บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 25



แม้อากาศภายนอกจะค่อนข้างเย็นด้วยเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วงทว่าในห้องบรรทมของประมุขแห่งกรีนแลนด์กลับอุ่นจัดจนแทบจะเรียกได้ว่าร้อนซ้ำยังอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรฉุนกึกจนผู้ที่ล่วงล้ำเข้ามาต้องพยายามกลั้นลมหายใจเพื่อไม่ให้สำลักตายเสียก่อน


แสงละมุนจากเชิงเทียนทองคำมุมห้องสาดต้องใบหน้าหล่อเหลาทว่าซีดเซียวของผู้ที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงแลราวรูปสลักหินอ่อนร่างสูงใหญ่ตั้งแต่ลำคอลงไปซ่อนอยู่ภายใต้ผืนแพรสีเหลืองนวลมีเพียงอาการเคลื่อนไหวน้อยๆ บริเวณทรวงอกเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าของร่างยังมีชีวิตอยู่


บาดแผลฉกรรจ์จากคมดาบของเจ้าหญิงลูเซียทำให้ประมุขแห่งกรีนแลนด์ได้รับบาดเจ็บสาหัสทรงสูญเสียพระโลหิตไปมากจนแพทย์หลวงเกรงว่าจะรั้งพระชนม์ชีพเอาไว้ไม่ได้โชคยังดีที่ ‘ท่านเมล’ ฝ่าวงล้อมอันแน่นหนาของทหารองครักษ์เข้าถึงตัวราชาหนุ่มได้สำเร็จบาดแผลที่น่าจะคร่าชีวิตเจ้าของร่างไปแล้วจึงได้รับการเยียวยาด้วยเวทมนตร์จนสมานตัวติดกันราวปาฏิหาริย์หากยังต้องอาศัยเวลาและสมุนไพรรักษาต่อไปจนกว่าจะหายเป็นปกติ


เหตุการณ์ที่จัตุรัสเมืองทำให้เจ้าชายกันนาร์ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระพ้นข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏอย่างขาวสะอาด ในขณะที่เจ้าหญิงลูเซียถูกกักพระองค์ไว้ที่หอสวดมนต์เก่าแก่เพื่อรอการไต่สวนอีกครั้งทว่าน่าแปลกที่หญิงสาวจำเรื่องราวหลังงานฉลองวันประสูติของประมุขแห่งกรีนแลนด์ไม่ได้เลยนางจำได้เพียงภาพงานเต้นรำในห้องโถงใหญ่ซึ่งผ่านไปนานนับสัปดาห์และใบหน้าของชายหนุ่มผู้ประดับหวีสับอันเล็กฝังอัญมณีแพรวพราวให้ที่ลานน้ำพุเท่านั้น


เจ้าชายกันนาร์ทรงหันไปหับบานประตูให้ปิดสนิทลงโดยไร้สุ้มเสียงแล้วย่องเงียบกริบไปหยุดยืนอยู่ตรงปลายพระแท่นหากการเคลื่อนไหวอันแผ่วเบาก็ยังทำให้จักษุสีน้ำทะเลลืมขึ้นจนได้


“กันนาร์หรือ”


“พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างเกรงใจ“กระหม่อมได้ยินจากท่านหมอว่าทรงฟื้นแล้วก็เลยแวะมาเยี่ยมต้องขอพระราชทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะที่เข้ามาปลุกพระบรรทม”


“ไม่หรอก ข้าตื่นนานแล้ว”


ราชาเอลเบอเรธทรงโบกพระหัตถ์พลางขยับพระวรกายขึ้นประทับนั่งเอนๆพิงพระเขนย ผ้าคลุมพระบรรทมจึงเลื่อนหล่นลงไปกองอยู่ตรงบั้นพระองค์เผยให้เห็นพระอุระเปลือยเปล่าและพระนาภีที่มีผ้าพันไว้หนาปึก


“ทรงรู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าชายกันนาร์จ้องมองร่างกายท่อนบนของอีกฝ่ายแล้วอดที่จะถามไม่ได้


“ก็เจ็บน่ะสิ เจ้าลองมาโดนบ้างมั้ยล่ะ”


“ไม่ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังไม่อยากให้ร่างกายเสียโฉม”


“หน็อย ไม่อยากให้ร่างกายเสียโฉม งั้นถ้าหน้าหล่อๆเสียโฉมเจ้าคงไม่ว่าอะไรสินะ”


เจ้าชายกันนาร์แย้มพระสรวล


“ถ้าทรงคิดจะประทุษร้ายกระหม่อมละก็ อย่าดีกว่าพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมว่าฝ่าบาทคงไม่อยากโดนเทศน์อีกกระบุงแน่”


“อย่ามาขู่ข้ากันนาร์ เจ้านึกว่าข้ากลัวหรือไง”


“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่...”


“ฝ่าบาทเพค้า


เสียงแหลมลากยาวที่ดังขัดจังหวะขึ้นทำให้ประโยคสุดท้ายของเจ้าชายกันนาร์กลืนหายไปในพระศอพร้อมกับเสียงสรวลหึๆทรงกลอกพระเนตรไปทางประตูพลางยักคิ้วให้ผู้เป็นทั้งเพื่อนและนายก่อนจะปลีกตัวไปยืนแอบอยู่มุมห้อง หลีกทางให้หัวหน้านางกำนัลร่างอ้วนเดินนำขบวนข้าหลวงสาวๆมาหยุดยืนอยู่ข้างพระแท่นแทนที่ กว่าราชาเอลเบอเรธจะไหวพระองค์ทันว่าเกิดอะไรขึ้นก็สายเกินกว่าจะทอดพระวรกายลงนอนตามเดิมและแกล้งหลับได้ทันเสียแล้ว


“ว้าย ฝ่าบาท”


อดีตพระพี่เลี้ยงวัยกลางคนร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าคนเจ็บอยู่ในท่าไหนนางแทบจะถลาเข้าประคองร่างหนาให้เอนลงบนพระยี่ภู่เสียเดี๋ยวนั้น


“ทรงลุกขึ้นมาทำไมเพคะ ท่านหมอสั่งห้ามลุกจนกว่าบาดแผลจะหายดีแท้ๆ”


“มันก็เกือบจะหายดีแล้วละน่า”คนได้รับบาดเจ็บตอบอุบอิบ


“ไม่ได้นะเพคะ ทรงเอนพระองค์ลงบรรทมเดี๋ยวนี้เลย ฝ่าบาทคงไม่อยากทำให้พระมารดาเสียพระทัยที่ขัดคำสั่งท่านหมอหรอกนะเพคะพระนางแอนน์น่ะทรงมีพระโอรสอยู่องค์เดียวเท่านั้น ถ้าทรงเป็นอะไรไปอีกพระนางจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้อย่างไร ทรงนึกถึงข้อนี้บ้างสิเพคะ”


“เอาละ นอร์ม่า”ราชาหนุ่มทรงยกพระหัตถ์ขึ้นโบกอย่างยอมแพ้ “ข้าจะนอนก็ได้เจ้าเลิกบ่นทีเถอะ”


พอผู้เป็นประมุขแห่งกรีนแลนด์ทอดพระวรกายลงบรรทมเรียบร้อยนอร์ม่าก็รีบจัดผ้าคลุมพระบรรทมให้เข้าที่ก่อนประคองต้นคออีกฝ่ายพลางรับถ้วยยาจากมือนางข้าหลวงที่หยุดยืนอยู่ด้านหลัง มาจ่อถวายจนถึงพระโอษฐ์


“เสวยพระโอสถหน่อยเพคะ”


มีเสียงหัวเราะพรืดดังมาจากมุมห้อง แต่พอดวงเนตรขุ่นเขียวเหลือบแลไปเจ้าของเสียงก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หันไปชื่นชมลวดลายสลักเสลาบนเชิงเทียนทองคำประหนึ่งกำลังซาบซึ้งกับผลงานศิลปะอันเก่าแก่เสียเต็มประดา


“นอร์ม่า ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบนะ ไม่ต้องป้อนก็ได้”คนเจ็บส่งเสียงโอดครวญ หากอดีตพระพี่เลี้ยงจะเห็นใจก็หาไม่


“คราวที่แล้วก็ตรัสอย่างนี้ ขืนหม่อมฉันยอมตามพระทัยฝ่าบาทก็คงแกล้งปล่อยพระโอสถทิ้งไว้จนเย็นชืด แล้วก็หาข้ออ้างไม่เสวยอีกอย่าทรงคิดจะหลอกคนแก่เสียให้ยาก รีบเสวยพระโอสถได้แล้วเพคะ เสร็จแล้วจะได้เสวยซุปร้อนๆกับขนมปังขาว”


“ซุปอีกแล้วหรือ ข้าอยากกินเนื้อสัตว์บ้างนี่นา”


นางกำนัลสูงวัยสายหน้า “ไม่ได้เพคะ ท่านหมอสั่งไว้ว่าช่วงนี้ฝ่าบาทต้องเสวยแต่พระกระยาหารอ่อนๆอดทนหน่อยเถิดนะเพคะ อีกไม่กี่วันเท่านั้นเอง พอครบสัปดาห์จะเสวยเนื้อสัตว์มากเท่าใดก็ได้”


ราชาหนุ่มเหลือกพระเนตรขึ้นมองเพดานห้องก่อนจะฝืนพระทัยจิบยาน้ำขมปี๋ที่ประโคมเครื่องหอมเสียเต็มที่เพื่อกลบกลิ่นรสเฝื่อนฝาดเข้าไปอึกหนึ่ง

“เสวยให้หมดสิเพคะ ยานี่หม่อมฉันอุตส่าห์เคี่ยวเองกับมือเชียวนะเพคะ”


...มิน่าเล่า...กลิ่นเครื่องหอมถึงได้ฉุนนัก...


คนเจ็บลอบทำหน้าเมื่อย หากก็ยอมดื่มยาในถ้วยนั้นจนหมด


นอร์ม่ายิ้มอย่างพอใจ นางส่งถ้วยเปล่าให้แม่สาวคนเดิมหันไปรับถาดบรรจุซุปและขนมปังขาวจากข้าหลวงอีกคนมาถือไว้ในมือเตรียมป้อนถวายหากคราวนี้ประมุขแห่งกรีนแลนด์ทรงปฏิเสธเสียงแข็ง


“ไม่ต้องนอร์ม่า ข้าจะกินซุปเอง เจ้าวางถาดไว้ที่โต๊ะนั่นเถอะ”


“แต่พระองค์...”


“ไม่มีแต่ อีกเดี๋ยวท่านหมอก็จะเข้ามาเปลี่ยนสมุนไพรพอกแผลให้ข้าแล้วเจ้ารีบไปเสียก่อนดีกว่า ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากเห็นบาดแผลนี่นักหรอกข้าสัญญาว่าจะกินซุปให้หมด แล้วจะให้เฟรดเอาชามเปล่าไปคืนเจ้าเป็นหลักฐาน ดีมั้ย”


ระหว่างที่ตรัส ราชาเอลเบอเรธก็ทรงแอบไขว้พระดัชนีที่อยู่ใต้ผ้าคลุมพระบรรทมไปด้วยทว่านอร์ม่ามิได้ล่วงรู้ในข้อนั้นจึงนิ่งไปอย่างลังเลแน่นอนว่านางไม่อยากจะเห็นบาดแผลอันน่าสยดสยองบนพระนาภีอีกนางคิดว่าได้เห็นมันแค่ครั้งเดียวตอนพวกทหารช่วยกันหามร่างโชกเลือดของผู้พูดเข้ามาในตำหนักก็เกินพอแล้วในที่สุดอดีตพระพี่เลี้ยงก็ตัดสินใจวางถาดเงินบรรจุชามซุปและขนมปังอบใหม่กลิ่นหอมฉุยลงบนโต๊ะเล็กข้างพระที่แล้วถอนสายบัวอย่างต่ำก่อนพาร่างอวบอ้วนและบรรดานางข้าหลวงเดินแถวออกจากห้องไป


“เฮ้อ...” ราชาหนุ่มระบายลมหายพระทัยโล่งอกพลางขยับลุกขึ้นนั่งแทบจะทันทีที่ร่างของอดีตพระพี่เลี้ยงลับหายไปจากกรอบประตู


“รอดไปที”


“กระหม่อมไม่ยักทราบว่าท่านหมอจะมาทำแผลถวายเช้าขนาดนี้” เจ้าชายกันนาร์เลิกให้ความสนใจกับเชิงเทียนและภาพวาดประดับผนังหันมากล่าวยิ้มๆ กับผู้ที่นั่งทำหน้าบูดอยู่บนเตียง


“หุบปากเหอะกันน์ ไม่มีใครถามความเห็นเจ้าสักหน่อยแล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่านางจะมา”


“กระหม่อมเห็นขบวนของนอร์ม่าระหว่างทางน่ะพ่ะย่ะค่ะแต่กระหม่อมเดินเร็วกว่า ก็เลยมาถึงก่อน”


พูดแล้วชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนข้างพระแท่นก้มลงสำรวจอาหารมื้อเช้าของประมุขหนุ่มก่อนส่ายหน้า


“ต้องเสวยอย่างนี้ทุกวันเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”


“ทุกมื้อต่างหาก” อีกฝ่ายแก้ให้ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง“ตกลงเจ้าแค่มาเยี่ยมข้าเฉยๆ หรือว่ายังมีเรื่องอะไรอีกถ้ามีก็นั่งลงซะ แล้วว่ามา”


เจ้าชายหนุ่มค้อมกายถวายคำนับก่อนจะลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้มาทรุดลงนั่งตามรับสั่งจากนั้นจึงส่งรายงานทางทหารที่ทรงได้รับจากท่านคาร์ลตอนที่ราชาหนุ่มเสด็จเมืองลัสเตอร์สโตนให้ทอดพระเนตร


“กองลาดตระเวณส่งข่าวมาว่าช่วงนี้มีการเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนด้านที่ติดกับทาเนียร์พ่ะย่ะค่ะท่านคาร์ลเลยส่งทหารจำนวนหนึ่งไปคอยสังเกตการณ์แล้ว”


“นี่ฟังดูไม่ดีเลย”


“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่าราชาคาลอสจะเพียงแค่สับเปลี่ยนกองกำลังเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา”


ราชาเอลเบอเรธทรงถอนพระปัสสาสะอย่างหนักพระทัย ด้วยรู้ดีว่าปัญหาใหญ่ที่เรื้อรังมานานของกรีนแลนด์ก็คือกำลังทหารแม้ฉากหน้ากรีนแลนด์จะดูเหมือนเป็นประเทศที่มั่นคงแข็งแกร่งจนประเทศใกล้เคียงอย่างทาเนียร์และวูดแลนด์ไม่กล้าผลีผลามยกทัพมารุกรานอย่างที่ทำกับประเทศเล็กๆรอบข้างมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ใครเลยจะรู้ว่ากรีนแลนด์หาได้มีกองทหารที่แข็งแกร่งดังภาพลักษณ์ไม่ประเทศอันมั่งคั่งและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในดินแดนแถบเทือกเขาอัลมาร์นี้อันที่จริงแล้วขาดแคลนกำลังทหารอย่างหนักถึงขนาดต้องพึ่งพาทหารรับจ้างจากแลมพ์ตันมาตลอดนั่นก็เพราะกรีนแลนด์ร้างสงครามมานานจนชาวบ้านเริ่มเคยชินกับความสงบสุขจึงมองข้ามความสำคัญของการส่งบุตรชายเข้าเป็นทหาร และสนับสนุนให้พวกเขาประกอบอาชีพอื่นที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตและเหนื่อยน้อยกว่าแทนราชาเอลเบอเรธเป็นผู้ที่ทรงเล็งเห็นจุดอ่อนข้อนี้และพยายามที่จะหาทางแก้ไขมาตลอด แต่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร


“ทหารผลัดใหม่จากแลมพ์ตันมาถึงหรือยัง” ราชาหนุ่มตรัสถาม


“มาถึงเมื่อวานพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกำลังจะกราบทูลอยู่พอดีลองทายสิพ่ะย่ะค่ะว่าคราวนี้ใครเป็นผู้นำทหารมาถวาย”


“ไม่ใช่ท่านเฮนรี่หรอกหรือ”


เจ้าชายกันนาร์แย้มพระสรวลกว้างก่อนทูลตอบ


“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเจ้าชายเอเดรียน”


ราชาเอลเบอเรธทรงเลิกพระขนงอย่างไม่อยากจะเชื่อ


“เจ้าหมายถึง เจ้าชายเอเดรียน ...โอรสองค์ที่สองของราชาซาเรียน่ะหรือ”


“พ่ะย่ะค่ะ”


แม้จะทรงทราบมานานแล้วว่าเจ้าชายเอเดรียนได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบิดาให้บังคับบัญชากองทหารรักษาพระองค์หากราชาเอลเบอเรธไม่คิดว่าเจ้าชายหนุ่มพระองค์นั้นจะทรงขยันถึงขั้นคุมทหารรับจ้างมาส่งมอบให้กรีนแลนด์ด้วยพระองค์เอง


“เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่ากันนาร์”


“ไม่ได้ล้อเล่นพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมทูลจริงๆ หากไม่ติดว่าทรงได้รับบาดเจ็บเจ้าชายเอเดรียนคงเสด็จมาเข้าเฝ้าแล้วละพ่ะย่ะค่ะ”


“ข้าไม่นึกว่าเจ้าชายเอเดรียนจะโปรดกรีนแลนด์ถึงเพียงนี้”


กระแสรับสั่งของประมุขแห่งกรีนแลนด์ทำให้เจ้าชายกันนาร์นึกไปถึงคำบอกเล่าของน้องสาวรอยแย้มสรวลกว้างจึงกลายเป็นเสียงหัวเราะดังกังวาน


“ไม่ได้โปรดกรีนแลนด์หรอกพ่ะย่ะค่ะแต่เสด็จมาเพราะทรงมีเหตุผลอื่นต่างหาก”หลุดพระโอษฐ์ออกไปแล้วเจ้าชายหนุ่มก็นึกอยากกัดชิวหาองค์เองยิ่งนัก ในบรรดาเรื่องทั้งหมดที่ทรงได้รับรู้มามีเพียงเรื่องเดียวที่พระองค์ไม่ปรารถนาจะกราบทูลให้ราชาเอลเบอเรธทรงทราบก็คือเรื่องที่นักบวชเมลเป็นผู้หญิงและเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายเอเดรียนนี่แหละ


“เหตุผลอะไร” ราชาหนุ่มทรงโน้มพระวรกายเข้าหาผู้พูดอย่างสนพระทัย “เจ้ารู้อะไรดีๆมาหรือกันนาร์”


“ห..หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็กราบทูลเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง จริงสิกระหม่อมมีอะไรจะถวายให้ทอดพระเนตร”


ผู้พูดรีบเบนความสนใจของประมุขแห่งกรีนแลนด์ด้วยการหยิบหวีสับขนาดเล็กทำจากทองคำฝังอัญมณีแพรวพราวออกมาวางบนพระแท่นบรรทมเบื้องพระพักตร์ แล้วกราบทูลติดต่อกันไปว่า


“เครื่องประดับผมของเจ้าหญิงลูเซียพ่ะย่ะค่ะทหารเก็บได้ตอนจับกุมนางที่จัตุรัสเมือง”


ราชาเอลเบอเรธหยิบวัตถุชิ้นนั้นขึ้นมาทอดพระเนตรอย่างสนพระทัย


“ข้าเคยเห็นแบบร่างของเครื่องประดับชิ้นนี้ที่บ้านของริช ไคลี่มันถูกสั่งทำขึ้นพร้อมกับตลับยาพิษที่เจ้าหญิงแคธรีนพบบนโต๊ะเขียนหนังสือของข้า”


“ถ้าเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหญิงลูเซียทรงร่วมมือกับเจ้าชายดิเร็กซ์เพราะถูกบงการด้วยเวทมนตร์ชั่วร้ายผ่านทางเครื่องประดับชิ้นนี้”เจ้าชายกันนาร์ทรงออกความเห็น


“ก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน เจ้าหญิงลูเซียเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานไม่น่าจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างวางยาพิษใครได้ เจ้าเองก็บอกว่านางดูแปลกไปหลังจากงานฉลองวันเกิดของข้ามิหนำซ้ำกาอิยาห์ยังเคยเล่าว่าเห็นชายแปลกหน้าประดับเครื่องประดับผมให้เจ้าหญิงลูเซียที่ลานน้ำพุก่อนจะมอบตลับเครื่องหอมให้นาง บางทีสิ่งที่เจ้าสงสัยอาจจะเป็นไปได้แต่ก็คงพิสูจน์ยากอยู่สักหน่อย”


“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำอย่างไรกับเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”


ราชาเอลเบอเรธทรงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบเสียงแผ่ว


“ก็คงต้องให้สภาผู้ครองแคว้นไต่สวนนางต่อหน้าชาวเมืองตามกฎหมายนั่นแหละแต่ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าหญิงลูเซียถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายควบคุมจิตใจจริงนางก็ยังต้องรับโทษอยู่ดี”


“ท่านน้าคงเสียพระทัยมากนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะทรงรักเจ้าหญิงลูเซียเหลือเกินรักถึงขนาดที่ทรงวาดหวังว่าจะได้นางมาเป็นพระสุนิสา”


“ท่านแม่ต้องทำพระทัยกันนาร์” ราชาหนุ่มตรัสขรึมๆ ทรงส่งเครื่องประดับชิ้นน้อยคืนให้อีกฝ่าย


“เจ้าเก็บของชิ้นนี้ไว้ก่อนมันเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่อาจจะช่วยให้เจ้าหญิงลูเซียไม่ต้องรับโทษสูงสุดพอจบเรื่องแล้วค่อยนำไปทำลาย ไม่ว่ามันจะมีเวทมนตร์ชั่วร้ายกำกับอยู่หรือไม่ข้าก็ไม่ต้องการให้ใครนำไปใช้อีก”


“พ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายกันนาร์รับคำ


หลังจากนั้นพระองค์จึงกราบทูลขอพระราชานุญาตจัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารผลัดใหม่ตามธรรมเนียมซึ่งราชาหนุ่มทรงมีพระดำริให้จัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการชดเชยที่ชาวลินเด็นต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกจนไม่ได้ฉลองเทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงเหมือนทุกปี และทรงอนุญาตให้ทุกคนในปราสาทลินเด็นเข้าร่วมงานเลี้ยงได้โดยไม่มีข้อยกเว้นโดยเฉพาะ ‘ท่านเมล’ ทรงมีรับสั่งเจาะจงให้เชิญมาร่วมโต๊ะเสวยเป็นกรณีพิเศษเลยทีเดียว




“ว่าไงนะ”


เจ้าชายดิเร็กซ์กระแทกถ้วยเมรัยในพระหัตถ์ลงกับโต๊ะโดยแรงจนน้ำสีอำพันแทบกระฉอกหกบริเวณระเบียงหลังพระตำหนักที่ประทับอันเป็น ‘มุมสงบ’ ส่วนพระองค์ ถูกความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ


“ท่านฟังผิดหรือเปล่า ฟีบัส”


“ไม่ผิดหรอกพ่ะย่ะค่ะ มีคนเห็นราชาเอลเบอเรธที่เมืองลัสเตอร์สโตนจริงๆคนของกระหม่อมไปสืบมาแล้ว มีพยานรู้เห็นหลายคนเพราะคืนที่ปรากฏพระองค์เป็นคืนสุดท้ายของงานเทศกาลพอดีกระหม่อมเลยรีบมากราบทูลให้ทรงทราบเสียก่อน”


คำตอบหนักแน่นของหัวหน้าองครักษ์ ทำให้เจ้าชายหนุ่มนิ่งงันไปทันที...มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันในเมื่อเอลเบอเรธกับเจ้านักบวชกำมะลอนั่นถูกหอกซัดของพระองค์ปลิวตกหน้าผาไปแล้วมิหนำซ้ำพวกมันยังถูกธนูยิงซ้ำอีกไม่มีทางที่จะรอดชีวิตไปปรากฏตัวที่ลัสเตอร์สโตนได้เด็ดขาด นอกเสียจากว่า


พวกมันจะเล่นลูกไม้!


ภาพเหตุการณ์ตอนที่ร่างของราชาเอลเบอเรธกลายเป็นท่อนไม้ผุดขึ้นในห้วงความทรงจำสลับกับภาพที่หน้าผาเมื่อร่างสองร่างร่วงดิ่งลงสู่สายน้ำดำมืด ก่อนจะโผล่ขึ้นมาเป็นเป้าให้กับลูกธนูของพระองค์จนกระทั่งกลายเป็นศพลอยหายไปกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากแต่ละภาพแต่ละเหตุการณ์ช่างดูชัดเจนสมจริงเสียจนเจ้าชายดิเร็กซ์ไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตาในเมื่อเจ้านักบวชกำมะลอผู้นั้นใช้เวทมนตร์สร้างกำแพงไฟได้ ทำไมมันจะสร้างภาพมายาขึ้นมาตบตาพระองค์และเหล่าทหารไม่ได้


บัดซบ... เจ้าชายดิเร็กซ์บีบถ้วยเงินผสมดีบุกจนบิดเบี้ยวคาพระหัตถ์ป่านนี้ทหารที่ราชาคาลอสส่งไปเหยียบกรีนแลนด์คงใกล้ถึงจุดหมายเต็มทีรอเพียงการเคลื่อนทัพของวูดแลนด์ แผนบุกโจมตีกรีนแลนด์ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกก็จะสมบูรณ์พร้อมพระองค์ไม่มีวันยอมถูกพระบิดาตำหนิว่าเป็นต้นเหตุทำให้แผนทั้งหมดต้องพังพินาทเพราะเรื่องแค่นี้แน่เอลเบอเรธจะต้องตาย ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินเพื่อตามสังหารราชาหนุ่มผู้นั้นพระองค์ก็จะทำ!


เจ้าชายดิเร็กซ์ผลุนผลันลุกจากพระเก้าอี้เสด็จกลับเข้าไปในตำหนักเพื่อออกคำสั่งทหารภายใต้พระบัญชาให้เตรียมจัดทัพเพียงชั่วอึดใจเดียวกองทัพขนาดย่อมก็พร้อมจะเคลื่อนออกจากทาเนียร์





ม้าทรงสีน้ำตาลแดงควบขับด้วยความเร็วราวกับพายุ ทิ้งห่างขบวนทหารที่ตามติดเบื้องหลังจนไกลลิบ บุรุษชุดดำแนบร่างลงกับหลังเจ้าสัตว์พาหนะเพื่อลดแรงปะทะของสายลมเย็นเฉียบดวงเนตรสีนิลวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิงจ้องเขม็งไปยังแนวเขานีลันที่ทอดตัวสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าต่ำลงไปอีกฟากคือแผ่นดินอันเป็น ‘หัวใจ’ ของประเทศกรีนแลนด์


เรียวโอษฐ์งามได้รูปเม้มแน่นก่อนคลี่ออกเป็นรอยยิ้มมาดหมาย


รอก่อนเถอะกรีนแลนด์...


รอให้กองทัพของพระองค์เคลื่อนไปถึงเสียก่อน จะทรงบดขยี้แคว้นดาโกให้ราบเป็นหน้ากลองดูสิว่าคราวนี้เอลเบอเรธจะหนีรอดคมดาบไปได้อีกหรือไม่


ม้าทรงของเจ้าชายดิเร็กซ์พุ่งทะยานไม่หยุดยั้งมีทหารทาเนียร์จำนวนสองหมื่นนายเร่งฝีเท้าตามหลัง สูงขึ้นไปเบื้องบน เมฆทะมึนเริ่มก่อตัวหนาทึบบดบังดวงจันทร์สีทองจนแสงสว่างนวลตาเลือนหายไปเกือบหมดแสงฟ้าแลบแปลบปลาบปรากฏขึ้นเหนือทิวเขาสลับกับเสียงฟ้าร้องครืนครางเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าพายุใหญ่กำลังตั้งเค้า ...ณ มุมหนึ่งของแคว้นดาโกเงาแห่งสงครามเริ่มทอดทาบอย่างเงียบงัน ทว่าอีกมุมหนึ่งนั้นพระจันทร์รูปเคียวยังคงลอยเด่นอยู่กลางฟ้า เคียงข้างดาวดวงเล็กๆ สีเงินสุกใสที่เปล่งประกายระยับแข่งกับดวงตาของใครบางคน




Create Date : 08 กันยายน 2559
Last Update : 8 กันยายน 2559 21:16:27 น. 1 comments
Counter : 492 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:13:08:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.