|
ประชาธิปไตยของใคร
มีชีวิตผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายแต่คงไม่มีปีใดทีฉันจะสลดใจเท่าปีนี้ การเรียกร้องทางการเมืองจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอ้างสิทธิ์แห่งประชาชนชารากหญ้า อ้างชนชั้นเจ้าขุนมูลนายมาเป็นข้องเรียกร้อง มากมายผ่านเข้ามาหากแต่ถ้าผ่านด้วยใจของคนนอกที่มองออกไป คนกลุ่มนี้ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ความเสมอภาคในสังคม ในความซ่อนเร้นแอบแฝงคนกลุ่มนี้ทำเพือใครและผลประโยชน์ของใคร
กลุ่มคนที่เค้าเรียกว่ารากหญ้าได้รับรู้หรือไม่ว่าคนที่คนไปเรียกร้องให้เค้าน่ะ เค้าร่ำรวยมหาศาลขนาดไหน เค้าเคยหรือไม่ว่า เกิดเหตุการณ์ร้ายครั้งใดเค้าได้ช่วยเหลือหรือบริจาคเงินทองส่วนตัวให้พี่น้องประชาชนหรือไม่
ฉันเห็นว่าไม่ว่าครั้งใดเงินส่วนพระองค์ของในหลวงมักจะต้องโอนถ่ายออกมาเพือช่วยเหลือผู้ประสบทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ แล้วคนพวกนี้จะได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ่ท่านกันหรือไม่ หรือยังคงความภักดีให้กับคนที่เข้ามาแล่เนื้อเถือหนังประเทศไทยทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองจนร่ำรวยมหาศาล เรื่องราวมากมายที่คนกลุ่มนี้กระทำ มันทำให้ฉันคิดไปได้ว่าฤา ข้าวของประเทศไทยมันจะไม่มียาง
คนที่ไม่มองความทุข์ยากเดือดร้อนของใครนอกจากพวกพ้องของตัวเอง คนพวกนี้หรือที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยที่อยากได้กันนักหนานี่ มันคือประชาธิปไตยบนพื้นฐานการกำหนดของพวกเขาเหล่านี้ใช่หรือไม่ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อคนไทยทั้งชาติ หากแต่เป็นประชาธิปไตยเพื่อคนใดคนหนืงหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
เขียนในวันที่ไม่อยากจะอดทนกับคนกลุ่มนี้อีกแล้ว
Create Date : 02 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 11:29:06 น. |
Counter : 515 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แบกเป้ท่องยูนนาน
ด้วยเป็นคนชอบเที่ยว วันหยุดมาถึงครั้งใดหัวใจให้เต้นพล่าน จะไปไหนดี ๆ ร่ำร้องกับตัวเอง ร้อนรนในการจะหาที่ไป อาการแสดงชนิดที่เรียกได้ว่า..ลงแดง...
บางครั้งก็ไปใกล้ ๆ ขึ้นเขาลงห้วยไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็แกร่งกล้าไปเสียไกลเชียว ไอ้ไกลน่ะมันก็ประเทศเพื่อนบ้านของเราน่ะแหละตามแต่งบในกระเป๋าของฉันจะอำนวย
สด ๆ ร้อน ๆ เมษาฮาวายปีนี้ ฉันอหังการถึงขนาดจะแบกเป้ไปจีนเชียวละ สิ่งที่จุดประกายในใจฉันก็คือ หนังสือจากเชียงรุ้งถึงฮอยยอัน ที่ไปติดมือมาจากงานหนังสือปีก่อนโน้น อ่านแล้วก็หมายมั่นปั้นมือว่า แล้วฉันจะก้าวตามรอยเท้านั้นไป ทั้ง ๆ ที่เวลาและเงินไม่ได้อำนวยให้สักเท่าใด แต่อย่างว่าแหละ ก็หัวใจมันอยู่ที่ปลายเท้านี่ ชีพจรมันก็อยากจะออกเดินทางอยู่ร่ำไป
หาเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายรวมกันแล้วได้ 4 คน ทุกคนไม่มีใครรู้ภาษาจีนเลย อังกฤษเอางูกับปลามารวมกันก็พอจะกระเดือก ๆ ไปได้
เราเริ่มเดินทางกัน วันเสาร์ที่ 8 เมษา 49 จองจั๋วรถป.1 ของบขส. เที่ยว 19.30 น.ไว้ แต่อนิจจารถ 20.30 มันมาแล้วนะ แต่รถเราไปไหนหว่า รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ มันก็ไม่มาถามกี่ที่กี่ที มันก็บอกว่ารถติดอยู่ปั๊มน้ำมัน อย่ากระนั้นเลยต้องใช้กำลังภายในกันหน่อยแล้ว อารมณ์วีนเริ่มถามหา เราก็จัดการตั้งแต่คนปล่อยรถชานชาลา ไปจนถึง คนปล่อยรถในห้องคิวรถ ได้ขึ้นรถตอน 21.30 น. ช้าไป 2 ชม. แล้วมันจะทันรถไปหลวงน้ำทาไหมเนี่ย
ปรากฎว่าเราน่าจะได้รถ ป.2 มาแทนรถ ป.1 เพราะที่นั่งแสนจะคับแคบแถมข้างรถดันเขียน มข.2 อีกซึ่งแปลว่า เป็น ป.2 ชัวร์ ถึงตอนนี้ไม่อยากจะโวยอะไรอีกแล้ว ไปให้ถึงก็พอ
9 เม.ย 49 ในที่สุดเราก็มาถึงเชียงของ 9.30 น.กว่า รีบเรียกนั้งรถตุ๊ก ๆ ไปท่าเรือที่ด่านข้ามไปลาวฝั่งห้วยทรายค่ารถคนละ 20 บาท คนขับรถนึกว่าเราจะไปหลวงพระบางหวังดีจอดให้ซื้อตั๋วเรือกับเอเย่นต์อีก พอเราบอกจะไปหลวงน้ำทาเท่านั้นแหละเธอก็บอกว่า รถไปหลวงน้ำทาวันนี้หมดแล้ว มีหรือแค่นี้จะหยุดเราไว้ฝั่งนี้ได้ เป็นตายยังไงวันนี้ต้องข้ามไปดูให้รู้แน่ ทำเรื่องข้ามด่านถือโอกาสล้างหน้าล้างตาที่ด่านซะเลย เสร็จแล้วข้ามเรือไปฝั่งห้วยทรายคนละ 20 บาทถึงฝั่งลาวใน 10 นาทีทำเรื่องผ่านแดนเสร็จเสียค่าล่วงเวลาไปคนละ 5000 กีบ เสร็จแล้วรีบตะลีตะลานออกมาเจอตุ๊ก ๆ ดักรอผู้โดยสารถามหารถไปหลวงน้ำทา ยังมีเที่ยว 11 โมงแต่ต้องนั่งกะป้อไปท่ารถคนละ 50 บาท 2-3 กิโลเองมั้ง แต่จำยอมไปให้ทันรถแล้วกันเหลืออีก 10 นาทีได้ ถนนเป็นลูกรังแดง ๆ รถก็แสนจะเชื่องช้า 20 กม.ต่อช.ม.ได้มั้ง แถมเจอเด็กเล่นสงกรานต์กันแต่หัววัน สาดน้ำมาเป็นกระป๋องเปียกซ่กันไปถ้วนหน้า เออ...หมายมาดไว้ในใจถ้าฉันไปไม่ทันรถละก็จะกลับมาคิดบัญชีให้ดู (เด็ก ๆ ยังไม่เว้นคิดดู) ในที่สุดมาถึงเห็นรถบัสจอดกำลังขนของขึ้นหลังคารีบรี่ไปส่งเป้ให้เค้าเลย เค้าบอกให้ไปซื้อตั๋วก่อน 60000 กีบแต่ไม่มีที่นั่งกำกับหรอกนะ แล้วแต่ใครดีใครได้ แต่ยังโชคดีฉันได้นั่งเบาะหลังกัน 4 คนรวมกับชาวบ้านที่จะไปหลวงพระบางอีก 2 คน รถออกเมื่อเที่ยงตรงแล้วก็ซึ้งถึงเส้นทางห้วยทราย-หลวงน้ำทา เป็นลูกรังแดงทั้งถนน วิ่งมาได้สัก 10 กม.รถก็เสียต้องจอดรอให้คนที่หมู่บ้านเอาอะไหล่มาให้เสียเวลาไปชั่วโมงกว่า แล้วเราก็ไปต่อ โชคดีที่พอมีผลเตรียมมาบ้างกับน้ำก่อนขึ้นรถเพราะทางวิ่งผ่านป่าเขาไปตลอด ไปแวะกินข้าวกลางทางก็เกือบเย็นแล้ว หลวงน้ำทายังห่างไกลนัก แต่สภาพฉันตอนนี้เสื้อผ้าหัวหู ทุกอย่างเป็นสีแดงของฝุ่นไปหมดแล้ว ถึงหลวงน้ำทาเอา 20.30 น. สั่งข้าวผัดกินร้านที่ยังเปดอยู่พร้อมสอบถาม
Create Date : 26 กรกฎาคม 2549 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2549 10:46:18 น. |
Counter : 364 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|