ยินดีต้อนรับ ทุกท่าน
 
ปัญหาพฤติกรรมเด็กออทิสติก 10 อย่าง







1.ผอมๆ ก็กินจุมาก


     หลายๆคนจะเห็นว่าเด็กออทิสติกหลายคนก็อ้วน แต่หลายคนก็ผอม แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นของชอบแล้วจะกินแบบชนิดที่เรียกได้ว่า กินได้มากมายขนาดนี้ เช่นไก่ทอด 40 น่อง ข้าว 4 - 5 จาน หรือขนมเป็น 10 ห่อก็ยังไม่อิ่ม พ่อแม่หลายคนคิดว่าลูกตัวเองกินได้เยอะ


     แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในใจเค้าก็อยากหยุดนะ ตัวอย่างของผมที่เป็นกลุ่มเด็กออทิสติก ก็คือ ในเวลาที่กินของที่ชอบมากๆ ผมก็จะกินอย่างเร็วๆ คือประมาณว่าสมองของผมคือมันสั่งให้ผมกินๆ ไปเรื่อยๆ โดยที่ในท้องจะไม่เตือนว่าอิ่มเลย เด็กออหลายคนกินจนอ้วกเพราะกระเพาะรับไม่ไหว เป็นแบบนี้ ซึ่งในการกินของเด็กออทิสติกหลายคนจะกินแบบไม่สนใจใคร ไม่สนว่าจะต้องเหลือให้คนอื่น ในใจเค้าไม่สามารถคิดได้เพราะตอนนี้กำลังกินอยู่ เหมือนคล้ายๆกับว่า ผมกินข้าวไปเรื่อยๆ และผมกำหนดความอิ่มของตัวเองไม่ค่อยได้เลยละ บางทีเหมือนรู้สึกว่าอยากหยุดกินนะ แต่ด้วยความที่ชอบทำให้หยุดไม่ได้นั่นเอง ในหลายๆครั้ง เด็กออหลายคนจะกินแบบกลื้นเลยไม่เคี้ยวเลย ในสมองปกติเหมือนคนเรามันจะมีระดับความอยากกินมากน้อยความความหิว แต่เด็กออเค้าจะไม่มีตรงนี้ และต้องกินเร็วๆ และจะมีแต่ว่าถ้าเห็นอาหารคือหิวสุดๆ แต่ถ้าไม่เห็นอาหารก็คือไม่หิวเลย


     ข้อแนะนำในเรื่องนี้ คือเวลาจะทำอาหารให้เด็กออทิสติกทาน สิ่งสำคัญคือ เรื่องของปริมาณที่เค้าจะกิน พ่อแม่หลายคนคิดว่า ลูกกินได้เยอะก็ดีใจ และก็บอกว่าว่าเด็กกำลังโต แต่สำหรับเด็กออทิสติกมันไม่ใช่ เค้าแค่ทำตามกลไกสมองที่สั่งว่ากินกับของชอบ ก็กินไปอย่างที่ไม่รู้จักอิ่ม มันจะมีปัญหาเรื่องของกระเพาะ ทำให้ปวดท้องได้และปวดท้องพฤติกรรมเด็กออที่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้ก็จะมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไป หรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นนั่นเอง



2.ชีวิตเหมือนวงกลม ต้องวนซ้ำๆ ทุกๆ วัน


   หลายคนชอบมองว่าเด็กออทิสติกชอบทำอะไรซ้ำๆไปมา หลายคนมีกิจวัตรที่ซ้ำจนแบบว่าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เช่น วันนี้จะต้องเปิดตู้เสื้อผ้าตอนเช้าก่อนอาบน้ำ หรือ กินข้าวโดยใช้ช้อนส้อมเท่านั้น หากว่า ไม่ได้ทำตามสิ่งที่เคยทำ หรือเปลี่ยนวิธีใหม่ จะโมโห อาละวาด เหมือนจะขาดใจให้ได้ ผมเองก็เป็นในหลายเรื่องเหมือนกัน อย่างเช่น ผมกินข้าวต้องใช้ข้อนส้อมอยู่ตลอดเลย แต่ถ้าไม่ใช้ส้อม ผมเองก็จะรู้สึกว่า อึดอัดมากๆ เหมือนกับว่าสมองของสมองสั่งว่า มันขาด ๆ อยู่ในหัวตลอดเวลา และอารมณ์วันนั้นก็จะไม่มีความสุขเลย


   เด็กออบางคนก็มีพฤติกรรมซ้ำเพราะคิดแบบอื่นไม่ได้ คิดได้แค่แบบเดียว อย่างวิธีการเล่น ก็จะเล่นอย่างนั้นเรื่อยๆ ซ้ำๆ ความรู้สึกก็คือ มันสนุกดี เอาอีกและก็สนุกดี เอาอีกและก็สนุกดี คล้ายๆการกระตุ้นความรู้สึกตนเองให้มันมีขึ้นมา กับความรู้สีกที่ชอบ กับความรู้สึกที่ไม่สูญเสียไป อธิบายยากเหมือนกัน เอาสรุปง่ายๆและกันเวลาที่เด็กออ ทำอะไรซ้ำเพราะไม่ต้องสูญเสียความรู้สึกเดิมๆที่ตัวเองเคยมีอยู่ไป


    ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่หลายคนเห็นพฤติกรรมซ้ำของลูกก็รู้สึกว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงบ้าง บางคนก็เปลี่ยนไปเลย เด็กออโมโห อาละวาดไม่หยุด จนเด็กซึ่มเศร้า เพราะไปทำลายความรู้สึกเดิมๆของเค้า วิธีการที่จะช่วยคือ เพิ่มเติ่มให้เค้าได้รับสิ่งใหม่มากขึ้น เด็กออจะมีอย่างนึ่ง ที่ผมคิดว่า ต้องมีคือ การที่สมองพยายามหาสิ่งเร้ากระตุ้นที่สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ  มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ลองอาจจะหาอะไรที่มันใหม่ๆดู แรกๆเด็กออจะไม่สนใจ เพราะสิ่งเดิมมันดีอยู่ พ่อแม่ต้องพยายามแทรกความสนใจให้เค้า อาจจะทำให้เค้าเปลี่ยนแปลงได้



 3.ทุกอย่างคือภาพ แม้กระทั้งจดงาน


   เด็กออทิสติกที่สามารถเรียนได้ พ่อแม่หลายคนก็เห็นว่า "ลูกตัวเองก็อ่านหนังสือออก แต่ทำไมเขียนยากมากเลย สงสัยคงขี้เกียจแน่เลย ..... "   เด็กออหลายคน จะมีอยู่อย่างนึ่งที่จะต้องเจอในวัยเรียนคือการจดงาน ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเด็กออทิสติก ผมเองก็จดงานช้า วิธีจดงานก็จะมีหลายแบบ เช่น จดจากกระดาน/หนังสือ จดตามที่ครูพูด ซึ่งเด็กออจดงาน จะจดเป็นภาพเอา ไม่สามารถจดเป็นการสะกดคำได้หรือถ้าได้ก็คงช้ามากๆ  ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาที่เด็กออจดบนกระดานดำ ตาก็จะมองไปที่กระดาน หลังจากนั้นเค้าก็จะเขียนตามสิ่งที่เห็น อย่างเช่น ประโยคที่ว่า  " ในการเสียกรุงศรีอยุธยาเกิดขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2310 "   เด็กปกติก็จะจำเป็น ในการเสียกรุงศรีอยุธยา(จด)/เกิดขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2310(จด) ตามนี้ แต่เด็กออก็เป็นลักษณะคือ ........ ใน(จด)......การ(จด)...... เสีย(จด)......กรุง(จด)..... ซึ่งจะมองกระดานบ่อยมาก ทำให้ไม่ทัน แล้วการจดก็ประมาณว่า เห็นตัวอักษรเป็นภาพๆนึ่ง ซึ่งถ้าครูเขียนหวัด เด็กออจะประมวลผลไม่ได้ว่า มันเป็นตัวอักษรอะไร ซึ่งถ้าเป็นการจดตามที่ครูพูด เด็กออจะมีปัญหามาก คือ สมองจะต้องรับคำพูดจากครูที่เป็นประโยค จากนั้นก็สะกดออกมาที่ละคำ จากนั้นก็ต้องเขียนคำที่สะกดได้ลงไป ซึ่งถ้าบางคนจำได้แต่ภาพ เจอคำใหม่จะเขียนไม่ได้เลย หรือเขียนช้ามาก เพราะนึกไม่ออกว่า มันสะกดอย่างไร ซึ่งเรื่องของภาษามันเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ใช้เรียกสิ่งต่างๆ แต่เด็กออนั้นจะจำเป็นคำๆไปเลย ถ้าเอาง่าย ภาษาที่เรียนได้ดีที่สุด ก็จะเป็นภาษาที่ไม่มีความซับซ้อนในเรื่องของการเรียงประโยคละครับ ส่วนเรื่องอื่น เด็กออทิสติกก็มองเป็นภาพ คิดอะไรใช้ภาพเป็นหลัก เช่น เส้นทางกลับบ้าน ก็จะมองทางตลอดและจำว่า มันเลี้ยวยังไงอะไรตรงไหน โดยที่ไม่มีป้ายดูก็ได้ แต่ถ้าเข้าอีกทางนึ่งเด็กออจะบอกทันทีว่า ไม่ใช่ต้องไปทางนี้ แต่ถึงบ้านเหมือนกันเด็กออจะงง


   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกให้รีบเขียนให้เร็วมากเกินไป เด็กออจะประมวลผลไม่ทัน ไหนจะต้องรับคำสั่งจากพ่อแม่ ไหนจะต้องเขียน ซึ่งทำให้สมาธิมันหายไปหมดเลย อาจจะสอนเรื่องนามธรรมบ้าง แต่อย่ามากไป เพราะมันสับสน และก็เรื่องจดตามที่ครูพูด ถ้าไม่จำเป็นอย่าให้เด็กออจดงานแบบนั้น ควรที่จะพูดคุยกับครูว่า ให้เปลี่ยนเป็นลอกงานจากเพื่อนแทนหลังครูบอกเสร็จ และให้เวลาทำแบบฝึกหัดมากหน่อย เรื่องนี้เป็นเรื่องของความบกพร่องในการประมวลคำสั่งในสมองของเด็กออ ที่ทำงานช้า ตอบสนองช้าละครับ



4. มีสมาธิในการจดจ่ออยู่กับของหมุนๆ


   พ่อแม่หลายคนสงสัยมาว่า ทำไมเด็กออทิสติกจึงชอบของหมุนๆ เช่นพัดลมอะไรทำนองนี้ มันเป็นคำถามที่พ่อแม่หลายคนสงสัยกันมาก ว่า "การที่ลูกฉันดูพัดลม มันมีอะไรน่าสนใจกันแน่??" ในส่วนของผมเองก็เคยเป็นและสัมผัสได้ว่า ทำไมต้องมองพัดลม หรือของหมุนๆ ในกลุ่มเด็กออที่ชอบของแบบนี้ก็เพราะ มันมีอะไรที่น่าสนใจ โดยปกติเด็กออไม่ได้ชอบของหมุน แต่ชอบของที่มันเคลื่อนที่ได้ในลักษณะไม่รู้จบหรือนานๆ ที่เป็นอย่างนี้ในความรู้สึกตัวผมคือ มันเป็นการกระตุ้นให้สมองของเด็กออจับจุดสนใจไปที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งถ้าได้เห็นภาพที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สมองของเด็กออทิสติกก็จะไม่สามารถเพ่งจุดสนใจได้ สมองก็เลยตอบสนองการทำงานจ้องหาจุดสนใจให้ได้ที่เห็นให้ได้ จะเห็นได้ว่าเวลาเด็กออนั่งรถไกลๆ เด็กออจะไม่รู้สึกเบื่อเลย จะนั่งจ้องหน้าต่างเพื่อนดูวิวที่เปลี่ยนไปตลอด จนกระทั้งกลายเป็นสิ่งที่เด็กออทิสติกชอบกัน และกระตุ้นความรู้สึกต้องหาจุดสนใจ ซึ่งเด็กออหลายๆคนสร้างความรู้สึกจากภายในตัวเองไม่ได้ จึงต้องพึงที่จะตามจุดสนใจ มันเป็นเรื่องที่อธิบายค่อนข้างยากละ พ่อแม่หลายคนก็พยายามที่จะดึงเด็กออออกจากพัดลม เด็กออก็อาละวาดลั่นบ้าน เพราะสิ่งเร้าลักษณะนี้ขาดไป และอีกเรื่องนึ่งเมื่อการเคลี่อนไหวเร็วขึ้น เด็กออก็จะสนุกขึ้นเช่นกัน


    ข้อแนะนำสำหรับเรื่อง พ่อแม่อาจจะต้องลองเปลี่ยนกิจกรรมให้ลูก ทำกิจกรรมเคลี่ยนไหวที่ไม่รู้จบ เช่นปั่นจักรยาน เด็กออหลายคนชอบเลยละ การมองภาพที่เคลื่อนไหวต่างๆและหยุด ละครับ เด็กออทิสติกมีมุมมองที่พ่อแม่ควรรู้คือ เด็กออทสิตกจะมีมุมมองที่แคบแต่ลึก ประมาณเหมือนเข็มจิ้มลงดินน้ำมันนั้นแหละ อาจจะต้องพาเดินทางบ่อยๆ จะช่วยทำให้เด็กออทิสติกมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้นนะครับ 


5.เวลาที่เด็กตอบคำถาม เด็กเลือกที่จะทวนคำถาม


   หลายคนในกลุ่มเด็กออทิสติก เค้ามีปัญหาในการสื่อสารมากมาย หนึ่งในปัญหาก็คือการถาม ซึ่งพ่อแม่หลายคนจะบอกว่า ทำไมนะลูกของตัวเองชอบทวนคำถามอยู่เรื่อย ชอบพูดตามเวลาที่ถามคำถาม จริงๆแล้วนะ สำหรับผมเองก็ชอบทวนคำถามอยู่เหมือนกันหรือบางทีก็ไม่ตอบ ทั้งๆที่คำตอบก็ง่ายๆ จนเห็นอยู่แล้วก็ยังตอบไม่ได้ เวลาที่เด็กออถูกถามคำถามจะปากเปล่า ในสมองเหมือนกำลังจะพยายามที่จะฟังคำถามต่างๆเข้ามาในสมอง และสมองเนี้ยจะต้องประมวลจากภาษามาเป็นความเข้าใจอีก ซึ่งการประมวลผลของสมองอันนี้ ทำให้เริ่มคิดไม่ได้ว่าโดนถามว่าอะไร จึงจะต้องมีการพูดประโยคที่ถามอีกครั้งเพื่อให้สมองของตนเองสามารถที่จะประมวลผลออกมาในรูปแบบความเข้าใจให้ได้ อย่างเช่น วันนี้ไปกินข้าวกับใคร เด็กปกติก็จะเริ่มคิดทันทีเลยหลังจากที่ฟังแล้ว แต่ในเด็กออบางคน ต้องใช้เวลาในการแปลงภาษาไปสู่ภาพต่างๆเพื่อตอบคำถาม หรือเด็กออบางคนจะเป็นกรณีแบบว่าได้ยินคนอื่นพูดแต่ไม่รู้เรื่องว่าถามว่าอะไร เพราะว่าแปลงภาษาเป็นภาพที่ตัวเองเข้าใจไม่ได้ ซึ่งผมเองบางครั้งก็เป็น ยิ่งถ้ามีเรื่องอารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วยเด็กออจะสนใจที่อารมณ์แทนคำถาม เหมือนกับว่า เลือกสนใจไม่ตรงจุดละ และเด็กออหลายๆคน คิดคำตอบไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะการแปลงระหว่างภาษากับภาพ


   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่ควรที่จะถามลูกอย่างใจเย็น ไม่ใช้อารมณ์กับลูก เพราะบางทีเค้าเองก็มีความยากลำบากในการแปลงความเข้าใจให้เป็นภาษา ซึ่งมันค่อนข้างที่จะยากสำหรับเด็กออ ให้เค้าได้มีเวลาซักพักนึงและก็เลือกที่ใช้ศัพท์ที่ลูกตัวเองเข้าใจด้วย เพราะบางที่ใช้ศัพท์หรือการเรียงประโยคแปลกๆ เค้าไม่เข้าใจ เช่น หนูกินข้าวกับใคร เด็กออจะแปลตรงตัวอักษร หนู(หมายถึงหนูที่เป็นสัตว์จริงๆ) หรือ เรื่องหาของ เด็กออจะหาของไม่ค่อยเจอ เช่น หยิบแก้วสีน้ำสีขาวมา อยู่ตรงชั้นละ เด็กออจะจำต่ำแหน่งที่เคยวาง แต่พอตำแหน่งที่เคยวางผิดไป เด็กออหาไม่เจอเลยละ เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องนั่งคิดคำพูดที่เข้าใจที่สุดในเด็กออทิสติกฟัง



6. เด็กขี้กลัว และจะสงสัยว่าทำไม ผิดตรงไหนที่กลัว


   พ่อแม่เด็กออทิสติกหลายคน อาจจะต้องจอปัญหาที่ว่าเค้ากลัวในสิ่งที่แปลงประหลาดสำหรับเรามากเลย เช่น กลัวท่อระบายน้ำในห้องน้ำ กลัวพื้นห้องน้ำ กลัวชักโครก กลัวผี้เสื้อ เป็นต้น ในเรื่องนี้ ผมเองก็มีหลายอย่างที่กลัว และก็มีหลายเหตุผลด้วย โดยภาพรวมสิ่งที่เด็กออทิสติกกลัวจริงๆ ไม่ใช่จินตนาการทั้งหมด เกิดจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน อย่างแรกเลยคือการ เจอประสาทสัมผัสที่ไม่ชอบ อย่างพื้นห้องน้ำ พอเหยียบไปแล้วรู้สึกไม่ดี สมองของเด็กออก็เลยต่อต้านการสัมผัสในรูปแบบนี้ หรือจะเป็นประสาทสัมผัสที่จินตนาการขึ้นของสมองเอง เช่น ดอกไม้ที่เป็นเป็นลักษณะกรวย ผมกลัวมากๆเลย ผมไม่ชอบอยู่ใกล้เพราะกลัวมันจะยิงอะไรใส่ผม ก็อย่างนี้ละ ซึ่งการกลัวนั้นเกิดขึ้นได้ทุกคนเพราะประสบการณ์ที่ไม่ดี แต่เด็กออคือไม่ใช่ อาจจะเกิดจากที่การรับรู้ที่ผิดไปของสมอง ทำให้เด็กออ ถึงได้กลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว และประกอบกับเค้าไม่สามารถสื่อสารกับความความรู้สึกตัวเองได้ สุดท้ายก็เลยไม่มีใครรู้ว่าเค้ากลัวเพราะอะไร แต่ที่แน่นอนคือ เด็กออทิสติกจะไม่ชอบอะไรที่มีสีสันที่กระแทกตามาก เช่น สีแดง สีเหลือง สีทอง มันให้ความรู้สึกที่อึดอัด อยากออกไปจากสีเหล่านี้ แต่ถ้าเป็นสีพวก น้ำเงิน ฟ้า เขียว ที่อ่อน เด็กออทิสติกจะชอบอยู่ไม่น้อยละ(อันนี้จากที่ผมรู้สึกนะ)


    ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ การที่เด็กออเค้ากลัว ไม่ใช่ว่าเค้ากลัวอย่างไม่มีเหตุผล เพียงแต่ว่า มันยากที่จะสื่ออกๆมา คือมันเป็นนามธรรมมากเกินไป พ่อแม่ก็อาจจะต้องเลือกดูการใช้ประสาทสัมผัสหลายๆแบบดู ซึ่งบางอย่างที่เค้ากลัวเพราะมีสีสันที่มากไป เช่นผีเสื้อ เป็นต้น หรืออาจจะกลัวการสัมผัสบางอย่าง พ่อแม่ควรที่จะหลีกเลี่ยงให้เค้าอยู่ห่างจากมัน แต่ถ้ากลัวของที่จำเป็นต้องใช้ก็อาจจะ ต้องพยายามให้เค้าเผชิญความกลัวเข้าที่ละน้อยหรือต้องหาอะไรที่สามารถทดแทนกันได้จะดีที่สุด


7. ใครเค้าว่าฉันอดทนต่อสิ่งต่างๆได้ดี


   ในหลายครั้งพ่อแม่ เด็กออทิสติกจะสังเกตว่า เด็กออทิสติกสามารถไม่กินอะไรเลยได้เป็นวันๆ ถ้าเค้าได้อยู่กับสิ่งที่ชอบหรือไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งเร้าให้เห็น หรืออาจจะเล่นของเล่นชิ้นนั้นได้เป็นวันโดยไม่สนใจคนอื่นเลย ในกรณีนี้ พ่อแม่หลายคนคิดว่าให้เค้าทำในสิ่งที่เค้าชอบเถอะ ปล่อยไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร รู้หรือไม่ว่า เค้าอาจจะปวดฉี่อยู่ หรือเค้าอาจจะปวดขี้อยู่ก็ได้ ซึ่งผมเองก็เข้าใจนะ อย่างที่บอกเมื่อเด็กออทิสติกสนใจอะไรแล้ว ถ้าไม่มีสิ่งที่กระตุ้นเค้าที่สูงกว่า เค้าก็จะอยู่กับสิ่งนั้นได้ตลอด เช่น การเล่นของเล่นได้เป็นวัน โดยไม่มีพักเลย การจ้องพัดลมได้นานๆ ซึ่งในความรู้สึกของผมก็ประมาณว่า คือไม่สนใจอย่างอื่นเลย มันรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบมีแค่ผมกับ สิ่งนั้นเท่านั้น  เด็กออส่วนใหญ่นะ เวลาที่เค้ามีสมาธิสูงที่สุด คือเวลาเค้าอยู่กับสิ่งที่ชอบ คือตอนนั้นความคิดในหัวก็จะใส่ลงไปที่กิจกรรมที่กำลังทำอยู่(ที่ไม่เกี่ยวกับคนแต่เป็นสิ่งของ) เช่นเด็กออทิสติกที่วาดรูป สมองจะสั่งให้ต้องวาดรูปจนเสร็จ แม้จะปวดอะไรก็ตาม คือสมองจะไม่จัดระบบให้ต้องเดินไป แต่จะจัดระบบให้กลั่นทุกอย่าง เสียงคนรอบข้างก็จะไม่ได้ยิน ความรู้สึกต่างๆจะไม่มีเลย แต่ถ้าหลุดจากสมาธิ ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย และมันจะรู้สึกหงุดงิดมากๆ จนแบบว่าโมโห อาละวาดเลยละ อย่างที่บอกมันมีผลไปถึงตอนเป็นไข้ด้วย เด็กออจะค่อนข้างที่จะทนต่ออาการเจ็บในรูปแบบต่างๆ ที่จริงก็เจ็บจริงนั่นแหละ แต่จะมีในส่วนของพฤติกรรมที่หงุดงิดมาขึ้น อย่างผมเองเวลาเป็นไข้ ตอนที่ไม่มีใครรู้ก็จะนอนกลิ้งไปมา นอนทรมารคนเดียว ไม่พูดออกมาเลยละ ซึ่งมันเป็นเรื่องของการสื่อสารบางอย่าง


   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่อาจจะต้องจัดตารางเวลาให้เค้าว่า ตอนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะเด็กออทิสติกจะค่อนข้างเปะเรื่องของเวลา เหมือนกับแบบว่า ในใจก็จะกังวนอยู่ตลอดว่า ถึงเวลาแล้วจะต้องทำอะไร จะต้องไปไหนอย่างไร ซึ่งถ้าไม่ได้ทำจะเครียดมากเลยละ ทำให้เกิดอารมณ์ได้ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่เค้าสนใจก็อาจจะดูแลกับเค้า และอีกอย่างนึง เด็กออจะทำอะไรได้แค่อย่างเดียว ในช่วงเวลานั้น เช่น ดูหนังจะไม่สามารถวาดรูปได้เพราะมีสมาธิกับหนัง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่บกพร่องจริงๆ 


8.เมื่อฉันโมโหเหมือนได้รับพลังมาจากเทพ


   หลายครั้งที่เด็กออทิสติกโมโหอาละวาด นั้นพ่อแม่หลายคนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเค้าจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่เรื่องแค่เล็กน้อยมากๆหรือแทบจะเป็นชีวิตประจำวันของคนปกติด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่บอกว่า เด็กออไม่เหมือนคนปกติ บางเรื่องที่คนปกติคิดว่าเรื่องเล็กเด็กออเค้าจะมองว่า นี่คือเรื่องใหญ่สำหรับฉัน เรื่องที่จะมีอารมณ์เลวร้ายก็คือ อะไรที่ผิดตรรกะไปจากที่เด็กออคิด ตรรกะก็คือ หลักของเหตุผลเชิงระบบที่ตายตัว(ที่พยายามใช้กับทุกสรรพสิ่งในโลก) บางทีเรื่องที่เค้าจะมีอารมณ์ ก็ประมาณว่า วันนี้เด็กออทิสติกไปโรงเรียน ใส่ชุดผิดวันหรือเหตุผลที่ไม่ได้ใส่ชุดนี้ เด็กออก็จะมีอารมณ์เริ่มจาก คิดในใจเยอะๆ การดึงข้อมูลในสมองก็เริ่มดึงอะไรที่เกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้องมาเรื่อยๆ เยอะขึ้นและอารมณ์ของเด็กออทิสติกเพิ่มขึ้น จนกระทั้งเค้าต้องหาทางระบายออกทางการพูด(สำหรับเด็กที่สื่อสารได้) แต่เมื่อระบายออกไม่ได้หรือไม่ทัน และไม่ได้รับการตอบสนอง สมองก็จะสะสมอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นไปอีก จนกระทั้งเริ่มทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายคนอื่น ตอนนั้นสมองเด็กออก็จะไม่รับความรู้สึกใด จะไม่รู้จักใครเลย  ทุกอย่างมันจะว่างเปล่า คืออย่างคนเราปกติ เวลาโดนต่อยหรือโดนตีก็จะรู้สึกว่าเจ็บแม้กระทั้งตอนโมโห แต่เด็กออจะไม่ใช่อย่างนั้น คือรู้สึกเจ็บแต่สมองจะไม่สนใจ จะมุ่งแต่ระบายอารมณ์ออกมา เหมือนเป็นการทำให้อารมณ์มันเบาบางลง แต่พอลดระดับลง สมองเด็กออก็จะพยายามหาเรื่องที่สร้างจุดแบบนั้นได้อีก ซึ่งกว่าจะคุมอารมณ์ปกติได้เนี้ย ยากมากๆเลยละ อย่างผมเองก็เคยเป็นแบบนั้น เรื่องที่จะเป็นมันมีระดับอยู่เหมือนกัน เช่น ผิดหวังในสิ่งที่ไม่รู้จักก็จะอารมณ์น้อย จนกระทั้งผิดหวังในสิ่งที่เป็นอยู่ประจำ อารมณ์ก็จะมากขึ้น


   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่หลายคนอาจจะต้องการที่จะคุมให้ลูกอยู่ในกฎระเบียบ แบบแผนของครอบครัว แต่เมื่อเวลาที่เด็กออโดนแบบนี้เรื่อยๆ อารมณ์เรื่องไม่ดีของเค้าจะถูกเก็บสะสมไว้เรื่อยๆจนกระทั้ง อาละวาดแต่ละครั้ง ความรุนแรงก็จะเพิ่มขึ้นตามความรู้สึกไม่ดีที่ถูกดึงออกมา พ่อแม่ควรที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย หรือคุยเรื่องอื่นเพื่มไม่ให้สมองเด้กออคิดแบบนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องยากนะ แบละต้องห้ามใช้อะไรที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์เด็ดขาดเลย เพราะอารมณ์เด็กออทิสติกจะเกิดขึ้นจากสิ่งเร้าที่เกิดจากปัจจุบันเท่านั้น แรงเสริมก็มาจากเรื่องอดีตละครับ


9.เมื่อฉันมีเหตุผลที่ดี แต่ทำไมไม่ดี ไม่เข้าใจ


   พ่อแม่หลายคนก็กลุ้มใจกับเรื่องนี้ ไม่รู้จะสอนลูกตัวเองยังไงดี ถึงเหตุผลในหลายๆสถานการณ์ที่มีความแตกต่างกันมาก และทำให้เดือดร้อนในสังคมได้ เด็กออทิสติกส่วนใหญ่จะเข้าใจวิธีการแค่ด้านเดียว จะไม่เข้าใจด้านที่ต่างกันมาก โดยปกติแล้วอย่างกรณีรถไฟฟ้า เค้าก็มีเหตุผลของเค้า แต่บางสถานการณ์ก็ไม่ได้กับเหตุผลนี้ อย่างเช่น ว่าผมนั่งรถไฟฟ้า แต่มีคนแก่เดินมา ต้องใช้ไม้เท้า ผมก็ไม่สนใจและมองเค้า ถามว่าผิดไหม เราก็ไม่ได้ไปแย่งที่ใครเค้าด้วย แต่บางครั้งผมเองก็ผิดที่ไม่เอื่อที่นั่งให้กับคนชรา และก็โดนว่า หรือกรณีนี้ สมัยก่อนผมนั่งรถเมล์แอร์กลับบ้าน ผมนั่งกินข้าวบนรถ ซึ่งก็ไม่ผิดที่นั่งกิน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่สังคมเค้าทำกัน โดยปกติเด็กออทิสติกจะถูกสอนว่าว่าอย่างนี้ๆๆ ทุกอย่างเค้าก็เลือกที่จะจำมันและปฎิบัติตาม ที่นี้ปัญหาก็เกิดขึ้น คือในสถานการณ์ใหม่ๆ แต่เค้าก็เลือกที่จะปฎิบัติอย่างเดิมเรื่อย มันเป็นกลไกสมองที่ตอบสนองทางความคิดอัตโนมัต ว่าสถานการณ์แบบที่สอนอย่างนี้ปฎิบัติอย่างนี้ แต่สังมันไม่ตายตัวเสมอไป บางครั้งทำได้ บางครั้งทำไม่ได้ มีเกี่ยวกับสถานที่ เวลา ผู้คน ทำให้เด็กออทิสติกอยู่ในสังคมยากมากๆ เพราะไม่สามารถที่จะสนใจสิ่งรอบข้างและแปลงมาเป็นข้อปฎิบัติได้  เช่น เด็กออทิสติกที่ชอบขอเงิน ถ้าเป็นพ่อแม่ก็อาจจะให้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่ให้ ความเข้าใจเด็กออจะเหมือนกับลักษณะก็การจำ ซึ่งถ้าเปลี่ยนแปลงไปเด็กออก็จะไม่สามรถที่จะ แก้ไขมันได้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเด็กออทิสติกก็จะไม่มีเลย


   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่อาจจะต้องพาไปฝึกเหตุการณ์จริงต่างๆมากมายเหมือนพอที่จะทำให้เค้าจำได้ว่าเหตุการณ์ไหนควรทำอย่างไร แต่มันก็ยาก เพราะเหตุการณ์แต่ละอย่างมันไม่เหมือนกัน หรืออาจจะสอนแบบให้คิดว่า สถานการณ์แบบไหนจะไปทางเลือกไหน อาจจะช่วยได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ถึงร้อยเปอร์เซนต์ สุดท้ายเรื่องนี้ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยากมากๆของปัญหาพฤติกรรมเลยละ เพราะเด็กออทิสติกเกือบทุกคนจะคิดนามธรรมไม่ค่อยได้ ต้องเลือกที่จะมีรูปภาพนำให้หัวเสมอบวกกับมุมมองที่แคบ เลยแก้ปัญหาไม่ค่อยได้


10.เมื่อฉันเกิดอารมณ์บางอย่างที่ไม่คุ้นเคย(15+)


    พ่อแม่ที่มีเด็กออทิสติกเป็นวันรุ่นจริงตามอายุสมองหรืออายุจริงๆ เคยสงสัยว่าอารมณ์ในการมีเพศสัมพันธ์เป็นอย่างไร จริงๆแล้วบางครั้งมันก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เด็กออผู้ชายเนี้ย เวลาที่เกิดอารมณ์แบบนี้ จะไม่ได้นึกถึงแบบเหมือนคนทั่วไปนะ เกิดจากสิ่งสิ่งเร้าที่เข้าไปกระตุ้นเค้า และเกิดอารมณ์ขึ้นมา ซึ่งอารมณ์แบบนี้ไม่ได้จะต้องจินตนาการว่า ทำอะไรกัน แต่จะเกิดขึ้นต่อมีเหตุการณ์ใด เหตุการณ์นึงที่ทำให้รู้สึกอย่างนี้ อย่างตัวผมเอง ก็รู้สึกอารมณ์แบบนี้ ตอนที่มีคนทาแป้งที่หน้า มันเกิดจากสมองที่ประมวลผลความรู้สึกแบบนี้ที่ผิดไป เนื่องจากสมองยังไม่เคยรับความรู้สึกแบบนี้ และร่างกายพัฒนาจนถึงระดับที่มีอารมณ์แบบนี้ สมองมันไม่จำวิธีธรรมชาติ แต่มันจะสร้างขึ้นเอง ไม่รู้ทำไม่เหมือน ตัวผมเองก็หาวิธีระบายอารมณ์แบบนี้นะ คือก็จะกดลงไปตรงนั้น และก็หมุนไปเรื่อยๆ หรือเอาอะไรสากๆถูตรงปลายตรงนั้น จนกระทั้งอารมณ์แบบนี้หายไปละครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อยข้ายอายพอสมควร ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าเด็กออคนอื่นเป็นลักษณะไหน แต่แน่นอนว่า เกิดจากประสาทสัมผัสแน่นอน มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายละครับ บางคนก็มีในเรื่องของ การที่หาวิธีระบายอารมณ์แบบนี้ไม่ได้ เด็กออจะรู้สึกเครียดมากๆ พ่อแม่อาจจะไม่รู้ว่าอยู่ดีๆทำไมเค้ามีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ฉะนั้นควรที่จะหาวิธีสอนเค้าให้สามารถจัดการอารมณ์แบบนี้ได้ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่จะทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้นะครับ

   ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ พ่อแม่อาจจะต้องสังเกตลูกตัวเองว่า ลูกตัวเองมีอารมณ์ลักษณะแบบนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองมีอารมณ์แบบนี้ อาจจะต้องดูในหลายๆอย่างละ อายุที่เกิดอารมณ์แบบนี้กับเด็กออทิสติก มันไม่เท่ากัน อย่างผมรู้สึกตอน ม 5 กว่าจะหาทางแก้ได้ตั้ง 4  เดือน ตอนนั้นทรมารมากไม่รู้ทำไงดี แต่ก็นะคนอื่นอาจจะไม่เหมือนผม ก็อาจจะเจออะไรที่กระตุ้นอารมณ์แบบนี้นะ พ่อแม่อาจจะต้องฝึก เมื่อเค้ารู้สึก



เครดิต : น้องเชาว์

//pantip.com/topic/32585970 






Create Date : 21 กันยายน 2557
Last Update : 21 กันยายน 2557 2:34:41 น. 1 comments
Counter : 4397 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ ที่เล่าสู้กันฟัง


โดย: สมาชิกหมายเลข 4338332 วันที่: 4 พฤษภาคม 2561 เวลา:15:20:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

jeffytp
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




รักคนอ่านครับ
[Add jeffytp's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com