|
Beijing : I love you # 2
ห่างหายจากตอนแรกไปนาน ทีแรกกะว่าจะเขียนทุกอาทิตย์ แต่ความขี้เกียจและเกิดรู้สึกทะแม่งๆบางอย่างกับตัวเอง เลยไม่อัพเดทมันซะเลย 55555
คราวที่แล้วจบตรงที่ว่ากำลังจะเดินทางใช่ม้า แต่ขอเกริ่นนิดนึงก่อนว่าทำไมเราถึงเลือก BLCU เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่กำลังหาข้อมูลแล้วก็พอดีว่ามีงานจัดนิทรรศการศึกษาต่อประเทศจีน (แหม ดวงมันจะไป ก็มีงานนี้มารองรับเลยเชียว) ก็เห็นที่บูธนี้แหล่ะ คนเยอะคึกคักสุดๆ ก็พอรู้จักมหาลัยนี้มาบ้างแล้ว แล้วยิ่งมาดูบูธ อืมม์ ไว้ใจได้แน่ เพราะว่าเป็นมหาลัยที่เชี่ยวชาญการสอนภาษาจีนให้กับนักศึกษาต่างชาติ แถมยังเป็นศูนย์กลางการสอบวัดระดับภาษาจีน HSK (Hanyu Shuiping Kaoshi) อีกด้วย เรายังมีถามอาจารย์ที่ดูแลบูธนี้ด้วยว่า ถ้าคนไม่เคยรู้ภาษาจีนมาก่อนไปเรียนที่นั่นเลยได้ไหมคะ เค้าสอนเป็นภาษาอังกฤษในขั้นเริ่มต้นหรือเปล่า อาจารย์ท่านนั้นก็ตอบมาว่า ไม่ต้องห่วงค่ะ เรียนได้เลย อาจารย์พูดอังกฤษได้ อ่ะฮ้า เสร็จเรา รอดแน่ ในใจคิดแบบนั้น ก็เลย เอาวะ เลือกที่นี่แหล่ะ แล้วเป็นเมืองหลวงด้วย คงจะเจริญพอใช้ได้น่า เราเองเป็นพวกวิตกจริตเอามากเหมือนกัน ยังไงก็ขอสบายหน่อยแล้วกันนะ รูปห้องนอน สถานที่ทั่วไปจากรูปถ่ายก็พอไหวนะ ก็ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่า ที่นี่(ก็ได้) ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่มันก็มี เกี่ยวกับเรื่องภาษานี่แหล่ะ ก็เอาไว้เล่าตอนต่อไปแล้วกัน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก แป๊ปๆก็ใกล้จะเดินทางแล้ว ที่ OCA เค้ามีปฐมนิเทศด้วยน้า กับนักศึกษาที่กำลังจะไปเรียนจีนทั้งหมดเลย เราก็เอาแม่ไปด้วย ไปฟังเพื่อความอุ่นใจ ก็แปลกๆดี อายุปูนนี้แล้ว ยังต้องพาแม่ไปด้วย แต่พอเข้าไป เออ ผู้ปกครองก็เยอะดี คิดว่า ทุกคนก็ห่วงลูกหลานอ่ะนะ ไปไกลหูไกลตา ก็ขอมาฟังเพื่อความอุ่นใจ มีข้อสงสัยก็ถามกันไปเลย
ทีนี้ก็มีปัญหากันเรื่องตั๋ว เนื่องจากว่านักเรียนไทยทุกคนขอ request เป็นสายการบินไทย แต่ช่วงเวลาที่เราจะไปไม่มีตั๋วการบินไทยเลย จะรอก็ไม่ได้ เพราะว่าใกล้เปิดเรียนแล้ว ก็เลยต้องเลือกเป็นสายการบิน Air China ของจีนแทน ก็หวั่นๆใจนิดนึง แต่ทำไงได้อ่ะ มันไม่มีแล้วจริงๆ Y_Y
วันเดินทางทั้งครอบครัวมาส่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ว่าเครื่องมันขึ้นตอนหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เค้าก็อยู่กันได้ถึง 4 ทุ่มก็กลับไป แปลกนะ บางคนร้องไห้ แต่เราไม่เลย ลั้นลา มาก เพื่อนสนิทก็มาส่ง ให้ดอกไม้ กับตุ๊กตามา ขอโทษทีเถอะ กระเป๋าเดินทางกับของใช้ที่ยัดลงไปน่ะ หลายกระเป๋าอยู่ ก็เลยเอาแต่ตุ๊กตาไป ดอกไม้ฝากที่บ้านกลับ แล้วก็มาเม้าท์ตัวเองนิดนึง ขนสมบัติบ้าอะไรไปก็ไม่รู้ เยอะมาก ขนาดสายการบินใจดีให้ตั้ง 40 โล ยังเกินนะนั่น บ้าดีแท้ แต่ว่าก็เดินทางครั้งแรกนี่นา ไปอยู่ก็ตั้งนาน อะไรที่คิดจะขนไปได้ก็ขนไปหมด อ้อ เรื่องเงิน เนื่องจากว่าพ่อแม่ไม่ค่อยไฮเทค จะให้โอนเงินเข้าแบงค์ที่โน่นก็น่าจะลำบากเอาการ ก็เลย ขนเป็นเงินสดๆไป อุแหม่ ตอนนั้นที่ติดตัวไปก็สองแสนได้มั้ง เยอะมาก วิตกจริตสารพัด เพื่อนบอกว่า แก เอาเงินติดตัวไปตลอดเวลาเลยนะ ใส่กระเป๋าสะพายแล้วคล้องตัวไว้เลย ห้ามเอาออกห่างจากตัวเด็ดขาด พาสสปอร์ตด้วย เคยมีคนทำเงินหายมาแล้วด้วย แค่นี้ ข้อยก็สติแตก มือจับกระเป๋าสะพายที่คล้องคอตลอดเวลา ไม่ให้ห่างจากตัว แต่ที่ไหนได้ ตอนที่ต้องเดินเข้า gate เค้าก็ให้เอากระเป๋าที่สะพายอยู่ มา x-ray อยู่ดี ตอนนั้นตาก็จ้องไปที่กระเป๋าตลอดเลย โผล่ออกมาก็คว้ามาคล้องคออย่างรวดเร็ว เหอๆๆๆๆ
เอาหล่ะ ก็มาถึงตอนขึ้นเครื่องแล้ว ตื่นเต้นๆๆๆๆ แล้วก็เห็นว่า อ้อ ในเครื่องบินมันเป็นเช่นนี้เอง จำไม่ได้ว่านั่งติดหน้าต่างหรือว่านั่งตรงกลาง ก็ได้เจอหน้าเพื่อนๆที่ต้องร่วมชะตากรรมในมหาลัยเดียวกันแล้ว ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณ สิบกว่าคนได้ บางกลุ่มเค้าก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนแล้ว ไอ้เราก็มาคนเดียว คุยกับเค้าก็ไม่ค่อยเก่ง ก็ได้แต่เงียบๆไปตลอดการเดินทาง สำหรับอาหารที่ได้กินบนเครื่องครั้งแรกเป็นอะไรรู้ไหมมม มันห่อมาในฟอล์ยอย่างดี เราก็เปิดมาด้วยความหวังว่าน่าจะเป็นพวกอาหารไทยอร่อยๆอ่ะนะ แต่ว่ามันคือ .....ข้าวต้มฮับ ข้าวต้มกับพวกผักดอง ima shock me เลย แบบว่า เฮ้ย จิงเหยอออเน่ แต่ก็กินเพราะว่า ไม่มีอะไรจะกิน 55555
ใช้เวลาอยู่บนเครื่องประมาณ 4-5 ชั่วโมงได้ หลับๆตื่นๆ มันไม่คุ้นนี่นา แต่แปลกนะ ไม่มีอาการปวดหูเลย มีก็แต่หูอื้อบางครั้งเท่านั้นเอง เอาหล่ะ ก็เตรียมตัวลงจากเครื่อง สัมภาระเยอะโคตรๆๆ หอบหิ้วพะรุงพะรังกันน่าดู พอถึงเวลาต้องไปเอากระเป๋าเดินทางใบเป้ง ปรากฎว่า ตอนแรก ยกผิดอัน แบบว่า เฮ้ย ใบนี้ของเราแน่ ลายนี้แหล่ะ ปรากฎว่า ยกออกมาดู ชิบ...มันไม่ใช่ของเรา แล้วของเราหล่ะ คนอื่นจะหยิบผิดเปล่า วิตกจริตสติแตกไปเลย รีบแบกกระเป๋าใบนั้นขึ้นรางไปเหมือนเดิม ซักพัก ใบของเราก็โผล่มา เฮ้อ รอดตัวไป
พอทุกคนในกลุ่มได้กระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกไปเพื่อที่จะเดินทางไปมหาลัย ตอนนั้นก็เอาเสื้อโค้ตเตรียมออกมาแล้วด้วย เค้าบอกว่าหนาว เราก็..มันจะหนาวซะขนาดไหนกันเชียว นี่มันฤดูใบไม้ผลิมะใช่เหรอ (ไม่ใช่ว่าไม่เช็คอุณหภูมินะ แต่นึกไม่ออกว่าอุณหภูมิแบบเลขตัวเดียวมันจะหนาวขนาดไหน ในความคิดเราตอนนั้น จากการ์ตูนที่อ่านมา ฤดูใบไม้ผลิ มันต้องอบอุ่นสิ ถึงจะถูก) ขึ้นรถบัสไปก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่นี่นา ใส่โค้ต มีผ้าพันคอ พอไหวอยู่นี่ (ชะล่าใจ)
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงมหาลัย แต่ก็ไปหอพักกันก่อน ก็แยกย้ายกันไป แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หอเดียวกันหมด เพราะว่าหอที่อยู่เป็นหอพักห้องคู่ที่ดีที่สุดในมหาลัย (บอกแล้วว่าเราขอความสบายเป็นหลัก 5555)
ตอนสองคงจะพอแค่นี้ก่อน ตอนต่อไปจะมาถึงตอนที่ลงทะเบียนอันแสนทุลักทุเล อากาศหนาวที่เคยปรามาสไว้ แล้วก็คลาสเรียนครั้งแรกกับอาจารย์ประจำชั้น ^^
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550 |
| |
|
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 12:43:30 น. |
| |
Counter : 316 Pageviews. |
| |
|
|
|
Beijing : I love you # 1
ถ้าถามว่าในชีวิตที่ผ่านมามีความสุขที่สุดช่วงไหน ก็มีอยู่ 3-4 ช่วงเวลานะ เช่น สอบเข้าม.ปลายโรงเรียนที่ต้องการได้ / entrance ติดคณะที่เลือกเป็นอันดับ 1 / รับปริญญาจากในหลวง แล้วก็ไปเรียนที่ปักกิ่ง!!!
ประเดิมบล็อคหัวข้อใหม่ด้วยเรื่องนี้แล้วกันนะ ^^
ทำไมต้องปักกิ่ง นั่นสิเนอะ เรื่องนี้ไม่ใช่อยู่ดีๆคิดเองว่าจะไปเลยนะ แต่เพราะว่าได้คุยกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัย ที่เค้าไปเรียนที่ปักกิ่ง (ปู่เสี้ยว) ก็เล่าๆๆๆว่าเป็นไงมั่ง ประกอบกับว่าช่วงนั้นเบื่องานที่ทำอยู่ พอคุยไปคุยมา เออ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ถึงกับแพงมาก แล้วช่วงนั้นภาษาจีนก็กำลังบูมได้ที่ทีเดียว พอหลังจากคุยกับเพื่อนเสร็จ ก็ลุยหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เรียน ค่าใช้จ่าย เจอเวบที่ดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ china2learn ก็ได้ข้อมูลมาเยอะเชียว แล้วก็ไปคุยกับธนาคารกรุงเทพ สุดท้ายก็ไปจบที่ OCA ซึ่งก็มีข้อมูลเรียนเยอะเชียวหล่ะ
เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว ก็บากหน้าไปคุยกับสปอนเซอร์ส่วนตัว(ป๊ากับม๊านั่นเอง) ซึ่งก็ใจดีม๊ากเลย ไม่ถามไรมาก แค่ถามว่า แน่ใจแล้วนะ พร้อมที่ไปจริงๆ แค่นั้นเอง ที่เหลือก็ผ่านโลด เหอๆๆๆ
เสร็จแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่จะสมัคร แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ช็อค อึ้ง ตะลึง และคิดว่า โปรแกรมนี้ ชั้นคงไม่ได้ไปแล้วแน่ๆก็คือ เหตุการณ์ 911
จำได้ว่าวันนั้นกลับไปถึงบ้าน เค้ากำลังดูทีวีข่าวเรื่องนี้กันอยู่ แล้วแค่ไม่กี่นาที ก็เจอภาพที่เครื่องบินลำที่ 2 ชนตึก WTC ช็อคค่ะ ช็อคมาก แบบว่า เฮ้ย นี่มันหนังหรือว่าเรื่องจริง หรือว่าเราฝันไป ก็อึ้งกันไปทั้งบ้าน เปิดเนตเช็คข่าวกันให้วุ่นวายเลยทีเดียว ตอนนั้นยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องไปเรียนเลย แต่พอวันรุ่งขึ้นระหว่างที่กำลังคุยกับเพื่อนที่ออฟฟิศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า "แล้วชั้นจะได้ไปเรียนปักกิ่งได้ไหมนะ อร๊ากกกก" วิตกจริตไปสารพัด แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงเวลาก็ไปปรึกษาพี่ที่เป็นหัวหน้างาน เค้าก็ใจดีมากเลย ให้คำแนะนำเยอะแยะมากมาก ซึ้งใจจริงๆ
ช่วงระหว่างนั้น ก็ตัดสินใจแล้วว่าเลือก OCA นี่แหล่ะ เป็น agency เตรียมจัดการเรื่องอื่นๆให้เรา เลือกมหาลัยได้แล้วว่าเป็น Beijing Language and Culture University (BLCU หรือ BeiYu) ก็เตรียมเอกสารไปเรื่อย พวก transcript ภาษาอังกฤษ ก็เลยต้องกลับไปที่มหาลัยขอเพิ่มเติม ทำ passport เรียนภาษาจีน รอเวลาที่จะออกเดินทางนอกประเทศครั้งแรก ตื่นเต้นไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว จะบอกว่า ไม่มีมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์บ้านและครอบครัวเลย(ใช้ไม่ได้เลยใช่ไหมหล่ะ Y_Y) มีแต่ความรู้สึกว่า "จะได้ไปใช้ชีวิตคนเดียว ได้เป็นอิสระ" คิดแค่นี้จริงๆ
ตอนต่อไปคงจะเป็นเรื่องการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับการเผชิญอากาศหนาวอุณหภูมิ 5 องศาเป็นครั้งแรก การลงทะเบียนและการเริ่มเรียนภาษาจีนใน class ครั้งแรกเนอะ
รูปข้างล่างเป็นประตูทิศใต้ที่เราใช้ประจำ เพราะว่าเป็นทางออกที่ใกล้หอที่เราพักมากที่สุก ไปซุปเปอร์มาร์เกต ออกไปนั่งรถเข้าเมือง และจิปาถะ อ้อ กดตังค์จาก ATM ด้วย เหอๆๆๆ

Create Date : 15 ตุลาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 15 ตุลาคม 2550 18:21:51 น. |
| |
Counter : 587 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
 |
maples |
|
 |
|
|