รีวิวเล็กๆ พาชมพระที่นั่งวิมานเมฆ
 เรื่องมันเริ่มจากวันแม่ที่ผ่านมาไม่รู้จะไปไหนดี ประกอบกับพี่สาวเคย bike for mom ไปพระที่นั่งวิมานเมฆกับแฟนแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
นางค้นพบว่าแดดร้อนมาก ขี่ไปนางจะเป็นลม แถมไม่ได้เข้าเพราะคนจีนเยอะ เลยทำให้รอบนี้ จัดอีกรอบแบบต้องเข้าให้ได้
แต่ไม่ bike ไปค่ะ drive รถไป 5555

(ตอนแรกจะตั้งชื่อทู้นี้ว่า "พาชมพระที่นั่งวิมานเมฆกับครอบครัวและทัวร์จีน" แต่แบบเกรงใจง่ะ 
แต่เดี๋ยวจะเล่าทัวร์จีนนี่พระเอกของเรื่องมาก เพราะไปไหนจุดไหนก็เจอนั่นเองค่ะ)


วันนี้เราขับรถมาค่ะ แดดร้อนจริง วันนี้ขอให้มีความสุข เที่ยวได้สบายใจ
ยามโบกรถใจดีมาก เขาให้เราจอดกลางลานเพื่อความเท่
แต่เมื่อเรามาถึงก็พบกับความสยองที่กำลังจะเกิดขึ้น


เราเห็นว่ารถทัวร์มากัน 5 คัน เราเหงื่อตกในทันใด เราอยากกลับบ้านแต่เมื่อพี่สาวพลาดมาครั้งนึงแล้ว ยังไงก็ต้องเข้า


เราเดินตามป้ายเพื่อไปซื้อบัตร เพราะข้างนอกค่อนข้างร้อนมากถึงร้อนที่สุด
รู้สึกว่ารองพื้นกำลังจะเป็นคราบ ผมที่ทำมาเริ่มจะชี้ฟู


ทุกอย่างดูร่มรื่นและสบายตามาก มีสะพานให้มองปลาว่ายน้ำไปมาชิวๆ




เราคิดไว้ว่าอากาศจะต้องหนาวแน่เลย ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวมาทั้งเเราและพี่สาว
แต่พ่อเรารักความเซ็กซี่ พ่อเราใส่ขาสั้นมา เจ้าหน้าที่เห็นขาพ่อเรายุบยับเต็มไปด้วยสาหร่าย 
จึงให้ซื้อผ้าถุงมาใส่ ราคากันเอง 50 บาทเท่านั้น


พ่อเราภูมิใจมาก สีเสื้อช่างแมทกัสีผ้าถุงเสียนี่กระไร (ทำหน้ายิ้มกระหย่อง)
เราว่าพ่อเราต้องล่วงรู้อนาคตแน่เลย สีเสื้อและรองเท้าช้างดาวของพ่อแมทกับผ้าของที่นี่มาก

เมื่อเรากำลังจะจ่ายตังซื้อตั๋วเข้าก็พบกับสิ่งนี้


เราตะลึงมาก!! นึกว่าอ่านหาดพัวข่าวจาก happyphoneBKK 
หึหึ รอดแล้วเรา หยิบมือถือขึ้นมากดด่วน เรื่องอะไรเราจะจ่ายตัง
เรากดมือถือต่อกแต่ก ก็จะมีข้อความส่งมา


อยู่ๆเราก็ไม่ต้องจ่ายตัง โชคดีจุงเบย แต่รีบหน่อยนะคะ หมดเขตสิ้นเดือนนี่แล้วครัช


เขาให้แผนที่เรามาด้วย 
ดูหน้าเราเป็นคนลงทางมากขนาดนั้นเลยหรอ
ใช่แล้ว เอามา


พ่อกับพี่เราจิกขั้นสุด นางมาแบบบ่นตลอดทางเพราะหิวข้าวมาก 
ส่วนพ่อเราบ้ากล้อง เรียกให้ถ่ายทุกๆแลนด์มาร์ก


เราเดินมาเรื่อยๆ พบกับซุ้มถ่ายรูปที่แก๊งคนจีนเพิ่งจะถ่ายเสร็จกันไป
พ่อเรากำลังเรียกให้ถ่ายให้พ่อหน่อย แต่ไม่ทันเราหรอก เรายื่นกล้องให้พ่อไปก่อน


พ่ออย่าเพิ่งถ่ายจ่ะ แมลงเข้าหูหนู
ต้องเป็นจากดอกไม้นานาพรรณพวกนี้แน่ๆ





นี่เป็นเวลาที่เราจะได้ฟังประวัติศาสตร์และที่มาของทุกๆห้อง แต่เรามากันไม่ทัน
ก็ไม่ฟัง พ่อเรารู้สึกผิดที่เมื่อเช้ามัวหัดเล่นเฟซบุ๊คอยู่ เลยอาสาเป็นไกด์ให้ลูกๆเอง



ในที่สุดก็มาถึงสักที พระราชวังไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมยุโรป เป็นพระราชวังของร.5 วางศิลาฤกษ์เมื่อ 31 สิงหาคม 2443
สิ้นเดือนนี้นี่เอง และเมื่อร. 5 เสด็จสวรรคต พระชายาก็ทรงย้ายออก และไม่มีท่านใดประทับอยู่อีกเลย

หลังจากนั้น ในรัชกาลปัจจุบัน พระราชินีได้ทรงซ่อมพระที่นั่งใหม่และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ได้เยี่ยมชมนั่นเอง
(เราสรุปมาจากวิกิ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยด้วยค่ะ)


ทำไมถ่ายรูปซะสูงขนาดนั้นล่ะ ถ่ายให้มันเต็มๆสิ
ได้ค่ะ เราจัดให้


เราและครอบครัวรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันยาวนานมาก พ่อเราที่อยากถ่ายรูปใจจะขาดกับวิวฮอตฮิตตรงนี้
ครอบครัวเราก็มานั่งรอดื่มน้ำพุแถวนั้นเล่น


หลับไปสองตื่น ตื่นมาพบกับความว่างเปล่า ครอบครัวเราล้วนๆไม่มีทัวร์จีนผสม


ในที่สุด ก็ได้หน้าเราคู่กับพระที่นั่ง แต่พ่อและพี่ที่ใจร้ายของเราไม่ยอมถ่ายให้ บอกว่าเกะกะ
เราต้องหาวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเอง


หันขวามาเจอพื้นที่ที่โล่งขนาดนี้ต้องถ่ายเก็บไว้หน่อย


เราขัดตากับเต้นท์นี่มากกก อยากจะเข้าโฟโต้ชอปและลบออกแต่ทำไม่เป็น
ทำเป็นแต่บ้านเบี้ยว อย่างอื่นก็ไม่ถนัดเลย

ก่อนจะเข้าต้องฝากของและรองเท้า
ฝากของ 20 บาทกล้องและมือถือห้ามหมด 
ส่วนสถานที่เก็บรองเท้านั้น เหม็นอับเหมือนมีครอบครัวหนูสิ้นชีวิตอยู่แถวนั้น
เรารีบวิ่งออกมาเพื่อเอาอ๊อกซิเจน ไม่งั้นเราต้องตายตามหนูแน่ๆ

ต่อจากนี้เป็นบรรยายไม่มีรูปประกอบใดๆทั้งสิ้น

สถานที่ด้านในสวยมาก แต่เรารู้สึกว่าเค้าเอาโซ่มากั้นทุกห้องเลย สิ่งที่ยิงเข้าไปได้มีแต่ลูกกะตาของเรา
พ่อเราทำหน้าที่เป็นไกด์อย่างดี บางทีเราก้รู้สึกว่าพ่อเราน่าจะเกิดทัน

แต่ละห้องจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ต่างๆ มีห้องเครื่องเงิน 
เดินขึ้นบันไดมาน่าจะเป็นห้องทรงงาน เห็นมีโต๊ะทำงานและตู้หนังสือ ดูแล้วอินมาก
มีห้องสรรพาวุธ ห้องที่มีแต่หัวสัตว์ 
ขึ้นบันไดไปอีกน่าจะเป็นห้องบรรทม ทุกที่ที่เราเดิน เราจะพบกับทัวร์จีน
พอครอบครัวเราเจอปุ๊บ ก็จะรีบเดินนำไป และก็จะพบอีกกลุ่มนึง
เราเข้าใจสุภาษิตที่ว่าหนีเสือปะจระเข้เป็นอย่างดีก็วันนี้
สุดท้ายทำได้แค่เดินตามไปเถิด ไม่ว่าไปชั้นไหนห้องไหนก็เจออยู่ดี

บรรยากาศด้านในดูอึมครึม แลดูอลังการอยู่มาก กรอบรูปตามผนังลึกลับมาก
เมื่อดูจนจบ ครอบครัวเราก็บ่นหิวข้าว
เลยไปขอเขากินที่ร้านชลธิชา ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ พ่อเราพาไปนั่นเอง ก็ไกด์ไง จะใครล่ะ


ในท่สุดทริปครอบครัวก็จบลง แบบงงๆ
แดดร้อนและปวดหัวกับกรุ๊ปจีนมากจริงๆ ฉงฉิงเฉียวกันตลอดทาง

ที่นี่ดีตรงที่เขาดูรักษาของทุกห้อง คือเปิดประตูไว้นั่นแหละ แต่เอาโซ่กั้นเหมือนร้านเสื้อผ้าที่ยูเนี่ยนเอาเชือกมาคั่นเขียนว่าไปห้องน้ำ
แต่ที่นี่เขียนว่า ห้ามเข้า ห้ามจับ ห้ามนั่งค่อนข้างเยอะ ก็เข้าใจอ่ะเนอะ แต่ไม่ห้ามของต้องพังๆแน่ๆ
ข้อเสีย ทัวร์จีนเยอะนั่นแหละ พูดคุยกันเสียงดังมาก นึกว่าแต่ละคนใส่หูฟังไว้หรอ 
เจ้าหน้าที่พูดจาไม่ค่อยโอเคอย่างแรง ตั้งแต่ตอนไปซื้อตั๋วเลย สงสัยรู้ว่าเราได้เข้าฟรีมั๊ง 



Create Date : 16 สิงหาคม 2558
Last Update : 16 สิงหาคม 2558 20:02:49 น.
Counter : 1074 Pageviews.

1 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 17 สิงหาคม 2558 เวลา:3:45:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JIENIZOLY
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



ชื่อ จี นะคะ อายุ 22 ปี
สิ่งที่สนใจคือ เครื่องสำอางและแมวค่ะ

Facebook : jienizoly make-up
Instagram : jienizoly
Group Blog