คลองลาน Trip แถม ทางผ่านที่น่าเที่ยว

Trip นี้เป็น การแวะมาเที่ยวครับ เรากลับมาจากเขาหลวง แล้วมีพี่คนนึงเขาบอกว่าเป็นทางผ่าน ไม่ไกลด้วย เราก็เลยมาแวะกัน ก็ไม่ไกลมากครับ ก็เป็นทางผ่านจริงๆ แต่ถ้าจะให้ดีควรจัด Trip ใหม่จะดีกว่าครับ เพราะมันมีที่เที่ยวเยอะ ซึ่งเราไม่ได้ไป แต่ไหนๆ ก็ไปมาแล้ว ก็จะเล่าให้ฟังแบบ Mini Trip แล้วกันนะครับ
เราออกจากเขาหลวงประมาณเที่ยงครับ ก็มาถึงหน้าที่ทำการตอน 14.30 ด้วยความหิวจัด ตอนแรกตั้งใจจะไปกินกันที่น้ำตก แต่ตอนนี้ด้านในไม่มีขายแล้ว เราเลยกินกันที่ร้านหน้าทางเข้า ราคาถือว่า ok ครับไม่แพง แต่ตอนไปกินรู้สึกมีความกดดันอย่างมาก เพราะมีร้านอยู่ 4 ร้าน ทุกร้านอยู่ใกล้ๆ กัน แล้วก็เรียกเราให้ซื้อเขาทุกร้านเลย เราเลยต้องซื้อทุกร้าน ร้านละ 1 อย่าง ก็เลยลดความกดดันลงได้ แต่ก็รีบกินแล้วก็รีบไป เราไปถึงตัวน้ำตกตอน 15.00 น.พอดี

ที่นี่ทำดีที่เดียว ห้ามคนนำอาหารเข้าไปกินแล้วก็ จัดทางเดินเข้าไปได้ดี ทำให้รู้สึกว่าเที่ยวแบบสบายใจ เพราะสะอาด มีข้อห้ามด้วยนะครับ ใครไปก็ขอให้ทำตามด้วยนะ ธรรมชาติจะได้สวยแบบนี้ต่อไป

เราก็ไปเดินดูน้ำตกแล้วก็ถ่ายรูปกันครับ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรมากครับ ดูรูปกันไปก่อนแล้วกันนะครับ





ถ่ายรูปกันเสร็จเราก็กลับกันเลยครับ แต่ตั้งไปอีกครั้งแน่ๆ ไปแบบค้างคืน แล้วจะเขียนเรื่องนี้ใหม่ครับ อันนี้เอาเป็น Trip แถมไปก่อนนะครับ

ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านกัน ผมจะพยายามต่อไปครับ จะพยายามใส่ข้อมูลให้มากขึ้น เพราะรู้สึกไม่มีข้อมูลให้ เท่าไหร มีอะไรก็มาถามได้นะครับ ยินดีตอบหรือใครไปเที่ยวไหนมาก็มาเล่าให้ฟังกันบ้าง นะครับ แต่ไปเที่ยวกันก็อย่าลืมรักษาธรรมชาติกันด้วย ที่ผมไปเที่ยวเจอคนทิ้งขยะไว้ แล้วรู้สึกใจหาย ผมเข้าใจว่าทุกคนไปเที่ยวก็ต้องการเห็นธรรมชาติสวยๆ และสะอาด ยังไงก็ช่วยกันนะครับ เมืองไทยจะได้สวยขึ้นกว่านี้ ขอบคุณทุกคนครับ




 

Create Date : 23 มกราคม 2551   
Last Update : 31 มกราคม 2551 12:53:56 น.   
Counter : 915 Pageviews.  

เขาหลวง... "แรงนะหมดไปนานแล้ว ที่เหลือนะใจล้วนๆ"

"แรงนะหมดไปนานแล้ว ที่เหลือนะใจล้วนๆ" ผมได้อ่านประโยคนี้ตอนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับเขาหลวง อ่านแล้วรู้สึกชอบประโยคนี้มาก ผมก็เลยลองไปหาความหมายขอประโยคนี้ดูที่เขาหลวง


เขาหลวงตั้งอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย อ.คีรีมาศ ผมว่าเป็นที่เที่ยวที่ไปไม่ยาก เพราะมีรถทัวร์ไปถึงทางเข้าอุทยาน แล้วก็ต่อรถมอเตอร์ไซเขาไปอีกไม่ไกลเท่าไหร แต่ถ้าใครคิดจะนั่งรถทัวร์ไปขอแนะนำว่าให้ไปรถเที่ยวสุดท้ายจากหมอชิด2 นะครับ ประมาณ 5 ทุ่ม แล้วก็หลับไปบนรถ เราก็จะไปเช้าที่สุโขทัย(จริงๆ น่าจะประมาณ ตี 5) จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ แต่พวกผมเลือกใช้วิธีเอารถไปกันเอง ผมเริ่มออกเดินทางประมาณ 7 โมงเช้า ก็ขับกันไปเรื่อยๆ ตามถนนสายเอเซียร์ แต่ขับไปไม่นานเราก็เริ่มทนไม่ไหวกับร่างกายที่ต้องการหาเช้า ก็เลยแวะให้อาหารร่างกายที่ร้าน "เล็กเลือดหมู" (แต่ใจไปถึงยอดเขาแล้ว 555) ขอแนะนำนะครับถ้าใครขึ้นเหนือ ร้านนี้เหมาะแก่การทานอาหารเช้ามาก อร่อย สะอาด เป็นกำลังในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ร้านนี้อยู่เลยสิงห์บุรีไปไม่ไกลครับ ร้านใหญ่อยู่ซ้ายมือ พอร่างกายพร้อม พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ Trip นี้ นึกว่าจะไปแบบไม่หลง แต่ไม่รู้เพราะ การติดป้ายที่งงมากในจังหวัดกำแพงเพชร หรือความเก่าของแผนที่ๆ เราใช้(เก่าเกิน10ปี) ก็เลยหลงซ๊ะหนึ่งรอบ


แต่ก็ไปถึงจนได้ เราไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เวลา 12.30 น. เราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงทางเขาอุทยานเพื่อเสียค่าเข้า คนละ20 แล้วก็ ค่านำรถเข้าอีก1 คัน 30 บาท พอจ่ายเงินไป เขาก็เปิดทางให้เราเข้าแต่โดยดี
เราก็ขับรถต่อเข้าไปอีกหน่อย ก็ถึงที่จอดรถ ที่ทำการที่นี่ผมว่าดีที่เดียวตกแต่งสวย กว้าง แล้วก็มีค่ายลูกเสือด้วย ถ้าใครคิดจะมาเที่ยวแบบไม่ปีนเขาก็มีบ้านพักเป็นหลังๆ ให้พักกัน

พอเรามาถึง เราก็จอดรถแล้วก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ขอขึ้นเขา เขาคิดเป็นคืน คืนละ 30 เราไป 2 คืน ก็คนละ 60 บาท ใครที่จะไปขึ้นเขาต้องไปถึงก่อน 15.00 นะครับ ไม่งั้นเขาไม่ให้ขึ้น เสร็จแล้วเราก็มาจัดการกับของที่จะแบกขึ้นเขา ก็มีคนมาติดต่อเรื่องลูกหาบ ว่าจะเอาอะไรให้ลูกหาบแบกขึ้นไปให้บ้าง เขาคิดกิโลละ 15 บาท แต่ด้วยความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองหรือความงกก็ไม่รู้ พวกเราขอแบกของขึ้นไปเองทั้งหมด เตรียมตัวเสร็จเราก็เริ่มออกเดินทางกันเวลา 13.30

ขอบอกนะครับ แค่ 300 เมตรแรกก็อยากกลับไปจ้างลูกหาบแล้ว แต่กลัวอายก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป แต่ดีอยู่อย่างนึ่งนะครับที่เขามีถังน้ำไว้ให้เราดื่มเกือบตลอดทาง ทางเดินขึ้นชันมากนะครับขอบอก เขาลูกนี้สูงประมาณ 1200 เมตรแต่ทางเดินขึ้นแค่ 3700 เมตร ทำให้ทางขึ้นชันมาก ใครไปนะจ้างลูกหาบแล้วเดินแต่ตัวจะดีมาก ครับ

เราเดินขึ้นไปถึงเวลา 17.30 แบบหมดสภาพเลยครับ เหนื่อยมากๆ แต่ก็คุ้มครับ ที่ปีนขึ้นมา

อากาศเย็นสบาย จริงๆ คงหนาวครับ แต่ด้วยความเหนื่อย ทำให้อากาศเย็นสบายมากๆ นั่งพักกันพอหายเหนื่อยเราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ วันที่เราไป ก็มีกลุ่มเราหนึ่งกลุ่มกับ ญาติๆ ของเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มก็แค่นั้นครับ ทำให้รู้สึกว่า ภูเขาเป็นของเราเลยอะ แล้วเราก็หาที่กางเต็นท์กัน ที่นี่มีลานกางเต็นท์ครับ เป็นพื้นหญ้าเรียบๆ สบายทีเดียว แล้วก็มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ที่แยกหญิงชาย แล้วก็น้ำที่ใสสะอาดแถมแรงมากอีกด้วย(ประปา กทม น่าจะมาดูงาน>) เขาทำดีจริงๆ ลองไปถามพี่เจ้าหน้าที่ว่าเอาน้ำมาจากไหน เขาบอกว่าเป็นน้ำฝน จุดที่เป็นที่ทำการจะมีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งวัน เป็นไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนอื่นๆ จะเปิดให้ตอนมืด ถึงประมาณ 3-4 ทุ่ม แล้วตรงที่ทำการของเจ้าหน้าที่ก็มี ร้านขายของด้วย พวกมาม่า ขนม อะไรต่างๆ พอสมควร แต่จะเป็นของแห้งๆ พอดูอะไรทั่วๆ แล้วเราก็มากางเต็นท์กัน เราก็เลือกกางตรง ลานหญ้า ใกล้ๆ กับที่ทำการแล้วก็ใกล้ห้องน้ำด้วยเพื่อความสะดวก
พอเตรียมอะไรเสร็จเราก็ไปอาบน้ำ(เย็นสุดๆ) แล้วก็กลับมากินข้าวกัน มื้อแรกบนเขาหลวง ของเราคือหมูทอดกับข้าวเหนียวแล้วก็ มาม่าอีก 2 ห่อ (อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) เราเอาเตาแก๊ซเล็กๆ ไปด้วยก็สะดวก แต่ถ้าใครไม่เอาไปเขาก็ให้เราก่อกองไฟทำอาหารได้ หรือใครก่อไม่เป็นก็ไปยืมครัวของเขาได้เลย พี่ๆ เขาใจดีมากๆ แถมชวนกินข้าวด้วยแต่ก็เกรงใจพี่เขา แต่ขอบอกว่า มันน่ากินมากๆ
พอกินเสร็จเราก็นอนกันเลยครับด้วยความเหนื่อย อากาศถึงจะหนาวแต่ลมไม่แรงเพราะมีภูเขากับต้นไม้ช่วยบังลม ทำให้ช่วยได้เยอะ
เราตื่นขึ้นมาตอนประมาณ 6.30 พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ครับ ก็มายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ถ้าใครไปแล้วตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ ตรงที่ทำการเจ้าหน้าที่เขาจะมีเวลาบอกไว้ครับว่าจะขึ้นเมื่อไหร ตกเมื่อไหร อย่างตอนที่เราไป พระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.54 น. ครับ


พอสายหน่อยพวกเราก็มากินอาหารเช้ากัน ก็มีขนมปัง โอวัลติน กาแฟ แล้วที่ขาดไม่ได้ ก็มาม่า เวลาหนาวๆ ได้กินแบบนี้ก็อร่อยดีนะ

แล้วเราก็ไปจัดการกับตัวเอง พอเสร็จ กลับกันมาเราก็ย้ายเต็นท์กัน ไม่ใช่ที่เดิมไม่ดี แต่เจอที่ๆ ดีกว่า เราลืกที่จะนอนใต้ต้นไม้ที่พระเทพมาปลูกไว้ ตั้งแต่ปี 2537 ทำให้รู้สึกดีมากๆ มีรูปที่พระเทพเดินขึ้นมาด้วย


พอย้ายเต็นท์เสร็จเราก็ มาทำอาหารกลางวันกัน ทำเพื่อเอาไปกินตอนเดินทาง เพราะเดี๋ยวเราจะเดินทางต่อไปยอดเขา ต่างๆ บนเขาหลวงกัน

เมนูของเราคือ ผัดกระเพราหมี่กับแหนม ถ้าใครยังไม่ได้กินข้าวแล้วเห็นรูปนี้แล้วทำให้ไม่อยากกินข้าวก็ขอโทษทีนะครับ

พอทำเสร็จพวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไปเดินเที่ยวกัน

เริ่มออกเดินทางได้ไม่เท่าไหร ก็ เจอแมงมุม จริงๆ ก็ไม่แปลกอะไร แต่ที่เจอมันเป็นต้นไม้แมงมุม ขอบอกว่าเยอะมากๆๆ เหมือนเป็นเมืองของมันเลย

ลองดูรูปด้านล่างนะครับ ที่เห็นเป็นสีขาวๆ ทั้งหมดเป็นหัวของแมลงมุมครับ

มันเยอะมากจนน่ากลัวครับ เอาเป็นว่าเราผ่านมันไปดีกว่า เราเดินทางต่อไปดีกว่า เราก็มุ่งหน้าสู่ภูเขาลูกแรก คือยอดเขาเจดีย์ เดินจากที่พักไม่ไกลมาก ก็ขึ้นไปถ่ายรูปกันอย่างเดียวเลย

แล้วเราก็เดินต่อ เพื่อไปภูเขาลูกต่อไป แต่เหนื่อยก่อน ก็เลยพักกินข้าวกัน กินเสร็จเราก็เดินกันต่อ อีกไม่ไกลเราก็ถึงยอดเขาพระแม่ย่า แต่ก็ต้องเดินขึ้นเขาไปเหนื่อยเหมือนกัน แต่ขึ้นไปก็สวยมากอากาศเย็นทำให้หายเหนื่อย แต่จะเดินไปไหนดีก็ขาสั่น เพราะสูงมากๆ

แล้วบนยอดเขาก็จะมองเห็นอ่างเก็บน้ำด้วย

เราก็ถ่ายรูปที่นี่กันอีก หลายรูปมาก มาครั้งนี้ถ่ายแต่รูปคน ไม่ค่อยมีรูปวิวเท่าไหร ถ่ายไป377 ครับ


พอถ่ายรูปจนหนำแล้วก็ไปต่อกันที่ผาชมปรง ก็เดินไปอีกใกลเหมือนกัน แต่พอมาถึงก็ มาถ่ายรูปกันอีก ช่วงนี้ไม่มีอะไรจะเล่า ดูรูปนางแบบทั้งหลายไปแทนแล้วกันนะครับ








ดูรูปกันเหนื่อยหรือยังครับ แต่ผมถ่ายจนเหนื่อยแล้วอะ ก็เลยไม่ได้เขาอีกสองลูก ขอโทษ ผู้อ่านด้วยครับ แต่ร่างกายมันไม่ไหวอะก็ขอเดินกลับทีพักมาทำกับข้าวเย็นกินดีกว่า มื้อเย็นจริงๆ ตั้งใจทำมะกะโรนี แต่พี่สาวสุดที่รักดันลืมเอามะกะโรนี มา ก็ไม่พ้นต้องเป็นมาม่าอีก ก็เลยทำ มาม่าต้มปลากระป๋อง แล้วก็ใส่มันฝรั่ง แล้วก็มะเขือเทศ

รูปต่อไป คือผลงานที่นะครับ ถึงหน้าตามันจะไม่ดีแต่มันอร่อยมากเลยนะ จริงๆๆ นะ

พอกินกันเสร็จเราก็ออกมาเดินดูรอบๆ ก็มีคนเริ่ม มาเยอะขึ้น รู้สึกไม่เหงาเมือนคืนแรก

คืนนี้เราเลย ออกมาก่อกองไฟแล้วก็ต้อมน้ำกินกาแฟกัน แล้วอากาศก็หนาวด้วย ได้มาผิงไฟก็รู้สึกอุ่นดี

พอดึกหน่อยเราก็ไปนอน คืนนี้หนาวมาก หนาวกว่าคืนแรก นอนไม่ค่อยหลับ พอเช้าหน่อยก็รีบตื่น เช้านี้ อยู่ที่ประมาณ 16 C' เลยต้องตื่นมาเดินๆ วิ่งๆ แก้หนาว


แล้วเราก็มากินมาม่าเช้ากัน กินกันเสร็จเราก็เก็บของเตรียมตัวกลับ ก็ลองไปชั่งน้ำหนักกระเป๋าดู ก็ประมาณ คนละ 8 กิโล ก็แบกกันลงเองอีก (ไม่เข็ด) ก่อนกลับก็ไปขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ผู้ใจดีของเราหน่อย

ก็ต้องขอขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ทุกคนด้วยนะครับ พี่ทุกคนใจดีมากให้ยืมเตา ยืมหม้อกระทะ แล้วก็อีกมากมาย รวมถึงข้อมูลดีๆ ทำให้ผมรู้สึกอยากไปเที่ยวเมืองไทยขึ้นอีกเยอะ ขอบคุณครับ
พวกเราก็ใช้เวลาเดินลงประมาณ 2 ชั่วโมง กลับลงมาก็มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันข้างล่าง แล้วก็ จะไปซื้อ Post Card กัน แต่ร้านดันปิด ถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่า เขาปิดร้านไปเป็นกรรมการเลือกตั้ง เซ็งเลย ก็เลยตัดใจกลับดีกว่า เราก็ออกเดินทางกลับกันประมาณ 12.00 พอดี...
แต่ Trip นี้ยังไม่จบครับ อิอิ เราไปน้ำตกคลองลานกันต่อ ยังไงก็ ตามไปอ่านกันด้วยนะครับถ้ายังไม่เบื่อ ขอบคุณครับ ที่เข้ามาอ่านกัน บางที่อาจพิมพ์ผิดจะรีบเข้าไปแก้นะครับ ขอโทษผู้อ่านด้วยครับ แล้วเจอกันใหม่ที่ น้ำตกคลองลานครับ...




 

Create Date : 22 มกราคม 2551   
Last Update : 31 มกราคม 2551 13:00:22 น.   
Counter : 1962 Pageviews.  

พี่น้องท่อง เสม็ด X2

เสม็ดเป็นเกาะที่น่าเที่ยวอีกเกาะนึงนะครับ ใกล้กรุงเทพ นั่งเรือไม่ไกล แล้วก็สวยด้วย ซึ่งผมก็ได้ไปมาหลายครั้ง แต่ผมจะมาเล่าครั้งที่ผมไปกับพี่ สาวแล้วก็เพื่อนอีกสองคน ซึ่งก็เป็นพี่น้องกันเหมือนกัน ทริปนี้ก็เลยชื่อ "พี่น้องท่อง เสม็ด X2" ครั้งนี้ที่ไป เราก็ขับรถกันไปเองครับ แต่ถ้าใครจะไปตอนนี้ ก็มีรถตู้นะครับ จากรังสิต แล้วก็ อนุสาวรีย์ครับ รถไปจอดถึงท่าเรือเลยครับ กลับมาต่อดีกว่า เราออกจากบ้านที่อยุธยาประมาณ 6.00 ขับรถกันไปก็ไปถึงท่าเรือประมาณ 8.30 ก็จัดการฝากรถเขาไว้ที่ท่าเรือแล้วก็จัดการซื้อตั๋วเรือ เราตั้งใจกันไว้แล้วว่า เราจะไปพักที่อ่าววงเดือน ถ้าใครคิดจะไปอ่าวนี้ เรือจะออกตอน 9.30 นะครับ เราก็มีเวลาเหลือก็เลยไปตลาดกัน ก็นั่งรถสองแถวกันไป ไปลงที่ตลาด ไปกินข้าวเช้ากัน กินเสร็จเราก็ไปซื้อของสดที่ตลาดบ้านเพ ก็ซื้ออาหารทะเลหลายอย่างเอาไปทำกินกันบนเกาะ แล้วเราก็นั่งรถมอเตอร์ไซกลับมาที่ท่าเรือ ก็ขึ้นเรือ9.30 พอดี แต่กว่าเรือจะออกก็9.45



เราก็ขึ้นเรือสู่เกาะเสม็ด ค่าเรือ 60 บาทนะครับ เราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึง


อ่าวที่เราไป เรือไม่สามารถไปจอดที่ฝั่งได้ จึงมีเรือเล็กออกมารับ เมื่อก่อนไม่เสียเงินแต่ตอนนี้ 20 อะ
แล้วก็ ขึ้นถึงฟัง จนได้ เราก็เดินหาที่พักกัน ที่พักที่เราตั้งใจไว้คือ ต้องติดทะเล ต้องทำอาหารได้ แล้วก็นอนได้ 4 คน เราก็เดินหากันไป ทางอ่าวแสงเทียน


เราก็ได้ที่พักอยู่ที่นึง ชื่อ ต้นหาด อยู่ระหว่างอาวแสงเทียวกับอ่าวลุงดำ เจ้าของใจดีมากๆๆ ให้เราทำอาหารได้ แล้วก็ให้ยืมเตาฟรีๆๆ ด้วย ขอบคุณมากๆๆๆ ครับ

พอเราจัดการที่พักเสร็จ เราก็คิดจะไปดำน้ำกัน เราก็ไปติดต่อไปดำน้ำ จริงๆๆ เราอยากไป ดำน้ำหลายๆๆ เกาะ แต่ว่า เราไปไม่ทัน เพราะ ว่าต้องไปก่อน 11.00 เราก็เลยตัดสินใจไปดำรอบๆๆ เกาะเสม็ดแทน ติดต่อ เรือก็ออกตอน 14.00 เราก็หาอะไรกินกัน ก็ไปซื้อส้มตำไก่ย่าง ที่เขาหาบขาย อร่อยดี ก็นั่งกินมันบนพื้นเลย พอถึงเวลาเรือก็มา เรามีเพื่อนร่วมเรืออีก สิบ กว่าคน ก็ไปดำน้ำรอบๆๆ เกาะ เสียดายไม่ค่อยมีแดด เลยเห็นไม่ค่อยชัด แต่ถ้าใครที่เคยดำที่สวยๆๆ มาแล้ว ก็ไม่ขอแนะนำครับ แต่ถ้าใครยังไม่เคย ก็ ok ครับ สำหรับการเริ่มต้นดำน้ำ พอดำเสร็จเขาก็พาเราไปที่เลี้ยงปลาในกระชังครับ มีปลาเยอะ นะครับ มีฉลามด้วย ก็สนุกดี เดินดูไปก็กลัว ตกน้ำ ไปเป็นอาหารปลา แล้วเราก็กลับที่พัก มาถึงประมาณ 17.00 เราก็เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ตก ครับ จากที่พักเรา เดินขึ้นเขาไป ไม่ไกล ก็ ถึง ขอบอกครับ ว่าถ้าไปเสม็ดต้องไปดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ เพราะสวยมาก
แล้วเราก็กลับมาทำอาหารเย็นกินกัน วันนี้ มื้อใหญ่ครับ มี BBQ แล้วก็หมูกระทะแล้วก็ปิ้งๆๆ ย่างๆๆ กันไป ตามเรื่องครับสนุกดี

กินเสร็จ เราก็ออกไปเดินเล่น


กลับมาผมก็ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน หลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกที ตี2 ก็กลับเข้าไปนอน ก็กะว่าจะตื่นเช้าๆๆ แต่ก็ไม่เช้าเท่าไหร ก็มานั่งเล่นหน้าบ้านกันอีก
แล้วก็ออกไปหาอะไรกินกัน ที่ร้านอาหารข้างๆๆ ที่พัก
แล้วก็ไปถ่ายรูปเล่นกันต่อ
แล้วเราก็กลับมาที่พัก เตรียมตัวไปเล่นน้ำ แล้วก็ไปพายเรือกัน สนุกมากๆๆ เหนื่อยมากด้วย คลื่นแรงมากๆ พายกันอยู่ 1 ชั่วโมง
เราก็กลับมาอาบน้ำเก็บของเตรียมตัวกลับ กัน ก็มานั่งรอเรือ
ขึ้นเรือตอนเที่ยง กว่าจะถึงฝั่งก็ บ่ายๆๆ แล้ว กลับถึงบ้านก็ ห้าโมงกว่าๆๆ
ก็ประมาณนี้ครับ ที่ผมไปเที่ยว ถ้าไปทะเลนะครับ แนะนำให้ซื้อถุงกันน้ำ ช่วยได้มากเลยเวลาลงเล่นน้ำ เก็บของได้ ไม่เปียก







ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาอ่าน




 

Create Date : 15 มกราคม 2551   
Last Update : 16 มกราคม 2551 7:37:18 น.   
Counter : 1239 Pageviews.  

โหดสุดๆที่..... ภูสอยดาว

ผมไปเที่ยวภูสอยดาวมา ก็อยากมาแบ่งปัน กันนะครับ ถึงจะโหดไปหน่อย แต่ก็ อยากให้ได้ไปกัน คุ้ม สุดๆๆ


ภูสอยดาว อยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ ยอดภูสอยดาวจะสูงประมาณ 2102 เมตร แต่จุดที่เราต้องเดินขึ้นไปพัก ชื่อว่า ลานสนสูง 1633 เมตร
ตอนที่ผมไปเป็นหน้าฝน ขับรถกันไปเองจากอยุธยา(ขอแนะนำให้เอารถไปเอง) ก็ไปถึงประมาณ เที่ยงครับ ซึ่งต้องลุ่นจนตัวโก่ง เพราะว่าถ้าไปถึงหลังเที่ยงทางอุทยานแห่งชาติจะไม่ยอมให้ขึ้นครับ เพราะทางเดินขึ้นไกลพอสมควร ระยะทางประมาณ 6 กีโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมง วันที่ผมไปฝนตกตลอดแต่ก็เตรียมเสื้อกันฝนไป


ทางเดินขึ้นลำบากหน่อยครับ ทางลื่นมากชันมากด้วย ควรเดินขี้นแบบไม่ต้องถือของหนักนะครับ แต่ถ้าใครมีของเยอะก็ไม่ต้องกลัวครับ เพราะมีลูกหาบให้รับจ้างแบกของ เขาคิดกิโลละ 15 บาท ผมก็จ้างครับ แต่วันที่ผมไปคนไปเยอะลูกหาบหมด ก็เลยต้องฝากของบางส่วนไว้ที่ทำการอุทยานให้เขาฝากลูกหาบขึ้นไปให้ เลยจำเป็นต้องแบกของบางส่วนขึ้นไปเอง ระหว่างทางเดินขึ้นก็มีจุดให้เรานั่งพักกันบ้าง แรกๆๆ ไม่พักกันเลยครับ ประมาณว่า ฟิต ผ่านไป 2 ชั่วโมง จะตายเอา เจอลูกหาบที่เขาเดินลงมาก็ถามเขาว่าอีกไกลไหม เขาบอก "นี่พึ่งเนินแรก เหลืออีก 3 เนิน" แค่ฟังก็ใจฝ่อแล้วครับ แต่จะเดินกลับ ก็ กลัวโดนประนาม ก็ ก้มหน้าเดินต่อไป แล้วก็เหลือบไปเห็นรองเท้าของลูกหาบ ทุกคนใส่รองเท้า สตัต ครับ แนะนำครับ ขอบอก ของที่แบกขึ้นมาครับ จากไม่ค่อยหนักกลายเป็นหนักมาก อยากโยนทิ้ง แต่ก็ลากเอาตัวขึ้นมาได้ ขึ้นมาถึง 18.00 พอดีเลยครับ


พอขึ้นไปถึงเราก็ จะเจอลานโล่งๆ แล้วก็มีต้นสนอยู่เต็มไปหมด เขาเรียกว่า สนสามใบครับ แล้วลานเขามีชื่อว่า ลานสน(ตรงจริงๆๆ) ซึ่งที่นี่แหละครับ เป็นที่พักของพวกเราอีก 2 คืน
พวกเราก็เริ่มหาที่กางเต็นท์ แต่ฟ้าก็มืดเร็วมาก ฝนห็ไม่หยุด อากาศก็เย็นมากๆๆๆ ก็เดินหากัน พอเจอที่เหมาะเราก็เริ่มลงมือกางเต็นท์กันเลยครับ กางกันด้วยอาการมือสั่น ตัวสั่นตลอดเวลา เราใช้เวลากางกัน 30 นาทีครับ ทั้งหมด 3 เต็นท์ เราก็เอาของทั้งหมดไปไว้เต็นท์นึง ส่วนพวกเราทั้งหกคนก็มามานั่งต้มมาม่ากันในเต็นท์ใหญ่ครับ เป็นมาม่าที่อร่อยที่สุดในชีวิต แต่มันทำให้เราอุ่นขึ้นมากเลย พอกินกันเสร็จ ก็นอนครับ(แบบไม่อาบน้ำ)แต่ก็มีข่าวร้ายครับที่นอน ของที่ทำการอุทยานหมดครับ แล้วถุงนอนที่แบกกันมาแทบตายก็เปียกหมด แต่ยังไงก็ ต้องทนใช้ มันครับ ก็นอนกันไป โดยผู้ชาย 4 คนก็มานอนรวมกันที่เต็นท์ใหญ่ ผู้หญิง 2 คนก็ไปนอน ที่ เต็นท์เล็ก ก็นอนกันไปได้พักนึง ก็มีปัญหาอีกคือว่า เต็นท์ ที่ผู้หญิงนอนกัน ดันไปกางอยู่ตรงทางน้ำพอดี ก็เลยต้องลุกมาย้ายเต็นท์กันตอนดึก แล้วก็กลับมานอนกัน กว่าจะเช้า เป็นคืนที่ยาวนานมาก แต่ก็ผ่านกันมาได้
พอเช้าเราก็เริ่มจัดการกับตัวเอง ก็ไปล้างหน้า แล้วก็เข้าห้องน้ำกัน ที่นี่ ใครจะใช้น่ำต้องไปตักเอาเองจากลำธารนะครับ แต่มีห้องน้ำให้ แล้วเราก็มาทำอาหารเช้ากินกัน พออิ่มเราก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูป ชมธรรมชาติกันครับ ถ้ามาที่นี่ต้องมาดูดอกไม้ชนิดหนึ่งครับ ชื่อว่า "ดอกหงอนนาค"


ซึ่งก็มีขึ้นอยู่ทั่วไป แล้วพอบ่ายๆๆ เราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ขอคนนำทาง เราจะไปเที่ยวน้ำตกกัน ต้องเดินไปไกลเหมือนกัน เขาก็จัดเจ้าหน้าที่มาให้คนนึง
เขาก็พาเราเดินไปครับ เราก็ถามเขาว่าทางเดินเป็นยังไงไกลไหม เขาก็บอกว่ามี 2 ทาง แบบใกล้ แต่โหด กับ ไกล แต่เดินสบาย ลองทายซิ พวกเราเลือกแบบไหน.................. 555

เราเลือกแบบ แรกครับ โหด แต่ใกล้ ก็เดินกันไป ขอบอกว่าโหดจริงๆๆ น้ำตกนี้ จริงๆๆ อยู่ประเทศลาวครับ เราต้องแอบนี้เข้าประเทศเขา แบบไม่เสียอะไรให้ประเทศเขาเลย

เราใช้เวลาเดิน (+ปีน) ประมาณ 30 นาที เราก็มาถึง น้ำตก น้ำตกนี้ มีชื่อว่า น้ำตกมอส ครับ ไม่ใหญ่มาก แต่ผมว่าสวยทีเดียว


เราก็เล่นกันที่น้ำตกนี้พักนึงครับ แล้วเราก็เดินกลับกัน แต่เราขอเลือกแบบ สบายบ้าง ไม่ไหว แล้วกับทางเก่า ก็เลยถามพี่เจ้าหน้าที่เขาว่า แถวนี้มีที่ไหนให้ไปอีกไหม เขาบอกมีจุดชมวิว เราก็ เอาครับไป อยากเห็นวิว เดินไม่ไกลก็ถึง แต่ มองไม่เห็นอะไรเลย มีแต่เมฆ กับหมอก ก็ เลยนั่งพักกันแล้วก็กลับ



กลับมาถึงเราก็ มาทำอาหารเย็น แล้วก็อาบน้ำกัน ผมไม่อยากตักน้ำ ก็เลยอาบในลำธารเลยครับ น้ำใสแล้วก็เย็นมากๆๆ กินเสร็จเราก็ นั่งคุย นั่งเล่นไพ่กันในเต็นท์ (อิอิ ตำรวจตามมาไม่ถึง) แล้วก็นอนครับ คืนนี้นอนสบายหน่อยครับฝนตกเบา แล้วก็มีผ้าห่ม ตื่นมาก็เก็บเต็นท์ แล้วก็ เตรียมตัวกลับ


เราใช้เวลาเดินลง ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ เดินสบาย ฝนไม่ตกแล้ว กลับลงมาถึงก็ มานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารข้างล่าง แล้วเราก็เดินทางกลับกันครับ...
ที่ผมไปเที่ยวมาก็ประมาณนี้ครับ ก็มีข้อแนะนำ สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวนะครับ ถ้าแบบสบายหน่อย ก็มาหน้าหนาวครับ จะเดินสบาย หน้าร้อนมันร้อนไปครับ มันจะไม่สวย แต่ถ้าสวยที่สุดน่าจะหน้าฝนครับ ก่อนไปก็ ฟิตๆๆ ร่างกายกันหน่อยครับ
คิดถึงจังครับ ภูสอยดาว มีโอกาศไปอีกแน่ๆๆ ครับ






 

Create Date : 15 มกราคม 2551   
Last Update : 9 มีนาคม 2554 23:30:34 น.   
Counter : 882 Pageviews.  


StruckTravels
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add StruckTravels's blog to your web]