Group Blog |
แบกเป้เที่ยวกวางโจว ฉางซา จางเจียเจี้ย เฟิ่งหวง มีนาคม 2559 วันที่ 1 กรุงเทพ-กวางโจว ลงจากเครื่องก็เกือบจะเที่ยงคืน โรงแรมที่จองผ่านอะโกด้าไว้ เขียนไว้ในรีวิวชัดเจนว่ามีรถมารับจากสนามบินพาไปที่พัก 555+ ทว่าเราสองคน มือถือไม่ได้เปิดโรมมิ่ง และภาษาจีนของเราก็ง่อยมากกกกก กว่าจะสนทนากันรู้เรื่อง กว่าจะได้ไปโรงแรม ก็ปาเข้าไปจะตีหนึ่ง เมื่อไปถึงโรงแรม ก็พบว่าที่จองโรงแรมออนไลน์ไว้นั้นมันไม่เข้าระบบ (แปลว่าอะไร ไม่มีห้องนอน ใช่ไหม แล้วอีก 5-6 คืนต่อ ๆ ไปหล่ะ ท่าทางก็คงไม่น่าจองเข้าระบบเช่นกัน) จากนั้นก็เลยต้องจ่ายเงินสด ประหนึ่งว่า walk-in ได้ห้องหับเรียบร้อย ก็ลงมาหาอะไรกิน 555+ กินมันตอนตีหนึ่งจะตีสองนี่แหละค่าาาาา อย่าถามว่าสั่งอาหารรู้เรื่องมั้ย สั่งหมั่นโถวสองลูก มาหกลูกค่ะ (เหมือนคนขายจะพยายามบอกว่าไม่ขายเป็นลูก ขายเป็นจาน แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็เลยตกลงเอามาเหอะ หิวจะแย่อยู่แล้ว) สั่งโจ๊ก 1 ถ้วย มาเป็นหม้อมหึมา หอยลายผัดฉ่า (กินหอยในวันแรกของการเดินทางเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ค่ะ วันรุ่งขึ้น จู๊ด ๆ สิคะ) วันที่ 2 กวางโจว อุทยานห้าแพะ Sun Yat Sen Memorial Hall (纪念堂) บ้านตระกูลเฉิน วัดลิ่วหรง ชมวิวริมแม่น้ำ ขึ้นรถไฟนอนไปฉางซา จริง ๆ ตอนวางแผนนี่มีที่ไปอีก 3-4 ที่ รวม ๆ แล้วประมาณ 10 ที่ ที่ต้องไป แต่...ไปไม่ครบค่ะ (ยังกะเดินเก็บ RC ยิ่งกว่าชะโงกทัวร์อีกค่ะ 555+) ประการแรกที่ทำให้การเที่ยวในกวางโจวล่าช้าไปมากกกกกคือต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟนอนของคืนนี้ค่ะ คนยาวเป็นหางว่าว การสื่อสารงู ๆ ปลา ๆ ปลามาทั้งบ่อค่ะ แถมยังต้องฝากกระเป๋าอีก ในการซื้อตั๋วรถไฟนอน จำเป็นที่จะต้องเอาพาสปอร์ตมาแสดงนะคะ 555+ มิเช่นนั้นจะเป็นแบบเราสองคน กลับไปแงะพาสปอร์ตออกจากกระเป๋าเดินทางที่เอาไปฝาก แล้วกลับมาแทรกคิว (โดนคนจีนทั้งกองทัพมองหน้าค่ะ หาว่าแซงคิว เก๊าเปล่าน้าาาา เก๊าแค่เอกสารไม่ครบ) ประการที่สอง เราสองคนไปเสียเวลาอยู่ใน Yuexiu Park เป็นเวลานาน....นน พอสมควร เนื่องจากเดินหลงทาง เดินวนไป วนมา หลงไปเจอสวนสนุกเล็ก ๆ เอาวะ ไหน ๆ ก็หลงแล้ว ขึ้นไปเล่นเครื่องเล่นหมุน ๆให้หวาดเสียวเล่นซะหน่อย เป็นคล้าย ๆ ชิงช้าที่มีโซ่ห้อยยาว ๆ มันเหวี่ยงไปในใจก็คิดว่าโซ่จะขาดมั๊ยยย เพลินเพลินเจริญใจดีค่ะ ลงมานี่มีรู้สึกคลื่นไส้หน่อย ๆ ค่ะ เล่นเสร็จก็ไปตามห้ารูปปั้นแพะต่อ เดินจนเหนื่อย ถามไปทั่ว ถามคนนั้นมั่ง คนนี้มั่ง จนได้มาเจอคนจีนใจดี พาเดินไปส่งถึงรูปปั้นเลยค่ะ เก็บภาพเรียบร้อยก็เดินไปดูร้านค้า เห็นสตรอเบอรี่เคลือบน้ำตาลเสียบไม้แช่เย็นด้วยยยย (ปกติที่เรียนมา ถางหูลู่จะเป็นพุทราเสียบไม้เคลือบน้ำตาลแต่ไม่แช่เย็น) อันนี้น่าสนใจ เย็นจับจิตเลยค่ะ หลังจากเดินหาแพะอยู่นานสองนาน ก็ไปหาอาหารกลางวันทาน เพิ่มพลังก่อนจะเดินไป อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็น (คาดว่าภาษาจีนกลางคงไม่น่าใช่ ซุนยัดเซ็น เพราะถามคนจีนที่เดินผ่านไปมา ก็ไม่มีใครรู้จัก) ไอ้เราก็ปริ้นท์ไปแต่ชื่อสถานที่ภาษาอังกฤษ โชคดีไปเจอนักศึกษาจีนที่พูดอังกฤษได้บ้าง ช่วยบอกมาว่าคนจีนเรียกว่า 纪念堂 แต่ก็ไม่ได้เข้าไปข้างในหรอกนะ เนื่องจากฝนเริ่มตก และเราอยากไปอีกหลายที่ เลยแค่เดินดูรอบ ๆ จากนั้นเราสองคนก็นั่งรถไฟใต้ดินไปบ้านตระกูลเฉิน มีศิลปะที่สวยงามแสดงอยู่มากมาย แต่เหมือนพวกเราจะเข้าไม่ถึงความงามของศิลปะจีน เพราะเหนื่อย เมื่อย หนาว หิว ต่าง ๆ นานา เจอเด็กน้อยคนนี้เหมือนจะเล่นซ่อนแอบ เลยเก็บภาพมาซะหน่อย เด็กอะไรอารมณ์ดีชะมัด ออกจากบ้านตระกูลเฉินก็มาที่วัดลิ่วหรงค่ะ ณ จุดนี้เริ่มใช้บริการพี่แท็กซี่ เพราะเดินไม่ไหวแล้วค่ะ อายุอานามมากแล้วก็อย่างงี้แหละ เวลายังอีกยาวไกล กว่าจะถึงเวลาที่รถไฟออกตอนสี่ทุ่ม เลยมาเดินเล่นดูวิวริมน้ำ ฝนตก หมอกลงหนา หนาวด้วย เปียกด้วย ว่ากันไป เราจองรถไฟนอนแบบ ฮาร์ดสลีป ชั้นสองกับชั้นสาม ชั้นสามสูงเกิ๊นนนน ทรมานเวลาปีนขึ้น-ลง หัวก็ติดเพดานโบกี้รถไฟเลยค่ะ แนะนำว่าควรนอนชั้นสองนะคะ ความสูงกำลังดี วันที่ 3 ฉางซา เกาะส้ม ศาลเทพเจ้าแห่งไฟหัวกุงเตี้ เราลงจากรถไฟแบบสลึมสลือ ใช้เวลานอนบนรถไฟประมาณสี่ทุ่มถึงตอนหกโมงเช้ามั๊งคะ (เรื่องเวลาที่แน่นอนจำไม่ได้ค่ะ) เช้านี้ด้วยความที่นอนหลับบ้างตื่นบ้าง นอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม สภาพเลยเหมือนกับศพเดินได้ค่ะ แบกกระเป๋าที่หนักประมาณ 7-10 กิโลอีกที่หลังคนละหนึ่งใบ เราแวะกินข้าวเช้าที่นี่เลยค่ะ Mc Donald 555+ ไม่ทำให้คุณผิดหวัง ไปไหนไกลทั่วโลก เราก็มุ่งมั่นหาพี่โรนัลด์ กินอิ่มก็ล้างหน้าล้างตาแปรงฟันที่ห้องน้ำที่สถานีรถไฟค่ะ กลิ่นนี่สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกก ให้โล่เลยค่ะ วันนี้เพื่อนที่ไปเริ่มปวดเข่าค่ะ เริ่มงอแง เพื่อนจะเอากอเอี๊ยะ ... เท่าที่เรียนมา คำศัพท์คำว่ากอเอี๊ยะไม่มีในสารระบบจีนกลาง ภาษาอังกฤษยังไม่รู้เลยเรียกว่าอะไร เฮ้อ ขอตายแพร๊พพพ หลังจากเอาสัมภาระไปฝากแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อไปเกาะส้ม เกาะส้มนี่กว้างพอสมควร อ่านมาในรีวิวบอกว่าเดินไปที่รูปปั้นศีรษะท่านประธานเหมาได้ หึหึ ใครจะเดินก็เดินไปคนเดียวนะครัช เราสองคนขอนั่งรถ มีให้ขึ้นลง แวะได้หลายสถานี อ่านไม่ออกว่าตรงไหนมีอะไร สิ่งที่ทำได้คือถามค่ะ ถาม ถามโดยใช้ภาษาจีนอันแข็งแรง(น้อย)ของเรา ถามคนแรกบอกให้ไปทางซ้าย คนต่อมาให้ไปทางขวา อีกคนให้ตรงไป เย้ สรุปคือหลงทางกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ที่เกาะส้มลมแรง หนาวด้วย อาจจะเพราะฝนตกปรอย ๆ ฟ้าสีตุ่น ๆ พวกเราเดินเล่นถ่ายรูปพอสมควรก็นั่งรถไฟกลับเข้ามาที่ใจกลางเมืองฉางชา มีของกินเยอะแยะตามข้างทาง เราเดินเล่นไปกินไป แล้วก็แวะถ่ายรูปไหว้พระที่ศาลเทพเจ้าแห่งไฟหัวกุงเตี้ เรากลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่สถานีรถไฟตอนประมาณ 4 โมงเย็น บริเวณสถานีรถไฟมีคนชูป้ายรถบัสไปโน่นไปนี่เยอะแยะไปหมด เราก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปสอบถามว่าจะไปอู่หลิงหยวนราคาเท่าไหร่ ถามไปถามมาจนเหนื่อย ราคาถ้าซื้อแยกแอบแพง มีแพคเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืน ราคาถูกมาก (คราวหลังมาจีนไม่ต้องจองอะไรมา มาซื้อ local tour เองคุ้มกว่ากันเยอะ) เรามาได้ข้อสรุปที่บริษัททัวร์หัวมุมเล็ก ๆ ใกล้ ๆ กับแมคโดนัลด์ที่กินเมื่อเช้า ว่าขอติดรถไปกับกรุ๊ปทัวร์จีน แต่แยกพักเอง เพราะจองโรงแรมมาแล้ว รุ่งเช้าจะไปร่วมขบวนด้วย คุยกันแบบงู ๆ ปลา ๆ สักพัก ตกลงจ่ายเงิน ไปหาข้าวเย็นกินรอ รอ และ และรอเพื่อขึ้นรถทัวร์ตอนหนึ่งทุ่ม (อ่อ เจอร้านขายยา พาเพื่อนไปซื้อกอเอี๊ยะได้สำเร็จ) รถทัวร์พาเราสองคนมาถึงอู่หลิงหยวนตอนเกือบเที่ยงคืน และแล้วอะโกด้าก็ทำพิษอีกรอบที่สองค่ะ นอกจากโรงแรมที่จองนั้นจะอยู่ในซอกหลืบที่หาได้ยากยิ่งแล้ว ณ เวลาเที่ยงคืน รร.ทั้งหลายก็ปิดไฟเข้านอนกันหมด หายากเข้าไปอีก เคราะห์ดีที่ไกด์ทัวร์เอาชื่อโรงแรมไปสอบถามกับโรงแรมที่ยังเปิดอยู่ให้เรา และไกด์ก็นำพาเรามาส่งถึงหน้าประตูโรงแรม ต้องกดออดอยู่นานพอสมควร หลังจากยื่นใบจองโรงแรมไป (เป็นการจองผ่านอะโกด้า ซึ่งอะโกด้าส่งต่อให้ Booking.com แต่ไม่รู้อีท่าไหน ทำไมมันถึงไม่ขึ้นในระบบของประเทศจีน) ก็ปรากฎว่าผลลัพธ์เหมือนโรงแรมแรกค่ะ ไม่มีชื่อจอง กว่าจะได้นอนเกือบตีหนึ่ง ตีสองเช่นเดิม วันที่ 4 อู่หลิงหยวน เทียนจื่อซาน สถานที่ถ่ายทำอวตาร วันนี้สบาย มากะทัวร์จีน แยกกับทัวร์จีนตอนบ่าย ๆ นั่งรถมาจางเจียเจี้ย วันนี้รีบแหกขี้หูขี้ตาตื่น เพราะกลัวไปไม่ทัน ต้องไปรวมกลุ่มกับทัวร์จีน หลังจากนี้อีก 5 ชม. เราสบาย มีไกด์นำพาไป แนะนำทุกอย่าง แวะตรงนี้ เดินทางนี้ ขึ้นรถคันนี้เพื่อไปขึ้นกระเช้า (ฟังรู้เรื่องอยู่แค่ 30%) ส่วนมากทัวร์จีนทำอะไร เราก็แค่ทำตาม โชคดีมากที่วันนี้ฝนไม่ตก ไม่มีหมอก ถ้าหมอกหนาอาจจะมองไม่เห็นยอดเขา ค่ากระเช้าและลิฟท์ขึ้นหรือลงครั้งละ 70 หยวน วันนี้เราสองคนแยกกับทัวร์ตอน 5 โมงเย็น ประทับใจในพี่ไกด์มากกกก อยากจะเอาพี่ไกด์ไปเที่ยวที่ภูเขาเทียนเหมินซานในวันรุ่งขึ้นด้วยจริง ๆ แต่เราก็หนีความจริงไปไม่พ้น กลับมาสู่โหมด หลงทาง-ถามทาง-งมหาทาง เอง ต่อไป หลังจากแยกจากทัวร์เราก็เดินจากตรงที่ซื้อตั๋วเข้าเทียนจื่อซานไปหารถบัสคันเล็ก ๆ ไปจางเจียเจี้ย มินิบัสจากอู่หลิงหยวนไปจางเจี่ยเจี้ยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณสิบหยวน ก่อนขึ้นก็ย้ำกับคนขับว่าขอลงใกล้ ๆ โรงแรมที่จองไว้ คนขับก็นำเรามาปล่อยใกล้ ๆ นั่งแท็กซี่ต่อไปอีกหน่อยก็ถึงโรงแรม เช่นเคย เรามีปัญหากับการจองโรงแรมผ่านอะโกด้าอีกเช่นเคย คราวนี้ที่โรงแรมนี้ตัดเงินบัตรเครดิตไปแต่ทางพนักงานโรงแรมบอกว่ายัง ต้องอธิบายกันยกใหญ่ เมื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยก็หาอะไรหม่ำ ๆ อาบน้ำพักผ่อน เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ที่ยังอีกยาวไกล วันนี้ช่วงเช้า เราสองคนใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อาจจะเป็นเพราะนอนดึก ตื่นเช้ามาหลายวัน วันนี้เลยขอชิล ๆ สบาย ๆ กว่าจะทานข้าวเช้า เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ก็ปาเข้าไปจะสิบโมงเช้าแล้ว จากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่จากหน้าโรงแรมเพื่อไปเทียนเหมินซาน ทว่า...มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นั่นคือ... การลืมกล้องถ่ายรูปไว้บนรถแท็กซี่... มานึกได้ตอนกำลังจะเดินไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปเทียนเหมินซาน พยายามนึกดูว่าลืมกล้องไว้ที่โรงแรมหรือเปล่า โชคยังดีที่เพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันนั้นอัดคลิปวีดีโอตอนก่อนขึ้นแท็กซี่ไว้พอดิบพอดี จึงทำให้รู้ว่า...ถือกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือตลอดตั้งแต่ก่อนเรียกแท็กซี่ และลืมไว้บนแท็กซี่แน่นอน โชคร้ายที่เราสองคนจำเลขทะเบียนไม่ได้ จำได้แต่สีรถว่าเป็นแท็กซี่สีเขียว เราเดินไปที่ Tourist information center และพยายามจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษไม่ได้ (เฮ้อ...เป็น Tourist information ได้ไงฟระเนี่ย) เราก็ขุดภาษาจีนที่เรียนมาทั้งหมดนั้นออกมาใช้ แกรมม่าไม่ต้องพูดถึง อัดคำศัพท์เข้าไปอย่างเดียว และแล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรเรียกตำรวจมาให้เราสองนาย ... เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเราสองคนนั่งไปในรถตำรวจเพื่อไปไหนก็ไม่รู้ ณ จุดนั้นเริ่มมึน รถตำรวจขับเร็วจี๋ ยิ่งกว่า Fast and Furious มารู้ตัวอีกทีก็กลับมาอยู่หน้าโรงแรม ตำรวจพึมพำว่าไม่มีกล้องวงจรปิด จะพาเราไปศูนย์ GPS ในใจก็นึกว่าจะพาไปทำไมหว่า พอมาถึงศูนย์ GPS ถึงได้ถึงบางอ้อว่า แท็กซี่ที่นี่ติด GPS แสดงจุดที่รับผู้โดยสารและจุดที่ส่ง แค่รู้เวลาขึ้นที่แน่นอนและจุดที่ขึ้นก็จะสามารถหาเลขทะเบียนแท็กซี่คันนั้น และโทรติดต่อคนขับได้ มันเมพขิง ๆ และในเวลาไม่ถึงอึดใจ คนขับแท็กซี่ก็กลับมาพร้อมกล้องถ่ายรูป ^__^ เราพยายามให้สินน้ำใจแก่คนขับ แต่คนขับไม่รับ เลยให้แบงค์ยี่สิบไทยไว้เป็นที่ระลึกแทน ตำรวจจีน การวางระบบของจีน ยอดเยี่ยมจริง ๆ ได้เที่ยวซักทีสินะ เราไปเริ่มต้นกันใหม่ด้วยการซื้อบัตรขึ้นเขาด้วยกระเช้าที่ยาววว จากนั้นก็มาเดินบนทางเดินแคบ ๆ สูง ๆ รอบ ๆ ผ นอกจากจะเดินรอบ ๆ เขาแล้ว ยังมีกระเช้าที่สามารถขึ้นไปข้างบนได้อีก ซึ่งกระเช้าอันนี้เป็นแค่เก้าอี้ม้านั่งโล่ง ๆ เท่านั้น ลองนั่งสิครัช มาถึงขั้นนี้แล้ว เสียดายที่วันนี้ยังไม่ทันเดินดูให้ทั่วเขาเทียนเหมินซานเพราะต้องรีบลงจากเขาหารถต่อไปเฟิ่งหวง ไว้คราวหน้าจะกลับมาเที่ยวให้ทั่ว ๆ เลย คงต้องนอนอยู่ที่จางเจียเจี้ยซักสี่คืน แต่ก็ถือว่าได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่หาที่ใดไม่ได้กับการนั่งรถตำรวจรอบเมืองเพื่อหากล้องถ่ายรูป ลงจากเขามาก็เดินมาไกลพอสมควรก็จะถึงสถานีรถบัสไปเฟิ่งหวง เป็นรถบัสรอบสุดท้ายพอดี แวะกินก๋วยเตี๋ยวที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่...เส้นเป็นแป้งแบน ๆ คล้ายเส้นเฝอของเวียดนาม จืด ๆ ขณะที่เพื่อนที่ไปด้วยนั้นถอดใจกับอาหารจีนและหันไปซดมาม่าแล้ว นั่งรถไปเฟิ่งหวงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ขึ้นรถมาประมาณห้าโมงเย็น มาถึงตอนสองสามทุ่ม ได้ถ่ายภาพเมืองเก่ายามค่ำคืน สวยงามมาก ๆ วันที่ 6 เฟิ่งหวง เมืองโบราณแสนสวย วันนี้ชิล ๆ ที่เฟิ่งหวงเมืองโบราณแสนสวยได้อีกหนึ่งวัน เราออกไปหาอาหารเช้าทาน แน่นอนว่าเรายังคงมีปัญหาในการสั่งอาหาร เพื่อนร่วมทางเล่น play safe โดยการกินปาท่องโก๋ สำหรับข้าพเจ้านั้น ยังคงมุ่งมั่นที่จะสั่งอาหารที่อร่อยให้จงได้ และก็ได้ข้าวต้มกับผักกาดดอง และผัดผักกาดขาวที่เปรี้ยวปรี๊ดมา 555+ ล้มเหลวสินะมื้อนี้ เราเดินลัดเลาะเข้าไปในส่วนของเมืองเก่า วิวริมแม่น้ำยังคงงดงาม แม้ว่าจะไม่มีไฟสวย ๆ เหมือนยามค่ำคืน เวลาใกล้ ๆ เที่ยง เรากลับไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรม ทานอาหารเที่ยง และเดินทางออกจากเฟิ่งหวงโดยรถเมล์ ไปต่อลงที่สถานีรถบัส เพื่อหารถบัสมาที่หวยฮั่ว (เมืองที่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ห้องน้ำก็ไม่มีประตู) รอรถไฟนอนกลับกวางโจว เราพลาดเนื่องจากว่าตั๋วรถไฟนอนจากหวยฮั่วกลับกวางโจวนั้นเต็ม... เราได้รอบสี่ทุ่ม หุหุ เราต้องติดอยู่ที่เมืองนี้อีก 6-7 ชั่วโมง แต่โชคยังเข้าข้างเรา เพราะเราได้ไปผูกมิตรกับคู่สามีภรรยาคนจีนที่เผชิญชะตากรรมรอรถไฟเช่นเดียวกันกับเรา อีกทั้งเรายังนอนในรถไฟโบกี้เดียวกัน เตียงข้าง ๆ กันด้วย อุ่นใจดีแท้ วันที่ 7 กวางโจว-กทม โดยสวัสดิภาพ เราถึงกวางโจวตอนเที่ยง ๆ เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานีรถไฟ เดินทางไปเป่ยจิงลู่ ฝนตกฉ่า ๆ ตลอดทั้งวัน จนน้ำฝนซึมเข้าไปในรองเท้าของเราทั้งคู่ ไปแวะหาซื้อมือถือเสียวหมี่ที่ห้าง China Plaza ที่อยู่ตรงข้ามกับสถานี Martyrs' Park (บัตรเครดิตของประเทศไทยรูดไม่ได้เลยซักใบ กลับมาไทยพี่จะทำบัตรเครดิตของธนาคารจีนไว้เลย) อ่อ เจอร้านขายชาไทยด้วย ^__^ ไม่รู้ว่าอร่อยสมชื่อร้านรึเปล่า ไม่ได้แวะเข้าไปชิม ใครมีโอกาสผ่านไปก็ไปแวะชิมให้หน่อยนะ จากนั้นเราก็ไปแวะซื้อโดรน ที่ร้านค้าแถว ๆ วัดลิ่วหรง หกโมงเย็นรีบไปสนามบินกลับกทม. จบทริปอย่างสวยงาม คราวหน้าจะไปเยือนจีนอีกเช่ คราวหน้า...พี่ขอไปกะทัวร์เถอะนะ Please Please
โดย: Tony IP: 115.31.135.187 วันที่: 15 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:23:21 น.
อยากทราบว่ามินิบัสอู่หลิงหยวน-จจจ มีที่ใส่สัมภาระไหมคะ พอดีแบกกระเป๋าไปอะค่ะ
โดย: Noojung IP: 202.28.177.46 วันที่: 13 ตุลาคม 2560 เวลา:22:19:49 น.
|
killerreal
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |