บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 8



         บานทวารห้องนั่งเล่นส่วนพระองค์ของเจ้าชายกันนาร์ค่อยๆแง้มเปิดออก บุรุษหนุ่มเจ้าของห้องเดินพระพักตร์ง่วงงุนเข้าไปภายในอย่างไม่ค่อยเต็มพระทัยนักเวลานี้นับว่ายังเช้าอยู่มากแสงเงินแสงทองเพิ่งจะเรื่อเรืองขึ้นจับขอบฟ้าทางทิศตะวันออกน้ำค้างยังคงค้างอยู่บนยอดหญ้ากลิ่นดอกไม้กลางคืนบางชนิดยังอวลกรุ่นอยู่ในบรรยากาศ...แล้วใครกันหนอช่างมาขอเข้าเฝ้าพระองค์ในยามเช้าตรู่เช่นนี้ได้


         เจ้าชายกันนาร์ทอดพระเนตรไปรอบห้อง แม้ม่านกำมะหยี่สีน้ำเงินจะถูกรูดเปิดออกทุกด้านเผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทาเข้มภายนอกหากภายในห้องยังต้องตามไฟเอาไว้เพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอแขกของพระองค์นั่งรออยู่แล้วบนเก้าอี้ผ้าไหมยกดอกตัวยาวขนาบสองข้างด้วยเก้าอี้เท้าแขนบุนวมนุ่มเข้าชุดกันเว้นช่องตรงกลางไว้สำหรับตั้งโต๊ะไม้ตัวเตี้ย ด้านบนฝังกระดานหมากรุกเป็นหินอ่อนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำสลับขาวมีตัวหมากทำด้วยคริสตัลและทับทิมเจียระไนฝีมือประณีตจัดเรียงไว้พร้อม


         พอผู้เป็นแขกเหลียวมาเห็นพระองค์เข้าริมฝีปากสีชมพูระเรื่อก็คลี่ออกเป็นรอยยิ้มประจบ ไม่ต้องเห็นหน้ากันถนัด เจ้าชายก็พอจะเดาได้แล้วว่าผู้ที่กล้าปลุกพระองค์แต่เช้าเป็นใคร


         “อรุณสวัสดิ์”เจ้าหญิงกาอิยาห์เอ่ยทักพี่ชายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส


         ผู้เป็นพี่ไม่ตอบ หากตั้งท่าจะเดินย้อนกลับเข้าสู่ห้องนอนตามเดิม


         “พี่กันนาร์ใจร้าย น้องอุตสาห์มานั่งรอตั้งนานนะคะ”


         “รอที่ไหน เจ้ามาปลุกข้าชัดๆ... เอ้า ก็ได้ มีอะไรก็รีบว่ามา”


         เจ้าชายกันนาร์จำใจเสด็จข้ามห้องมาทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ยังว่างอยู่พระองค์รู้สึกแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะตามปกติแล้วเจ้าหญิงกาอิยาห์ไม่ใช่คนที่จะตื่นเช้าขนาดนี้ได้


         “มีอะไรก็พูดมาสักทีสิกายย์” ทรงร้องเร่งเมื่อเห็นว่าน้องสาวยังเอาแต่นั่งเหลียวหน้าเหลียวหลังเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง


         “เมลล่ะคะ”

ชื่อนั้นกระทบความรู้สึกของคนฟังเข้าอย่างจัง


        “เมลของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่”


        “อ้าว”


         “ไม่ต้องมาอ้าว ข้าให้อาจารย์ของเจ้าพักอยู่กับพวกนักบวชที่เรือนแถวโน่น”


         ดวงพักตร์นวลใสของเจ้าหญิงกาอิยาห์มีร่องรอยผิดหวังปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง


         “งั้นน้องก็ไม่มีธุระกับพี่กันนาร์แล้ว ไปพักผ่อนต่อเถอะค่ะ”


         นางตัดบทง่ายๆ ด้วยการลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปที่ประตูห้องเพื่อเตรียมตัวกลับ ทิ้งให้ผู้เป็นพี่นั่งอ้าปากค้างมองอยู่กับที่


        “เจ้ามาปลุกข้าแต่เช้าด้วยเรื่องแค่นี้หรือ”


         “ก็น้องนึกว่าเมลอยู่กับพี่นี่นา น้องขอโทษก็ได้ค่ะ”


         เจ้าชายกันนาร์ไม่ใส่พระทัยกับคำขอโทษของน้องสาว พระองค์รีบเสด็จตามไปขวางหน้าเอาไว้ก่อนที่เจ้าหญิงกาอิยาห์จะก้าวพ้นไปจากห้อง


         “เดี๋ยวก่อนสิกายย์ เจ้าจะรีบไปไหน อย่าบอกนะว่าจะไปหาเจ้าหมอนั่น”


         “เจ้าหมอนั่น”เจ้าหญิงกาอิยาห์ทวนคำเหมือนไม่เข้าพระทัย หากพอนึกได้ว่าพี่ชายน่าจะหมายถึงใครรอยยิ้มซุกซนก็ผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์


         “ใช่แล้วละค่ะ น้องกำลังจะไปหา เจ้าหมอนั่น แหละ”


         “เจ้าจะรีบไปทำไมตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสาง ไว้รอพบเขาตอนข้าพาไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทไม่ได้หรือ”


        “ไม่ได้ค่ะ” น้องสาวตอบทันควัน พร้อมกับให้เหตุผลที่ทำให้คนเป็นพี่แทบลมจับ


         “น้องอยากเจอเมลนี่นา ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว...คิดถึงออก”


         เจ้าชายกันนาร์ขมวดพระขนงอย่างไม่ชอบพระทัยจ้องมองวงพักตร์งามน่ารักของน้องสาวด้วยอาการคิดหนัก ในฐานะที่พระองค์เป็นพี่จะปล่อยให้นางไปพบปะพูดคุยกับเจ้าหนุ่มรูปหล่ออย่างร้ายกาจคนนั้นตามลำพังไม่ได้เด็ดขาดต่อให้ไม่ใช่เวลาเช้ามืดอย่างเดี๋ยวนี้แต่เป็นตอนบ่ายแดดร้อนเปรี้ยงก็เถอะถึงเจ้าหญิงกาอิยาห์จะมีนางข้าหลวงติดตามไปด้วยหมดทั้งตำหนักพระองค์ก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี


         สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ต้องยอมแพ้หันไปตรัสกับน้องสาวอย่างเสียไม่ได้


         “เอาละกายย์ กลับไปนั่งรอที่เก้าอี้ก่อน ข้าจะพาเจ้าไปเอง”



         เจ้าชายกันนาร์พาพระขนิษฐาขี่ม้าเข้ามาจนถึงบริเวณลานโล่งหน้าอาคารสีขาวหม่นซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสมุนไพรเขียวขจีแม้เวลานี้จะยังเช้าอยู่มาก หากบรรดานักบวชส่วนใหญ่ต่างก็วุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมสมุนไพรสำหรับปรุงยาถอนพิษเพื่อช่วยชีวิตองค์ราชาพวกเขาจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะแปลกใจกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของแขกหนุ่มผู้สูงศักดิ์


         เจ้าชายกันนาร์ตวัดกายลงจากหลังม้า จูงมันไปผูกไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างห้องปรุงยาก่อนจะรับร่างของน้องสาวลงมาสู่พื้นทรงกวาดสายพระเนตรมองหานักบวชหนุ่มชาวแลมพ์ตันในหมู่ชายสวมชุดยาวกรอมเท้าที่ง่วนอยู่กับการดูแลต้นพืชในสวนเมื่อไม่พบจึงพาเจ้าหญิงกาอิยาห์เสด็จต่อไปยังเรือนแถวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์ต้องเสียเวลาเดินวนเวียนตามหาอีกฝ่ายอยู่ครู่ใหญ่จึงพบว่านักบวชที่ดูไม่ค่อยจะเหมือนนักบวชผู้นั้นนั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านหลังตั้งอกตั้งใจมองดูเจ้าเด็กขอทานใช้ดาบไม้ในมือฟาดเข้าใส่ท่อนฟืนที่ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ใหญ่เหนือศีรษะปากก็ตะโกนให้คำแนะนำเด็กหนุ่มไปด้วย


         เจ้าชายกันนาร์ส่ายพระพักตร์อย่างรับไม่ได้เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ นักบวชสอนการใช้อาวุธให้ผู้อื่นแล้วดูหมอนั่นแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าสิ เหมือนนักบวชเสียที่ไหนพระองค์ตั้งท่าจะกระแอมให้อีกฝ่ายรู้ตัว หากยังช้ากว่าคนเป็นน้องที่ส่งเสียงเรียก ‘เมล’ เสียดังลั่น พร้อมกับถลกกระโปรงวิ่งถลาตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม พอถึงตัวเขาเด็กสาวก็โผเข้ากอดจนฝ่ายที่เพิ่งจะลุกขึ้นเหลียวหน้ามามองเกือบจะเสียหลักพานางล้มกลิ้งไปด้วยกัน ดีที่เขายังไวพอจะอ้าแขนโอบรับร่างเล็กบางเอาไว้ทัน

“เมล ข้าดีใจจังที่เจ้ามาได้ เจ้าต้องช่วยข้านะไม่งั้นละก็ข้าตายแน่ๆ” คนเป็นเจ้าหญิงส่งเสียงใสแจ๋วราวระฆังเงินรัวใส่เจ้าของอ้อมแขนเป็นชุด


         เมลิอานาร์อยากจะเอ่ยถามเด็กสาวเหลือเกินว่าที่นางพูดนั้นหมายถึงเรื่องอะไรทว่าพอเงยหน้าขึ้นก็ปะทะเข้ากับสายตาเขียวปัดของชายหนุ่มผู้มีเค้าหน้าละม้ายเด็กสาวในอ้อมแขนชายผู้นั้นกำลังจ้องเขม็งมาที่นางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ประกายบางอย่างในดวงตาสีม่วงคมกริบบอกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจขนาดหนักหญิงสาวนึกถึงสภาพของตนเองกับเจ้าหญิงกาอิยาห์ขึ้นมาได้ จึงรีบคลายวงแขนออกโดยเร็วพร้อมกับยิ้มแห้งๆ


         เจ้าหญิงกาอิยาห์เหลียวมองตามสายตาของเพื่อนสาวพอทอดพระเนตรเห็นสีหน้าบูดบึ้งของผู้เป็นพี่ก็ทรงพระสรวลคิก ตรัสด้วยเสียงกระซิบ


         “นั่นพี่ชายของข้าเองแหละ พี่กันนาร์ทรงคิดว่าเจ้าเป็นผู้ชายน่ะเมล แต่อย่าเพิ่งบอกความจริงออกไปตอนนี้ล่ะเดี๋ยวพี่ชายข้าจะช็อกตายเสียก่อน”


         ถึงเจ้าหญิงกาอิยาห์ไม่สั่ง เมลิอานาร์ก็ไม่มีความคิดที่จะพูดอะไรออกไปอยู่แล้วเพราะดูสารรูปของนางตอนนี้ การยอมตกกระไดพลอยโจนตามน้ำไปก่อนแล้วค่อยหาทางอธิบายทีหลังน่าจะง่ายกว่าแม้ว่ามันจะทำให้นางต้องเผชิญกับสายตาพิฆาตของเจ้าชายกันนาร์ต่อไปก็ตาม


         “กายย์” เจ้าชายกันนาร์เอ่ยเรียกน้องสาวด้วยเสียงหนักกว่าปกติ“มาหาข้าทางนี้”


         เจ้าหญิงกาอิยาห์ยอมทำตามคำสั่งของผู้เป็นพี่อย่างว่าง่ายแล้วถือโอกาสแนะนำให้พี่ชายรู้จักอีกฝ่ายเสียเลย


         “พี่กันนาร์ นี่เมลที่น้องเคยเล่าให้ฟังไงคะ”


         “ยินดีที่ได้พบ” เจ้าชายกันนาร์ตอบรับเสียงห้วน


         “เช่นกัน...พ่ะย่ะค่ะ”


         เมลิอานาร์งึมงำคำลงท้ายอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงนักพลางค้อมกายลงต่ำเมื่อยืดกายขึ้นอีกครั้งนางก็เหลียวหาเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันหวังจะแนะนำให้ผู้มาเยือนทั้งสองได้รู้จักทว่ายังไม่ทันจะอ้าปาก เจ้าตัวแสบก็หันหลังเดินหนีเข้าบ้านพักไปเสียแล้ว


        “เฮ้ เดี๋ยวสิ ซิส... บ๊ะ เจ้าหมอนี่”


         “ใครน่ะเมล”


         เจ้าหญิงกาอิยาห์ชะเง้อมองตามร่างของหนุ่มน้อยวัยไล่เลี่ยกันไปด้วยความสนพระทัย


         “เพื่อนของเจ้าหรือ”


         “เด็กเลี้ยงม้าที่บ้านพักคนเดินทางน่ะเพ..เอ๊ย..พ่ะย่ะค่ะ ชื่อซิส เขาโดนเจ้าของบ้านพักไล่ออกจากงานก็เลยขอติดตามหม่อมฉ...กระหม่อมมาด้วยถ้าไม่เป็นการรบกวนองค์หญิงจนเกินไปนัก กระหม่อมก็อยากจะขอฝากซิสไว้เป็นเด็กรับใช้ที่นี่สักคน”


“ได้ซี่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ใช่มั้ยคะพี่กันนาร์”


         เจ้าหญิงกาอิยาห์หันไปเขย่าแขนพี่ชายกึ่งถามกึ่งขอร้อง


         “ก็ได้ ข้าจะจัดการให้เอง ท่านนักบวชไม่ต้องเป็นห่วง”


เมลิอานาร์ขยับจะยิ้มรับความเอื้อเฟื้อของชายหนุ่มหากต้องเปลี่ยนเป็นย่นหัวคิ้วแทนเพราะสะดุดหูกับบางถ้อยคำในประโยคของเขา


         นักบวชอีกแล้วหรือ?


         ...ทำไมคนที่นี่ชอบคิดว่านางเป็นนักบวชกันนักนะ...


         หญิงสาวยังไม่ทันจะได้ปริปากถามให้หายสงสัย ก็พอดีเจ้าชายกันนาร์ทรงหันไปทางน้องสาวเสียก่อน


         “กายย์ เจ้ากลับตำหนักได้แล้ว”


         รอยยิ้มแจ่มกระจ่างบนพักตร์นวลใส ‘หุบ’ ลงทันควัน


        “อะไรกัน น้องยังคุยกับเมลไม่ถึงห้าประโยคเลยนะคะ ทำไมจะต้องรีบกลับ”


         “เจ้ายังมีวิชาประวัติศาสตร์กับลีลาศที่ต้องเรียนในช่วงเช้านี่ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าโดดเรียนหรอกนะกายย์อีกอย่างตอนบ่ายเจ้าต้องเข้าเฝ้าท่านน้าพร้อมกับเจ้าหญิงลูเซียด้วย ลืมหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือไง”


         ‘หน้าที่’ ที่พี่ชายหยิบยกขึ้นมาเอ่ยอ้างในประโยคหลังทำให้คนเป็นน้องต้องยอมยอมจำนนโดยไม่มีคำโต้แย้งใดๆ อีก


         “เจ้าไปรอที่ม้าก่อน ข้าขอคุยธุระกับท่านนักบวชครู่เดียวแล้วจะรีบตามไป”


         เจ้าชายกันนาร์ออกคำสั่ง ทรงรอจนแน่พระทัยว่าพระขนิษฐาเดินห่างออกไปจนไม่มีโอกาสได้ยินบทสนทนาของพระองค์แล้วจึงสาวพระบาทเข้าไปหานักบวชชาวแลมพ์ตัน


         “เอาละ ทีนี้มาว่าเรื่องของท่านกันต่อ...”


         พระองค์ยื่นพระพักตร์เข้าไปใกล้ชายหนุ่มจนพระนาสิกแทบจะชนกับจมูกของอีกฝ่ายยังดีที่ทรงยั้งพระทัยเอาไว้ได้ ไม่ขยุ้มคอเสื้อของเขาติดพระหัตถ์ขึ้นมาด้วย


“ไม่ว่าที่แลมพ์ตัน ท่านจะสนิทสนมกับกายย์มากแค่ไหนแต่ขอให้ช่วยจำเอาไว้ด้วยว่าที่นี่คือกรีนแลนด์ เพราะฉะนั้นอย่าให้มีภาพแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาดถ้าข้าเห็นหรือได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อีกแม้แต่หนเดียวละก็ท่านเตรียมไสหัวกลับแลมพ์ตันไปได้เลย”


         เจ้าชายกันนาร์ขยับถอยออกห่างจากนักบวชหนุ่มใช้สายพระเนตรมองสำรวจเครื่องแต่งกายอันประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว และรองเท้าบู้ทหนังนุ่มของเขาอย่างตำหนิ


        “องค์ราชาทรงมีพระประสงค์ให้ข้าพาท่านไปเข้าเฝ้าหลังอาหารมื้อเที่ยงข้าจะรอท่านอยู่ที่ห้องปรุงยา อ้อแล้วถ้าไม่ลำบากจนเกินไปนักก็ช่วยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เป็นชุดที่มันดูเข้าท่ากว่านี้ด้วยถ้าท่านไม่รู้ว่าควรจะแต่งกายอย่างไร ลองถามจากพวกนักบวชที่อยู่รอบๆตัวท่านดูก็ได้ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงจะมีเสื้อผ้ามากพอจะให้ท่านขอยืมสักชุดสองชุดหรอก”


ตรัสทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น แล้วพระองค์ก็สาวพระบาทจากไปในทิศทางเดียวกับเจ้าหญิงกาอิยาห์โดยไม่เบือนพระพักตร์กลับมามองคนที่ยังยืนอึ้งอยู่กับที่อีกแม้แต่แวบเดียว



พอตกบ่ายเจ้าชายกันนาร์ก็เสด็จมารออยู่ที่ห้องปรุงยาตามรับสั่ง พระองค์พาหนุ่มหล่อชาวแลมพ์ตันในชุดนักบวชยาวกรอมเท้าสีเทามีเกลียวไหมสีเดียวกับเสื้อคาดไว้รอบเอวหลวมๆ ไปยังอาคารหินอ่อนทรงสี่เหลี่ยมซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิหารจันทรามากนักระหว่างทางก็อธิบายเหตุการณ์ที่เจ้าหญิงกาอิยาห์พยายามช่วยชีวิตเจ้าหญิงแคธรีนซึ่งบังเอิญถูกยาพิษจนทำให้เจ้าหญิงผู้เคราะห์ร้ายต้องกลายเป็นหินให้อีกฝ่ายฟังไปด้วยพร้อมกับย้ำว่าหน้าที่ของเขาคือทำให้เจ้าหญิงแห่งวูดแลนด์ผู้นั้นกลับเป็นเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด


นักบวชหนุ่มเดินอย่างสงบเสงี่ยมตามหลังคนเป็นเจ้าชายไปตามระเบียงหินอ่อนที่มีภาพวาดของอดีตราชาและราชินีแห่งกรีนแลนด์ในกรอบทองคำฝังอัญมณีล้ำค่าแขวนประดับสลับกับเชิงเทียนตั้งพื้นทรวดทรงอ่อนช้อย และกระจกเงาสูงท่วมศีรษะในกรอบทองคำฉลุลายละเอียดงามเนื้อกระจกเที่ยงตรงใสแจ๋วสะท้อนภาพช่องหน้าต่างโค้งฝั่งตรงข้ามเลยไปถึงท้องฟ้าสีครามจัดแต้มระบายด้วยปุยเมฆขาวภายนอก


ที่หน้าต่างบานหนึ่งมีชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ก่อนแล้ว เขากำลังมองออกไปยังสวนหย่อมขนาดเล็กเบื้องล่างเส้นผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลังและอาภรณ์สีดำล้วนทำให้ชายผู้นั้นดูสะดุดตายิ่งกว่าเครื่องเรือนราคาแพงรอบกายหลายเท่าท่ายืนกอดอกหลังตรงขาแยกออกจากกันเล็กน้อย ดูสง่างามเชื่อมั่นจนเกือบจะกลายเป็นหยิ่งผยองทว่าพอเจ้าชายกันนาร์สาวพระบาทเข้าไปใกล้ เขาก็หมุนกายกลับมาถวายคำนับพร้อมด้วยรอยยิ้มแจ่มใสบนใบหน้าหล่อเหลาชวนมอง


“สวนในลินเด็นงามจริงเห็นทีหม่อมฉันต้องส่งคนสวนที่ทาเนียร์มาเรียนรู้วิธีการจัดสวนกับพระองค์บ้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


“เจ้าชายดิเร็กซ์


เจ้าชายกันนาร์อุทานอย่างตื่นตะลึงหากเพียงครู่เดียวก็ทรงเกลื่อนสีพระพักตร์ได้เป็นปกติ รีบสาวพระบาทเข้าไปหาผู้มาเยือนพลางกล่าวคำขอโทษไปด้วย


“หม่อมฉันไม่ทราบว่าจะเสด็จ ต้องขอประทานอภัยจริงๆพ่ะย่ะค่ะที่ไม่ทันได้ส่งคนไปต้อนรับ”


“ไม่ใช่ความผิดของพระองค์หรอกพ่ะย่ะค่ะทางหม่อมฉันต่างหากที่เดินทางมาลินเด็นกะทันหันเพราะได้ข่าวว่าราชาเอลเบอเรธประชวรหนัก”


คิ้วเข้มของเจ้าชายกันนาร์เลิกสูงขึ้นเล็กน้อย พระหทัยเต้นแรง ทรงคาดไม่ถึงจริงๆว่าแผนการของราชาเอลเบอเรธจะสัมฤทธิ์ผลไวปานนี้


“ข่าว ลือไปไกลจนถึงทาเนียร์เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ”


“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพิ่งกลับจากซาร์ดบังเอิญได้ยินชาวบ้านแถบชายแดนพูดกันหนาหูว่าองค์ราชาทรงพระประชวร ยังไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน”


“พระองค์ก็เลยรีบร้อนเสด็จมาหาคำตอบจนถึงที่นี่”


เจ้าชายดิเร็กซ์ทรงพระสรวลเบาๆ เสมือนไม่รู้เท่าคำประชดของอีกฝ่าย


“เชิญเสด็จทางนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”


เจ้าชายกันนาร์ออกเดินนำผู้เป็นแขกตรงไปยังห้องรอเฝ้าสุดมุมระเบียงโดยมีนักบวชชาวแลมพ์ตันเดินตัวลีบตามหลังไปด้วย ชายหนุ่มผู้เป็นอาคันตุกะทรงปรายพระเนตรมองเจ้าของร่างในชุดสีเทาเงินยาวรุ่มร่ามนั้นแวบหนึ่งก่อนตรัสขึ้นลอยๆ


“ข่าวลือ ที่พระองค์ว่าเห็นทีจะเป็นเรื่องจริงสินะพ่ะย่ะค่ะ”


“อะไรทำให้ทรงคิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”


เจ้าชายดิเร็กซ์แย้มพระสรวล


“เพราะว่านักบวชคงไม่มาเดินเล่นในตำหนักหลวงแน่ๆหรือว่าเจ้าชายทรงมีกิจอื่นใดกับนักบวชรูปงามที่เดินตามมาข้างหลังคนนั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะถ้าเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องขอประทานอภัยด้วยที่เดาผิด”


ดวงเนตรสีม่วงของเจ้าชายกันนาร์หรี่ลงเล็กน้อยทรงซ่อนความหงุดหงิดพระทัยเอาไว้ภายใต้น้ำเสียงร่าเริงตามปกติ เมื่อตรัสว่า


“เจ้าชายช่างสังเกตเหลือเกิน ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ราชาของเราประชวรพระโรคประหลาดมาหลายวันแล้ว ท่านหมอเองก็ดูเหมือนจะจนใจไม่ว่ายาขนานใดก็ไม่สามารถรักษาพระอาการให้ทุเลาลงได้หม่อมฉันเลยคิดจะลองพึ่งเวทมนตร์ของพวกนักบวชดูบ้าง”


“ขนาดนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ”ชายหนุ่มผมดำเบิกตากว้างด้วยท่าทีเสแสร้งอย่างเห็นได้ชัด

“พอดีหม่อมฉันเพิ่งไปรับตัวนักบวชที่เก่งที่สุดของทาเนียร์กลับมาจากซาร์ดถ้าเจ้าชายไม่รังเกียจหม่อมฉันจะตามตัวเขามาช่วยตรวจดูพระอาการอีกแรง”


“อย่าได้ทรงลำบากไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เรามี ท่านเมล นักบวชที่เก่งที่สุดของกรีนแลนด์อยู่ตรงนี้ทั้งคนแล้วแต่ก็ต้องขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง”


“นักบวชที่เก่งที่สุดของกรีนแลนด์”เจ้าชายดิเร็กซ์เลิกพระขนง


“เจ้าหนุ่ม...เอ่อ...ท่านผู้นี้น่ะหรือพ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันว่าเขาออกจะดูอ่อนอาวุโสไปสักหน่อย ถ้าเป็นที่ทาเนียร์นักบวชอายุน้อยขนาดนี้คงจะเป็นได้แค่พวกฝึกหัดเท่านั้น แล้วที่สำคัญนักบวชเขาไม่พกดาบกันไม่ใช่หรือท่านเมล”ท้ายประโยคทรงหันไปตรัสกับ ‘นักบวชที่เก่งที่สุด’ โดยตรง


คนที่ถูกทึกทักให้เป็นนักบวชตวัดสายตาขึ้นมองผู้พูดเป็นครั้งแรกดวงเนตรคมกริบสีรัตติกาลที่จ้องตอบมาทำให้หัวใจของนางแทบจะหยุดเต้นเมลิอานาร์พยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับสายตาไม่ให้เหลือบแลไปยังรอยสีแดงจางๆบนหลังพระหัตถ์ขวา ซึ่งนางรู้ดีว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด


เจ้าชายดิเร็กซ์ยังไม่ทรงลืมเรื่องเมื่อคราวก่อน ข้อนี้หญิงสาวแน่ใจแต่ที่แน่ใจยิ่งกว่านั้นคือ ดูเหมือนพระองค์จะทรงจำนางได้ด้วย!


เมลิอานาร์กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ แข็งใจตอบออกไปด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่สุด


“พ่ะย่ะค่ะ นักบวชย่อมไม่พกอาวุธไม่ว่าชนิดใด มันเป็นกฎ”


“อย่างนั้นหรือ ข้านึกว่าท่านได้รับการยกเว้นจากกฎข้อนี้เสียอีก”


น้ำเสียงของเจ้าชายดิเร็กซ์ฟังสะดุดหูเสียจนเจ้าชายกันนาร์ต้องเบือนพระพักตร์กลับมามอง


“นักบวชของหม่อมฉันทำสิ่งใดให้เคืองเบื้องพระบาทหรือพ่ะย่ะค่ะ”


“เปล่าหรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันแค่เย้า นักบวช ของพระองค์เล่นเท่านั้น”


“ถ้าอย่างนั้นเชิญเจ้าชายประทับรอในห้องนี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”


เจ้าชายกันนาร์ผายพระหัตถ์เชื้อเชิญให้อาคันตุกะหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องกว้างที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเครื่องเรือนสีน้ำตาลแกมทองกลมกลืนกับชุดเก้าอี้ผ้าไหมดุนลายดอกละเอียดยิบสีเหลืองอ่อนลออตาพระองค์หยิบกระดิ่งเงินอันเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะริมประตูขึ้นมาสั่นเบาๆเพียงครู่เดียวมหาดเล็กสองนายก็ก้าวเข้ามาเพื่อรอรับคำสั่งเจ้าชายหันไปตรัสอะไรกับพวกเขาสองสามประโยค ก่อนเบือนพระพักตร์กลับมาหาผู้เป็นแขก


“หม่อมฉันต้องขอตัวพาท่านเมลไปถวายการตรวจพระอาการสักครู่ก่อนเสร็จแล้วจะให้คนมาเชิญเสด็จ คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน”


“อย่าเกรงใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันรอได้ เชิญเจ้าชายกับ..ท่านนักบวชตามสบาย”


เจ้าชายดิเร็กซ์ตรัสตอบด้วยรอยแย้มสรวลละมุนบนเรียวโอษฐ์หากทันทีที่ร่างของเจ้าชายกันนาร์และนักบวชหนุ่มลับออกประตูไปรอยแย้มพระสรวลก็หายวับราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นบนพระพักตร์มาก่อนเลย



“ท่านไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือ”


เจ้าชายกันนาร์ตรัสถามขึ้นลอยๆเมื่อทรงแน่พระทัยว่าเสด็จห่างออกมาจากห้องรอเฝ้าพอสมควรแล้ว


“ทรงหมายถึงอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นเข้าใจ”คนถูกถามตีหน้าซื่อได้อย่างแนบเนียน


“อย่ามาทำไก๋ ข้าพอจะอ่านสายพระเนตรของเจ้าชายดิเร็กซ์ออก ถามจริงๆ เถอะท่านเมลท่านกับเจ้าชายดิเร็กซ์เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนใช่หรือเปล่า”


เมลิอานาร์เกือบสะดุ้ง ...พี่ชายของเจ้าหญิงกาอิยาห์นี่ ถ้าไม่ทรงฉลาดเป็นกรดก็ต้องเป็นพวกขี้ระแวงสุดๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว


"เปล่านี่พ่ะยะ่คะ่" หญิงสาวปฏิเสธเอาไว้ก่อน ก็คนบาดหมางตัวจริงมันเจ้าซิส ไม่ใช่นาง


“ท่านแน่ใจนะ”


“แน่ใจสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะโกหกพระองค์ทำไม” ...ถ้าไม่จำเป็น...


เจ้าชายกันนาร์พยักพระพักตร์น้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะสาวพระบาทนำอีกฝ่ายไปสู่ห้องบรรทมของประมุขแห่งกรีนแลนด์ตรงสุดทางเดิน


ที่หน้าประตูสีขาวมีทหารองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่สองนายเพียงแค่มองแวบเดียวเมลิอานาร์ก็บอกได้ทันทีว่าทั้งคู่เป็นชาวแลมพ์ตันพวกเขาค้อมกายลงทำความเคารพเจ้าชายกันนาร์แล้วหันไปผลักบานประตูให้เปิดออกรอจนผู้มาเยือนทั้งสองก้าวผ่านเข้าไปภายในเรียบร้อย จึงหับประตูลงตามเดิม

เจ้าชายกันนาร์ชี้ให้นักบวชหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้ผ้าไหมสีเทาเงินในห้องด้านหน้าส่วนพระองค์เสด็จไปเคาะประตูอีกบานซึ่งซ่อนอยู่ระหว่างเตาผิงและกระจกเงาในกรอบทองคำฝังมุกทรงผลุบหายเข้าไปหลังประตูบานนั้นพักใหญ่ก่อนจะเยี่ยมพระพักตร์กลับออกมากวักพระหัตถ์เรียกให้อีกฝ่ายตามเข้าไปภายใน


“ท่านเมลพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท นักบวชจากแลมพ์ตันที่กระหม่อมเคยกราบทูล” เจ้าชายกันนาร์เอ่ยแนะนำ


“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”


เมลิอานาร์ค้อมกายลงต่ำ ไหนๆนางก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายมาตั้งแต่ต้นแล้วถ้าต้องเป็นนักบวชพ่วงอีกสักตำแหน่งจะเป็นไรไป


“สวัสดี ท่านนักบวช” เสียงห้าวคุ้นหูตอบกลับมา


คนในชุดนักบวชพยายามเพ่งสายตามองฝ่าผ้าม่านสีขาวรอบเตียงไปยังร่างที่ประทับกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนนั้นหากไม่สามารถเห็นผู้เป็นประมุขแห่งกรีนแลนด์ได้ถนัด


“กันนาร์คงบอกท่านแล้วสินะว่าต้องทำอะไรบ้าง”


“พ่ะย่ะค่ะ”


“ดี แล้วท่านพร้อมจะลงมือได้เมื่อไหร่”


“เมื่อไหร่ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อมเสมอ”


“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นรีบลงมือเสียคืนนี้เลยหลังพระอาทิตย์ตกดินครึ่งชั่วยามข้าจะให้กันนาร์นำท่านไปยังวิหารจันทรา”


“วิหารจันทรา” นักบวชหนุ่มทวนคำดวงตาสีน้ำเงินงามเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหู


“ถูกแล้ว วิหารจันทรา งาน ของท่านรออยู่ที่นั่น”


คำตอบปนเสียงทรงพระกรรสะที่ดังลอดออกมาจากพระแท่นบรรทมมีกังวานประหลาดคล้ายเสียงหัวเราะขลุกขลักอยู่ในลำคอจนหญิงสาวในคราบนักบวชต้องเพ่งมองเงาร่างสูงใหญ่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง


“เอ่อ ไหนๆ กระหม่อมก็มาแล้ว จะให้ตรวจดูพระอาการสักหน่อยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”


“ไม่ต้องชายหนุ่มสองคนในห้องปฏิเสธออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน


เจ้าชายกันนาร์รีบสาวพระบาทมายืนขวางอยู่หน้าพระแท่นในขณะที่ประมุขแห่งกรีนแลนด์ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบทจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเป็นนอนราบลงกับฟูกทันที


“ท่านกลับไปก่อนเถอะ เจ้าชายดิเร็กซ์จะได้เข้าเฝ้าเอาไว้หลังพระอาทิตย์ตกดินเราค่อยพบกันอีกที”พี่ชายของเจ้าหญิงกาอิยาห์ตรัสเหมือนจะไล่


คนในชุดนักบวชมองหน้าอีกฝ่ายสลับกับราชาหนุ่มอย่างไม่เข้าใจทั้งสองพระองค์ทรงกลัวอะไรกัน หรือเพราะเห็นว่านางเป็นชาวแลมพ์ตันจึงไม่ไว้ใจหญิงสาวยักไหล่...ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนั้นก็ช่วยไม่ได้


นางถอยกลับไปที่ประตูค้อมกายลงถวายคำนับทั้งองค์ราชาและเจ้าชายกันนาร์อีกครั้งก่อนจะหมุนกายเดินตัวตรงออกจากห้องไป


พอลับร่างของนักบวชหนุ่ม ประมุขแห่งกรีนแลนด์และสหายก็ถอนใจเฮือกออกมาพร้อมกัน


“เกือบไปแล้ว ว่าแต่นักบวชของเจ้ารูปหล่อดีนี่ มิน่า...เจ้าถึงได้เป็นห่วงน้องสาวนักข้าคิดว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพี่ชายอย่างเจ้าขึ้นมาบ้างแล้ว” ราชาหนุ่มตรัสแกมสรวล


เจ้าชายกันนาร์พระพักตร์บูด


“ฝ่าบาท เลิกล้อกระหม่อมสักทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ แล้วทรงตอบมาด้วยว่าเหตุใดจึงทรงเปลี่ยนพระทัยกะทันหันไหนทีแรกตรัสว่าจะบอกความจริงเรื่องที่ไม่ได้ประชวรให้ท่านนักบวชรู้กระหม่อมจึงได้นำตัวเขามาเข้าเฝ้าที่นี่”


“ข้า..เอ่อ...ข้าก็มีเหตุผลของข้าละน่า”


ราชาหนุ่มทรงอ้ำอึ้งอย่างมีพิรุธ...ก็จะให้บอกได้อย่างไรว่าพระองค์ถูกเจ้านักบวชกำมะลอนั่นเห็นในสภาพที่ไม่อยากจะให้ใครเห็นมากที่สุดเข้าเสียแล้วขืนยอมให้หมอนั่นเห็นหน้าอีกครั้งเขาจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าหญิงรับใช้ที่เจอในวิหารจันทราเป็นคนเดียวกับประมุขแห่งกรีนแลนด์แล้วพระองค์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


“ก็มันเหตุผลอะไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าชายกันนาร์ยังคงซักอย่างไม่ยอมแพ้


“จะเหตุผลอะไรมันก็เรื่องของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกกันน์ เอ้า ไหนเจ้าว่าแขกคนสำคัญของพวกเรามารออยู่แล้วไงล่ะรีบไปทูลเชิญพระองค์เข้ามาสักทีสิ”


ราชาเอลเบอเรธทรงตัดบทด้วยการคว้าสมุนไพรประหลาดของเจ้าหญิงกาอิยาห์มาโยนใส่พระโอษฐ์เคี้ยวเพียงครู่เดียวก็มีอาการเหมือนกับคนป่วยหนัก พระพักตร์ซีดเผือดพระวรกายร้อนจัดราวกับไฟ เจ้าชายกันนาร์เห็นดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบเสด็จไปทูลเชิญเจ้าชายแห่งทาเนียร์มาเข้าเฝ้าก่อนที่ฤทธิ์ของสมุนไพรจะเสื่อมลง




Create Date : 12 พฤษภาคม 2559
Last Update : 12 พฤษภาคม 2559 5:56:45 น. 2 comments
Counter : 514 Pageviews.

 


โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 7 สิงหาคม 2559 เวลา:19:00:25 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:39:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.