|
10 ธุรกิจ รุ่งและร่วงในปีเถาะ 2011
ม.หอการค้าจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวเด่น - 10 ธุรกิจดาวดับ ในปี 2554 บริการการแพทย์-ยาพุ่งแรงมาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสถานีบริการและจำหน่าย LPG และ NGV ขณะที่สิ่งทอ สถานบันเทิงขนาดเล็ก เครื่องหนังดวงตก เชื่อเศรษฐกิจโตเกิน 4% ถึง 5.3%
วันที่ 16 ธ.ค.2553 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่ามีการจัดอันดับ 10 ธุรกิจเด่นในปี 2554 ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการทางการแพทย์และยา ผลจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศและธรรมชาติ คนไทยและต่างชาติหันมาสนใจด้านสุขภาพมากขึ้น 2.สถานีบริการและจำหน่าย LPG และ NGV เพราะราคายังต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 3.สถาบันการเงิน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก 4.กระดาษและสิ่งพิมพ์ เพราะมีเม็ดเงินจากการจัดการเลือกตั้งและโครงการต่างๆ ของภาครัฐ 5.เคมีภัณฑ์ เติบโตตามการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมและยานยนต์ และอานิสงส์จากบาทแข็ง
6.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ความต้องการเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าของประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น 7.พลังงานทดแทน จากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและการรณรงค์ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 85 8.ยานยนต์ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การลดภาษีสำหรับรถยนต์นั่งที่ใช้พลังงานทดแทน ราคาพืชผลดี และธุรกิจการศึกษา ประชาชนเห็นความสำคัญของการศึกษาเพิ่มขึ้นและความต้องการงานวิจัยและวิชาการ ระดับสูงมากขึ้น 9. ยางพาราและผลิตภันฑ์ยาง เพราะแนวโน้มราคาสูงขึ้นจากความต้องการมากขึ้น 10.ธุรกิจการเกษตร ความต้องการสูงขึ้นและต้นทุนนอกประเทศแพงทำให้ราคาต้องสูงตาม และธุรกิจร้านทอง อานิสงส์จากค่าบาทแข็งและการเก็งกำไรจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
สำหรับ 10 ธุรกิจดาวร่วงปี 2554 ซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำและการอิ่มตัวของธุรกิจ หลังจากที่มีแข่งขันเพิ่มจำนวนในอดีต ได้แก่ สิ่งทอ สถานบันเทิงขนาดเล็ก เครื่องหนัง อาคารสำนักงาน บ้าน โรงงานทอผ้า เฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมฟอกย้อม คอนโดมิเนียมที่ไม่มีอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน ของเล่นเด็ก ร้านค้าดั้งเดิม (โชห่วย) รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก
ที่มาบทความ www.thaiinsider.info
Create Date : 20 ธันวาคม 2553 | | |
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 13:07:25 น. |
Counter : 613 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทำไม SMEs ถึงตาย และทำอย่างไรจะอยู่รอด
มุมมองจากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ วิพากษณ์ตามสะดวก
ธุรกิจ SMEs เล็กๆนั้น มีเพียง 5% เท่านั้นที่อยู่รอดหลังผ่านไป 5 ปี ของเราก็โชคดีที่ ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายในระยะแรกๆ ก็จึงอยู่รอดมาได้ ก็ถือว่าโอเค สาเหตุหลักที่ SMEs ส่วนมากพังพาบไปนั้น ก็เพราะแหล่งรายได้ที่เขาคาดหวังตอนเริ่มทำธุรกิจหายไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เพราะส่วนมากแล้ว SMEs เริ่มทำธุรกิจ เพราะมีลู่ทาง เช่น -- คุณ ปิ๋ม ทำเบเกอรี่ เพราะรู้จักเจ้าของร้านขนมที่เอาไปฝากขายได้ -- สมชาย ขายน้ำมันหนีภาษี เพราะมีเพื่อนสมรู้ร่วมคิดในบริษัท -- ป๊อป ทำ trading เพราะเพื่อนมีเงินทุน และ ลูกค้าเก่าสมัยเป็นเซลล์ เพราะฉะนั้น -- คุณ ปิ๋ม จะขายต่อไม่ได้ หากเพื่อนไม่เอาขนมไปขายให้ -- สมชาย จะขายต่อไม่ได้ หากเพื่อนไม่เอาด้วย -- ป๊อป จะทำ trading ต่อไม่ได้ หากเพื่อนไม่ออกทุนต่อ หรือลูกค้าเก่าจำนวนนั้นเกิดเปลี่ยนใจ เพราะฉะนั้น การที่เราจะทำ SMEs ทีเกิดแล้วให้รอดได้นั้น ต้องอุดรูรั่วเหล่านี้ให้ได้ ต้องไม่ยึดติดอยู่กับเหตุปัจจัยที่ทำให้เราอยู่ได้ และต้องไม่ตาย หากเหตุปัจจัยเหล่านั้นหมดไป ไม่มีทางที่บริษัทใดจะทำได้ perfect แต่ เราก็จำเป็นจะต้องคิดตลอดเวลาว่า ถ้าเราไม่มีตรงนี้ หรือตรงนั้นแล้ว จะอยู่กันได้อย่างไร แล้วก็ต้อง บริหารจัดการกันไป ด้วยทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ เพราะฉะนั้น -- คุณ ปิ๋ม จะเติบโตต่อไปได้ หากพัฒนาผลิตภัณฑ์หาฐานลูกค้าใหม่อยู่เสมอ -- สมชาย จะเติบโตต่อไปได้ หากรู้จักหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเจาะฐานลูกค้าเดิม -- ป๊อป จะเติบโตต่อไปได้ หากรู้จักมองหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆ
Create Date : 31 ตุลาคม 2553 | | |
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 11:36:52 น. |
Counter : 384 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
การเอาตัวรอดของธุรกิจขนาดเล็ก ภาคเฉลย ทฤษฏีสิงโตกินเหยื่อ
สวัสดีครับมาเฉลยละครับ ใครมาอ่านตรงนี้ก่อน แนะนำไปอ่าน blog ก่อนหน้านี้นะครับ จะได้ไม่งง
วิธีที่จะไม่ถูกสิงโตกินนั้นก็คือ "วิ่งให้เร็วกว่าคนที่วิ่งช้าที่่สุด"
ขอวิเคราะห์ทีละประเด็นนะครับ จินตนาการในเชิงธุรกิจไปด้วยนะครับ
ประเด็นแรกที่บอกว่า ให้รวมกลุ่มกันสู้นั้น เป็นไปได้ แต่คงยากสักหน่อย เพราะมนุษย์ (รายย่อย) สักกี่คนที่จะสู้กับสิงโต (ยักษ์ใหญ่) ได้ โดนกัดทีหนึงคนจะวิ่งแต๋วแตกกันไปหมดแล้ว ยิ่งเป็นมนุษย์ที่ทักษะการต่อสู้ (เงินทุน ความถนัด ช่องทาง) ต่ำ ยิ่งแพ้ ตายอนาจกันหมด และคุณจะไว้ใจได้อย่างไร ว่าคนอื่นจะหันมาสู้กับคุณ ขณะที่คุณต่อสู้อยู่หันมาอีกที มนุษย์อื่นคงจะวิ่งเปิดแน่บ (หาสินค้า บริการใหม่ๆ) กันไปหมดแล้วก็ได้
ประเด็นที่สองที่บอกว่า วิ่งให้เร็วที่สุดนั้น อันนี้ถ้าเลือกได้ ใครๆก็คงอยากจะวิ่งให้เร็วที่สุด ใช่ไหมครับ แต่ถามว่าในความเป็นจริง นักท่องเที่ยว (ธุรกิจรายย่อย) อย่างเราๆ จะมีกำลังวังชาไปวิ่งให้เร็วกว่าคน (ธุรกิจรายย่อย) อื่นๆ ได้อย่างไร ถ้าจะทำกันจริงๆ คงต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจกันสุดๆ เกรงใจว่าจะขาดใจกันไปก่อน แต่เชื่อว่าท้ายที่สุด แล้วหากนักท่องเที่ยวมีประสบการณ์โดนสิงโตใล่กันมาแล้ว ก็คงต้องฝึกฝนให้วิ่งได้เร็วที่สุดกันต่อไปครับ....
เห็นคำตอบเพิ่มขึ้นมาจากคุณหนุ่มตัวตันครับ น่าสนใจ ที่บอกว่า "แกล้งตาย" ที่บอกว่าไร้สาระนั้น ความจริงถ้ามานั่งคิดดีๆ แล้วไม่เลยนะครับ เป็นคำตอบที่ผมคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ การทำเป็นแกล้งตาย หรือการกระทำใดๆ ให้สิงโต เลิกที่จะมาจับจ้องกินเหยื่ออย่างเรา เป็นหนทางที่ดี และน่าจะปลอดภัยมากอีกประการหนึ่งเลยนะครับ
ออกตัวอีกทีนะครับว่า ผมไม่ใช่อาจารย์ ความเห็นผิด ถูก วิเคราะห์กันได้นะครับ มาว่ากันต่อในประเด็นของการ วิ่งให้เร็วกว่าคนที่วิ่งช้าที่สุดนะครับ ความหมายก็คือการที่เราจะไม่ต้องทุ่มเทสรรพกำลัง ทั้งหมด หรือ เกินจากศักยภาพที่เรามีอยู่ ถ้าจะวิเคราะห์กันต่อไปในกรณีนี้ก็คือ สิ่งที่เราจะต้องเอาชนะ ไม่ใช่สิงโตครับ อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ใน ขณะที่คุณยังเป็นเพียงนักท่องเที่ยวอยู่ แต่สิ่งที่คุณต้องเอาชนะให้ได้ คือนักท่องเที่ยวด้วยกันนั่นเองนะครับ ฮึดด้วยพลัง (สติปัญญา ความพยายาม และอื่นๆ) เท่าที่คุณมี เพื่อไล่แซงไปทีละคน ทีละคนครับ จนมาถึงจุดที่ผมว่าน่าจะยากที่สุด คือ จุดที่คุณอยู่ข้างหน้า ทุกคนแล้ว.... ตอนนี้คนที่เหลือ ถ้าไม่โดนสิงโตกิน ก็พลัดหาย ตกเหว ห่อเหี่ยว หรือ แกล้งตาย กันไปหมดแล้ว
ทีนี้เราจะทำอย่างไร เมื่อมีแต่คุณที่ดูแข็งแรง วิ่งเป็นเหยื่อสิงโตอยู่คนเดียว
Create Date : 29 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 17:41:59 น. |
Counter : 381 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
การเอาตัวรอดของธุรกิจขนาดเล็ก ทฤษฎีสิงโตล่าเหยื่อ
การเอาตัวรอดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันสารพัดรูปแบบ นับเป็นจุดสำคัญที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ใครไม่ทำคงไม่รู้ว่า ความเหน็ดเหนื่อยจากการหลีกหนีคำที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นมันมากมายเพียงใด นอกจากต้องมาระวังพวกเดียวกันแล้ว ยังต้องระวังรายใหญ่ๆ ที่คอยจ้องจะกัดกลืนกินให้เราหายสาบสูญไปอยู่เสมอ วันนี้ผมมีแนวคิดแบบหนึ่งมาฝากกัน เผื่อจะมีใครนำไปประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจของตนเองได้ครับ
ประการแรก อยากให้ทุกคนจำลองสถานการณ์ว่า หากคุณกำลังเดินอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยว ในทุ่งหญ้าซาวานนา สักสิบคน แล้วมีสิงโตดุร้ายตัวหนึ่ง โผนทะยานมาใส่กลุ่มของคุณ คำถามก็คือคุณจะทำอย่างไร ให้รอดจากการเป็นเหยื่อสิงโตร้ายตัวนั้น??
คิดก่อนตอบนะครับ นี่เป็นคำถามในเิชิงธุรกิจ มิใช่คำถามกวนอะไรแต่อย่างใด เอาไว้จะกลับมาเฉลยนะครับ (ถ้าไม่มีคนตอบเลยก็ฟาว์ลไปครับ)
ผมไม่ให้ตัวเลือกนะครับ เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้จินตนาการ (ทางธุรกิจ) กันได้อย่างเต็มที่
บอกแค่ว่า ถ้าคุณตอบถูก คุณก็เป็นหนึ่งในผู้มีศักยภาพที่จะประกอบธุรกิจคนหนึ่งละครับ
Create Date : 29 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 9:35:08 น. |
Counter : 450 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บทเรียนธุรกิจ หลอกกันคราวนี้เจ็บแสบนัก
อันนี้เป็นเรื่องเล่าที่ผมได้รับแบ่งปันประสบการณ์จากนักแปลท่านหนึ่งที่มาร่วมงานกับเราครับ ฟังแล้วก็เจ็บลึกแทน ได้แต่ตบหลัง ตบไหล่กันไป กับประสบการณ์เจ็บแสบที่โดน ศูนย์แปลแห่งหนึ่ง (แน่นอนไม่ใช่ ของผมแน่ครับ) หลอกต้มเอา
คือเรื่องมันมีอยู่ว่า นักแปลท่านนี้รับแปลงานมาชุดใหญ่มาก ชุดหนึ่งจากศูนย์การแปลแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็บอกชื่อมาอย่างดี แต่คงไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้นะครับ เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่เร่งมาก
ศูนย์การแปลแห่งนี้จึงให้ค่าแรงเยอะ (ผิดปกติ) และเร่งให้ทำให้เสร็จทันเวลา เมื่อส่งงานไปแล้วครึ่งแรก ก็ได้รับผลตอบลัพธ์กลับมาดีมาก ชื่นชมโสมนัส ว่างานแปลของคุณดีจัง ดีใจเหลือเกินที่ได้คุณมาช่วยทันเวลา แต่เราต้องเร่งให้ทันให้ได้นะครับ รบกวนหน่อย
นักแปลเอกสารของเราคนนี้ก็เลย ระดมเพื่อสนิทในวงการมาช่วยกันใหญ่ ไหนๆก็รับแปลมาแล้ว ออกแนว agent ชั่วคราว บอกหมดงานนี้ แบ่งตังค์กันได้
เอาล่ะสิครับ ทีนี้เพื่อนๆก็แบ่งงานกันไปวุ่นวายไปหมด เพื่อจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ จนในที่สุดงานแปลชิ้นเอกก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อถึงวันส่งมอบงาน ศูนย์แปลแห่งนี้เอางานไปและกลับบอกกับนักแปลของเราว่า งานห่วยมาก แย่มาก เละมาก ไม่สามารถให้ค่าจ้างได้หรอก และก็เชวิบงานชิ้นนั้นไป โดยที่ไม่จ่ายค่าจ้างให้นักแปลของเราท่านนี้แม้แต่บาท สตางค์เดียวครับ ความเจ็บใจมันฝังลึก เพราะต้องลงทุนลงแรงไปฟรี จะไปฟ้องเขาก็คงไม่คุ้มค่า
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เสียเพื่อนสนิทไปเลยนะครับ เพราะไม่มีเงินไปจ่ายเขา ไปสัญญิง สัญญาว่าจะให้จะแบ่ง ก็ใช้ความพยายามสติปัญญากันไปมากมาย งานนี้เจ็บลึกสุดๆนะครับ
ก็อยากจะขอฝากเตือนนักแปลทุกคนหน่อยนะครับ รับแปลงานอะไรมาต้องดูดีๆ อะไรที่มันดูดีเกินไป มันอาจจะส่งผลที่ไม่ดีในภายหลังได้นะครับ โชคดีทุกคนครับ
ที่มา รับรองเอกสาร
Create Date : 26 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 11:31:44 น. |
Counter : 391 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|