มีนาคม 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
พัฒนาการเด็กสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์


เมื่อหลายเดือนก่อนคลอดได้ไปเข้าคอร์สอบรมการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกมาซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาทเลย (แถมอบรมวันธรรมดา) แต่ก็ได้ความรู้ที่มีประโยชน์มากๆกลับมา เลยอยากแบ่งปันความรู้ที่ได้มาให้ว่าที่คุณแม่ท่านอื่นๆที่ไม่มีโอกาสได้ไปค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันนะคะ ^^


พัฒนาการของเด็กสามารถสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์นะคะ ไม่จำเป็นต้องรอให้น้องคลอดออกมาก่อน ซึ่งเด็กที่ได้รับการเสริมสร้างพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในท้อง จะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมภายนอกท้องแม่ได้อย่างรวดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้เสริมพัฒนาการ  ซึ่งเด็กเหล่านี้จะเลี้ยงง่าย ไม่ร้องไห้โยเยค่ะ

วิธีการสร้างพัฒนาการส่วนที่สำคัญ จะเริ่มตั้งแต่เดือนที่ 5

เดือนที่ 5
•    ให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ บางคนอาจมีอุปกรณ์ขยายเสียงในการพูดกับลูก เพราะกว่าเสียงจะผ่านผนังหน้าท้องและผนังไขมันของคุณแม่เข้าไป ระดับของเสียงก็จะลดลงค่ะ  แต่ในเดือนที่ 5 นี้ อวัยวะทางด้านการฟังอาจจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็สามารถพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยได้ก่อนค่ะ
•    ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก

เดือนที่ 6
•    ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก
•    ยังให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกน้อยเหมือนเดิมนะคะ แต่ในเดือนที่ 6 นี้ อวัยวะในการได้ยินพัฒนาสมบูรณ์แล้วนะคะ จึงขอเพิ่มข้อถัดไป
•    เปิดเพลงให้ลูกฟัง เพลงที่ว่าขอให้เป็นเพลงเบาๆสบายๆนะคะ  บางคนจะบอกว่าเปิดโมสาทให้ลูกฟังจะฉลาด จากที่อาจารย์หมอแนะนำมา ท่านบอกว่าเพลงของโมสาทก็ยังซับซ้อนไปค่ะ เนื่องจากมีเครื่องดนตรีหลายชิ้น การสื่อประสาทในสมองของเด็กในช่วงนี้ ไม่ต้องการความซับซ้อนค่ะ ขอเป็นเพลงช้าๆเบาๆ เหมือนเพลงใน music box จะดีกว่าค่ะ หรือ เชิร์ทในยูทูป พวกเพลงกล่อมเด็กที่มีแต่เครื่องดนตรี เบาๆช้าๆน่ะค่ะ

เดือนที่ 7
•    ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการสื่อสารความรักระหว่างแม่กับลูก
•    คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกเหมือนเดิม เพื่อให้เค้าจำเสียงของพ่อกับแม่ได้  เวลาเค้าออกมาจากท้องเวลาเค้าได้ยินเสียงเรา เค้าจะรู้สึกคุ้นเคยและไม่ผวาค่ะ
•    เปิดเพลงให้ลูกฟังเหมือนเดิม
•    การนั่งเก้าอี้โยก (โยกหน้า-หลัง) หรือ ถ้าไม่มี ก็เก้าอี้ทำงานที่ออฟฟิคเนี่ยแหละค่ะ ที่หมุน 360 องศา  ให้เอาเท้าวางที่พื้น แล้วหมุนตัวท่อนบนจากซ้ายไปขวา  แล้วหมุนกลับจากขวาไปซ้าย (ประมาณ 140-160 องศา) โดยให้เท้ายังแตะพื้นนะคะ เด๋วจะหงายหลังเอา วิธีนี้เพื่อฝึกการทรงตัวของลูกค่ะ เมื่อออกมาแล้ว เค้าจะคอแข็งไวขึ้น
•    ใช้น้ำเย็น โดยเอาน้ำแข็งใส่ขวดน้ำพลาสติก (ขนาดขวดไม่ควรเกิน 500 ml) แล้วเอาส่วนก้นของขวด (พื้นที่สัมผัสจะไม่ใหญ่มากค่ะ) มาแตะที่ท้อง บริเวณที่เค้าอยู่ แตะแล้วยกขวดขึ้นนะคะ ไม่ใช่แช่ทิ้งไว้เป็นนาที ลูกช๊อคพอดี 555 แรกๆเค้าจะดิ้นหนีค่ะ  แต่พอทำไปหลายๆครั้งเค้าจะชินกับความเย็นและไม่ดิ้นหนี  ทำวันล่ะไม่เกิน 5 นาทีก็พอค่ะ  วิธีนี้เพื่อฝึกให้เค้าปรับตัวกับสภาพอากาศได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อออกมาจากท้องแม่  อุณหภูมิด้านนอกท้องแม่จะเย็นกว่าในท้อง  เด็กๆจะหนาวและร้องโยเยค่ะ
•    ตบหน้าท้องเมื่อลูกดิ้น ตบหน้าท้องเบาๆตอนที่เค้าดิ้น เช่น พอเค้าดิ้น 1 ที ก็ตบกลับ 1 ที  พอเค้าดิ้น 2 ทีก็ตอบกลับ 2 ที  พอทำบ่อยๆ วันหลังเราลองตบท้องก่อน เค้าจะดิ้นกลับมาค่ะ  วิธีนี้เป็นการเล่นกับลูกค่ะ
•    ฉีดน้ำที่ท้อง ตอนที่คุณแม่อาบน้ำ ให้เอาสายฝักบัวฉีดน้ำไปที่ท้องค่ะ พร้อมบอกเค้าว่ากำลังอาบน้ำ วิธีนี้จะทำให้น้องคุ้นเคยกับเสียงน้ำ เมื่อเค้าออกมาแล้ว จะคุ้นเคยกับเสียงน้ำ และจะไม่กลัวการอาบน้ำค่ะ

เดือนที่ 8-9 (2 เดือนนี้ ทำเหมือนกันค่ะ)
•    ลูบหน้าท้อง
•    คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับน้อง  สำหรับคุณพ่อที่ไม่ได้อยู่กับคุณแม่ประจำหรือทุกวัน แนะนำให้คุณพ่ออัดเสียง แล้วส่งให้คุณแม่เปิดให้น้องฟัง  น้องจะได้จำเสียงคุณพ่อได้นะคะ
•    เปิดเพลงให้ฟัง
•    นั่งเก้าอี้โยก
•    ใช้น้ำเย็น
•    ตบหน้าท้อง
•    ฉีดน้ำที่ท้อง
•    เพิ่มการส่องไฟฉายที่หน้าท้อง  ไฟฉายขอเป็นดวงเล็กๆก็พอนะคะ แสงไม่ต้องจ้ามาก ไม่ต้องถึงขนาด spotlight นะคะ 555 ของเราใช้แสงจากมือถือ แต่รู้สึกมันจ้ามากไปหน่อย เลยเอากระดาษมาปิดอีกทีก่อนส่องที่ท้อง  แสงที่เข้าไปในท้อง เมื่อผ่านผนังหน้าท้องเข้าไป น้องจะเห็นเป็นแสงสีส้มนะคะ ไม่ได้จ้ามาก ไม่ต้องกังวลค่ะ  เริ่มจากการปิดไฟให้มืด แล้วส่องไฟฉาย โดยเลื่อนไฟฉายจากซ้ายไปขวา และ ขวามาซ้าย แบบช้าๆนะคะ  และอีกวิธีคือ การกระพริบไฟค่ะ  ก็กระพริบไฟ (เปิด-ปิด) โดยทำช้าๆจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายค่ะ วิธีนี้เป็นการฝึกการใช้สายตาค่ะ เมื่ออกมาแล้วเค้าจะลืมตาได้เร็วขึ้นค่ะ


วิธีการที่แนะนำไปแนะนำให้ทำตอนน้องตื่น คือเมื่อเค้าดิ้นอยู่นะคะ  ถ้าเราทำแล้วเค้าเงียบ เค้าอาจจะหลับอยู่ก็ปล่อยให้เค้าหลับไปนะคะไม่ต้องไปปลุก เพราะตอนน้องตื่นจะสนุกกับการเรียนรู้มากกว่า จึงมีประโยชน์มากกว่าค่ะ
และจากทุกข้อที่กล่าวมาให้ทำรวมๆกัน วันล่ะ 1 ครั้งพอนะคะ และเมื่อรวมทุกวิธีครบแล้วใช้เวลารวมประมาณ 15 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนน้องเกินไป

จบแล้วค่ะ  ที่จำได้และสรุปมาก็มีเพียงเท่านี้  วันหลังเจออะไรดีๆจะมาแบ่งปันกันอีกนะคะ



Create Date : 24 มีนาคม 2560
Last Update : 24 มีนาคม 2560 18:35:51 น.
Counter : 458 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3706495
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]