|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
บทความที่คัดมา
กุมภาพันธ์ 2551
ข้าวสารแพง
เนื่องจากพ่อค้าคนกลางกักตุนข้าวเก็งกำไร คือปีนี้ ตลาดข้าวส่งออกของไทยกำลังถูกลูกค้าต่างประเทศแย่งกันสั่งซื้อมากเป็นประวัติการณ์ ต้นเหตุ เพราะประเทศผู้ส่งออกข้าว เช่น เวียดนาม อินเดีย ซึ่งเป็นคู่แข่งแย่งตลาดข้าวไทย เกิดภัยธรรมชาติผลิตข้าวได้น้อยลง เมื่อดีมานด์สูงกว่าซัพพลาย ราคาข้าวก็แพงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตลาดต่างประเทศก็รุมทึ้งแย่งซื้อข้าวไทยตั้งแต่ต้นปี เมื่อตลาดนอกข้าวราคาดี ก็ฉุดราคาข้าวในประเทศสูงพรวดตาม วันนี้ ข้าวสารที่ขายเป็นถุง (5 กก.) ขึ้นราคาอีกถุงละ 20 บาททันที และมีแนวโน้มว่าราคาข้าวสารจะขยับขึ้นต่อไป ฝ่ายพ่อค้าคนกลางก็ฉวยโอกาสกักตุนข้าวรอฟันกำไรก้อนโต สุดท้ายคนไทยก็เดือดร้อนต้องกินข้าวแพง!!
Create Date : 08 มีนาคม 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 8 มีนาคม 2551 12:45:58 น. |
Counter : 2110 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
|
อยากทำความเข้าใจแบบนี้นะครับ จากที่ผมอ่านความเห็นของคุณข้าว อาจเป็นไปได้ว่าคงอ่านไม่ครบทั้งหมด เพราะมีข้อเข้าใจผิดหลายอย่างเกี่ยวกับการทำ CL ชึ่งอยู่ในเนื้อหา ผมขอสรุปย่อๆ ให้แบบนี้นะครับ
1. การทำ CL ต่างจากการละเมิดลิขสิทธิ์ เทปผี ซีดีเถื่อนมาก เพราะไม่ได้ทำเพื่อการค้า แต่ทำเพื่อช่วยชีวิตคนยากจนเท่านั้น
2. การทำ CL ไม่ผิดกฎหมายการค้า (ไม่ใช่การกระทำที่คุณข้าวเรียกว่าโจร) เพราะได้รับการรับรองจาก WTO (องค์การการค้าโลก) เลยว่า สำหรับประเทศที่มีปัญหาการเข้าถึงยา โดยเฉพาะประเทศโลกที่ 3 อนุญาตให้อ้างสิทธิ์เหนือสิทธิบัตรยาที่มีอยู่ได้ ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม โดยผลิตยาเองหรือหาซื้อยาราคาถูกได้ โดยจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ให้ผู้เป็นเจ้าของ 0.5% และห้ามทำเพื่อการค้ากำไรโดยเด็ดขาด เนื่องจากยาเป็นสินค้าพิเศษที่ต้องคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรม
3. ยาต่างๆ เหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยสถาบันวิจัยในสถานศึกษา ที่บริษัทยาเหล่านี้ไปซื้อมาในราคาถูก แล้วนำมาค้ากำไรเกินควร เอาข้อมูลนี้นะครับ ยากลีเวค ขนาด 100 มก. จากเดิมที่ราคา 1,300 บาท ภายหลังจากการทำ CL (ซื้อจากอินเดีย) เหลือราคาเม็ดละ 30 บาท ส่วนต่างที่ว่า คือ ค่าโฆษณา และ ความมั่งคั่งของพวกบริษัทยา (น่าสนใจมั้ยครับว่าส่วนต่างตรงนั้นมันไปตกอยู่ที่ไหน ตกอยู่ที่ผู้ทำการวิจัยจริงหรือไม่ และทำไมกำไรมันต้องเยอะขนาดนั้น)
4. ประเทศต่างๆ ที่เจริญแล้วก็ยอมรับเรื่องนี้ อาทิ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกาเอง ก็มีการทำ CL ในยาที่มีราคาแพง เพื่อรักษาชีวิตคนไข้ที่ไม่มีกำลังซื้อ แต่บริษัทยาพวกนี้เขาบีบประเทศใหญ่ๆ ไม่ได้ จะบีบได้ก็แต่ประเทศยากจนที่ต้องพึ่งเขา อย่างประเทศโลกที่ 3 หรือประเทศไทย เท่านั้น
5. หมอไทยเก่งครับ แต่เก่งแล้วต้องอย่าลืมความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับอาชีพด้วย ความรับผิดชอบอันนั้นก็คือชีวิตคนไข้ การเดินตามผลประโยชน์ที่บริษัทยาป้อนให้ หรือเก่งในการทำมาหากิน และคิดได้แต่อะไรที่เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจก็แย่ครับ ชีวิตคนจนก็มีค่าเท่ากับชีวิตคนรวย หากเรามีช่องทางใดที่จะช่วยชีวิตคนไข้ไว้ได้ นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้เป็นหมอหรือครับ (อย่าให้ผมบ่นเรื่องพฤติกรรมของหมอตามโรงพยาบาลเอกชนหรูๆ เลยครับ ว่าปฎิบัติกับคนไข้ฉุกเฉินที่ดูท่าทางจนๆ อย่างไร)
อย่าหลงคารมพวกพ่อค้ายาหน้าเลือดเลยครับ ระหว่างสิทธิบัตรที่ถูกนำใช้อย่างผิดๆ เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพ่อค้านายทุนกลุ่มเล็กๆ กับโอกาสที่เราจะรักษาชีวิตคนจนที่เป็นเพื่อนมนุษย์ของเรา ถ้าเราเป็นลูกหลานของพระบรมราชชนกจริง เราน่าที่จะรู้อยู่แก่ใจว่าควรจะเลือกอะไร มาตรการ CL เป็นมาตรการของ WTO ที่เริ่มหันมามองเรื่องความเป็นธรรมทางการค้ามากขึ้น ก็รับรองมาตรการนี้แล้ว เราจะไปรังแกคนจนอีกทำไม ผมไม่เข้าใจ