ตอนที่สี่...ตัดสินใจ เลือกการเริ่มต้นรักษาตัว




ตอนที่สี่...ตัดสินใจ เลือกการเริ่มต้นรักษาตัว
          ผมให้ความเชื่อมั่นกับแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันมากกว่าทุกทางที่เจอมา เหตุผล...ก็ง่ายๆครับ ผมเป็นมะเร็งที่กระดูกขา บริเวณเหนือหัวเข่าขึ้นมาประมาณ 3 นิ้ว... ลองไปพบทั้งแพทย์ทางเลือก...เช่น มีเพื่อนที่เคยเป็นแนะนำให้หันมากินอาหารมังสะวิรัต ผมก็ว่าดีนะ...แต่ก้อนเนื้อมะเร็งที่ขา จะทำอย่างไร...เพราะมันโตขึ้นเรื่อยๆ...คำตอบก็ คือ การผ่าตัดเอาออกไป...เท่ากับมาจบด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ดี ส่วนด้านการฝั่งเข็มผมก็พบหมอเก่งถึง 2 ท่าน... ท่านบอกรักษาได้แต่ก็ต้องผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งออกอยู่ดี...ไปพบหมอแผนไทย ที่เปิดเป็นอาศรมฯแพทย์ทางเลือก ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ แต่ว่าด้วยความที่มองไม่เห็นภายใน จึงไม่ทราบว่าลักษณะก้อนเนื้อมะเร็งเป็นอย่างไร ไม่เหมือนกับเทคโนโลยี่ Scan MRI ที่มองเห็นรายละเอียดทะลุปุโปร่ง เห็นจุดที่เป็นมะเร็งได้ชัดเจน....
           วันนั้นผมโชคดีที่ไปนวดแผนไทย แล้วถูกเค้นตรงบริเวณก้อนเนื้อมะเร็งอย่างแรง จนเจ็บไปหมด เพราะหมอท่านเข้าใจว่าเป็น "เส้นเอ็นขอด หรือโรคลมปราบ" หากวันนั้นก้อนเนื้อภายในแตก หรือเกิดการกระจายตัวของเนื้อมะเร็งขึ้นมา...แทบไม่อยากจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น... เพราะคุณหมอผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งยังบอกว่า แค่เจาะเนื้อเพื่อตัดชิ้นเนื้อชิ้นเล็กๆไปตรวจสอบ ยังต้องระมัดระวังในการเจาะหากพลาดไป โอกาสการกระจายของเชื้อมะเร็งมีสูงมาก... กระจายเชื้อมะเร็งเมื่อใด...โอกาสรอดตายยิ่งน้อยลง...แม้แต่หมอฝังเข็มของจีนยังไม่กล้าฝังเข็มบริเวณใกล้ๆกับก้อนเนื้อที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง โดยเว้นระยะห่างถึง 12 เซนติเมตร... นี่คือเหตุผลที่ผมตัดสินใจเลือกทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
ผมตัดสินใจมาเป็นคนไข้ ของโรงพยาบาลเลิดสินทั้งนี้ เพราะเชื่อมั่นในการรักษา โดยเฉพาะเมื่อได้คุยปรึกษากับ อ.ปิยะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคกระดูก ด้วยท่าทีใจโอบอ้อมอารีของคุณหมอแล้ว ทำให้ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้น
           โรงพยาบาลเลิดสิน เป็นโรงพยาบาลรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณะสุข...จึงมีคนมาใช้บริการเยอะมาก ผมมาแต่เช้าได้คิวกลางๆแต่ก็นานมากกว่าจะถึงคิวตรวจ น่าเห็นใจทั้งผู้ป่วย และผู้รักษาจริงๆ ได้พบกับ อ.หมอปิยะ อีกครั้ง แววตาของความเอื้ออารียังไม่เปลี่ยนไป คุณหมอได้อธิบาย ถึงผลการตรวจชิ้นเนื้อ และยืนยันว่าเป็นมะเร็งแน่นอน ขนาดเตรียมใจไปก่อนแล้วผมยังรู้สึกเย็นวาปไปทั้งตัว...
            มันเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง คือ มะเร็งที่เป็นนี้พบในผู้ใหญ่น้อยมาก ส่วนมากจะเป็นในเด็ก และวัยรุ่น (เราเป็นโรควัยรุ่นว่างั้นเถิด) อัตราส่วนในการเป็นโรคนี้ 1 ในสองแสน หรือปีที่แล้วพบแค่สิบคนทั้งปี...นี่ผมเป็นโรคที่หายากขนาดนี้เชี่ยวหรือ ฟังว่าขนาดชิ้นเนื้อมะเร็งมันใหญ่มากวัดขนาดตามภาพสแกน มันใหญ่ถึง 22 x 12 cm โอกาสเสี่ยงในการรักษามีสูงมาก ตอนแรกๆว่าเสี่ยง 60/40 แต่คุณหมอก็ย้ำว่า ขั้นแรกรักษาชีวิตก่อน...ด้วยการให้ไปพบ อ.หมออัครฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านยาเคมี เพื่อเข้ารับการรักษาด้วยยาเคมี เพื่อบำบัดให้ก้อนเนื้อมันฟ่อลง จากนั้นจึงเข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งออก การผ่าตัดทาง อ.หมอปิยะ จะเลือกวิธีผ่าตัดก้อนเนื้อ เพื่อรักษาขาเอาไว้ก่อน การผ่าตัดจะต้องมีการตัดเอากระดูกส่วนที่เป็นมะเร็งออก แล้วใส่แทนด้วยเหล็ก หรือไททาเนียม หรือเอากระดูกเก่าออกไปทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ใหม่...แค่ฟังผมก็เกือบหมดแรงแล้ว
           ผมเล่าให้คุณหมอฟังว่า ตรงจุดที่เป็นมะเร็งนั้น ตรงกับรอยร้าวของกระดูกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา สมัยยังวัยรุ่นอยู่ มันคงเป็นตำหนิของกระดูกที่มีผลให้เชื้อมะเร็งมาแอบแฝงตัวอยู่... อ.หมอปิยะ บอกว่าตอนนี้ต้องอย่าให้เกิดความเครียด มะเร็งชอบความเครียดไม่ชอบคนอารมณ์ดี...
           ฟังเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา แล้วเหนื่อยใจ เฉพาะเหล็กแทนกระดูก อย่างดี 450,000 บาท ประกันสังคมช่วย 50,000 บาท แล้วที่เหลือล่ะ
ผมปรึกษาเรื่องนี้กับทางท่าน อ.หมอปิยะ ว่าทางผมมีประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรเวช ทาง อ.หมอปิยะ ยังให้ความกรุณาเขียนจดหมายน้อย ขอให้ทางโรงพยาบาลเพชรเวชส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน... วันนั้น อ.หมอปิยะ ส่งตัวผมไปพบ อ.หมออัครฐาน ตอนบ่ายห้าโมง เพื่อปรึกษาเรื่องยาเคมี
ผมได้พบกับ อ.หมออัครฐาน ตอนเกือบ หกโมงเย็น...ปรึกษาเรื่องการรับยาคีโม และแนวทางรักษา ซึ่งทาง อ.หมออัครฐาน ก็ใจดีมากที่ให้คำแนะนำว่า เดี๋ยวเขียนรายละเอียดของทางยาเคมีให้ แล้วกลับไปใช้สิทธิ์ที่ประกันสังคมที่โรงพยาบาลเพชรเวช ซึ่งทางคุณหมอเช็คแล้ว ว่าเป็น คุณหมอชาญยุทธ ที่มีแนวทางเคมีทางเดียวกัน คุณหมอกระซิบบอกว่า ยาเคมีไม่แพง แต่ถ้าแพ้ยาก็เข็มละแสน....อึ้งไปเลย แต่ อ.หมออัครฐาน ก็เขียนจดหมายน้อยอีกฉบับให้ไปยื่นกับ อ.หมอชาญยุทธ ที่โรงพยาบาลเพชรเวช แล้วบอกว่าไปรับยาเคมีที่เพชรเวชก่อน พอย้ายประกันสังคมได้ค่อยมาหา แล้วมารักษาต่อที่เลิดสิน...
            ผมต้องกลับไปที่โรงพยาบาลเพชรเวชต่อ ขอทำเรื่องส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเลิดสิน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะประกันสังคมที่นั่นจะส่งตัวไปที่ โรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิตฯ โอ้ย...ตายแน่ๆผมคงตายระหว่างทางเป็นแน่แท้ จากบ้านที่ร่มเกล้า ไปโรงพยบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต ร่วมร้อยกิโลได้มั๊งไกลเหลือเกิน...
ในที่สุดผมก็เข้ารับการรักษาขั้นตอนแรกด้วยยาคีโมที่โรงพยาบาลเพชรเวช...ข้ามปีเมื่อไหร่ผมย้ายประกันสังคมทันที....ยังไม่อยากถูกตัดขาครับ เพราะที่นี่บอกแล้วว่า ให้คีโมก่อน พอก้อนเนื้อยุบ ก็ต้องส่งไปตัดขา เอาทั้งก้อนเนื้อมะเร็ง และขาออกไปทั้งท่อน...เพราะที่นี่ทำได้วิธีเดียว คือ ตัดขา หวาดเสียวดีแท้...
           การให้คีโม คือ การเติมยาเคมีเข้าไปทางเส้นเลือด ยาแต่ละสูตรก็จะออกฤทธิ์ตามที่กำหนดไว้ แต่ฤทธิ์ของสารเคมีนอกจากจะไปกำจัดเซลล์มะเร็งแล้ว....ก็ยังแสดงอิทธิฤทธิ์กับเซลล์อื่นที่ขวางทางมันด้วย...คนไข้ที่รับยาเคมีจึงต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด...โดยเฉพาะหลังรับยาเข้าไปแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ ดื่มน้ำเยอะๆน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับสารเคมีออกมาได้ง่ายขึ้น สารเคมีตกค้างในร่างกายของเราน้อยเท่าไร ก็มีผลดีขึ้นเท่านั้น

           วันแรกของการรับคีโม....หลังจากที่ได้รับการตรวจจากคุณหมอชาญยุทธ ผู้เชี่ยวชาญทางเคมีแล้ว ก็นัดให้มานอนที่โรงพยาบาลครั้งแรกจำได้ว่านอนสี่คืน ห้องพักในโรงพยาบาลได้ตามสิทธิ์ประกันสังคมเป็นห้องรวม มีสองเตียง... คุณหมอให้ระวังเรื่องการติดเชื้อ เพราะตอนให้เคมีภูมิคุ้มกันตัวเราจะมีน้อยมาก เนื่องจากถูกทำลายด้วยน้ำยาเคมี...ผมโชคไม่ดีเลยที่ได้อยู่ร่วมห้องกับคนไข้อีกคนหนึ่งซึ่งกำลังอยู่ในภาวะอาจติดเชื้อในกระแสเลือดอยู่...ผมจะติดไปด้วยมั๊ย
จึงไปทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ห้องเดี่ยว 
           แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันสังคมของโรงพยาบาลปฏิเสธ อ้างว่าสิทธิของเรามีแค่ห้องคู่เท่านั้น...ทั้งที่แจ้งไปว่า ทางผมยินดีจ่ายส่วนต่าง แต่เธอผู้นั้นก็ไม่ยอม และยังพูดจาไม่ดีอีก ...งานนี้ผมจึงต้องโทรหาสำนักงานประกันสังคมส่วนกลาง...โชคยังเข้าข้างที่ทางส่วนกลางช่วยอธิบายให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฟัง...ในที่สุดผมก็ได้ห้องเดี่ยว...ค่อยสบายขึ้นอีกหน่อย จ่ายส่วนต่างครั้งนี้เกือบ หกพันบาท...มันเป็นสิทธิของเรานะครับ มีอะไรส่วนกลางยังเป็นที่ปรึกษาได้...(แค้นใจนิดๆที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันสังคมของโรงพยาบาลพูดจาไม่ดี...จำไว้นะวันหนึ่งเจอกับตัวเองเมื่อไหร่จะรู้สึก....แต่ก็อโหสิกรรมกันจะได้ไม่มีเวรต่อกัน)
            ผ่านไปกับการรับยาเคมีครั้งแรก...ร่างกายอย่างเราทนได้สบายมาก... เคมีชุดแรกทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำลงมาก ผมได้รับยาบำรุง และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวให้มากขึ้น และต้องมาฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวอีก 11 เข็ม รอบๆสะดือทุกวันๆละเข็ม วิธีการปฏิบัติตัวก็ไม่ได้รับคำแนะนำอะไรมากนัก เพียงแต่ให้มาตามนัด และกินยาให้ครบตามคำแนะนำของเภสัชกร.... ***ตรงนี้เป็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนมารับยาเคมีที่โรงพยาบาลเลิดสิน ทีมพยาบาลที่ดูแลวอร์ด อยู่ต่างก็ช่วยกันกระตุ้นให้ปฏิบัติตัวอย่างไร ด้วยคำพูดแบบกันเอง แต่แฝงความหมายอันล้ำค่า เช่น กินไข่เยอะๆจะช่วยให้สร้างเม็ดเลือดขาว หรือกินน้ำเยอะๆวันละ 3 ปี๊บ น้ำจะช่วยขับยาเคมีออกมา ร่างกายจะได้แข็งแรงเร็วขึ้น ฯลฯ ข้อสำคัญพวกเธอจำชื่อคนไข้ เกือบ 30 เตียงได้เกือบหมด...คนไข้ป่วยกายแต่ก็สุขใจ...
            ยังอีกหลายยก...อย่างน้อยก็ต้องมารับยาอีกจนถึงสิ้นปี 2558....(ต้องต่อตอนที่ห้าแล้วล่ะ....ขออภัยนะครับ) https://www.facebook.com/khunpol.bestlight/



Create Date : 21 พฤษภาคม 2560
Last Update : 21 พฤษภาคม 2560 13:33:07 น.
Counter : 683 Pageviews.

1 comments
  
แวะมาทักทายจ้าา ^__^ อิอิ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ Cover Paint สักไรผม 3D Eyebrow ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140 วันที่: 3 พฤษภาคม 2561 เวลา:13:57:08 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3867123
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เรียกผมว่า "พล" ในชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นมะเร็งกระดูกกับเขาได้ แต่เมื่อเป็นแล้ว ก็ไม่อยากให้ความตายมาทำให้ประสบการณ์ที่ผมเจอะอยู่ต้องหายไปอย่างไร้ค่า... จึงขอมาเล่าเรื่องราวที่ประสบอยู่ อย่างน้อยก็อาจมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง... ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกท่านครับ
หมายเหตุ ความสงสารจากใครๆไม่ช่วยให้ผมมีคุณค่าได้ แต่ถ้าผมต่อสู้โดยใช้ความเข้มแข็งด้วยใจของตนเอง ผมจะรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น...ผมต้องผ่านมันไปได้แน่นอน
New Comments