บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 29



ม้าสองตัวย่างเหยาะตามกันไปบนสะพานหินทอดข้ามลำธารใสไปสู่ถนนดินฝั่งตรงข้ามสองฟากถนนขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่กำลังผลิใบอ่อนเขียวขจีดูสดชื่นแซมสลับด้วยทิวสนและทุ่งดอกไม้ป่าหลากสีสมกับเป็นฤดูใบไม้ผลิ ถัดออกไปคือหลังคาโรงนาและบ้านเรือนที่ปลูกกระจายอยู่ตามไหล่เขาแลเห็นเป็นชั้นลดหลั่นลงมาจนถึงพื้นราบคล้ายแอ่งกะทะด้วยสภาพภูมิประเทศอันมีภูเขาโอบล้อมถึงสามด้านทำให้แลมพ์ตันแทบจะเป็นเมืองปิดการติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องอาศัยกรีนแลนด์เป็นทางผ่านราชาซาเรียจึงพยายามผูกมิตรกับกรีนแลนด์ทั้งทางการทูตและการทหาร เพื่อมิให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นในภายหลัง


เมื่อพ้นเขตชนบทก็เข้าสู่ย่านร้านค้าในตัวเมืองชายแปลกหน้าทั้งสองตวัดร่างลงจากหลังม้า คนแรกเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจในขณะที่อีกคนขยับกายอย่างอึดอัด สุดท้ายก็อดรนทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากว่า


“ฝ่าบาท เสด็จมาเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ เกิดเจ้าชายเอเดรียนทรงทราบจะเคืองเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”


“เคืองเรื่องอะไร ข้าแค่มาตามท่านเมลกลับไปทำหน้าที่ให้เรียบร้อยนางรับปากพวกเราไว้ว่าจะช่วยคลายคำสาปให้เจ้าหญิงแคธรีน จำไม่ได้หรือ”


“จำได้พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าท่านเมลเป็นใคร แต่ตอนนี้รู้แล้วบางทีเราน่าจะหานักบวชอื่นมาช่วยเจ้าหญิงแคธรีนแทนท่านเมลไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”


“นั่นเขามีงานอะไรกัน”


‘ฝ่าบาท’ แกล้งทำหูทวนลมไม่สนใจคำแนะนำของอีกฝ่ายหันไปทอดพระเนตรธงหลากสีที่ประดับอยู่ตลอดแนวถนนเรื่อยไปจนถึงลานน้ำพุกลางจัตุรัสเมือง


เจ้าชายกันนาร์ถอนใจเฮือก

“กระหม่อมจะไปสอบถามแม่ค้าผู้นั้นให้พ่ะย่ะค่ะ”


“ไม่ต้อง เจ้าไปจัดการเรื่องที่พักเถอะ ข้าไปถามเอง”พูดแล้วชายหนุ่มก็ส่งสายบังเหียนในมือให้สหายเดินดุ่มเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่แผงขายผลไม้ติดกับบ้านพักคนเดินทางโดยไม่รอฟังคำคัดค้าน


“ขอโทษครับท่านป้า” เขาเอ่ยทักอย่างสุภาพพร้อมกับคลี่ยิ้มรอยยิ้มนั้นสว่างไสวเสียจนแทบจะทำให้แดดจ้ายามบ่ายโรยแสงลงได้ทีเดียว


“มีอะไรหรือจ๊ะพ่อหนุ่ม” แม่ค้าวัยกลางคนยิ้มตอบอย่างเป็นมิตรมองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนต่างถิ่นที่แลมพ์ตันไม่ค่อยมีนักเดินทางแวะเวียนมาบ่อยนัก ยกเว้นอาคันตุกะขององค์ราชานางเดาว่าชายหนุ่มกับสหายที่เพิ่งเดินหายเข้าไปในบ้านพักคนเดินทางคงจะได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวังจึงกล่าวต่อไปอย่างเอื้อเฟื้อว่า


“ถ้าจะถามทางไปพระราชวังละก็ ควบม้าตรงไปตามถนนนั่นเลี้ยวขวาสองครั้งก็ถึงแล้ว”


“ขอบคุณครับท่านป้า แต่ข้าไม่ได้จะไปที่พระราชวังหรอกครับแค่อยากรู้ว่าที่นี่มีงานฉลองอะไรถึงได้ประดับธงทิวเต็มไปหมด”


แม่ค้าผู้นี้ออกจะช่างเจรจาและไม่กลัวคนแปลกหน้า เมื่ออีกฝ่ายพูดด้วยอย่างมีอัธยาศัยนางก็เต็มอกเต็มใจตอบ


“อ๋อ... งานฉลองพิธีหมั้นของเจ้าชายเอเดรียนน่ะจ้ะพระองค์ทรงมีกำหนดแลกแหวนแห่งพันธะกับเลดี้เมลิอานาร์วันนี้”


“วันนี้” ชายหนุ่มทวนคำพลางย่นหัวคิ้วอย่างแปลกใจ


“เจ้าชายเอเดรียนทรงหมั้นกับเลดี้เมลิอานาร์ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือครับทำไมเพิ่งจะทำพิธีแลกแหวน”


“ฮู้ย..” แม่ค้าทำเสียงสูงพลางโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ“เจ้าคงไปได้ยินข่าวเก่ามาละสิ เจ้าชายยังไม่ได้หมั้นหรอกจ้ะพ่อหนุ่มก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะทรงหมั้นก็จริง แต่เลดี้เมลิอานาร์เกิดป่วยขึ้นมากะทันหันพิธีก็เลยต้องเลื่อนออกไปพอนางหายป่วยเจ้าชายเอเดรียนก็ต้องนำทัพไปช่วยกรีนแลนด์ทำศึกอยู่นานนับเดือนเพิ่งจะได้กำหนดวันทำพิธีหมั้นกันจริงๆ หนนี้แหละอ้อ..ถ้าพ่อหนุ่มไม่มีธุระร้อนอะไรก็อยู่ร่วมงานฉลองก่อนสิ”


เอลเบอเรธนิ่งอั้นไปอึดใจใหญ่ก่อนย้อนถาม


“ที่ไหนครับ”


“ที่จัตุรัสเมืองนี่แหละจ้ะ งานจะมีขึ้นตอนค่ำๆ”


“ไม่ใช่ครับ ข้าหมายถึง... พิธีหมั้นของเลดี้เมลิอานาร์”


“อ้อ...” แม่ค้าหัวเราะแก้เก้อแล้วรีบกล่าวต่อ“พิธีจัดขึ้นที่คฤหาสน์โรสอคาเซีย บ้านของเลดี้เมลิอานาร์นั่นแหละจ้ะป่านนี้พิธีคงเริ่มไปแล้วละว่าแต่ที่ถามนี่พ่อหนุ่มจะไปร่วมพิธีด้วยอย่างนั้นหรือ”


ชายหนุ่มไม่ตอบหากซักถามเส้นทางไปยังคฤหาสน์โรสอคาเซียจากอีกฝ่ายอย่างละเอียดแล้วรีบร้อนขอตัวแยกจากมา




พิธีแลกแหวนแห่งพันธะระหว่างเจ้าชายเอเดรียนกับเลดี้เมลิอานาร์ เดอโรเซสซัส ถือเป็นงานใหญ่ที่ชาวแลมพ์ตันให้ความสนใจและพูดถึงกันไม่หยุดปากเพราะต่างก็ตื่นเต้นที่ชายหนุ่มเนื้อหอมผู้มีข่าวลือกับหญิงสาวไปทั่วทุกสารทิศจะสละโสดอย่างเป็นทางการแขกเหรื่อจึงหลั่งไหลมาร่วมเป็นสักขีพยานที่คฤหาสน์โรสอคาเซียกันมากมายจนห้องโถงกว้างดูคับแคบไปถนัดตาเมื่อได้เวลาที่ทุกคนรอคอยหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีขาวพิสุทธิ์ก็ก้าวเข้ามาพร้อมด้วยเจ้าชายเอเดรียนทั้งสองเดินเคียงกันไปบนพื้นพรมสีกุหลาบ ผ่านบรรดาแขกผู้มีเกียรติหลายสิบคนเพื่อไปยังนั่งยังที่ซึ่งจัดเตรียมไว้เบื้องพระพักตร์ราชาซาเรียสายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างก็จับจ้องไปยังร่างโปร่งระหงเป็นตาเดียวเสียงพึมพำแสดงความชื่นชมดังไม่ขาดปากทำให้ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตยิ้มแก้มปริด้วยความพึงพอใจ


พิธีสำคัญเริ่มต้นขึ้นด้วยการเอ่ยพจน์บูชาทวยเทพของท่านปราชญ์แห่งวิหารหลวงจากนั้นเจ้าชายเอเดรียนทรงกล่าวคำสาบานศักดิ์สิทธิ์ว่าพระองค์ตกลงพระทัยจะรับเลดี้เมลิอานาร์เป็นชายาและจะอภิเษกสมรสกับนางเมื่อถึงเวลาอันควรโดยผูกพันสัญญานี้ไว้ด้วยแหวนแห่งพันธะเมื่อกล่าวจบเด็กรับใช้ก็อัญเชิญแหวนทองคำเข้ามาให้ฝ่ายหญิงสวมถวายเจ้าชายเอเดรียนก่อนที่นางจะเป็นฝ่ายกล่าวคำสัตย์สาบานและให้เจ้าชายสวมแหวนประทานบ้างทว่าเพียงเมลิอานาร์เอื้อมมือไปหยิบแหวน ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นสายพระเนตรอันเฉียบคมของเจ้าชายเอเดรียนก็เหลือบไปเห็นประกายของ ‘อะไร’บางอย่างบนเรียวนิ้วของหญิงสาวเข้าเสียก่อน พระหัตถ์ที่เตรียมจะยื่นให้นางจึงชะงักค้างอยู่กลางอากาศ


ใช่แต่เจ้าชายหนุ่มเท่านั้นที่ทรงสังเกตเห็น บรรดาแขกเหรื่อรวมทั้งคนรับใช้ที่พากันมาแอบดูอยู่ตามหลืบเสาต่างก็มองเห็นแหวนทองคำประดับพลอยน้ำทะเลสีเข้มจัดบนนิ้วนางซ้ายของเลดี้เมลิอานาร์กันถ้วนหน้าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงดังอื้ออึงจนฟังไม่ได้สรรพ ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตถึงกับถลาจากเก้าอี้ที่นั่งวางสง่าอยู่ในฐานะมารดาของฝ่ายหญิงแล่นลงมาคว้ามือลูกสาวขึ้นมองดู ก่อนกระซิบถามเสียงสั่นด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ


“เจ้าสวมแหวนอะไรกันเมลิอานาร์ รีบถอดออกเดี๋ยวนี้นะ”


“นี่หรือคะ” เมลิอานาร์คลี่ยิ้ม จงใจกระดิกนิ้วให้ประกายระยับของพลอยน้ำทะเลกระพริบวูบวาบเข้าตามารดาขณะปฏิเสธเสียงดังฟังชัดได้ยินไปทั้งห้องโถง


“คงถอดออกไม่ได้หรอกค่ะท่านแม่ นี่เป็นแหวนแห่งพันธะที่มีผู้สวมให้ข้า”


“แหวนแห่งพันธะที่มีผู้สวมให้เจ้า โอ๊ย ตายแล้ว ข้าจะเป็นลม”


ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตยกมือลูบอก ส่งเสียงเรอเอิ้กอ้ากราวกับจะเป็นลมจริงๆดังที่พูด จนท่านหัวหน้าองครักษ์ผู้เป็นสามีต้องเรียกเหล่าสาวใช้ให้มาช่วยประคองพากลับไปนั่งยังเก้าอี้ช่วยกันนวดเฟ้นพัดวีกันเป็นการใหญ่


“แหวนแห่งพันธะอย่างนั้นหรือ”


เจ้าชายเอเดรียนทรงหรี่พระเนตรมองญาติสาวคล้ายกำลังค้นหาความจริงจากนาง


“ของใครกัน...”


“เอลเพคะ”


เมลิอานาร์ทูลตอบรวดเร็วทันใจ หากไม่ยอมขยายความมากไปกว่านั้นปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาเอาเองว่าชายหนุ่มชื่อ ‘เอล’ เป็นใครมาจากไหน มีหน้าตาท่าทางและฐานะเช่นไร...แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้โกหก แหวนวงนี้เป็นแหวนแห่งพันธะจริงๆ และ ‘เอล’ ก็เป็นผู้สวมให้นางจริง เพียงแต่วัตถุประสงค์ของการสวมแหวนเป็นคนละอย่างกับที่ใครต่อใครในห้องพากันคิดซึ่งข้อหลังนี้หญิงสาวไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องขยายความให้พวกเขารู้


เจ้าชายเอเดรียนทรงนิ่งอั้นไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากปากญาติสาวแม้ไม่คิดจะเชื่อหากพระองค์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแหวนที่ประดับเด่นอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเมลิอานาร์คือสัญลักษณ์แทนคำสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของชายหนุ่มหญิงสาวที่ตกลงใจจะแต่งงานกันตามธรรมเนียมแลมพ์ตันซึ่งไม่มีใครสามารถลบล้างคำสัตย์สัญญานั้นได้โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมข้อนี้เองทำให้เจ้าชายหนุ่มต้องฝืนพระทัยยอมรับว่าทรงพลาดท่าให้อีกฝ่ายเสียแล้วไม่นึกเลยว่าเมลิอานาร์จะหาทางเอาตัวรอดจากการแต่งงานกับพระองค์ไปได้จริงๆซ้ำยังใช้วิธีที่แสนจะง่ายดายและตรงไปตรงมาจนแม้แต่พระองค์ก็ยังคิดไม่ถึงเสียด้วย


เจ้าชายเอเดรียนทรงถอนพระปัสสาสะด้วยความหงุดหงิดพระทัยที่ทรงเสียรู้อีกฝ่ายยิ่งทบทวนเหตุการณ์ที่แลมพ์ตันก่อนหน้านี้ พระองค์ก็ยิ่งตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นรอยแย้มสรวลละมุนตรงมุมโอษฐ์จึงใกล้เคียงอาการแยกเขี้ยวเข้าไปทุกที


“สรุปว่าเจ้าหลอกข้าสินะ”


เมลิอานาร์แสร้งขมวดคิ้วตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ความจริงเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร


“อย่าทรงกล่าวหากันง่ายๆ สิเพคะ หม่อมฉันไปหลอกพระองค์ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ยังจะมีหน้ามาถาม ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือที่รับปากว่าหากข้าส่งทหารไปช่วยกรีนแลนด์ขับไล่กองทัพของเจ้าชายดิเร็กซ์เจ้าจะยอมกลับแลมพ์ตันพร้อมข้า”


“หม่อมฉันก็ตามเสด็จพระองค์กลับแลมพ์ตันตามที่รับปากไว้ ไม่ใช่หรือเพคะ”


“เมล” เจ้าชายเอเดรียนทรงลากพระสุรเสียงพลางส่ายพระพักตร์เมื่อเห็นอาการ ‘หน้าซื่อตาใส’ของอีกฝ่าย “นี่เจ้าไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าการกลับแลมพ์ตันพร้อมข้าหมายถึงสิ่งใด”


“กลับแลมพ์ตันก็คือกลับแลมพ์ตันสิเพคะ จะหมายถึงสิ่งใดได้อีก”


เจ้าชายเอเดียนทรงถอนพระปัสสาสะอีกเฮือกด้วยความรู้สึกกึ่งขันกึ่งระอาในเมื่อเมลิอานาร์ยืนกรานเช่นนั้นพระองค์ก็คร้านที่จะคาดคั้นนางต่อไปแม้ในส่วนลึกจะทรงรู้สึกเสียดายหญิงสาวอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ถึงขั้นยื้อแย่งนางจากชายอื่นคนอย่างพระองค์ไม่คิดจะทำ สำหรับเจ้าชายเอเดรียนแล้วการหาผู้หญิงที่ถูกพระทัยคนใหม่ดูจะเป็นวิธีที่สะดวกสบายและง่ายกว่า พระองค์จึงยอมหักพระทัยถอยออกมาอย่างลูกผู้ชาย


“ก็ได้ ข้ายอมแพ้” แม้พระโอษฐ์จะตรัสเช่นนั้นหากยังไม่วายกระซิบขู่ทิ้งท้ายอย่างไว้เชิง


“แต่อย่าให้ข้าจับได้เชียวนะว่าเจ้าโกหกเรื่องแหวน”


จากนั้นเจ้าชายเอเดรียนก็ทรงลุกขึ้นประกาศล้มเลิกพิธีแลกแหวนแห่งพันธะครั้งนี้ต่อหน้าทุกคนแล้วเสด็จพระองค์ปลิวออกจากห้องไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้บรรดาสักขีพยานนั่งอึ้งมองหน้ากันเองด้วยความรู้สึกอลักเอลื่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสักพักราชาซาเรียก็ตัดสินพระทัยเสด็จตามพระโอรสไปอีกพระองค์ แขกเหรื่ออื่นๆจึงได้โอกาสทยอยลุกขึ้นบ้างพริบตาเดียวห้องโถงอันกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตที่ยังคงนั่งเรอเอิ้กอ้ากอย่างรับไม่ได้อยู่บนเก้าอี้มีสามีและสาวใช้รุมล้อมดูแลด้วยความเป็นห่วงส่วนธิดาสาวตัวต้นเหตุผู้ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอันใดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็นั่งอมยิ้มมองอาการ ‘ลมจับ’ของมารดาอยู่ด้วยความอิ่มเอมใจที่ทำลายพิธีหมั้นลงได้สำเร็จโดยหารู้ไม่ว่าในจำนวนผู้มาร่วมงานที่ทยอยแยกย้ายเดินจากไปนั้นมีเงาร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งปะปนอยู่ด้วย...




วันรุ่งขึ้นคฤหาสน์โรสอคาเซียก็มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะแปลกหน้าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาชวนมองแต่งกายงามประณีตด้วยเสื้อทูนิคสีเทาเงินปักเส้นไหมเงินเป็นลวดลายละเอียดยิบบริเวณคอและขอบแขนคาดทับด้วยเข็มขัดหนังสีน้ำตาลไหม้ซึ่งเป็นสีเดียวกับกางเกงขายาวและรองเท้าบู้ทที่สวมเขามาขอพบเลดี้เมลิอานาร์ และเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ ว่าชื่อเอล


“คุณหนูเจ้าขา มาแล้วเจ้าค่ะ มาแล้ว”


“อะไรกันเกล ใครมา” เมลิอานาร์เอ่ยถามโดยไม่ละสายตาจากแผ่นกระดาษบนโต๊ะปลายปากกาขนนกในมือยังคงลากปราดๆ ไปบนกระดาษขาวก่อให้เกิดตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มค่อนข้างหวัดเรียงรายติดต่อกันเป็นพรืด


“ท่านเอลเจ้าค่ะ ท่านมารอพบคุณหนูอยู่ที่ห้องรับรองแล้วเจ้าค่ะตอนนี้กำลังสนทนากับท่านผู้หญิง”


ชื่อนั้นส่งผลให้เมลิอานาร์ชะงักมือจากการร่างจดหมายถึงเจ้าหญิงกาอิยาห์หันขวับไปมองแม่คนรายงานทันที คิ้วเรียวสวยขมวดย่นเข้าหากันด้วยความหลากใจเมื่อย้อนถาม


“ท่านเอลไหน”


เกลตวัดหางตาค้อนผู้เป็นนายอย่างขัดใจแล้วจาระไนเสียละเอียดยิบ


“ก็ท่านเอลที่คุณหนูประกาศกลางพิธีหมั้นเมื่อวานว่าเป็นเจ้าของแหวนแห่งพันธะบนนิ้วนางข้างซ้ายจนเจ้าชายเอเดรียนกริ้วเสด็จกลับวังไปเลยไงเจ้าคะ”


“ว่าไงนะ!”


เมลิอานาร์ลุกพรวดขึ้นยืนโดยแรงจนกระดาษเขียนจดหมายแผ่นบางปลิวไปตกอยู่บนพื้นใบหน้าสวยงามในกรอบผมยาวที่เจ้าตัวรวบถักเป็นเปียเดี่ยวร้อยรัดด้วยเส้นริบบิ้นสีฟางเข้ากับชุดแดงก่ำแล้วกลับซีดเผือดจนแทบจะเท่าสีกระโปรงที่สวม


“ไม่มีทางหรอก เป็นไปไม่ได้ เขาจะมาที่นี่ได้ยังไงในเมื่อ...”


หญิงสาวชะงักคำพูดเอาไว้ทันก่อนจะหลุดปากเปิดเผยความจริงออกไปว่า ‘ท่านเอล’ที่แม่สาวใช้พูดถึง ที่แท้แล้วเป็นเพียงชายหนุ่มซึ่งนางอุปโลกน์ขึ้นเพื่อล่มพิธีแลกแหวนแห่งพันธะของตนกับเจ้าชายเอเดรียนส่วน ‘ท่านเอล’ผู้เป็นเจ้าของแหวนตัวจริงยังคงประทับอยู่ในกรีนแลนด์มิได้รู้เห็นวีรกรรมที่นางก่อไว้ทางนี้จึงไม่มีทาง ‘เสด็จ’มาปรากฏตัวที่โรสอคาเซียได้แน่นอน


ถ้าเช่นนั้นแล้ว...ชายหนุ่มที่กำลังสนทนาอยู่กับมารดาของนางเป็นใคร?


ไวเท่าความคิด เมลิอานาร์ซอยเท้าถี่ยิบลงบันไดมาจนถึงหน้าห้องรับรองชั้นล่างในเวลาชั่วอึดใจเพื่อหาคำตอบนางไม่ต้องการขัดจังหวะการสนทนาระหว่างมารดากับชายหนุ่มผู้เป็นแขกจึงเพียงแต่หยุดยืนแอบอยู่หลังม่านใช้สายตาลอบสังเกตสถานการณ์ในห้องอย่างระมัดระวังดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเพราะท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมทรวดทรงอ่อนช้อยกรุผ้าไหมสีเหลืองอ่อนดุนลายดอกสีน้ำตาลสลับเทากลมกลืนกันซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งหันหลังให้ประตู จึงไม่ต้องกังวลว่าท่านจะเหลือบมาเห็นส่วนชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงข้ามเยื้องกับช่องประตูเล็กน้อยจึงมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างแต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เลือดในกายของหญิงสาวเย็นเฉียบขึ้นมาทันที


แม้จะไม่ได้พบเห็นกันมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือนเมลิอานาร์ก็ไม่เคยลืมรูปร่างหน้าตาและนิสัยอันแสนกวนประสาทของราชาเอลเบอเรธด้วยแหวนพลอยน้ำทะเลบนนิ้วนางข้างซ้ายคอยกระตุ้นเตือนให้ระลึกถึงเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันดังนั้นต่อให้เห็นกันไกลยิ่งกว่านี้หญิงสาวก็มั่นใจว่าไม่มีทางจำคนผิดความคิดแรกที่แวบเข้ามาในสมองคือต้องหาทางแยกท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตออกจากชายหนุ่มโดยเร็วที่สุดก่อนที่เขาจะทำให้ความลับเรื่องแหวนหมั้นเก๊ของนางแตกโพละออกมาก่อนเวลาอันควรทว่าเพียงแค่หมุนตัวกลับหญิงสาวก็ต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่เพราะเสียงห้าวคุ้นหูที่ดังขึ้น


“นั่นท่านเมลไม่ใช่หรือ!”


แน่นอนว่าคำพูดประโยคนั้นย่อมจะทำให้ประมุขฝ่ายหญิงของคฤหาสน์เหลียวมองมาที่ประตูห้องด้วยอีกคนและนั่นก็เท่ากับเป็นจุดจบของเมลิอานาร์โดยแท้




ถ้วยกระเบื้องสีกุหลาบเนื้อบางราวเปลือกไข่ภายในบรรจุน้ำชาร้อนกรุ่นแลเห็นควันขาวลอยขึ้นเป็นสายถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาวที่นั่งบีบเนื้อบีบตัวอยู่บนเก้าอี้เบาะกลมพนักสูงไม่มีเท้าแขนหากเจ้าตัวไม่ปรารถนาจะยกขึ้นดื่ม คงปล่อยให้ของเหลวภายในถ้วยค่อยๆ เย็นชืดไปเองตัวนางได้แต่หลุบสายตาลงต่ำจ้องมองมือที่กุมกันแน่นอยู่บนตักกลั้นใจรอว่าเมื่อไหร่พระสุรเสียงห้วนห้าวแสดงอาการกริ้วโกรธของประมุขแห่งกรีนแลนด์จะดังขึ้นทว่ารออยู่นานก็ไม่ยักได้ยินอะไรนางจึงค่อยกล้าพอที่แอบจะชำเลืองมองอีกฝ่ายผ่านม่านขนตาดกหนา พร้อมกับนึกสงสัยไปด้วยว่าเหตุใดราชาเอลเบอเรธจึงทรงเลือกเวลาเสด็จเยือนแลมพ์ตันได้เหมาะเหม็งราวกับแกล้ง ซ้ำยังมุ่งหน้าตรงมายังโรสอคาเซียแทนที่จะเป็นพระราชวังหลวงเสียด้วยนี่จะเป็นเหตุบังเอิญ หรือว่า...ทรงตั้งพระทัยกันแน่?


แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็แย่พอกันสำหรับเมลิอานาร์เพราะมันทำให้นางต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอย่างไม่คาดฝันในสภาพที่ฟ้องชัดว่าตนเองเป็นผู้หญิงซึ่งเท่ากับเปิดเผยให้เขารู้ว่าถูกหลอกมาโดยตลอดซ้ำร้ายท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตยังเกิดจำได้เสียอีกว่า ‘ท่านเอล’ผู้นี้คือประมุขแห่งกรีนแลนด์ ทั้งที่เคยเห็นพระองค์จริงเพียงครั้งเดียวในงานฉลองพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายรัชทายาทเมื่อหลายปีก่อนท่านก็เลยลืมความขุ่นข้องหมองใจและความกริ้วโกรธของราชาซาเรียผู้เป็นพี่ แล้วเต็มอกเต็มใจต้อนรับชายหนุ่มเป็นพิเศษในฐานะ‘คู่หมั้น’ ของลูกสาวยิ่งกว่าที่เคยเต็มใจต้อนรับเจ้าชายเอเดรียนมาแล้ว เมลิอานาร์จึงได้แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะแก้ไขความเข้าใจผิดๆของมารดาให้ถูกต้องได้อย่างไรต่อหน้าผู้เสียหายอย่างราชาเอลเบอเรธโดยไม่ทำให้แผนการที่วางไว้พังเสียก่อน


หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าหากท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตรู้ความจริง จะต้องวิ่งโร่ไปกราบทูลเจ้าชายเอเดรียนแน่นอนแล้วพิธีหมั้นที่ล่มไปเมื่อวันวานก็จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ซึ่งนางจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดแต่ถ้ายังขืนปล่อยให้มารดาสนทนากับชายหนุ่มต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้โอกาสที่เขาจะรู้ตัวว่าถูกแอบอ้างชื่อมีสูง และมันจะทำให้นางต้องรับโทษเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงที่เป็นชนักปักหลังอยู่แล้วเวลานี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีอีกเหมือนกัน


ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงหน้าพระสุรเสียงห้าวๆ ก็ดังขึ้น


“ข้ามารับเจ้ากลับกรีนแลนด์ เมลิอานาร์”


อันที่จริงเมลิอานาร์ควรจะสะกิดใจที่ราชาหนุ่มทรงเรียกชื่อเต็มของนางอย่างคล่องพระโอษฐ์โดยไม่แสดงอาการแปลกพระทัยแม้แต่น้อยทั้งที่เพิ่งทรงทราบความจริงว่านางไม่ใช่ผู้ชายแต่เพราะมัวกังวลอยู่กับความผิดที่ตนก่อไว้ หญิงสาวจึงมองข้ามข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆนี้ไป ซ้ำนางยังรู้สึกไปเองว่าพระสุรเสียงอันแสนธรรมดาของราชาหนุ่มทั้งเข้มทั้งดุบ่งบอกถึงพระอารมณ์อันคุกรุ่นก็เลยปล่อยให้พระองค์ตรัสต่อไปโดยไม่กล้าปริปากโต้แย้ง


“หวังว่าเจ้าคงไม่ปฏิเสธข้านะ เพราะว่าเรายังมีเรื่องที่ติดค้างกันอยู่”ราชาเอลเบอเรธจงใจเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจบประโยคด้วยพระสุรเสียงกลั้วหัวเราะ


“จริงไหม...คู่หมั้นของข้า”


คราวนี้เมลิอานาร์สะดุ้งโหยงราวกับถูกผึ้งต่อย เงยหน้ามองอีกฝ่ายตาค้าง


...เขารู้!


หญิงสาวนึกด้วยความตระหนก ใบหน้าร้อนซู่ขึ้นทันทีเพราะความอับอาย ...มิน่าเล่าราชาเอลเบอเรธถึงได้เสด็จตรงมาที่บ้านของนางแทนที่จะเป็นวังหลวง ที่แท้ก็เพราะทรงทราบเรื่อง‘คู่หมั้นเก๊’ ที่นางกุขึ้นแล้วนี่เอง ทีนี้นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน


...ทำไมข้าถึงได้ดวงซวยเช่นนี้หนอ...


เมลิอานาร์ได้แต่โอดครวญในใจ ไม่อาจฝืนทนสบสายพระเนตรของราชาหนุ่มได้อีกจึงก้มหน้าซ่อนเสียในสมองอึงอลไปด้วยคำถามที่ว่า...ราชาเอลเบอเรธทรงทราบเรื่องคู่หมั้นเก๊ที่นางกุขึ้นได้อย่างไรแล้วโทษทัณฑ์ของนางจะหนักถึงขั้นไหน ...คงต้องหนักมากเป็นแน่ไม่เช่นนั้นราชาเอลเบอเรธคงไม่เสด็จมาด้วยพระองค์เองเช่นนี้หรอก


“ต๊าย ตาย ดูสิ เขินจนหน้าแดงเชียวลูกแม่” ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตหัวเราะเบาๆด้วยความเอ็นดูลูกสาว


ครั้นเห็นผู้เป็นธิดาเอาแต่ก้มหน้างุดไม่มีทีท่าว่าจะเงยขึ้นมาสนทนาโต้ตอบกับราชาหนุ่มท่านก็เลยทำหน้าที่กราบทูลเสียเอง


“ไม่ปฏิเสธหรอกเพคะฝ่าบาทเมลิอานาร์ยินดีตามเสด็จไปกรีนแลนด์ทุกเมื่อเพคะ”


“ดี”


ราชาเอลเบอเรธรับสั่งโดยไม่ละสายพระเนตรจากหญิงสาวที่นั่งตัวแข็งเป็นหินอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงข้ามพระองค์เคยชินกับภาพของ ‘ท่านเมล’ ในชุดนักบวชสีเทาเงินมาเสียนานเมื่อได้ทอดเพระเนตรเห็นนางสวมชุดกระโปรงแบบผู้หญิงเต็มตาจึงรู้สึกว่าดูแปลกไปมากหากก็เป็นความแปลกที่ชวนให้หลงใหลจนไม่รู้สึกเบื่อที่จะมองยิ่งได้เห็นหญิงสาวแสดงกิริยาเขินอายแบบสตรีเพศเช่นนี้ความรู้สึกบางอย่างก็ท่วมท้นล้นพระอุระขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เป็นความอิ่มเอิบเต็มตื้นที่พระองค์เองก็อธิบายไม่ถูกเพราะไม่เคยประสบมาก่อนรู้แต่เพียงว่ามันทำให้พระหทัยวับๆ หวามๆ พิกล


ราชาหนุ่มทรงกระแอมเพื่อขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ว่านั้นออกไปแล้วตรัสว่า


“ถ้าอย่างนั้นท่านน้าก็บอกให้นางเตรียมตัวเถอะครับ”


“เพคะ ว่าแต่..” ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจทูลถามตามตรง “ฝ่าบาทจะทรงส่งคนมารับเมลิอานาร์เมื่อใดเพคะ หม่อมฉันเอ๊ย...นางจะได้เตรียมตัวถูก”


ราชาเอลเบอเรธแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอาการเกร็งตัวของหญิงสาวที่ถูกพาดพิงถึงพระองค์รู้จัก ‘ท่านเมล’ ดีเกินกว่าจะปล่อยให้นางได้มีโอกาสคิดทำอะไรแผลงๆ อย่างเช่นการหลบหนีซึ่งนางต้องคิดจะทำแน่ๆ ดังนั้นจึงตรัสตอบมารดาของหญิงสาวไปว่า


“เดี๋ยวนี้เลยครับท่านน้า ข้ารีบ รถม้าของข้ารออยู่ด้านนอกแล้ว”


เท่านั้น คฤหาสน์โรสอคาเซียก็เต็มไปด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่ผู้คนบ่าวไพร่ต่างวิ่งวุ่นจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของที่เลดี้เมลิอานาร์จำเป็นต้องนำติดตัวไปกรีนแลนด์จนแทบจะชนกันตาย เพียงพริบตาเดียวหีบหนังหลายใบก็ถูกลำเลียงขึ้นบรรทุกบนรถเทียมม้าจำนวนสามคันต่อท้ายรถม้าคันใหญ่สีดำเทียมด้วยม้าฝีเท้าจัดสี่ตัวของราชาเอลเบอเรธเป็นที่เรียบร้อยสมใจท่านผู้หญิงเจ้าของคฤหาสน์ทุกประการ


เมลิอานาร์ยืนมองขบวนรถม้าที่เรียงเป็นแถวอยู่หน้าคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูกนางรู้อยู่เต็มอกว่าตนไม่ได้จะเดินทางไปกรีนแลนด์เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างที่มารดาเข้าใจหากกำลังจะเดินทางไปรับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่ได้ก่อเอาไว้โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสกลับมาเหยียบบ้านเกิดอีกหรือไม่โทษหลอกลวงเบื้องสูงนั้นหนักถึงขั้นประหารชีวิต โทษแอบอ้างตัวเป็นพระคู่หมั้นก็คงจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันทางรอดเดียวที่หญิงสาวมองเห็นคือการหลบหนี ทว่าราชาเอลเบอเรธก็ทรงฉลาดพอที่จะปิดทางนั้นเสียแล้วเมลิอานาร์จึงจำต้องเดินเข้าไปกอดลามารดาด้วยรอยยิ้มฝืดฝืนพร้อมกับย้ำอีกครั้งว่านางไม่ต้องการให้เกลและจีน่าติดตามไปรับใช้ที่กรีนแลนด์หญิงสาวเหลียวมองไปทางทิศที่ตั้งของพระราชวังหลวงเป็นครั้งสุดท้ายใช้สายตากล่าวอำลาท่านหัวหน้าองครักษ์ผู้เป็นบิดาแทนคำพูดก่อนจะตัดใจก้าวเข้าไปนั่งในประทุนรถปล่อยให้ม้าทั้งสี่ควบนำไปสู่ชะตากรรมอันมืดมนที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า




Create Date : 06 ตุลาคม 2559
Last Update : 6 ตุลาคม 2559 20:23:54 น. 1 comments
Counter : 669 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:12:58:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.