ความสุขของการเลี้ยงลูกออทิสติกและสมาธิสั้น
Smiley สวัสดีค่ะ หากมีโอกาสแวะมาที่บล็อกดิฉัน อ่านแล้วมีคำแนะนำอื่นๆก็เม้นท์ได้นะคะ

ดิฉันทำบล็อกนี้มาเพื่อเล่าเรื่องลูกชายของดิฉัน บางเนื้อหาอาจจะรุนแรง เพราะต้องบอกก่อนค่ะ ว่าดิฉันมีภาวะอารมณ์รุนแรงแทรกซ้อนระหว่างการเลี้ยงน้องเข้ามา และต้องเข้าพบจิตแพทย์ ระหว่างที่ดูแลน้องต้องต่อสู้กับโรคออทิสติกของน้อง และ โรคภาวะทางอารมณ์ของตนเองด้วย (ดิฉันคิดว่าคุณแม่หลายท่านอาจเคยมีค่ะ)

ขอเริ่มเล่าเรื่องเลยละกันค่ะ 

น้องพบอาการออทิสติกตอนอายุ 2 ขวบค่ะ น้องมีอาการไม่พูด และไม่สบตาค่ะ
เหม่อลอยบ้าง

คุณแม่และคุณพ่อพาน้องพบแพทย์มาตลอด ฝึกพฤติกรรม และ ฝึกพูด ทุกเดือน

-->>คุณแม่และคุณพ่อเริ่มมีภาวะการเงินฟืดเคือง จะทะเลาะกันบ่อย ส่งผลกระทบถึงน้อง และ ตีน้องเมื่อน้องไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ และนี่คือสิ่งที่เป็นตราบาปของครอบครัวเราโดยตลอด 

คุณแม่กังวลเกี่ยวกับอาการตนเองคือโกรธและตีลูกทั้งๆที่น้องไม่ได้ผิดร้ายแรงเลย น้องเพิ่ง 3 ขวบ คุณแม่เกรี้ยวกราดจนเหมือนคนบ้าจริงๆค่ะ เลยเข้าพบจิตแพทย์และปรึกษาอาการตนเอง และเป็นห่วงลูกมากเพราะเวลาอาการหลุด คุณแม่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้เลย (อาการไบโพลาร์) 

คุณแม่บอกอาการเกี่ยวกับคุณแม่ให้คุณหมอของลูกฟัง ซึ่งท่านไม่แปลกใจ คุณแม่ที่มีลูกออทิสติกหรือพิการหลายท่าน มีภาวะเครียด บางท่านทำร้ายลูกจนถึงเลือดตกยางออก เพราะความคาดหวังในตัวลูกมากไป (คุณแม่คนไหนไม่อยากให้เกิดแน่นอนค่ะ)

ขอนอกเรื่องแป่บ เพลง รักเกินรักมักทำลาย ตามชื่อเพลงเลย ฟังครั้งแรกรู้ไหมค่ะ น้ำตาไหลไม่หยุด คุณแม่ทำร้ายลูกที่ป่วยได้ยังไง โทษตัวเองจนไม่อยากมีสังคม ไม่อยากจะคุยกับพ่อแม่ตนเองด้วยซ้ำ
(จิตแพทย์ของคุณแม่บอกว่าคุณแม่ป่วย อย่าซ้ำเติมให้โรคมันทวีคูณ ให้คุณแม่หยุดคิดถึงอดีตและใช้วิธีบำบัดอาการและทานยาตามที่หมอสั่ง)

หลังจากที่บอกกับคุณหมอลูกถึงการเลี้ยงลูกที่ผิดพลาด คุณหมอได้ส่งน้อง Admit บำบัด น้องทันที ซึ่งคุณแม่ต้องอยู่ด้วยเพื่อเรียนรู้การปฏิบัติต่อเด็กออทิสติกอย่างถูกต้อง

การฝึกไม่ยากเลยค่ะ วิธีของคุุณหมอเรียบง่าย เหมือนการเลี้ยงเด็ก ซึ่งจิตใจผู้เป็นแม่ต้องสงบ และแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบ เราใช้เวลา 5ปีค่ะ

ปัจจุบันนี้ อาการป่วยของน้องดีขึ้นค่ะ พูดได้ อ่านได้ เขียนได้ วาดรูป ว่ายน้ำ เก่งสารพัดเลยค่ะ แต่บอกก่อนค่ะ โรคออทิสติกไม่ได้หายขาดนะคะ ตอนนี้น้องมีอาการสมาธิสั้นเข้ามาแทรก ซึ่งเกิดจากที่คุณแม่พาไปทำกิจกรรมหลายอย่าง และใช้ความเร็วมากไป ทำให้น้องเกิดการเรียนรู้ในการทำอะไรรวดเร็ว น้องเลยต้องฝึกสมาธิเพิ่ม โดยการใช้กิจกรรมอย่างเดียวในการฝึก และกิจกรรมนั้นต้องช้าค่ะ แต่คุณแม่มีความสุขกับปัจจุบันที่น้องโดดเด่นเรื่องของการอ่าน และความจำนะคะ และคุณแม่คุณพ่อก็ภูมิใจในตัวน้อง ถึงไม่เก่งเท่าเด็กปกติ แต่เราถอดความคาดหวังออกไป สิ่งที่น้องทำทุกอย่าง ผลงานของน้องทุกชิ้น เราจะพอใจ มองให้เป็นศิลปะในแบบของเค้า และชื่นชมเค้าตลอดค่ะ 

ส่วนอาการป่วยคุณแม่จะออกมาบ้างตอนคุณแม่ลืมทานยา ซึ่งดีขึ้นไม่มีอาการถี่เหมือนตอนไม่ได้ทานยา และผ่อนคลายความเครียดด้วยกิจกรรมที่คุณหมอแนะนำค่ะ

(รูปข้างบนน้อง วาดเสร็จแล้วบอกคุณแม่ว่า วาดประเทศอเมริกา ค่ะ)Smiley

ความสุขที่ท่านอื่นอาจมองว่าเล็กน้อย แต่สำหรับคุณแม่มันยิ่งใหญ่ค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ หรือ เม้นท์แนะนำค่ะ



Create Date : 01 กรกฎาคม 2558
Last Update : 1 กรกฎาคม 2558 21:15:35 น.
Counter : 698 Pageviews.

2 comments
  
เป็นกำลังใจค่ะ สู้ๆ
โดย: atuka IP: 171.5.218.85 วันที่: 4 กรกฎาคม 2558 เวลา:6:45:55 น.
  
@atuka

ขอบคุณมากค่ะ
โดย: mamy2baby IP: 124.120.100.166 วันที่: 4 กรกฎาคม 2558 เวลา:22:28:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2441699
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]