|
เรียนภาษาจีน
ไปลงเรียนภาษาจีนกลางมาได้จะ 2 เทอมแล้ว เรียนแล้วสนุกดี รู้ข่าวโรงเรียนภาษาจีนนี้จากเพื่อนร่วมงานคนจีน-อเมริกัน เธอยังเด็กๆ เพิ่งจบปริญญาตรี แล้วก็มาเริ่มงานที่บริษัทเดียวกัน เราเลยไปถามว่า เรียนภาษาจีนที่ไหนจ๊ะ เพื่อนก็พาไปสมัครเรียบร้อย เรียนเทอมแรก เดือนม.ค. ปีนี้เอง เรียนทุกวันเสาร์ บ่ายสอง ถึงบ่ายสี่ โรงเรียนนี้อยู่ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งไกลจากบ้านมาก ต้องขับรถไป-กลับ 2 ชั่วโมง ถึงจะถึง เลยกลายเป็นว่าต้องขับรถไป-กลับ วันละ 2 ชั่วโมง จ. ถึง ส. เหนื่อยมากๆ
เทอมแรกนี้ ได้เรียนคลาสสองภาษา คือครูคนสอนเป็นคนจีน แต่พูดภาษาอังกฤษได้ดี สอนผู้ใหญ่ 4 คน และเด็ก อายุ 8-12 อีก 9 คน เด็กพวกนี้เป็นลูกคนจีน แต่ที่บ้านไม่ได้พูดภาษาจีน เทอมแรกนี้ ครูก็ใจดี สอนดี แต่ไม่ค่อยเคร่งครัดให้นักเรียนจำตัวอักษรมากนัก จริงๆ แล้วเพื่อนร่วมชั้นคนนึง เธอมาเรียนพร้อมลูกของเธออีก 2 คน ในชั้นเดียวกันนี่แหละ เธอบ่นเวลาครูให้เขียนภาษาจีน เธอว่าจำไม่ได้ จำได้แต่เขียนแบบ pinyin ซึ่งเป็นระบบการออกเสียง ครูก็บ่นๆ นิดหน่อยว่า จำได้แต่ pinyin แต่ไม่มีใครเค้าติดป้าย หรือพิมพ์หนังสือออกมาเป็น pinyin ซะหน่อย อีกอย่างคำพ้องเสียงในภาษาจีนอาจมีถึง 10 ตัว เพราะงั้นต้องจำตัวอักษรจีนจริงๆ
อ้อ ลืมบอกไปนะ ที่เรียนเนี่ย เรียนแบบตัวอักษรแบบง่ายที่ดัดแปลงแล้ว (Simplified) ไม่ได้เรียนแบบตัวอักษรดั้งเดิม (Traditional) แต่ขนาดแบบง่ายแล้ว บางคำยังต้องขีดๆ เป็น 10 ขีด ถึงจะได้ตัวหนังสือตัวนึง
เทอมแรกผ่านไปด้วยดี เทอมที่สองไปสืบมาว่า โรงเรียนนี้มีสาขาใกล้ๆ บ้าน ขับรถแค่ 20 นาทีถึง ก็เลยย้ายโรงเรียน เปิดเทอมเมื่อกันยาฯ ที่ผ่านมา คราวนี้ก็จะลงเรียนแบบคลาสสองภาษาเหมือนเดิม แต่พอเปิดเทอมวันแรก เข้าไปในห้องนั้น มีแต่เด็ก ป. 1-2 พอถามครู ครูก็บอกไม่รับเด็กโข่งอย่างเธอหรอก อ้าว ก็จ๋อยดิ เลยถอยไปตั้งหลัก แล้วเดินไปถามตรงโต๊ะลงทะเบียน เจ้าหน้าที่ใจดีก็ช่วยเหลือ เราอธิบายให้เค้าฟังว่าเราเรียนเทอมที่แล้วกับโรงเรียนนี้แหละ แต่อีกสาขานึง แล้วเราก็ถามว่าขอลงทะเบียน ป.2 ได้ไหม (เพราะป.1 ชั้นเรียนเต็มแล้ว) จนท. ก็ว่า ได้ แต่คุณฟังภาษาจีนได้ไหมหละ เราบอกไม่ได้ แต่เราอยากเรียน จะพยายาม แต่เป็นไรเปล่าหละ เอาผู้ใหญ่ไปเรียนกับเด็ก จนท. ก็ว่า ได้สิ ไม่มีกฏห้ามนี่ เค้าเลยพาเราไปชั้นเรียน ป.2/1
เข้าไปในห้อง เจอครูคนจีนอายุสี่สิบปลายๆ ใจดี บอกว่ามาเรียนสิ แต่ครูพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะ เราบอกไม่เป็นไรๆ ขอเรียนไว้ก่อน
ปรากฏว่า เรียน 2 อาทิตย์แรก ยากเหมือนกัน เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วก็ยังอ่านคำสั่งในสมุดแบบฝึกหัดกับการบ้านไม่ค่อยได้ หลังๆ ก็ดีขึ้น วันนี้เพิ่งสอบไป เรียนกับเด็ก ป.2 อีก 20 คน อายุประมาณ 7-9 ปี พอเพื่อนที่ทำงานรู้ มันก็ล้อกันใหญ่ว่าต้องไปเรียนกับเด็กๆ อย่างโน้นอย่างนี้ ขนาดสามีก็ล้อนิดหน่อย จนมีครั้งนึงฉุนๆ เลยย้อนกลับบรรดาคนล้อว่า ฉันไปเรียนเพื่อเอาภาษาย่ะ เรียนกับเด็กไม่เห็นเป็นไรเลย จริงๆ เพราะครูแทบไม่พูดภาษาอังกฤษ ทำให้ภาษาจีนเราพัฒนาเร็วขึ้น เพราะโดนบังคับให้ฟังภาษาจีนมากขึ้น
เอาไว้เดี๋ยวมาเล่าต่อว่า ไปนั่งเรียนกับเด็ก เห็นอะไรน่ารักๆ แปลกๆ หรือตลกดีเหมือนกัน
Create Date : 11 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 6:22:49 น. |
Counter : 438 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มีบล็อกครั้งแรก
แหม ไม่เคยมีบล็อกหรือขีดเขียนๆ อะไรที่เกี่ยวกับตัวเองมาก่อน ที่ไม่เคยเนี่ย คงเพราะชอบคิดกะชอบอ่าน บางทีคิดมากจนเกินเหตุ แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเขียนเลย เหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ ขี้เกียจ วันนี้เลยมาลองทำบล็อกดู จะได้ลองเขียนๆ (จริงแล้ว พิมพ์เอานี่หน่า) ลองพิมพ์ๆ ดู หวังว่าจะมีเวลามาทำบล็อกได้บ่อยๆ นะ
เวลาเราเข้าไปเยี่ยมบล็อกคนอื่น ดูแล้ว เค้าช่างเขียนเก่งกันจัง น่าอ่านดีนะ ไปเยี่ยมเวปพี่ๆ หลายคน บางคนแต่งกล่อนก็เก๊ง เก่ง บล็อกพี่บางคน ก็มีอาหารให้ดูเยอะเลย เอาไว้ให้เราได้ดูเป็นอาหารตา กระตุ้นความอยาก อยากๆ มากๆ ก็อาจลงมือทำกิน แต่จะออกมาสำเร็จไหม ก็อีกเรื่องนึง ไม่รู้ช่วงนี้เป็นไง ขี้เกียจทำกับข้าว เพราะขี้เกียจเก็บล้างหลังทำอาหารเสร็จ แต่กินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ ก็เปลือง แถมบางทีกินมันจนหมดทุกร้าน ไม่รู้จะกินไรดีแล้ว
ข้อดีอีกอย่างของการเขียนบล็อก บางทีเราไม่ค่อยได้อีเมล์หาเพื่อนๆ อยากส่งข่าวคราว แต่ไม่ค่อยมีเวลา เขียนลงในบล็อก แล้วให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้อ่าน เป็นการยิงปืนได้นกหลายตัวเลยนะเนี่ย
ข้อสงสัยอีกอย่าง แล้วที่ว่าจะเขียนบล็อกเนี่ย เราจะเขียนเกี่ยวกับอะไรดีหละเนี่ย อืมมมมม ข้อนี้คิดหนัก คิดไม่ค่อยออกเลย แล้วเอาไว้มีเวลาจะลองมาใส่ลูกเล่นในบล็อกบ้าง
Create Date : 11 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 6:22:12 น. |
Counter : 213 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|