างผิวหนังและใต้กล้ามเนื้อ


เป็นการวางแบบ ระหว่างผิวหนังและใต้กล้ามเนื้อ
ซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า หน้าอกไม่เป็นบล็อค ไม่เกินขอบข้าง
เป็นเทคนิคที่ดีที่สุด ที่แพทย์ให้การยอมรับในปัจจุบัน

ข้อดี : ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ  
เหมาะกับคนที่มีความหย่อนของหัวนมและเนื้อเต้านมในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

ข้อเสีย : เจ็บกว่า เพราะต้องมีการตัดกล้ามเนื้อ 
จึงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ




( ภาพประกอบ จากเว็บ Dream Clinic )






หลังจากได้ปรึกษากับคุณหมอและคุยเรื่องขนาด
เมย์ก็ตกลงที่จะทำการเสริมหน้าอกกับที่นี่ เพราะได้คุยกับคุณหมอแล้วเราว่าโอเค
คุณหมอเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเลเซอร์และศัลยกรรมตกแต่ง
โดยตรงจากสถาบันในไทยและเกาหลี และก็เป็นคุณหมอที่โด่งดังเรื่องเสริมหน้าอก  
ติด 1 ใน 5 ของหมอเสริมหน้าอกในไทยด้วย 
อีกทั้งคุณหมอดูใส่ใจรายละเอียดกับคนไข้มาก คือ หมออาจไม่ได้อธิอบายยืดยาวนะ
เพราะการเข้าพบทีนึงต้องทำเวลา เพราะคิวข่อนข้างเยอะ
แต่คุณหมอจะตอบตรงคำถาม อธิบายในส่วนที่เราต้องทำความเข้าใจ 
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวอื่นๆ พนักงานจะเป็นคนแจ้งให้เราทราบอีกที
หลังจากคุยเสร็จก็ มีการตรวจเลือด เพื่อดูผลเลือดก่อนผ่าตัดค่ะ
เมย์ได้จองคิวทำอีกทีคือ 1 เดือนหลังจากนั้น ช่วงสิ้นปีพอดี เพราะออฟฟิศหยุดปีใหม่
และอีกอย่างเมย์เป็นคนทานวิตามินและฉีดผิวมาต่อเนื่องหลายปี
ทำให้ต้องหยุดพวกวิตามินต่างๆ อย่างน้อย 1 เดือนก่อนทำอยู่แล้ว 
ต่อจากนั้นก็ ..... เตรียมตัว เตรียมใจ ทำร่างกายให้พร้อมค่ะ 





การเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก

1. งดพวกวิตามินต่างๆ อย่างน้อย 1 เดือน 
2. ออกกำลังกาย เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง เพราะวันผ่าตัด
เราต้องห้ามป่วยเด็ดขาด ถ้าป่วยก็ต้องเลื่อนไปก่อน จนกว่าจะหายดี
3. ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผัก ผลไม้เยอะๆ 
อันนี้เมย์เคยสอบถามเพื่อนที่เคยทำหน้าอกมา เห็นบอกว่าหลังผ่าตัดจะท้องผูกกัน
1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัดเมย์จะทานอาหารที่เน้นผัก ทุกมื้อ ทานผลไม้เยอะๆ
หลังผ่านี่คือ ถ่ายท้องดีมาก สบายตัว อิอิ
4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ (เมย์งดส้มตำด้วย 555
เพราะอาหารรสเค็มและรสจัด อาจทำให้แผลหายบวมช้า )
5. เตรียมอุปกร์ที่จะต้องใช้หลังผ่าตัดให้พร้อม เพื่อความสะดวกหลังผ่าตัด
เช่น Support Bra , เจลเย็นสำหรับประคบ , ยาต่างๆ เป็นต้น
6. ทำใจให้สบายค่ะ อย่ากังวล ทุกอย่างผ่านไปไวมากกกก แล้วเราจะมีน้องนมใหม่ที่สวยงามค่ะ
7. สำหรับคนที่กังวลว่าผิวจะแตกลาย ให้ทาพวก ครีมบำรุงผิวบริเวณหน้าอก ก่อนเสริมหน้าอก
อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น




วันผ่าตัด

และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง จริงๆเมย์มีนัดผ่าตัดวันที่ 26 ธันวา แต่ด้วยงานที่เสร็จไม่ทัน
ทำให้ต้องเลื่อนคิวเป็น 29 ธันวา งืออออ ...คือ เกือบไม่ได้คิวแล้ว
ต้องขอชมพนักงานที่นี่มากๆ อันนี้จริงๆ เพราะเราวึ่นวือกับทางคลินิกมาก
โทรบ่อยมาก ปรึกษาทุกอย่าง ทั้งทางโทรศัพท์และไลน์ แต่พนักงานก็ให้คำแนะนำ
และช่วยเหลือสุดๆ คือถ้าเป็นนี่ นี่เหวี่ยงไปแล้ว 5555
ด้วยเลื่อนคิวเป็น 29 แฟนก็ไม่ว่างมาดูแลเพราะติดงาน เมย์เลยได้น้องสาว
มาช่วยคอยรับคอยส่ง วันผ่าคุณหมอนัด บ่าย 2 โมง พนักงานบอกมา 2 โมงได้เลยค้า
เผื่อเวลาไว้ให้แล้ว ไม่ต้องมาก่อน ..... พอเกือบๆบ่าย 2 ที่คลินิก็โทรมา ตุ๊ดๆ
"คุณเมย์คะ ใกล้ถึงหรือยังค้า พอดีคุณหมอเสร็จคิวสองแล้วค่ะ ถ้าคุณเมย์มาแล้ว
จะได้ทำต่อเลยค้า" พ่างงงงงง!!!! โอ้ยยย อะไรจะไวปานนั้น 
ไม่ทันได้เตรียมใจ.....เพลงลอยมาเลย o_O!
เมย์มาถึงคลินิกตอน บ่าย 2 พอดีเป๊ะ พอมาถึงพี่ๆพนักงานก็ให้เรา วัดความดัน
และกรอกเอกสารก่อนการทำผ่าตัดค่ะ ตรงนี้ก็จะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัดของเรา
อาจหลายแผ่นหน่อยแต่อยากให้อ่านรายละเอียดให้เข้าใจกันนะคะ
อย่าแค่เซ็น ผ่านๆ .... เพราะทุกอย่างคือความสมัครใจของเราค่ะ
รายละเอียดจะเป็นพวก รุ่นซิลิโคน ขนาด วิธีการผ่าตัด และผลข้างเคียงต่างๆ
หลังการผ่าตัด ที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับกรณีผ่าตัดของเรา
พออ่านจบ เซ็นปุ๊ป... พนักงานก็เรียกเราขึ้นไปชั้นบนเลย 
น้องที่มาเฝ้าก็ให้ไปเดินเที่ยวแถวนี้ก่อน เพราะหน้าคลินิกมี MRT รัชดาเลยแก
เดินทางสะดวกไปอีก พอขึ้นมาชั้นบน พยาบาลก็ให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้า
และไปรอที่ห้องพัก เพื่อให้คุณหมอมาตรวจวัดหน้าอกโดยละเอียด
ก่อนเข้าผ่าตัดอีกที ...ตอนนั้นคือ ใจเต้น ตุ้บๆมาก คือมันไวมากกกกกก
ไหนบอกให้น้องมีเวลาเตรียมใจไง คือทุกอย่างไวมากจริงๆ เปลี่ยนชุดเสร็จ
เดินเข้าห้องพัก ไม่ถึง 5 นาที หมอก็มา ตรวจวัดหน้าอก บอกถึงโครงร่างเรานะ
ทำแล้วจะเป็นอย่างๆนี้ๆนะ และก็อธิบายอาการที่อาจเกิดหลังผ่าตัด 
พอเสร็จปุ๊ป ....ก็โดนเข้าห้องผ่าตัดเลย !!!!!!!
คือหรือมันเป็นเทคนิคของทางคลินิกเพื่อไม่ให้คนไข้ตื่นเต้น 
แบบ ทุกอย่างไว แบบไม่ทันได้ตื่นเต้นอะ พอเดินเข้าห้องผ่าตัดสีขาวๆ
และก็มี วิสัญญีแพทย์ รอเราอยู่ คือเมย์เลือกวิธีควบคุมการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์ 
ไม่ใช่การให้ยาสลบขณะทำที่ไม่ใช่ยาชา เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองอะคะ 
อาจจ่ายแพงกว่าการให้ยาสลบนิดนึง แต่เผื่อความสบายใจเนอะ
พอเดินไปขึ้นเตียงผ่าตัด มองไฟขาวด้านบน
ห้องเย็นมากกกก หนาว 555 แปปเดียว วิสัญญีแพทย์ก็พูดทักทาย 
สวัสดีค้า พี่ชื่อนี้ๆนะคะ (เป็นผู้ชายแต่ออกสาว ใจดีมาก) ชื่ออะไรค่ะ? ...เรา : เมย์ค่ะ
วิสัญญีแพทย์ : ค่ะน้องเมย์ เดี๋ยวกางแขนออกมานะคะ เดี๋ยวจะเย็นๆที่แขนเล็กน้อยน้า
และต่อสายน้ำเกลือเข้าที่แขน เราก็ ค่ะๆ แปปนึงก็รู้สึกเย็นตามเส้นเข้ามาเลย 
เท่านั้นแหละ ....... จำอะไรไม่ได้แล้ว หลับ z z Z Z
คือไวมากกกก เข้าห้องผ่าตัดได้ไม่ถึง 5 นาทีเลยมั้ง 555


ตื่นมาอีกทีคือ มีหน้าอกแล้ววว.... แม่หนูเป็นสาวแล้วววว 555
ตอนนั้นคือ ได้ยินเสียง ติ๊ด ติ๊ด ของเครื่องวัดชีพจร แล้วเราก็ค่อยๆลืมตาขึ้นลางๆ
เหมือนตัดมาจากในละครยังไงยังงั้น  พอเริ่มรู้สึกตัว พร้อมความเพียร 
แต่มือก็คลำไปที่หน้าอก ... ว้าวววว มีหน้าอกแล้ว แต่ผ้าพันไว้ อิอิ
ตอนนั้นไม่เจ็บเลยนะ ไม่เจ็บจริงๆ มันเพียรๆ และเจ็บคอมากกว่า
จำได้ว่าตอนตื่นพอกลืนน้ำลายนี่ เจ็บคอมาก แต่...ไม่กังวลค่ะ
เพราะก่อนเข้าผ่า เราให้น้องซื้อยาอม กับมะม่วงเปรี้ยวมาให้แล้ว
เพราะอ่านรีวิวมาแล้วจ้า มะม่วงเปรี้ยวก็เอาไว้กินเล่นๆ แก้เคลื่อนไส้ อาเจียร
ต่อๆ ... พอคลำหน้าอกเสร็จ ก็รู้สึกเหมือนมีสายอะไรอยู่ข้างตัว เอามือควานๆ
ก็เจอกับกระบอกพลาสติก คือในใจ รู้อยู่แล้วแหละว่าต้องเป็นกระบอกเดรนเลือดแน่นอน
แต่เพื่อความแน่ใจ .... เลยพูดกับพยาบาลที่เฝ้าเราอยู่ว่า นี่อะไรค่ะ (ด้วยเสียงห้วนๆ 
ไม่ได้อะไรนะ แต่หนูไม่มีแรงพูด คือมันอยากพูดนะ แต่เปล่งเสียงได้ไม่ครบอะ
พอเริ่มพูดเยอะ มันสะเทือนถึงหน้าอกและเริ่มเจ็บอะ )
พยาบาลพอได้ยินเราถาม ก็ตอบว่า : สายเดรนเลือดค่ะ !!! เท่านั้นแหละ 
ฮือออ จะร้องไห้ คือไม่อยากใส่สายเดรนอะ มันเกะกะ และต้องแบกไปตลอด
แต่ก็พอคิดไว้บ้างแล้ว ว่าต้องโดนใส่แน่ๆ เพราะเป็นคนฉ๊ดและทานวิตามินมาเยอะมาก
เลือดก็คงต้องออกมากอยู่แล้ว และการใส่สายเดรนเลือดเนี๊ย จะช่วยระบายเลือดได้ดีกว่า
และทำให้อาการบวมช้ำ หายไวกว่าให้ร่างกายขับเลือดเสียออกมาเองด้วย 

อย่างที่บอกค่ะ... ตื่นมาไม่เจ็บเลยจริงๆ พอนอนพักไปจนเกือบจะครบเวลาพักฟื้น 
ก็เริ่มอยากอาเจียร แต่มันอ้วกก็มาก็ไม่มีอะไร เพราะเรางดอาหารไปก่อนผ่าตัดอยู่แล้ว
ตอนจะอาเจียรนี่แหละพีคสุด คือมันอยากอาเจียรไง เลยจะลุก o_O!
พอลุกก็เอามือเท้าข้างเตียง เท่านั้นแหละ ความเจ็บปวดมาเลยยยย
มันเจ็บ แบบเจ็บ ไม่โกหกว่าไม่เจ็บ มันเจ็บจริงจริ้งงง
แต่ถ้าอยู่เฉยๆ มันก็ไม่เจ็บนะ จะเจ็บตอนเราขยับตัวแหละ ที่ปวดและเจ็บมาก
พอครบเวลา ต้องเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ก็มีพยาบาลมาคอยดูแลเรา 
ตอนนั้นเมย์เพียรมาก คือลุกแล้วเจ็บไปหมด มันสะเทือนไปหมด เวลาเดิน เวลาขยับ
น้ำตาจะไหลจริงๆ แต่ก็ผ่านมาได้ ..... พอลงมาถึงชั้นล่าง น้องสาวก็รออยู่แล้ว
พยาบาลก็จัดแจง ยา มาไว้ให้ และแจ้งให้มาถอดผ้าพันออกอีก 3 วันค่ะ










หลังการผ่าตัด

หลังการผ่าตัด ต้องบอกว่า เจ็บสุดๆ ก็แค่ วันสองวันแรกจริงๆ 
และอาการก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับค่ะ เจ็บมันก็เจ็บอะแหละ 
แต่ต้องอดทนเพื่อความสวยเนอะ 555
คืนแรกกลับมาบ้าน คือ พอแอนตัวนอน แบบเจ็บมาก
ตอนนั้นกลับมาคือหิว และต้องทานข้าว เพื่อจะได้กินยา 
นี่หิวมาก กินข้าวต้มจนเกลี้ยง และกินยานอน นอนไปได้สักพัก
ก็รู้สึกอยากอาเจียร คือต้องปลุกน้องมาช่วยพยุงตังขึ้น เจ็บก็เจ็บ แต่ต้องลุกอะ
คือเมย์แพ้ยาสลบหนักมาก อ้วกอยู่ 2 วันเลย อ้วกจนไม่กล้ากินยา 
เพราะกินละก็อ้วก .... พอวันที่ 2 อาการเจ็บคอเริ่มดีขึ้น เวลาพูดไม่เจ็บคอแล้ว
และก็ไม่เพียรแบบวันแรก ช่วงบ่ายๆ เริ่มอยากลุก อยากเดิน ก็พอเดินได้ช้าๆ
คือนอนนานๆมันก็เมื่อยอะ พูดถึงเมย์ฟื้นตัวง่ายอยู่นะ ถ้าไม่นับอาการแพ้ยาสลบ
นี่คือดีมาก ... บวกกับสายเดรนที่ต้องถือไว้ตลอด เลยรำคาญนิดๆ
วันที่ 3 ไปเอาผ้าพันหน้าอกออก ... จริงๆถ้าเรามีคนคอยดูแล ไม่ลุก นั่ง เดินบ่อย
เมย์ว่าก็จะไม่ค่อยเจ็บหน้าอกเท่าไหร่นะ วันที่ 2-3 นี่ดีขึ้นเยอะมาก
มาถึงคลินิกก็ดีใจได้ถอดผ้าออก และคิดว่าจะได้เห็นน้องนมครั้งแรก 
บวกกับเอาสายเดรนออกแล้ว เย้........
แต่.... พอคุณหมอเอาผ้าออกและบอกว่า ยังอยากให้ใส่สายเดรนต่อไปอีกนิด
เพราะเลือดยังออกไม่เยอะเลย ฮือออ หนูรำคาญ แต่ก็ต้องเชื่อฟังคุณหมอค่ะ
ไม่งั้นถ้าดื้อที่จะเอาออก ก็เอาออกได้ แต่ถ้าบวมขึ้นมา ก็ต้องมาเจาะเลือด เจาะน้ำเหลืองออก
เจ็บตัวซ้ำสองไปอีก เลยดื้อดีกว่า วันนี้เห็นน้องนมครั้งแรก แวปแรกก็ เอ้อ ไม่ใหญ่มากหนิ
เรามองแบบ ก้มหน้ามอง แต่พอกลับมาดูกระจกหน้าตรงที่บ้าน 
ป๊าดดดด........ ใหญ่มากกกกก สำหรับคนตัวเล็กแบบเรา
มันอาจจะยังบวมอยู่ด้วยแหละหน่า ของเมย์แทบไม่มีรอยช้ำเลย
ทุกอย่างโอเคมาก หลังจากนี้หมอก็แนะนำให้ ประคบเย็นบ่อบๆค่ะ 
และอย่าเพิ่งอาบน้ำจนกว่าจะตัดไหม ( สะอาดกันไป 555)










พอครบ 7 วันก็มาตัดไหมและเอาสายเดรนออกค่ะ
คุณหมอบอกหน้าอกสวยกำลังดี ไม่บวมมาก ถือว่าดีแล้ว
แต่ให้ประคบเย็นบ่อยๆและพันผ้าเพื่อไม่ให้ซิลิโคนดันสูงขึ้น ให้ใส่ไปอีก 1 เดือน 
และเพื่อให้หน้าอกสวย ได้รูปค่ะ หลังจากนั้น เราเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น
ประคบเย็นบ่อยๆ แต่ด้วยต้องออกไปทำงานทุกวัน เมย์เลยประคบเฉพาะตอนเช้ากับเย็น
และทานน้ำใบบัวบกบ่อยๆ










วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก

1. อันนี้ควรใช้ทั้งก่อนและหลังเสริมหน้าอก Bio Oil ใช้ทาบริเวณหน้าอก 
เพื่อไม่ให้ผิวแตกลายหรือคัน เมย์ให้ตัวนี้ทาต้นขาอยู่แล้ว
 เลยเอามาทาหน้าอกด้วยก่อนผ่าตัด 1 เดือน เพราะผิวเราต้องขยายตัวค่อนข้างมาก 
ก็กลัวผิวแตกลายและคัน จริงๆใช้พวก เบบี้ออย หรือครีมที่ให้ความชุ่มชื้นตัวอื่นได้ค่ะ
แต่เมย์มีตัวนี้อยู่พอดี ก็เลยใช้ตัวนี้ไปเลย
2. เจลประคบเย็น อันนี้ ซื้อเตรียมมาก่อนผ่าตัดเลยก็ดีค่ะ ประคบที่เนินหน้าอกบ่อยๆ
เพื่อลดบวม แต่เมย์แนะนำให้ลองหาซื้อแบบแผ่นเล็กมาประคบดูนะคะ
เพราะเมย์เอาแผ่นเล็กไว้ประคบข้างๆ เวลาใส่ Support Bra ใช้แผ่นเล็กเหน็บไว้ข้างเสื้อใน
สะดวกดีค่ะ เดินไปไหนมาไหนก็เหน็บไปได้ 555 ส่วนแผ่นใหญ่ก็ไว้ประคบเนินหน้าอกตอนนอนเอา
( เทคนิคเล็กน้อยนะคะ เมย์จะชอบเอาน้ำแข็งก้อน ใส่ถุง แล้วห่อผ้ามาประคบมากกว่า
เพราะมันเย็นนานกว่า และเย็นกว่าเจลเยอะ แต่อาจต้องคอยเช็ดไม่ให้น้ำแข็งละลาย
ไหลมาเปียกแผลแค่นั้น )
3. แคปซูลใบบัวบก หรือ น้ำใบบัวบกคั้นสด ให้ทานช่วง 1-2 อาทิตย์แรกก็พอค่ะ
ถ้าหาน้ำใบบัวบกคั้นสดไม่ได้ ก็ให้ซื้อแบบแคปซูลมาทานดู จะข่วยลดบวมได้อีกทาง
ส่วนตัวเมย์ชอบดื่มน้ำใบบัวบกแบบคั้นสดมากกว่า มันสดชื่นดี เย็นๆ ไม่ขมอย่างที่คิดค่ะ
4. ยาทาลดแผลเป็น อันนี้ทางคลินิกให้มา ใช้ทารอยแผลผ่าตัด ทุก เช้า-เย็น 
ตอนทาคุณหมอแนะนะให้นวดๆ คลึงๆที่แผลเบาๆ เพื่อไม่ให้แผลเป็นนูนค่ะ
5. แผ่นแปะลดรอยแผลเป็นนูน ตัวนี้ใช้แปะบริเวณแผลเป็นหลังจาก ทายาเสร็จ
มันจะมาเป็นแผ่นใหญ่ๆ ให้ตัดขนาดพอปิดแผลได้ตามรูปค่ะ 
แผ่นนึงใช้ได้ 3-5 ครั้ง จนกว่าจะหายเหนียว 
6. วิตามิน E อันนี้คุณหมอให้เริ่มทานตอนครบ 1 เดือน 
ให้ทานวันละ 800 มิลลิกรัม ถ้าเป็นแบบ 400 ก็ทานวันละ 2 เม็ด เวลาไหนก็ได้
7. งดพวกเครื่องดื่มแแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-2 เดือน
8. งดออกกำลังกายหนัก หรือยกของหนัก อย่างน้อย 1-2 เดือน
9. งดทานของแสลง อันนี้เป็นที่ถกเถียงกันหลายต่อหลายที่
ว่ากินได้กินไม่ได้ อันนี้เราก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้นะ แต่ส่วนตัวงดค่ะ
เพื่อความสบายใจ ส้มตำ ปลาร้าเจ้าโปรด อาหารทะเล ของหมักดอง 1 เดือน งดหมด








ตอนนี้ก็ครบ 2 เดือนแล้ว 
หลังจาก 1 เดือนที่เข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอก็สอนนวดหน้าอก
และให้ทานวิตามิน E นาน 6 เดือน และก็ให้ขยันนวดและทายาลดรอยแผลเป็นอย่างสม่ำเสมอ
แผลโดยรวม และน้องนมถือว่าโอเคเลยค่ะ แผลเล็กและสวยมากกกก กราบคุณหมอ :D
ส่วนหลังจากนี้เมย์ว่า แผลจะสวยไม่สวย ก็อยู่ที่เราดูแลตัวเองแล้วค่ะ
เพราะคุณหมอทำมาให้สวยแล้ว แผลเล็ก สวยแล้ว
จากนี้ก็ดูแลหน้าอก ไม่ให้บวมช้ำ หมั่นทายาอย่างสม่ำเสมอ
และทานยาตามที่คุณหมอสสั่ง  อย่างแผลของเมย์ จริงๆกลัวคล้ำมาก
เพราะปกติเวลาเป็นแผล ผิวเมย์คล้ำง่ายมาก และแรกๆ เวลาทายาก็มีจุดแข็งๆบริเวณแผล
พอช่วงหลังขยันทาและนวดเบาๆ บริเวณแผลตอนทา ก็ดีขึ้นนะ
จุดที่เคยจับแล้วแข็งก็เหมือนจะนิ่มลงค่ะ 
ส่วนเรื่องหน้าอก นิ่มไม่นิ่ม แรกๆคือแข็ง และตึงมาก
ตอนนี้ก็นิ่มขึ้นเยอะมาก มันจะค่อยๆนิ่มเอง และจะค่อยๆดูคล้อยเป็นธรรมชาติ
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลา และการขยันนวดของเราด้วย












อ่านมาจนถึงตอนนี้ คงอยากเห็นผลลัพธ์กันแล้วเนอะ 555
จริงๆก็ไม่ใช่คนถ่ายเซ็กซี่ออะไรอยู่แล้ว เลยไม่ขอลงรูป X มากเนอะ 5555
เอาเป็นว่า ทำออกมา สวย สมใจจริงค่ะ ขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่มาก 
แบบใหญ่พอดีตัว ถ้าวันไหนใส่รัดรูปคือแบบ ผู้ชายหันมองแหละค้า 
โดยรวมก็ จากอกไข่ดาว คัพ -A ตอนนี้ก็ ได้คัพ C ต้นๆ ใหญ่สมใจค่ะ
ต้องกราบบบบขอบคุณคุณหมอและพี่ๆพนักงานมากๆ
ไม่ผิดจริงๆที่เลือก คุณหมอทรงยศ Dream Clinic กราบบบ
วันนี้หนูโตเป็นสาวแล้ววว แม่ 5555








( รูปก่อนทำ อกไข่ดาวจริง ไม่ใช้สแตนอิน ไม่ใช้ตัวแสดงแทน เนินอะไร ไม่เคยมี )





( รูปปัจจุบัน แกกกก ดูเอาเองละกัน เนินมา หน้าอกมี มันดีอย่างนี้นี่เอง )






วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน หวังว่าข้อมูล และการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์
กับสาวๆหลายคนที่กำลังอยากจะเสริมหน้าอกนะคะ
ใครมีข้อสงสัยอะไรยังไงเพิ่มเติม ก็ถามมาได้เลย ยินดีตอบค้า 
วันนี้ขอบคุณมากๆที่อุส่าอ่านกันยืดยาวจนจบ ขอบคุณนะคะ :)





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 6 มีนาคม 2560 22:34:16 น.
Counter : 45929 Pageviews.

4 comments
  
แจ่ม
โดย: แวะมาดู IP: 203.156.120.194 วันที่: 3 ตุลาคม 2560 เวลา:15:01:09 น.
  
ปกติถ้าคนทำงาน ใช้เวลาพักฟื้นเร็วสุดกี่วันอะครับ
โดย: แวะมาถาม IP: 180.183.112.159 วันที่: 5 ตุลาคม 2560 เวลา:12:38:36 น.
  
สุดยอดครับ เเบบนี้ก็คล้ายๆกัน
www.goldclub168.com
โดย: goldclub168 IP: 188.165.201.164 วันที่: 7 ตุลาคม 2560 เวลา:16:49:26 น.
  
ตอบคุณ : แวะมาถาม

จริงๆ วันที่ 3 เมย์ก็ไปตัดไหม เดินห้างซื้อของได้แล้วนะคะ สบายมาก แค่อาจจะเดินช้ากว่าปกติหน่อยแค่นั้น แต่สภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกันอะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคนด้วย ระยะเวลาที่พอดี เมย์ว่าน่าจะมีไว้สัก 5-7 ในการพักฟื้นก็ดีค่ะ
โดย: maybedong วันที่: 8 พฤศจิกายน 2560 เวลา:16:01:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

maybedong
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



All Blog