หลังจากเก็บภาพบริเวณสระว่ายน้ำพอสมควร ก็เดินลงไป check in ตรงแพส่วนกลางซึ่งบริเวณนี้จะเป้นที่นั่งรับประทานอาหารของผู้เข้าพักทั้งหมด ผมจองห้องพักห้อง 3034 ไว้ซึ่งก่อนมาได้ search หาข้อมูลก่อนล่วงหน้า อยากได้ห้องพักที่เป็นหลังแยกออกมา และมองเห็นวิวด้านข้างของแพ ก็ได้ห้องที่อยู่ริมสุดของแพคือห้อง 3034 ข้อดีของการเลือกห้องพักที่เป็นหลังคือ จะไม่ได้ยินเสียงจากห้องข้างๆ ซึ่งถ้าเลือกพักแพที่เป็นห้องแถวติดกันเสียงจากห้องข้างๆจะเล็ดลอดมาให้ได้ยิน อาจทำให้นอนไม่หลับได้
จากแพโรงอาหารจุด check in ซึ่งจะอยู่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ จะมีที่พักแยกออกไปทางซ้ายและขวาตามลำน้ำแควน้อย ห้องพักผมอยู่ทางปีกซ้ายเดินไปจนสุด ทางเดินไปห้องพักจะเห็นห้องพักแต่ละประเภทเป็นหลัง และเป็นแพห้องแถวสลับกันไป และหน้าห้องทุกห้องจะมีพื้นที่ไว้สำหรับชมวิวหรือสังสรรค์กันหน้าห้อง รวมถึงเปลญวนไว้นอนเล่นทุกห้อง ห้องผมจะอยู่ไกลหน่อย แต่ก็วิวดีและจะมองเห็น resort ไทรโยควิวราฟท์อยู่ด้านข้าง
มาดูสภาพภายในห้องพักกันหน่อย ในห้องจะมีแอร์ น้ำอุ่น แต่จะไม่มี ทีวี ตู้เย็น, wifi จะมีเฉพาะตรงโรงอาหาร สภาพห้องพักก็เหมาะสมกับราคาไม่ได้สะอาดแต่ก็ไม่ได้สกปรกซึ่งผมไม่ได้แคร์ตรงนี้อยู่แล้วช่วงที่ไปจะเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งการนอนเล่นอยู่กับธรรมชาติมองออกไปยังสายน้ำที่เห็นฝนกำลังตกนับว่าเป็นความสุขไม่น้อยเพราะส่วนใหญ่การเดินทางของผมไม่ได้นอนสบายแบบนี้มักจะนอนกลางดินกินกลางทรายตามป่าเขาซะส่วนใหญ่ การได้มาพักผ่อนชิลๆแบบนี้ถือว่าได้พักสภาพร่างกายไปในตัวด้วย
ถึงเวลาที่ต้องไปล่องแพกันแล้วตามเวลานัด วันนี้วันจันทร์ คาดคะเนด้วยสายตาก็ไม่น้อยกว่า 80 คน แขกก็ยังเยอะอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นที่มาเที่ยวกัน ทุกคนที่ล่องแพต้องใส่ชูชีพ มีพนักงานมาอธิบายถึงความปลอดภัยในการลอยตัวไปตามสายน้ำที่ค่อนข้างไหลแรง ขณะที่แพก็โดนลากออกไปห่างจากบริเวณที่พักไปเรื่อยๆ สภาพวิวทิวทัศน์หลังฝนตกนี่มันสดชื่นจริงๆ มองเห็นสายหมอกคลอเคลียยอดเขาเตี้ยๆ ลำน้ำสายนี้ดูเหมือนจะไหลไปตามแนวเขา ด้านหน้าเราก็มองเห็นภูเขา ด้านหลังก็มองเห็นภูเขามีภูเขาโอบล้อมอยู่ทั้งสองด้าน แพของเราโดนลากมาสักกิโลนึงเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นชนชาติพม่าซึ่งอยู่ติดกับเมืองกาญจน์ได้บอกให้เรา "ทิ้งตัว" กันได้เลย แต่ละคนดูสนุกสนานกันเต็มที่ ผมรอเก็บภาพความสนุกของเหล่าวัยรุ่นที่ทิ้งตัวกันลงน้ำด้วยท่าทางต่างๆ บรรดาวัยรุ่นชายก็ใส่กันเต้มที่ ส่วนพวกผู้หญิงก็มีกล้าๆกลัวๆกันบ้าง เพราะด้วยสายน้ำที่ไหลแรงก็คงมีขยาดกันบ้าง ผมเดินไปที่ท้ายแพมองไปยังกลุ่มที่ทิ้งตัวลอยไปตามน้ำ ภาพในหัวตอนนั้นผมนึกถึงลำน้าซองที่วังเวียงที่ยังไม่เคยไป แต่คิดว่าที่บ้านเราก็คงไม่แพ้กัน หลังจากที่ทุกคนลงแพกันหมดเหลือผมกับเด็กผู้หญิง 2 คนที่กล้าๆกลัวๆไม่ยอมลงมีเจ้าหน้าที่คอยให้กำลังใจ และคอยดูแลไม่ห่างผมกระโจนลงสายน้ำที่เย็นและไหลแรงพร้อมด้วยเจ้ากล้อง gopro คู่ใจเพื่อเก็บภาพบรรยากาศในน้ำ แค่ลอยตัวน้ำก็พาเราไปไกลแล้วเพราะกระแสน้ำแรงมาก บางช่วงของท้องน้ำอาจมีตื้นบ้างบางช่วง อย่าเอาขาราไปกับพื้นเพราะอาจกระแทกหินได้ ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำเป็นดีที่สุด เราใช้เวลาช่วงนี้ประมาณ ชั่วโมงนึง ทั้งขาไปและกลับ จนลอยตัวมาถึงที่พัก พอมาถึงก็เป็นคิวรอบถัดไป เจ้าหน้าที่บอกใครอยากจะซ้ำ ก็ไปต่อได้น่ะ ผมเลือกที่จะกลับห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ารออาหารเย็น
มองไปยัง resort ข้างๆ เขาก็กำลังลอยคอเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ระยะทางที่เขาลากแพมาเพื่อปล่อยนักท่องเที่ยวไม่ไกลเลยแค่สัก 200 เมตร เหมือนกับว่าเขาแบ่งเขตกัน ทาง the for rest เหนือ resort ขึ้นไปตามลำน้ำจะไม่มี resort อื่นตั้งอยู่เลยลากแพไปปล่อยได้ไกล แต่ทาง ไทรโยควิวราฟท์ เหนือ resort จะติดกับ the for rest เลยลากมาไม่ไกล
เก็บบรรยากาศทั่วไปรอบรีสอร์ทในช่วงรอเวลาอาหารเย็น
ช่วงเช้าตื่นมาเก็บบรรยากาศยามเช้าสักหน่อยหมอกลงหนาอากาศค่อนข้างเย็น อาหารเช้าจะเป็นพวก american breakfast และ ข้าวต้ม อาหารที่นี่ยอมรับเลยทั้งอาหารเช้าและเย็นรสชาติดีมาก หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็กลับมาอาบน้ำเก็บของ check out แล้วแวะขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูงบนสะพาน To Be Number One ก่อนกลับ กทม.
แผนที่เส้นทางไปยัง The For Rest