Group Blog |
พัฒนาการเด็กสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อหลายเดือนก่อนคลอดได้ไปเข้าคอร์สอบรมการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกมาซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาทเลย (แถมอบรมวันธรรมดา) แต่ก็ได้ความรู้ที่มีประโยชน์มากๆกลับมา เลยอยากแบ่งปันความรู้ที่ได้มาให้ว่าที่คุณแม่ท่านอื่นๆที่ไม่มีโอกาสได้ไปค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันนะคะ ^^ พัฒนาการของเด็กสามารถสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์นะคะ ไม่จำเป็นต้องรอให้น้องคลอดออกมาก่อน ซึ่งเด็กที่ได้รับการเสริมสร้างพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในท้อง จะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมภายนอกท้องแม่ได้อย่างรวดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้เสริมพัฒนาการ ซึ่งเด็กเหล่านี้จะเลี้ยงง่าย ไม่ร้องไห้โยเยค่ะ วิธีการสร้างพัฒนาการส่วนที่สำคัญ จะเริ่มตั้งแต่เดือนที่ 5 เดือนที่ 5 ให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ บางคนอาจมีอุปกรณ์ขยายเสียงในการพูดกับลูก เพราะกว่าเสียงจะผ่านผนังหน้าท้องและผนังไขมันของคุณแม่เข้าไป ระดับของเสียงก็จะลดลงค่ะ แต่ในเดือนที่ 5 นี้ อวัยวะทางด้านการฟังอาจจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็สามารถพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยได้ก่อนค่ะ ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก เดือนที่ 6 ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก ยังให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกน้อยเหมือนเดิมนะคะ แต่ในเดือนที่ 6 นี้ อวัยวะในการได้ยินพัฒนาสมบูรณ์แล้วนะคะ จึงขอเพิ่มข้อถัดไป เปิดเพลงให้ลูกฟัง เพลงที่ว่าขอให้เป็นเพลงเบาๆสบายๆนะคะ บางคนจะบอกว่าเปิดโมสาทให้ลูกฟังจะฉลาด จากที่อาจารย์หมอแนะนำมา ท่านบอกว่าเพลงของโมสาทก็ยังซับซ้อนไปค่ะ เนื่องจากมีเครื่องดนตรีหลายชิ้น การสื่อประสาทในสมองของเด็กในช่วงนี้ ไม่ต้องการความซับซ้อนค่ะ ขอเป็นเพลงช้าๆเบาๆ เหมือนเพลงใน music box จะดีกว่าค่ะ หรือ เชิร์ทในยูทูป พวกเพลงกล่อมเด็กที่มีแต่เครื่องดนตรี เบาๆช้าๆน่ะค่ะ เดือนที่ 7 ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกเหมือนเดิม เพื่อให้เค้าจำเสียงของพ่อกับแม่ได้ เวลาเค้าออกมาจากท้องเวลาเค้าได้ยินเสียงเรา เค้าจะรู้สึกคุ้นเคยและไม่ผวาค่ะ เปิดเพลงให้ลูกฟังเหมือนเดิม การนั่งเก้าอี้โยก (โยกหน้า-หลัง) หรือ ถ้าไม่มี ก็เก้าอี้ทำงานที่ออฟฟิคเนี่ยแหละค่ะ ที่หมุน 360 องศา ให้เอาเท้าวางที่พื้น แล้วหมุนตัวท่อนบนจากซ้ายไปขวา แล้วหมุนกลับจากขวาไปซ้าย (ประมาณ 140-160 องศา) โดยให้เท้ายังแตะพื้นนะคะ เด๋วจะหงายหลังเอา วิธีนี้เพื่อฝึกการทรงตัวของลูกค่ะ เมื่อออกมาแล้ว เค้าจะคอแข็งไวขึ้น ใช้น้ำเย็น โดยเอาน้ำแข็งใส่ขวดน้ำพลาสติก (ขนาดขวดไม่ควรเกิน 500 ml) แล้วเอาส่วนก้นของขวด (พื้นที่สัมผัสจะไม่ใหญ่มากค่ะ) มาแตะที่ท้อง บริเวณที่เค้าอยู่ แตะแล้วยกขวดขึ้นนะคะ ไม่ใช่แช่ทิ้งไว้เป็นนาที ลูกช๊อคพอดี 555 แรกๆเค้าจะดิ้นหนีค่ะ แต่พอทำไปหลายๆครั้งเค้าจะชินกับความเย็นและไม่ดิ้นหนี ทำวันล่ะไม่เกิน 5 นาทีก็พอค่ะ วิธีนี้เพื่อฝึกให้เค้าปรับตัวกับสภาพอากาศได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อออกมาจากท้องแม่ อุณหภูมิด้านนอกท้องแม่จะเย็นกว่าในท้อง เด็กๆจะหนาวและร้องโยเยค่ะ ตบหน้าท้องเมื่อลูกดิ้น ตบหน้าท้องเบาๆตอนที่เค้าดิ้น เช่น พอเค้าดิ้น 1 ที ก็ตบกลับ 1 ที พอเค้าดิ้น 2 ทีก็ตอบกลับ 2 ที พอทำบ่อยๆ วันหลังเราลองตบท้องก่อน เค้าจะดิ้นกลับมาค่ะ วิธีนี้เป็นการเล่นกับลูกค่ะ ฉีดน้ำที่ท้อง ตอนที่คุณแม่อาบน้ำ ให้เอาสายฝักบัวฉีดน้ำไปที่ท้องค่ะ พร้อมบอกเค้าว่ากำลังอาบน้ำ วิธีนี้จะทำให้น้องคุ้นเคยกับเสียงน้ำ เมื่อเค้าออกมาแล้ว จะคุ้นเคยกับเสียงน้ำ และจะไม่กลัวการอาบน้ำค่ะ เดือนที่ 8-9 (2 เดือนนี้ ทำเหมือนกันค่ะ) ลูบหน้าท้อง คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับน้อง สำหรับคุณพ่อที่ไม่ได้อยู่กับคุณแม่ประจำหรือทุกวัน แนะนำให้คุณพ่ออัดเสียง แล้วส่งให้คุณแม่เปิดให้น้องฟัง น้องจะได้จำเสียงคุณพ่อได้นะคะ เปิดเพลงให้ฟัง นั่งเก้าอี้โยก ใช้น้ำเย็น ตบหน้าท้อง ฉีดน้ำที่ท้อง เพิ่มการส่องไฟฉายที่หน้าท้อง ไฟฉายขอเป็นดวงเล็กๆก็พอนะคะ แสงไม่ต้องจ้ามาก ไม่ต้องถึงขนาด spotlight นะคะ 555 ของเราใช้แสงจากมือถือ แต่รู้สึกมันจ้ามากไปหน่อย เลยเอากระดาษมาปิดอีกทีก่อนส่องที่ท้อง แสงที่เข้าไปในท้อง เมื่อผ่านผนังหน้าท้องเข้าไป น้องจะเห็นเป็นแสงสีส้มนะคะ ไม่ได้จ้ามาก ไม่ต้องกังวลค่ะ เริ่มจากการปิดไฟให้มืด แล้วส่องไฟฉาย โดยเลื่อนไฟฉายจากซ้ายไปขวา และ ขวามาซ้าย แบบช้าๆนะคะ และอีกวิธีคือ การกระพริบไฟค่ะ ก็กระพริบไฟ (เปิด-ปิด) โดยทำช้าๆจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายค่ะ วิธีนี้เป็นการฝึกการใช้สายตาค่ะ เมื่ออกมาแล้วเค้าจะลืมตาได้เร็วขึ้นค่ะ วิธีการที่แนะนำไปแนะนำให้ทำตอนน้องตื่น คือเมื่อเค้าดิ้นอยู่นะคะ ถ้าเราทำแล้วเค้าเงียบ เค้าอาจจะหลับอยู่ก็ปล่อยให้เค้าหลับไปนะคะไม่ต้องไปปลุก เพราะตอนน้องตื่นจะสนุกกับการเรียนรู้มากกว่า จึงมีประโยชน์มากกว่าค่ะ และจากทุกข้อที่กล่าวมาให้ทำรวมๆกัน วันล่ะ 1 ครั้งพอนะคะ และเมื่อรวมทุกวิธีครบแล้วใช้เวลารวมประมาณ 15 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนน้องเกินไป จบแล้วค่ะ ที่จำได้และสรุปมาก็มีเพียงเท่านี้ วันหลังเจออะไรดีๆจะมาแบ่งปันกันอีกนะคะ |
สมาชิกหมายเลข 3706495
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |