บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 3





สตรีวัยกลางคนร่างท้วมเดินนำขบวนสาวใช้มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลเข้มบานใหญ่ที่ยังคงปิดสนิทนางลังเลอยู่อึดใจเดียวก็ตัดสินใจขยับห่วงทองเหลืองเคาะลงกับแผ่นไม้สองสามครั้งแล้วส่งเสียงร้องเรียก


“คุณหนูเจ้าคะ แต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะท่านผู้หญิงให้เชิญคุณหนูลงไปได้แล้วเจ้าค่ะ รถม้าพร้อมแล้ว”


“ไม่ละ เจ้าช่วยลงไปเรียนท่านแม่ด้วยว่าข้าไม่สบายไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้”


“แต่...”


“ไม่มีแต่ ซอรีน ข้าไม่สบาย ไม่ต้องการให้ใครรบกวน เจ้ากลับไปเถอะข้าจะพักผ่อน”


หลังจากนั้นไม่ว่าคุณแม่บ้านจะเพียรเคาะประตูเรียกอยู่นานเท่าใดก็ไม่มีเสียงตอบจากคนในห้อง จนผู้สูงวัยกว่าจำต้องยอมแพ้ล่าถอยกลับไปด้วยความผิดหวัง


หญิงสาวเจ้าของห้องรอจนเสียงฝีเท้าด้านนอกเงียบสนิทจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมาดังเฮือกเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงไม้สี่เสาขนาดใหญ่ หากเพียงครู่เดียวประตูห้องก็ถูกเคาะดังระรัวอีกหนคราวนี้เสียงที่ร้องเรียกอยู่ด้านนอกไม่ใช่เสียงแหบเครือของคุณแม่บ้านซอรีน หากเป็นเสียงแหลมเข้มงวดของท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ต...ประมุขฝ่ายหญิงของคฤหาสน์


“เมลิอานาร์ เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก เปิดประตูให้แม่เข้าไปหน่อยซิ”


หญิงสาวเจ้าของห้องลอบทำหน้าเมื่อย ส่งสัญญาณให้สาวใช้ต้นห้องเดินไปเปิดประตูตามคำสั่งของผู้เป็นมารดาทันทีที่แผ่นไม้หนาหนักสีน้ำตาลเข้มเป็นอิสระจากกลอนตัวใหญ่ สตรีวัยกลางคนผู้มีบุคลิกงามสง่าน่าเกรงขามก็ก้าวผ่านเข้ามาในห้องกระโปรงยาวกรอมเท้าสีแดงเลือดนกที่นางสวมอยู่ช่วยขับผิวขาวผ่องเผือดแบบคนไม่เคยกรำแดดให้ดูขาวจัดยิ่งขึ้นใบหน้างดงามไม่แพ้บุตรสาวเรียบเฉยราวกับสวมหน้ากากดวงตาคมกริบทั้งคู่แลกวาดสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะเบนมาหยุดอยู่ที่เจ้าของร่างสูงโปร่งซึ่งยังคงนั่งนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่บนเตียงคิ้วเรียวสวยได้รูปของท่านผู้หญิงขมวดฉับเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจขณะที่ริมฝีปากสีแดงสดเม้มแน่นก่อนจะคลายออกพร้อมกับเสียงถามห้วนจัด


“ดูแต่งตัวเข้า นี่เจ้าจะเล่นลูกไม้กับแม่อีกใช่มั้ยเมลิอานาร์ เจ้าไม่ได้ป่วยสักหน่อยแล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้”


“ข้าไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้นี่คะ ท่านแม่ก็ทราบ”ลูกสาวตอบเสียงเนือย


“ถึงจะไม่ชอบยังไงเจ้าก็ต้องไปนี่เป็นงานเลี้ยงสำคัญที่ท่านวิลเลียมจัดขึ้นนะ ชาวบ้านชาวเมืองเขาแย่งชิงกันจะเป็นจะตายเพื่อให้ได้ไปร่วมงานแล้วดูเจ้าสิ ได้รับบัตรเชิญมาทั้งทีกลับจะไม่ไป”


“ใครอยากไปก็ให้เขาไปสิคะ ข้าไม่อยากนี่นา”


“ต๊าย เมลิอานาร์ พูดออกมาได้ยังไง นี่ฟังแม่นะ...”


ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตรู้สึกอยากจะเป็นลมกับคำตอบของลูกสาวจนต้องถอยไปนั่งยังเก้าอี้ที่สาวใช้กุลีกุจอยกมาตั้งให้


“ท่านวิลเลียมเป็นผู้ที่มีคนนับหน้าถือตามากมาย ทั้งองค์ราชาทั้งท่านพ่อของเจ้า ลูกชายของท่านก็เป็นถึงทหารองครักษ์คนสนิทของเจ้าชายรัชทายาทแถมฐานะยังมั่งคั่ง ศักดิ์สกุลก็สูง มีข้อดีครบถ้วนเหมาะสมกับเจ้าทุกอย่างขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ”


...ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่ไม่เคยนึกสนใจเลยต่างหาก...


เมลิอานาร์ไม่อยากเป็นอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ ที่พอถึงวัยมีคู่ครองก็ต้องแต่งหน้าทาปากไปปรากฎตัวตามงานเลี้ยงคอยให้ผู้ชายมาชี้นิ้วเลือกในฐานะทายาทคนเดียวของตระกูลโรเซสซัส หญิงสาวคิดว่านางมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าจะมัวตั้งหน้าตั้งตาหาสามีเช่นเดียวกับหญิงสาวเหล่านั้น


“ข้าไม่อยากทำตัวเหมือนสินค้านี่คะ” นางให้เหตุผล


“หยุดความคิดเหลวไหลของเจ้าเอาไว้แค่นั้นเลยเมลิอานาร์ก็เพราะเจ้าคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านอย่างนี้น่ะสิ ถึงยังไม่มีใครมาสู่ขอ” ท่านผู้หญิงเริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง


ความจริงสาเหตุที่ทำให้ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตต้องมานั่งเคี่ยวเข็ญให้ลูกสาวไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ก็เพราะบรรดาบุตรสาวของเพื่อนๆ ทั้งที่อายุน้อยกว่าและอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเลดี้เมลิอานาร์ต่างพากันเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นทิวแถว จนท่านผู้หญิงชักจะร้อนใจที่ยังไม่มีใครมาสู่ขอลูกสาวคนสวยสักทีท่านค่อนข้างจะตั้งความหวังกับลูกสาวคนเดียวเอาไว้มากถึงกับเคยออกปากต่อองค์ราชาผู้เป็นพี่ชายจะให้เลดี้เมลิอานาร์หมั้นหมายกับเจ้าชายรัชทายาทด้วยซ้ำแต่สุดท้ายก็ต้องอกหักเพราะฝ่ายชายชิงแต่งงานกับเจ้าหญิงจากประเทศกรีนแลนด์ไปเสียก่อนซึ่งเรื่องนี้จะโทษเจ้าชายหนุ่มก็ไม่ถนัดนักในเมื่อมีหญิงสาวแสนสวยมาให้เลือกทั้งคน ใครจะยอมหมั้นหมายกับเด็กหญิงอายุยังไม่พ้นสิบขวบกันเล่า


“แม่ไม่สนว่าเจ้าจะคิดยังไงนะเมลิอานาร์ แต่นี่คือคำสั่งถ้าเจ้าไม่ยอมไปร่วมงานคืนนี้แม่จะฟ้องท่านพ่อแล้วเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไปที่โรงฝึกอาวุธอีกเลย”เมื่อพูดดีๆ ไม่ได้ผล ท่านผู้หญิงก็ต้องใช้วิธีดั้งเดิมคือ...ขู่


เมลิอานาร์ถอนใจเฮือกใหญ่ นางไม่ได้กลัวคำขู่ของมารดาแต่ทนรำคาญคำพูดวกวนเซ้าซี้นั้นไม่ไหว หากนางปฏิเสธ แน่นอนว่าท่านผู้หญิงจะยังคงอดทนนั่งอยู่ในห้องเพื่อจะบ่นซ้ำบ่นซากเรื่องที่ลูกสาวยังไม่มีคู่ครองสักทีจนกระทั่งสว่างคาตาไม่ต้องได้นอนกันทั้งแม่ทั้งลูกทางออกที่ดีที่สุดก็คือนางต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้มารดาเสียเอง


“เอาละค่ะ...แค่ข้าไปร่วมงานก็พอแล้วใช่มั้ยคะท่านแม่”


“เมลิอานาร์ อย่าเล่นลูกไม้กับแม่นะถ้าเจ้าไปงานทั้งชุดนี้เป็นได้เห็นดีกันแน่”ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตเอ่ยเสียงเข้ม ดักคอเอาไว้ก่อนเพราะรู้ฤทธิ์ลูกสาวดี


“เจ้าค่ะๆ ข้าทราบแล้ว ตอนนี้ขอเชิญท่านแม่ออกไปก่อนนะเจ้าคะข้าจะได้เปลี่ยนเสื้อ”


แม้จะรู้ว่าลูกสาวแกล้งประชดแต่เมื่อได้รับคำตอบเป็นที่พอใจท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตก็ยอมล่าถอยออกจากห้องโดยดีหากยังไม่วายส่งสายตาเขียวปัดทิ้งท้ายเอาไว้เพื่อกำกับผู้เป็นลูกแทนคำพูดอีกชั้นหนึ่ง




รถม้าสีขาวคาดทองเทียมด้วยม้าสีขาวล้วนสองตัวมีตราสัญลักษณ์รูปกุหลาบเลื้อยและดาบอัศวินประดับอยู่ที่ประตูและดุมล้อ จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างทางในลักษณะเอียงกะเท่เร่เพราะล้อหลุดไปข้างหนึ่งชายกลางคนซึ่งทำหน้าที่สารถี ก้มๆ เงยๆพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์อย่างสุดความสามารถโดยมีสตรีสาวในชุดกระโปรงผ้าไหมยาวลากพื้นสีงาช้างยืนกอดอกมองดูอย่างใจเย็น ส่วนสตรีวัยกลางคนในชุดสีแดงอีกผู้หนึ่งนั้นยังคงนั่งหน้าบึ้งรออยู่ในรถ


“แย่จริงๆ เลยขอรับคุณหนู ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ไม่รู้ ก่อนจะออกจากคฤหาสน์ข้าก็ตรวจดูอย่างดีแล้วแท้ๆ” คนขับรถบ่นพลางส่ายหน้า


“แล้วพอจะซ่อมได้มั้ยล่ะจ๊ะลุงทอมนี่อีกตั้งไกลกว่าจะถึงคฤหาสน์ของท่านวิลเลียม” เมลิอานาร์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลหากดวงตาพราวระยับ


“ท่าจะยากขอรับ ลองล้อหลุดแบบนี้ละก็คงต้องรอให้มีคนผ่านมาอย่างเดียวเท่านั้น”


ผู้พูดเหลียวมองสองข้างทางด้วยความไม่สบายใจถนนสายนี้เป็นทางลัดที่ตัดผ่านเข้าไปในป่าละเมาะจึงค่อนข้างเปลี่ยวในเวลากลางคืนแต่เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปยังหมู่บ้านข้างๆ ได้โดยใช้เวลาสั้นที่สุดพวกที่รีบร้อนหรือต้องการประหยัดเวลาจึงมักนิยมเลือกใช้เส้นทางสายนี้แทนถนนสายหลักซึ่งอ้อมกว่ากันมาก


“ถ้าอย่างนั้นลุงก็รออยู่แถวนี้เป็นเพื่อนท่านแม่ก่อนแล้วกัน ข้าจะลองเดินไปดูแถวกระท่อมคนตัดฟืนสักหน่อยเผื่อจะเจอใครบ้าง”


“จะดีหรือขอรับคุณหนู ค่ำมืดแล้ว ให้ข้าไปเองดีกว่า”


“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ลุงอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ที่นี่แหละ เผื่อมีคนผ่านมาจะได้ขอความช่วยเหลือจากเขาได้”


เมื่อนายสาวว่าอย่างนั้น คนขับรถสูงวัยก็ไม่อาจคัดค้านได้อีกจำต้องปล่อยให้นางทำตามความประสงค์แม้จะไม่เห็นด้วยเลยสักนิดก็ตาม


เมลิอานาร์เดินไปตามถนนที่กว้างขนาดรถม้าสองคันแล่นสวนกันได้อย่างสบาย คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายพระจันทร์เต็มดวงทอแสงนวลกระจ่างอยู่บนฟ้าโปร่งไร้เมฆถนนสว่างพอจะมองเห็นทางข้างหน้าได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงจากคบไฟหรือตะเกียง หญิงสาวคุ้นเคยกับถนนสายนี้จนรู้ว่าเลยไปอีกหน่อยจะมีทางแยกเลี้ยวไปด้านขวาซึ่งนำไปสู่สะพานไม้แคบๆ ทอดข้ามลำธารใส ฝั่งตรงข้ามลำธารมีเพิงพักสำหรับคนตัดฟืนปลูกอยู่หลังหนึ่งนางเดินทอดน่องชมแสงจันทร์อย่างสบายอารมณ์เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าม้าตัวโปรดผูกคอยอยู่ที่ไหนสงสารก็แต่ลุงทอมเท่านั้นแหละ ป่านนี้คงนั่งฟังท่านแม่บ่นจนหูแฉะไปแล้ว ลุงหนอลุงช่างไม่นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่าที่ล้อรถหลุดกะทันหันนั้น...ฝีมือใคร


เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของตนเองเพลินอยู่ เมลิอานาร์จึงไม่ทันเห็นว่ามีรถม้าสีดำคันใหญ่วิ่งสวนทางมาด้วยความเร็วสูงกว่าจะรู้ตัวกีบเท้าของม้าก็ตะกุยอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว จะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น


เสียงร้องด้วยความตกใจของคนและม้าประสานกันดังก้องไปทั้งถนนคนขับรถม้ารั้งสายบังเหียนสุดแรงจนกระทั่งสามารถบังคับรถให้หยุดนิ่งได้อย่างหวุดหวิดเขาพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเสียงดัง หันมาตะคอกใส่แม่สาวตัวต้นเหตุอย่างหัวเสีย


“คุณผู้หญิงอยากตายหรือยังไงกัน มาเดินอยู่กลางถนนมืดๆไม่ถือตะเกียงอย่างนี้”


“ขอโทษทีพี่ชาย ข้าเห็นแสงจันทร์สว่างพอแล้วก็เลยประมาทไปหน่อย แต่ท่านเองก็ไม่ได้จุดตะเกียงหน้ารถเหมือนกันนี่ถ้าข้าเห็นแสงไฟหน้ารถของท่านก่อนก็คงหลบลงข้างทางไปแล้ว”หญิงสาวเถียง เสียงยังคงสั่นอยู่เล็กน้อยด้วยความตกใจนางสังเกตจากเครื่องแต่งกายสีแดงสลับดำของคนขับก็พอจะเดาได้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่เทียมด้วยม้าถึงสี่ตัวนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน


“เกิดอะไรขึ้นทหาร ทำไมไม่ไปต่อ” เสียงถามทรงอำนาจดังออกมาจากประทุนรถ


“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ คุณผู้หญิงคนนี้ขวางทางอยู่เลยทำให้ม้าตกใจต้องขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” คนขับรถเอ่ยตอบอย่างนอบน้อมแล้วรีบหวดแส้ลงบนหลังม้าพาให้รถคันงามเคลื่อนออกจากที่ทันที


เมลิอานาร์เบี่ยงตัวหลบไปเดินจนชิดขอบทางปล่อยให้รถม้าคันนั้นแล่นเลยผ่านไปโดยไม่คิดจะสนใจอีก นางไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจังหวะที่รถม้าแล่นสวนไปนั้นม่านหน้าต่างด้านข้างตัวรถได้ถูกมือของใครคนหนึ่งแหวกออกเป็นช่อง เจ้าของมือเยี่ยมหน้ามองลงมานิดหนึ่งก่อนจะออกคำสั่งให้ทหารหยุดรถม้าลงอีกครั้ง




“เมล...”


เสียงเรียกที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างทางต้องหยุดชะงักหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะเบิกกว้างขึ้นอย่างประหลาดใจ เมื่อพบว่าผู้ที่กำลังเดินแกมวิ่งตรงมาหาคือชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายแต่งกายหรูหราด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าไหมติดระบายลูกไม้ซ่อนชายไว้ในกางเกงกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มมีเส้นเงินเล็กๆ เดินเป็นลวดลายคล้ายเถาไม้เลื้อยตรงตะเข็บข้างที่เอวคาดเข็มขัดหนังนุ่มประดับอัญมณีแพรวพราวเส้นผมหยักศกสลวยสีน้ำตาลไหม้ยาวระไหล่ไม่ได้รัดรวบไว้เช่นที่ชายชาวเมืองทั่วไปนิยมกันหากแต่ปล่อยสยายให้ปลิวล้อลมอยู่เบื้องหลัง


เมลิอานาร์จำชายหนุ่มได้ในทันทีเขาคือเจ้าชายเอเดรียน...โอรสองค์ที่สองของราชาแห่งแลมพ์ตันกับพระสนมลิเดีย และถ้าเดาไม่ผิดเขาก็คงจะเป็นผู้โดยสารที่อยู่บนรถม้าสีดำซึ่งเกือบจะชนนางเมื่อครู่นั่นเอง


หญิงสาวย่อกายลงถอนสายบัวให้ชายหนุ่มตามธรรมเนียมแล้วหยุดยืนรออย่างสุภาพ


“นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน”เจ้าชายตรัสถามตั้งแต่ยังเสด็จไม่ถึงตัวอีกฝ่าย


“แต่งตัวอย่างนี้ ทำไมถึงมาเดินคนเดียวบนถนนมืดๆ รถม้าของเจ้าล่ะ”


“หม่อมฉันกับท่านแม่กำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านท่านวิลเลียมเพคะโชคร้ายที่รถม้าเกิดล้อหลุดกลางทาง หม่อมฉันก็เลยเดินมาเรื่อยๆ เผื่อจะเจอใครแถวนี้ให้ขอความช่วยเหลือได้บ้าง” เมลิอานาร์ตอบความจริงแค่ครึ่งเดียว


“รถม้าของเจ้านี่ช่างเลือกเวลาเกิดเหตุได้เหมาะจริงนะ”


เจ้าชายเอเดรียนทอดพระเนตรหญิงสาวตรงหน้าอย่างรู้ทันจนคนถูกมองต้องกระแอมเบาๆ แก้เก้อ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง


“พระองค์จะเสด็จไหนหรือเพคะ”


“ข้ากำลังจะไปบ้านท่านโจเซฟ”


...ซึ่งแปลว่าจะเสด็จไปหาเลดี้โจเซฟิน...


เมลิอานาร์ต่อให้ในใจพลางยิ้ม


“ถ้าเช่นนั้นเชิญเสด็จเถิดเพคะ พระองค์คงกำลังรีบ ไม่ต้องสนพระทัยหม่อมฉันหรอกเรื่องรถม้า หม่อมฉันจัดการเองได้”


“ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก ยังพอมีเวลาเหลือไปส่งเจ้าก่อนได้”


“เป็นพระกรุณาเพคะ แต่อย่าดีกว่า ม้าของหม่อมฉันผูกอยู่แค่นี้เอง”


เจ้าชายเอเดรียนทรงพระสรวลน้อยๆแต่ยังยืนกรานคำเดิม


“เถอะน่า ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้านดีกว่า เจ้าจะได้ให้คนมาช่วยลุงทอมเอารถม้ากลับคฤหาสน์คืนนี้เลยถึงอย่างไรทางไปบ้านท่านโจเซฟก็ต้องผ่านบ้านเจ้าอยู่ดี ถ้าให้ข้าไปส่งท่านอาจะได้ไม่กล้าดุเจ้าไงล่ะ”


เป็นเพราะคำพูดประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มแท้ๆ เมลิอานาร์จึงยอมเดินตามเขากลับไปที่รถม้าสีดำโดยดีมิได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิตอย่างที่นางเองก็คาดไม่ถึงทีเดียว




หลังจากคืนที่เจ้าชายเอเดรียนอาสามาส่งท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนเลิกวุ่นวายกับลูกสาวคนเดียวไปพักใหญ่เมลิอานาร์เลยถือเอาช่วงเวลาอันปลอดโปร่งนี้ออกไปฝึกดาบกับบิดาที่โรงฝึกจนเย็นย่ำทุกวันหากวันไหนบิดาไม่ว่างนางก็จะแวะไปเรียนเวทมนตร์กับท่านปราญช์ที่วิหารหลวงจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นหรือถึงจะเห็นก็คงไม่ทันได้คิดสงสัยอยู่ดีว่าการทำความสะอาดเครื่องเรือนครั้งใหญ่ และการตกแต่งคฤหาสน์ใหม่นั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของนางที่ตรงไหนจนกระทั่งแม่สาวใช้คนสนิทวิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นเข้ามารายงานแต่เช้าว่าเจ้าชายเอเดรียนจะทรงหมั้นกับนางนี่แหละ


“เจ้าว่าอะไรนะ” เมลิอานาร์แทบจะสำลักซุปที่กำลังตักเข้าปาก


เกลไม่จำเป็นต้องตอบซ้ำ เพราะรู้ดีว่าคุณหนูของนางได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ก็ดูจากท่าทางตกอกตกใจนั่นปะไรนางเองตอนได้ยินเรื่องนี้ทีแรกก็ตกใจเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลคนละอย่างกับผู้เป็นนาย


แม่สาวใช้กระหยิ่มยิ้มย่องนึกวาดฝันอยู่ในใจว่า ถ้าหากคุณหนูของนางได้เป็นคู่หมั้นของเจ้าชายเอเดรียนนางจะเดินยืดอกชูคอตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาดเลยทีเดียวก็เจ้าชายเอเดรียนน่ะทรงเป็นชายหนุ่มรูปงามเสน่ห์แรงที่สุดในเมืองหลวง บรรดาสาวๆไม่เว้นแม้กระทั่งแม่หม้ายต่างก็พากันหลงใหลใฝ่ฝัน อยากจะเป็นคู่ครองของพระองค์แทบทั้งนั้นถ้าหากเจ้าชายทรงเลือกที่จะหมั้นกับเลดี้เมลิอานาร์จริงคุณหนูของนางก็จะกลายเป็นที่อิจฉาของสาวๆ ทั้งเมือง แต่เกลยังอดสงสัยไม่ได้เพราะที่โรสอคาเซียไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยสักคนที่สำคัญตัว ‘ว่าที่พระคู่หมั้น’เอง ก็ดูเหมือนจะเพิ่งรู้เรื่องจากปากของนางนี่แหละ


“ตกลงคุณหนูจะหมั้นกับเจ้าชายเอเดรียนจริงหรือเปล่าเจ้าคะ” ความอยากรู้ทำให้เกลยั้งปากเอาไว้ไม่อยู่


“เจ้าบ้าไปแล้วหรือเกล อยู่ดีๆ ข้าจะไปหมั้นกับพระองค์ได้ยังไง”


“อะไรกันเมลิอานาร์ โวยวายเสียงดังจนได้ยินไปถึงห้องโถงข้างนอกแน่ะ” เสียงเข้มงวดของท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตดังนำมาก่อนตัว จากนั้นร่างสูงสง่าในชุดกระโปรงจีบใต้อกสีฟ้าสดใสก็ก้าวเข้ามานั่งลงที่หัวโต๊ะพอเหลือบไปเห็นแม่สาวใช้วัยรุ่น คิ้วที่กันเอาไว้จนโค้งคมก็ขมวดย่นเข้าหากันทันที


“อ้าว...เกล เจ้าเข้ามาทำอะไรในนี้”


“ปละ..เปล่าเจ้าค่ะ”


เกลหน้าม่อย รีบย่อกายลงทำความเคารพประมุขฝ่ายหญิงของบ้าน แล้วเดินตัวลีบออกจากห้องไปด้วยความยำเกรง


สาวใช้ประจำโต๊ะอาหารนำซุปร้อนๆ ควันกรุ่นพร้อมกับไข่ลวกสองฟองเข้ามาวางตรงหน้าผู้มาใหม่ ก่อนจะถอยไปยืนคอยรับใช้อยู่ห่างๆอย่างรู้หน้าที่


“เมื่อกี้ลูกพูดถึงข่าวลืออะไรหรือจ๊ะ แม่ได้ยินไม่ถนัด”


ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตเอ่ยถามด้วยท่าทางเรื่อยๆเหมือนชวนคุยมากกว่าจะสนใจอยากรู้จริงจัง


“ข่าวลือเรื่องคู่หมั้นของเจ้าชายเอเดรียนน่ะค่ะท่านแม่ไม่รู้ไปเอาจากไหนมาลือกันเป็นตุเป็นตะ ข่าวโคมลอยแท้ๆ เลย”


“หรือจ๊ะ แล้วเขาลือกันว่ายังไงล่ะ”


“เขาลือกันว่าพระองค์จะทรงหมั้นกับ...”


เมลิอานาร์ค้างคำพูดเอาไว้แค่นั้นเพราะเพิ่งฉุกใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้นางจ้องมองอากัปกิริยาใจเย็นผิดปกติของมารดาอย่างสงสัยจนกระทั่งท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตต้องเงยหน้าขึ้นมาดุ


“ทำไมลูกไม่พูดต่อไปให้จบล่ะเมลิอานาร์ แม่กำลังฟังอยู่แท้ๆ”


“ท่านแม่คะ ข้าถามจริงๆ เถอะ ท่านแม่รู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า”


“เรื่องอะไร”


ท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตพยายามวางหน้าเฉยไม่รู้ไม่ชี้หากก็ซ่อนพิรุธเอาไว้ไม่มิด เพราะความปลื้มปิติคอยแต่จะทำให้ริมฝีปากขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่ร่ำไปผู้เป็นลูกสาวจึงสังเกตเห็นจนได้


“ท่านแม่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สินะคะ”


“เอ๊ะ เมลิอานาร์พูดจาอย่างนี้กับแม่ได้ยังไง เบื้องหลังอะไรของเจ้าแม่ยังไม่รู้เลยว่าลูกพูดถึงเรื่องอะไร”


“ก็เรื่องที่เจ้าชายเอเดรียนจะทรงหมั้นกับข้าไงคะ ทำไมอยู่ดีๆ คนถึงได้ลือกันทั้งตลาดทั้งที่ไม่มีมูลความจริงสักนิด”


“รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีมูลความจริง”


ประโยคคำถามที่หลุดออกมาจากริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของผู้เป็นมารดาทำเอาเมลิอานาร์ชะงักไปอย่างไม่เชื่อหูท่านผู้หญิงมาร์กาเร็ตจึงถือโอกาสที่ลูกสาวยังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้นพูดต่อไปทันที


“เรื่องนี้องค์ราชาทรงให้คนมาทาบทามกับแม่ไว้แล้ว และแม่ก็ตกลงรับปากพระองค์ไปแล้วด้วยแค่ยังไม่ได้บอกให้ลูกรู้เท่านั้นเอง”


“อะไรนะคะ” คนฟังอ้าปากค้าง


“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ท่านแม่ตกลงกับองค์ราชาเอาเองได้ยังไงทำไมไม่ถามความสมัครใจจากข้าสักคำ”


“ขืนถามเจ้าก็โยกโย้อยู่นั่นน่ะสิ แม่ตัดสินใจแล้วท่านพ่อเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร พรุ่งนี้องค์ราชาจะเสด็จมาสู่ขอเจ้าให้เจ้าชายเอเดรียนอย่างเป็นทางการเจ้าเตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ”


“พรุ่งนี้!”


ทำไมทุกอย่างช่างเกิดขึ้นรวดเร็วนัก...


“ใจคอท่านแม่จะไม่ให้ข้าได้มีเวลาตั้งตัวสักนิดเลยหรือคะ” เมลิอานาร์พยายามหาทางต่อรอง


“จะต้องตั้งตัวอะไรกันจ๊ะ ก็แค่พิธีแลกแหวนแห่งพันธะตามธรรมเนียมเท่านั้นเองส่วนงานเลี้ยงประกาศหมั้น องค์ราชาทรงกำหนดจะจัดขึ้นในวังเดือนหน้าพรุ่งนี้เจ้าแค่แต่งตัวสวยๆ รออยู่ที่บ้านก็พอ แม่จะให้ซอรีนขนเสื้อผ้าใหม่ขึ้นไปไว้ให้บนห้องต่อไปนี้เจ้าจะต้องแต่งตัวให้เหมาะสม แม่ห้ามเด็ดขาดขาดนะเมลิอานาร์ไม่ให้เจ้าใส่เสื้อผ้าแบบผู้ชายอีกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะถึงวันแต่งงานเจ้าจะต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านห้ามตะลอนๆ ออกไปข้างนอกอย่างเคย เข้าใจมั้ย”


“แต่... ท่านแม่คะ ข้าต้องไปฝึกดาบกับท่านพ่อนี่นา”


“เรื่องนั้นก็ขอให้เลิกซะด้วย เจ้ากำลังจะเป็นพระชายาของเจ้าชายเอเดรียน ดังนั้นต้องรู้จักวางตัวให้เหมาะสมเอาเถอะยังพอมีเวลาอีกระยะหนึ่งกว่าเจ้าจะเข้าไปอยู่ในวังแม่จะเป็นคนอบรมวิชาการบ้านการเรือนและการวางตัวของกุลสตรีให้เจ้าเอง”


...โอ๊ย...ใครก็ได้ช่วยบอกข้าทีนี่มันฝันร้ายใช่มั้ย...


เมลิอานาร์ได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจอาหารเช้ามื้อนั้นดูเหมือนจะติดอยู่แค่ลำคอจนนางกลืนอะไรไม่ลงอีกต่อไปหญิงสาวรู้สึกมึนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไรตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงต้องเป็นนาง ที่สำคัญ...เจ้าชายเอเดรียนทรงทราบเรื่องนี้หรือยัง?


...น่าจะยัง...


หญิงสาวสรุปเอาเอง เพราะถ้าทรงทราบ มีหรือที่เจ้าชายหนุ่มจะทรงยอมรับง่ายๆใครๆ ก็รู้ว่าพระองค์มีคู่รักลับๆ อยู่หลายคนด้วยกัน ทั้งที่ออกหน้าและไม่ออกหน้าแต่ละคนก็ล้วนเป็นสาวงามขึ้นชื่อทั้งนั้น เมลิอานาร์มั่นใจว่า หากเจ้าชายเอเดรียนทรงคิดจะมีคู่ครองขึ้นมาจริงๆพระองค์คงจะเลือกหนึ่งในบรรดาสาวๆ เหล่านั้นแหละ ไม่ใช่นาง หญิงสาวตัดสินใจได้ในนาทีนั้นว่าจะต้องไปเจรจากับเจ้าชายเอเดรียนให้รู้เรื่องอย่างเร่งด่วนถ้าหากโชคดีได้รับความร่วมมือจากชายหนุ่มบางทีพรุ่งนี้องค์ราชาอาจไม่ต้องเสียเวลาเสด็จมาที่โรสอคาเซียเลยก็เป็นได้




Create Date : 03 เมษายน 2559
Last Update : 21 เมษายน 2559 6:03:47 น. 2 comments
Counter : 565 Pageviews.

 


โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 7 สิงหาคม 2559 เวลา:18:35:13 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:57:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.