Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
CATBEAR พาเที่ยวอิตาลี 9 วันเต็ม พร้อมแนะนำแพลนเที่ยวเด็ดๆ สถานที่ไหนต้องโดน ห้ามพลาด!!

มีคลิปท่องเที่ยวอิตาลีครั้งนี้ด้วย อย่าลืมเข้าไปดูกันนะค่า

ปูลู : หน้าปกคลิปเหมือนกันหมด แต่คนละคลิปกัน ทั้งหมด มี 5 คลิปจ้า


( รีวิวดีงาม : พ่อหมี / ตัดต่อวิดิโอง่อยๆ : แม่แมว )
ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่หลายๆคนฝันที่อยากจะไปสัมผัส เพราะสถานที่ต่างๆของเขานั้นล้วนแต่โด่งดังและติดตาเรามาโดยตลอด เช่น โคลอสเซียม หรือ หอเอนปิซ่า หรือไม่ก็เมืองแห่งน้ำ เวนิส ที่หลายๆคนบอกว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดที่โลก เราก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นที่ต้องการจะไปเห็นกับตาว่า สิ่งที่คนเขาพูดกันว่า ประเทศนี้มีสถานปัตกรรมที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นจริงหรือไม่ 

"ไม่ว่าจะอ่านรีวิวหรือดูภาพในอินเตอร์เน็ตกี่ร้อยกี่พันรูป ก็ไม่เท่าไปเห็นเองด้วยตา" 

ทริปนี้เป็นการไปยุโรปครั้งแรก เพราะปกติเราจะวนๆอยู่แต่ในเอเชียเช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง หรือ เกาหลี สิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างแรกสุดก็คือ การนั่งเครื่องบิน เพราะเรามีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักในการบินเวียน(Transit) โดยทริปนั้นเราไปโอซาก้าแต่ลองประหยัดงบโดยการบินสายการบินของจีนต้องไปต่อเครื่องที่มาเก๋า ซึ้งไม่ประทับใจอย่างแรง 

รอบนี้เราเลยตัดสินใจบินตรงกับ "การบินไทย" (ราคาโหดมากเมื่อเทียบกับสายการบินอื่นๆ) แต่ข้อดีคือบินตรง 10กว่าซม.ไปถึงเลย และเป็นการบินดึกไปถึงเช้า ซึ่งเราสามารถเที่ยวได้ทันที (ประหยัดค่าโรงแรมไป1คืน) 

โดยเพลนของเราคือ บินออกจากกรุงเทพ ดึกวันที่ 9/4/58 และไปถึงโรมวันที่ 10/4/58 เวลาประมาณ7 โมงเช้า โดยเราแพลนการเที่ยวของเราคือ















Day 1-2-3 Santa Maria Maggiore, Fontana di Trevi, Colosseum, Arch of Constantine, Spanish steps and Via Condotti, Vatican ,Saint Peter's Square, Vatican Museums, Piazza Navona and Pantheon, (นอนโรม 3คืน)

Day 4 เดินทางไป Pisa เพื่อไปดูหอเอนปิซ่าแล้วเดินทางต่อไปยังเมือง La Spezia (นอน La Spezia)

Day 5 เดินทางไปยัง 5 หมู่บ้าน Cinque Terre ได้แก่ Riomaggiore-Manorola-Corniglia-Vernazza-Monterosso (นอน La Spezia)

Day 6 เดินทางไป FIRENZE ไปเที่ยว Duomo ประจำเมือง และเดินทางต่อไปยัง Venice (นอน Venice)

Day 7 เที่ยวใน Venice ทั้งวัน (นอน Venice)

Day 8 เดินทางไป MILANO เดินเที่ยวบริเวณ Duomo และ Galeria vittorio emanule II (นอน Milan)

Day9 เดินทางกลับประเทศไทย

ดูจากแพลนแล้วจะสังเกตว่า แพลนเรานั้นจะค่อนข้างหลวม เพราะเราต้องการเดินชิลเก็บบรรยากาศมากกว่า รีบๆไปแบบ ชะโงกทัวร์ บางวันก็ตื่นสายด้วยซ้ำไป

ช่วงที่เดินทางไปคือช่วงสงกรานต์ เดือนเมษายน อากาศที่อิตาลีจะยังหนาวอยู่นิดๆ คือ ช่วงเช้าและเย็นนั้นอากาศจะเย็นๆค่อนไปทางหนาว แต่ช่วงกลางวัน แดดจะแรงมาก เราเดินเที่ยวนั้นมีเหงื่อออกเลยทีเดียว

เรื่องการทำวีซ่าจะไม่ขอพูดถึงเพราะ มีหลายรีวิวที่ดีมากๆแต่ทำตามกันได้ วีซ่าขอไม่ยากและคิวในการรอนานมากๆ หลับแล้วหลับอีก 

เราจะมาเริ่มเจาะลึกลงรายละเอียดในแต่ละวันกันเลย เริ่ม!!!!!!



Day1

หลังจากเราลงเครื่อง ผ่าน ตม. ล้างหน้าล้างตา รอกระเป๋าเดินทาง ก็กินเวลาไปร่วมๆ 2ชม. (คนอื่นไม่ช้าขนาดนี้หรอก ถ้ามากับทัวร์คงโดยด่ากระจายโทษฐานทำให้คนอื่นเสียเวลา) 

เราเลือกเข้าเมืองโดน รถไฟ Leonado Express ค่าโดยสารคนละ 14EUR ใช้เวลาประมาณ 30นาที ก็จะถึงสถานี Stazione Termini (สถานีแตร์มินี) ซึ่งเป็นสถานีหลักของเมือง ทั้งรถไฟใต้ดิน บนดิน ที่มาจากเมืองอื่น จะต้องมาจอดที่นี้ทั้งสิ้น 

เมื่อมาถึงเราก็หาร้านโทรศัพท์เพื่อซื้อซิมอินเตอร์เน็ต ไว้ใช้ในการหาข้อมูลและ Google map(มีประโยชน์มากๆเพราะนอกจากจะหาพิกัดที่เราจะไปแล้วยังบอกรายละเอียดการเดินทางด้วย รวมถึงป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุด,บอกสายรถเมล์และจำนวนป้ายว่ากี่ป้ายจะถึงปลายทาง ดีมากๆ ทริปนี้ที่โรมเรานั่งรถไฟใต้ดินแค่ 1ครั้งเอง ที่เหลือนั่งรถเมล์ทั้งหมด)

เราเลือกพักแถวๆสถานีเพราะง่ายในการเดินทางและต่อรถไฟไปเมืองอื่นๆ โดยที่พักเราไม่ไกลจากสถานีมากนัก เดินประมาณ 5-8นาที(ถ้าไม่หลง) โดยเรานอนที่โรงแรม Smart Hotel หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จเราก็เริ่มท่องเที่ยวทันที โดยที่แรกเราเดินไปยัง 

Santa Maria Maggiore(มหาวิหารแม่พระองค์ใหญ่) อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Termini เข้าชมฟรี โดยก่อนเข้าไปเที่ยวเราได้ซื้อไอติม Gelato เป็นรถขายขนมหน้า วิหาร ในราคา 2EUR และรสชาติไม่อร่อยเลย มารู้ที่หลังว่า ตามร้านใหญ่ขายแค่ 1.2eurและอร่อยกว่ามาก สงสัยโดยพี่มืด(เป็นคนขาย)รับน้องที่ประเทศนี้เสียแล้ว จากนั้นเราก็เดินเล่นแถวๆนี้และแวะตลาดขายของเหมือนตลาดนัดของคนที่นี้ แวะหาข้าวกินที่ร้านอาหารริมทางจากนั้นก็เดินกลับไปที่สถานี เดินสำรวจบริเวณรอบๆ และกลับที่พัก






Day 2

วันนี้เราจะเดินทางไปยัง Vatican และเข้าชม Vatican Museums แนะนำสำหรับคนที่มีแผนที่แน่นอนอยู่แล้วในจองตั๋วออนไลน์ได้เลยเพราะ คิวหน้าประตูยามาก!! 500-1000คน!! ฟังไม่ผิดค่ะ ประมาณไม่ถูกเลยทีเดียว โชคดีที่น้ำซื้อออนไลน์มาแล้ว เราจะได้เข้าทันที!! ภายใน Vatican Museums มีขนาดใหญ่มาก ใครที่อินกับ สถาปัตกรรม อาจอยู่ได้เป็นวันๆ แต่สำหรับเราที่ไม่ค่อยอินมากนัก ก็เลยอยู่ไม่นานเท่าที่ควร 555 จากนั้นก็ออกมาแล้วเดินไปในส่วนของ Saunt Peter's Square (มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์) เป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่มากและสวยงามมากๆ เชื่อว่าทุกคนที่เดินทางมาโรม ต้องมาที่นี้ทุกคน แต่น่าเสียดายวันที่เราไปเขามีการทำพิธีกรรมภายในเลยไม่มีโอกาสได้เข้าชมภายใน มหาวิหาร






จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Pantheon เป็นวิหารยุคโรมันเกาแก่มาก วิหารนี้ใช้แสงสว่างจากช่องว่างของโดมด้านบนเพื่ออย่างเดียว แต่เพราะการออกแบบที่ดี ทำให้ได้รับแสงสว่างทั่วทั้งวิหารจากนั้นเดินต่อไป Piazza Navona เป็นเหมือนจัตุรัสกลางเมืองมีทั้ง น้ำพุ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบริเวณรอบๆก็มีร้านค้าแบรนด์เนมให้เลือกชอปกันตามอัธยาศัย



Day 3

วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินไปขึ้นที่สถานี Metro B Colosseo, โดยเราใช้บัตรเบ่ง Roma pass ในการเข้าชมซึ่งไม่ต้องต่อคิวยาวๆ จะมีช่องพิเศษให้เดินเข้าได้เลย โคลอสเซียม ยิ่งใหญ่และดูขลังมาก นักท่องเที่ยวก็มากเช่นกัน หามุมถ่ายที่ไม่ติดคนไม่ได้เลย จริงๆแล้วโคลอสเซียมเสียหายไปมากจากสมัยโรมัน เรายังนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์จะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน จากนั้นเดินไปบริเวณ Arch of Constantine(ประตูคอนสแตนติน) แวะถ่ายรูปเล็กน้อย แล้วเดินทางต่อไปยัง Spanish steps คนเยอะมากๆๆๆๆฝรั่งชอบมานั่งตากแดดกัน ไม่เหมือนคนไทยหลบแดดกันให้วุ่น บริเวณนี้ติดกับถนน Via Condotti ซึ่งเป็นที่รวบรวมแบรนด์ HI-END ทั้งหลาย ราคาก็สูงตามชื่อแบรนด์ จากนั้นเราเดินต่อไปที่ Fontana di Trevi(น้ำพุเทวี) ซึ่งช่วงที่เราไปกำลังปิดซ่อมแบบเต็มรูปแบบคือไม่เห็นอะไรเลย เลยอดนำภาพสวยๆมาฝากกันเลย


Day4

วันนี้เราตื่นแต่เช้าและมีโอกาสได้กินอาหารเช้าของโรงแรม(นอน3คืน มากินวันสุดท้าย) จากนั้นเรานั่งรถไฟ Intercity ซึ่งเราจองไว้แล้วจากประเทศไทย มุ่งตรงไปยัง Pisa Centrale ใช้เวลาเดินทาง 3ชม. เมื่อมาถึงเราก็ฝากกระเป๋าไว้ที่รับฝากที่สถานี แล้วนั่งรถเมล์สาย LAM Rossa ไปลงบริเวณ วิหารและหอเอนปิซ่า หอเอนปิซ่ามันเอนจริงๆ และคนก็เยอะจริงๆ กว่าจะหามุมถ่ายภาพที่ไม่ติดคนได้นั่นยากมากๆ เราอยู่บริเวณนี้ไม่นานมาก ประมาณ 1 ชม เราก็กลับไปที่สถานีรถไฟเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วเรา นั่งรถไฟ Intercity ต่อไปยังเมือง La Spezia ซึ่งคืนนี้เราจะนอนกันที่นี้ โดยที่พักของเราคือ Affittacamere Altamarea ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก


Day5

วันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวในเขต Cinque Terre โดยก่อนที่จะเดินทางเราซื้อตั๋วรถไฟแบบรายวันสำหรับนักท่องเที่ยว 1 Day Cinque Terre Train Card: € 10 สามารถเดินทางด้วยรถไฟในเขต Cinque Terre ได้ไม่จำกัดเที่ยว คุ้มมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปทุกๆเมือง โดยแต่ละเมืองห่างกันแค่ 5นาทีโดยรถไฟ เมืองแรกที่เราไปถึงคือ 

Riomaggiore เมืองนี้ผังเมืองคล้ายๆพระจันทร์เสี้ยวโดยจุดที่ยื่นออกมาเราสามารถไปยืนแล้วถ่ายรูปย้อนกลับมาที่เมืองได้ 

Manorola เมืองนี้เป็นไฮไลท์ของเขตนี้ เป็นเมืองที่ทุกคนต้องเคยเห็นรูปมาแล้วอย่างแน่นอน จะมีทางเดินเลียบเขาไปแล้วถ่ายรูปย้อนกลับมาที่เมือง สวยมากๆ ขนาดถ่ายด้วย มือถือยังเหมือนภาพโปการ์ดเลย

ส่วนเมืองอื่นๆก็จะมีลักษณะเหมือนเมืองติดทะเลปกติ ที่พิเศษหน่อยคือเมือง Monterosso เพราะมีชายหาดยาวเลียบไปกับทะเล ช่วงหน้าร้อนที่นี้เป็นที่นิยมมากของคนอิตาลีในการมาพักร้อน

เมื่อเที่ยวจนมืดเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่ La Spezia เพราะเราพักที่นี้อีก 1 คืน





Day 6

หลังจากเช็คเอ้าท์เราก็นั่งรถไฟ Intercity ไปที่เมือง Firenze ใช้เวลาประมาณ 2ชม. เมื่อมาถึงเราก็ทำการ ฝากกระเป๋าที่จุดรับฝาก แล้วเดินไปยัง Duomo ประจำเมือง แล้วเราก็ซื้อตั๋วสำหรับขึ้นหอระฆังเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบน ทางขึ้นเป็นบันไดหินแคบๆและเล็กมากๆเดินวนขึ้นไป 414ขั้น!! มีจุดพักทุกๆ100ขั้น สำหรับคนที่กลัวความสูงและที่แคบๆอาจลำบากหน่อย น้ำเป็นคน กลัวความสูง กลัวที่แคบ กลัวความมืด โดนเต็มๆ ขาลงเกือบหัวใจวายตาย มันชันและแคบมาก เหมือนอยู่ในถ้ำมืดๆ เกือบถอดใจ และเกือบถอดรองเท้าขึ้นบันได ด้วยความที่กลัวตกบรรได น้ำใช้วิธีเจาะรูรองเท้าเพิ่มด้วยเข็มจากรองเท้านี่แหละ!! เพื่อให้รองเท้าแน่นขึ้นไม่โครงเครง (รู้เลยว่าคนจวนเตียนเจียนตายมันดิ้นรนทุกอย่าง555) แต่เมื่อขึ้นไปแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะเราจะเห็นวิวเมืองทั้งเมืองรวมถึงเห็น มหาวิหารฟรอเลนซ์ที่อยู่ด้านข้างด้วย จากนั้นเราก็นั่งรถไฟต่อไปยัง เมือง เวนิส โดยใช้เวลาประมาณ 2ชม เราก็จะถึง สถานี Venezia S. Lucia โดยคืนนี้เราพักที่โรงแรม Abbazia De Luxe โดยห่างจากสถานีเพียง 3นาที





Day 7

วันนี้ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวเราต้องซื้อตั๋วเรือก่อน เพราะที่เมืองเวนิสนี้ใช้เรือในการเดินทางเป็นหลัก โดยเราเลือกซื้อตั๋ว Ferry 12 hours เพราะเราจะอยู่ที่นี้ทั้งวัน การขึ้นเรือก็ไม่ยากมีป้ายจอดชัดเจนและมีบอกเส้นทางตลอด โดยสถานที่สำคัญๆของเมืองก็ได้แก่ Piazza san Maeco, Basilica San Marco, Doge's palace, โดยเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก ค่าครองชีพเลยสูงตาม ทั้งของคาวของหวานจะราคาแพงกว่าเมืองอื่นๆ แต่แลกกับความสวยงามของตึกรามบ้านช่องก็ถือว่าคุ้มค่าในการเดินทางมา โดยวันนี้เราก็พักที่ Abbazia De Luxe ในเวนิสอีก1คืน





Day 8

วันนี้เราตื่นสายๆหน่อย หลังจากเช็คเอ้าท์ก็หาร้านอาหารริมคลองเวนิสนั่งกินและนั่งรถไฟไปเมือง MILAN ใช้เวลาเดินทาง 2.30ชม. เมื่อไปถึงเราก็เดินทางไปโรงแรมที่พักโดยอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟเลย จากนั้นเราก็นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่ Duomo station เพื่อไปเที่ยว มหาวิหารประจำเมือง โดยเมืองนี้มีความเจริญเยอะที่สุดในทริป เราเพิ่งจะเป็นตึกสูงๆทันใหม่ที่เมืองนี้ จากตลอดทั้งทริป บริเวณนี้มีทั้ง ร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย โดยไอติม เจลาโต้ที่เมืองนี้ เราว่าอร่อยที่สุดในทริปแล้ว โดยวันนี้เป็นวันสุดท้ายในการท่องเที่ยวที่ประเทศนี้ เพราะเช้าเราก็จะนั่งรถบัสหน้าสถานีไปสนามบินเลยและมีเวลาเดิน ดิวตี้ฟรี นิดหน่อย ก่อนจะบินกลับไทยโดยการบินไทย





อาหารการกิน

อาหารอิตาเลี่ยนเหมือนเราจะคุ้นชินไม่ว่าจะเป็น พิซซ่า สปาเกตตี้ แต่ขอบอกว่าอย่าคาดหวังว่าจะใส่เครื่องมาเต็มสตรีมแบบ พิซซ่าบ้านเรา เพราะพิซซ่าบ้านเขาจะบางกรอบและไหม้ทุกร้าน!! ส่วนเครื่องจะน้อยมากๆ และอาหารทะเลของเขาจะสดใหม่และรสชาติดีถูกปาก ( อาหารส่วนใหญ่รสชาติเค็ม – เค็มมาก ) และหน้าตาภาพอาหารที่กินมาทั้งหมดในทริปนี้





การเดินทาง

การเดินทางระหว่างเมืองแนะนำให้จองไปเลยจากประเทศไทยถ้าเรามีเพลนที่แน่นอนแล้ว เพราะราคาถูกกว่า ยิ่งซื้อล่วงหน้านานยิ่งถูก 

มิจฉาชีพ

จากหลายๆรีวิวและหนังสือท่องเที่ยวว่าที่อิตาลีขึ้นชื่อเรื่อง ฉกชิงวิ่งราว โดยส่วนมากจะเป็นชาวยิปซี ไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนแท้ๆ แต่ทั้งทริปเราไม่เจอเหตุการณ์อะไรแปลกๆเลย หรือเพราะเราก็ระมัดระวังตัวด้วย เลยไม่มีอะไรถ้าเรามีสติตลอดก็ไม่น่ามีปัญหา 

ชอปปิ้ง

ตามเมืองก็มีชอปเสื้อผ้ามากมายไม่ต้องกลัวหาไม่ได้ โดยเฉพาะแบรนด์ยุโรป เช่น ZARA H&M มีอยู่ทั่วไป ราคาถูกกว่าไทยประมาณ 15-20% ส่วนเครื่องสำอางจะมีแบรนด์อิตาลีเลย ชื่อ KIKO ราคาถูกไม่แพง แนะนำเลย แล้วก็จะมี SEPHORA สองชอปนี้จะอยู่ตามสถานีรถไฟใหญ่ต่างๆ

"หวังว่า...จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะค่ะ ^_^
น้ำอยากแนะนำให้เที่ยวประเทศอิตาลีเป็นประเทศแรกในชีวิตของทุกๆคน
จากประสบการณ์ส่วนตัวจริงๆที่ไปมา ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น
เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้ว่า ประเทศที่เที่ยวสนุกตื่นเต้น
แปลกหูแปลกตาจริงๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
ต้องเป็น "อิตาลี" เท่านั้นค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ และ คอมเม้นท์ติชม ทุกท่านเลยนะค่ะ"






Create Date : 22 ตุลาคม 2558
Last Update : 22 ตุลาคม 2558 21:14:19 น.
Counter : 809 Pageviews.

1 comments
  
อิดฉาาจุง โดยเฉพาะภาพยืน ใน ep 2
โดย: Huntingdon วันที่: 22 ตุลาคม 2558 เวลา:23:52:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LAURENCIA
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]