TED Talks อีกหนึ่งทางเลือกในการฝึกภาษาอังกฤษและเปิดมุมมองในชีวิต
สวัสดีคืนวันพุธค่ะ ... วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เข้ามาอัพเดทบล็อกติดต่อกันทุกวัน ถือว่ารักษาความสม่ำเสมอในการอัพเดทบล็อกได้เป็นอย่างดี แต่คงทำได้เฉพาะช่วงนี้แหละ ไม่เคยเชื่อถือในความขยันของตัวเองได้เลย แต่ก็หวังว่าจะเป็นแบบนี้ไปนานๆนะ
วันนี้หัวข้อของเราเป็นเรื่องของการฝึกภาษาอังกฤษ เน้นเรื่องการฟังและการพูดค่ะ ออกตัวก่อนว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนที่เก่งกาจอะไรหรอก สำเนียงไม่ดี ออกเสียงก็ยังไม่ชัดอยู่มาก แต่ก็(คิดว่าตัวเอง)ไม่ได้แย่อะไร อย่างน้อยก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้ อยู่เมืองนอกได้ สบายมาก เราเรียนภาษาอังกฤษจากคุณครูค่ะ ทั้งที่โรงเรียนแล้วก็ที่เรียนพิเศษ เรื่องแกรมม่าเราสู้ตาย แต่เรื่องทักษะการสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียน ยังต้องฝึกอีกเยอะ แล้วส่วนตัวดันมีนิสัยแย่อย่างนึง คนจะชอบบอกว่าถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ ให้ฝึกจากการดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีส์ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ เห็นด้วยมากๆด้วย เพราะมันก็ช่วยได้เยอะ แต่เราดันเป็นคนไม่เสพสื่อพวกนี้เลย เพลงสากลก็ฟังบ้าง แต่ไม่บ่อย ไม่มีศิลปินคนโปรด ไม่ได้ติดตาม หนังก็ไม่ได้เป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังไทย หนังฝรั่ง หนังจีน หรือชาติไหนๆก็ไม่ค่อยดู ส่วนซีรีส์นี่ตัดไปเลย ดูแต่ละครไทย
แล้วอย่างนี้จะฝึกภาษาอังกฤษได้ยังไง?
เราติดยูทูปค่ะ ชอบดูพวกรีวิวเครื่องสำอาง ดูทั้งวิดีโอของคนไทยบ้าง ต่างชาติบ้างปนๆกันไป แต่ก็คิดว่ายังไม่ตอบโจทย์เรื่องการฝึกภาษา ช่วงแรกๆอาจจะช่วยบ้าง ทำให้เราชินกับสำเนียง ความเร็วในการพูด แต่ดูไปนานๆรีวิวเครื่องสำอางยังไม่ได้ช่วยให้ภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นขนาดนั้น คำศัพท์ที่ใช้ก็คำเดิมๆ เรียกว่าข้อมูลเรื่องเครื่องสำอางเราแน่น แต่เรื่องภาษาอังกฤษเราก็เหมือนเดิม
เรารู้จักTED ครั้งแรกจากการเสิร์ชหาเรื่องเกาหลีเหนือในยูทูปค่ะ จนเจอมาเจอคลิปของรายการนึง ที่เอาคลิปของTEDมาเล่าในรายการ สิ่งที่เรารู้จากรายการนั้นคือTED เป็นเวทีที่เอาคนที่มีเรื่องราวเจ๋งๆมาพูด คลิปแรกที่เราดูคือคลิปนี้ค่ะ
เรื่องราวการต่อสู้ของผู้หญิงคนนึงที่หนีจากบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลีเหนือซึ่งเล่าได้ประทับใจเรามาก เราอินกับเรื่องที่เค้าเล่า แต่ไม่ได้อินกับTED ไม่รู้ว่าในเว็บไซท์ของTEDมีเรื่องราวเจ๋งๆอีกเยอะมาก จนเราไปเรียนภาษาที่อเมริกา คุณครูหลายคนใช้TED Talksเป็นสื่อการสอน เอามาเปิดให้ดูในคลาส เราก็เริ่มเห็นความเจ๋งของเว็บไซท์นี้ ...
ความเจ๋งอย่างแรกที่เราค้นพบคือ เหยย มีแต่เรื่องเจ๋งๆทั้งนั้นเลย คนที่มาพูดแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ก็พอรู้มาบ้าง แต่พอได้เข้ามาเห็นคลิปในเว็บคือมันเจ๋งกว่าที่เราคิดเยอะมาก มีหลายหัวข้อให้เลือกฟังตามความสนใจ ทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจ ธุรกิจ วัฒนธรรม เรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจ เยอะแยะไปหมด แล้วคนพูดแต่คนคนก็พูดสนุก ฟังเพลินๆ การที่ได้ฟังความคิดของคนที่มีไอเดียเกี่ยวกับเรื่องต่างๆมันก็เป็นการเปิดมุมมองของเหมือนกัน
อย่างที่สอง อันนี้เข้าเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษแล้ว อย่างที่เห็นคือTEDเนี้ย เป็นของอเมริกา เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าภาษาที่ใช้คือภาษาอังกฤษ ฟังบ่อยๆก็เป็นการฝึกทักษะการฟัง นอกจากนั้น คนที่มาพูดแต่ละคนก็มีสำเนียงหรือจังหวะในการพูดที่ต่างกัน บางคนไม่ใช่คนอเมริกัน ทำให้ได้ฝึก ให้ชินกับสำเนียงต่างๆ ถ้าฟังไม่ทัน ฟังไม่เข้าใจ TEDเค้าก็มีซับภาษาต่างๆรวมถึงภาษาไทย แต่คุณครูในคลาสจะแนะนำให้เปิดซับอังกฤษมากกว่า
มีเวลาบอกคร่าวๆ ว่าประโยคนี้อยู่นาทีที่เท่าไหร่ แล้วถ้าเราเปิดสคริปท์ไประหว่าที่ดูคลิป ในสคริปท์ จะมีประโยคที่ขีดเส้นใต้ให้เห็นว่าคนพูดกำลังพูดคำนี้ เส้นใต้ก็จะเลื่อนไปเรื่อยๆเหมือนคาราโอเกะ
ข้อดีของ Interactive Script ก็คือ ส่วนตัวเรานะ เวลาเราฟังภาษาอังกฤษ เราไม่ได้เข้าใจทุกคำ บางคำไม่รู้ความหมายด้วยซ้ำ ฟังดูออกเสียงยากๆก็ข้ามๆไป เพราะเรายังจับเนื้อโดยรวมๆได้อยู่ แต่พอเราอ่านสคริปท์ไปพร้อมกับฟัง เราได้เห็นทุกคำที่เค้าพูด ได้เห็นว่าเค้าพูดคำนี้อยู่นะ สะกดแบบนี้ ออกเสียงแบบนี้ แล้วถ้าเราอยากฟังตรงไหนซ้ำอีกครั้ง ก็สามารถกดย้อนมาฟังประโยคที่ยังติดอยู่ โดยการคลิกที่คำๆนั้น คลิปก็จะเริ่มให้ตรงประโยคนั้น โดยเราไม่ต้องไปนั่งไล่หาเวลาเอง
ถ้าให้เราแนะนำนะ จะแนะนำให้ฟังสองรอบ รอบแรกให้ฟังโดยไม่ต้องอ่านสคริปท์ ฟังเพื่อจับใจความ ว่าเค้าพูดเรื่องอะไร แล้วรอบสองค่อยเปิดสคริปท์ดูตามไปด้วย เป็นการเก็บรายละเอียด
เรามีเพื่อนคนนึงที่ประสบความสำเร็จจากการฝึกภาษาผ่านTED เป็นคนที่เรานับถือในความมุ่งมั่นมากๆ เราเจอเค้าครั้งแรกก็ค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมภาษาอังกฤษของเค้าไม่ค่อยติดสำเนียงเกาหลี ก็คุยกันเค้าก็เล่าว่าตอนแรกที่เค้ามาเรียนที่อเมริกา ภาษาอังกฤษของเค้าไม่ดีเลย คือพูดไม่ได้ สื่อสารไม่เข้าใจ วันแรกที่โรงเรียนให้สอบวัดระดับ เค้าก็ได้อยู่แค่ Elementary คือพื้นฐานมากๆ ในช่วงแรกเค้าก็เครียดมากที่สื่อสารไม่ได้ พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจเลยฮึดว่าจะต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ เค้าก็ฝึกจากTEDนี่แหละ ฟังทุกวัน กดหยุดทุกประโยค แล้วก็พูดตาม ทำให้ได้การออกเสียงที่ถูกต้อง ทำแบบนี้ไม่นานภาษาก็ดีขึ้นมาก พัฒนาแบบก้าวกระโดด ไม่นานนี่คือไม่นานจริงๆนะ สามเดือนเองมั้ง แต่นอกจากนั้นเค้ายังฝึกเขียนบันทึกเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน แล้วก็พยายามคุยกับคนต่างชาติเยอะๆ เอามาเล่าเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษ ว่า เฮ้ย คนเรามันพัฒนากันได้นะ
เพียงแค่ขยัน ..... ซึ่งเราก็กำลังจะทำให้ได้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ขี้เกียจเหลือเกิน
Create Date : 23 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 22 มีนาคม 2559 14:23:35 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3464 Pageviews. |
|
|