สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
25 สิงหาคม 2558

**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่4..หัวอกคุณครูบาลเฮด**

บทที่4

หัวอกคุณครูบาลเฮด

วลาผ่านไปอีกพักใหญ่เสียงร้องคร่ำครวญในสระเงียบสงบลงไปหมดแล้ว ไม่มีสเปิร์มในสระสนใจกันและกันรวมทั้งไม่สนใจด้วยว่าเสียงนกหวีดจะดังขึ้นมาเมื่อใด พวกเขาแค่สงสัยว่า ตัวเองจะมีชีวิตต่อไปได้อีกสักกี่อึดใจมากกว่า

คุณครูบาลเฮดเหลือบตามองไปที่ในสระน้ำอีกครั้งคราวนี้เขารีบจ้ำพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วตรงไปที่ขอบสระทันที

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ เหลือสเปิร์มลอยคอกันอยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น

‘เป็นไปได้อย่างไร.. คุณครูบาลเฮดถามตัวเองในใจ เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลาและภาพครั้งสุดท้ายที่มองเห็นก็ยังคงมีสเปิร์มอยู่ไม่น้อยกว่าครึ่งสระ

‘เกิดอะไรขึ้นกับสเปิร์มหรือ สเปิร์มรุ่นนี้เป็นรุ่นที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยสอนมา หรือว่าสภาพน้ำมีความเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป แต่นั่นเป็นความผิดพลาดของฝ่ายเทคนิคไม่ใช่ตัวเรา..หรือว่า..เราจะเผลอหลับไปจริงๆ..ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็..ไม่สิ..! เป็นไปไม่ได้’

ไม่มีเวลาคิดหาคำตอบสักคำถามเดียวเพื่อช่วยเหลือชีวิตสเปิร์มที่ยังคงเหลืออยู่โดยเร็วที่สุดคุณครูบาลเฮดหยิบนกหวีดที่แขวนคอไว้ตลอดเวลาขึ้นมาเป่า..

ปรี๊ด..ด..ด..ปรี๊..ด..ด..!

เสียงนกหวีดยาวดังขึ้นและยังไม่ทันที่จะหายแว่ว นกหวีดยังคาอยู่ที่ปากแท้ๆ คุณครูบาลเฮดก็ตะลึงจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า

สระน้ำที่เกือบจะเหลือแต่ความว่างเปล่าเมื่อสักครู่กลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใดเมื่อสเปิร์มที่จมหายไปในน้ำจำนวนนับสิบนับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน และกลายเป็นเหลือคณานับต่างผุดหัวกลมๆ ขึ้นมาจากน้ำกันอย่างพรึบพรับราวกับน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ

“เฮ่ย..อะไรกันนี่..! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” คุณครูบาลเฮดหลุดปากอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขายืนตัวแข็งทื่อเป็นเสาหินขณะจ้องตาเขม็งลงไปในสระน้ำในขณะที่สเปิร์มทั้งเพศชายและหญิงต่างพากันไต่ขึ้นจากขอบสระจนยั้วเยี้ยไปหมด

“คุณครูขา..พวกเราต้องไปที่ไหนต่อคะ” สเปิร์มไข่มุกเป็นตัวแรกที่เดินเข้ามาแล้วถามด้วยเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่เธอเคยเอ่ยมาแต่กระนั้น ก็ยังไม่อาจปลุกคุณครูบาลเฮดให้ตื่นจากภวังค์อันชะงักงันได้ สายตาของเขายังคงแน่วนิ่งอยู่กับภาพในสระว่ายน้ำแม้ร่างกายจะไม่ไหวติงแต่เขาก็ยังอุตส่าห์บุ้ยปากไปด้านข้างเป็นการบอกทาง

“ขอบคุณค่ะ” สเปิร์มไข่มุกมองตามไปแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะนำเพื่อนๆเลื้อยแหวกน้ำเมือกบนพื้นเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะๆ ผ่านด้านหน้าและด้านหลังของคุณครูบาลเฮดไปยังประตูทางออกที่อยู่ห่างออกไปที่ขอบประตูด้านบนมีป้ายเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมติดอยู่เพื่อบอกจำนวนนับ หน้าปากประตูมีราวเหล็กกั้นไว้สองด้านเพื่อบังคับให้สเปิร์มเคลื่อนผ่านออกไปทีละตัวๆ

เมื่อตัวแรกไปถึงปากประตูประตูซึ่งเป็นบานเลื่อนก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ เมื่อสเปิร์มเคลื่อนผ่านขอบประตูไปป้ายด้านบนก็บอกจำนวนเป็นตัวเลขสีแดงเจิดจ้าทันที

“ดูสิ..คุณครูยังยืนเหวออยู่เลย”

“ฉันเกลียดคุณครูบาลเฮดมากที่สุด”

“ฉันด้วย”

เสียงสนทนาดังมาจากกลางกลุ่มของสเปิร์มที่กำลังจะเลื้อยผ่านประตูทางออกไป คุณครูบาลเฮดได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาตัวผู้พูดแต่อย่างใดสายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่สเปิร์มที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไป

“เดี๋ยว..หยุดก่อน..!”

หลังจากดักรออยู่นานในที่สุดคุณครูบาลเฮดก็เลื่อนตัวเข้ามาขวางทางเลื้อยของสเปิร์มปันที่กำลังเคลื่อนตัวตามเพื่อนๆที่อยู่ข้างหน้า

“ครูมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย” คุณครูบาลเฮดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

สเปิร์มข้างหน้าและข้างหลังพากันหยุดรอดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่

“ไม่มีอะไรหรอกน่าเดี๋ยวฉันตามไป” สเปิร์มปันเห็นแววตาของสเปิร์มพิณก็รู้ว่ากำลังเป็นกังวลจึงพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจก็ยังนึกหวั่นอยู่ แต่สเปิร์มพิณและเพื่อนๆสเปิร์มอีกหลายตัวยังยืนลังเลไม่ยอมเลื้อยผ่านไปโดยง่ายทำให้คุณครูบาลเฮดต้องทำหน้าตาและเสียงดุดันใส่

“มีอาหารรอพวกเธออยู่ข้างนอกรีบไปกินซะ พวกเธอต้องการมันอย่างมากก่อนการเรียนชั้นต่อไป ส่วนเพื่อนเธอตัวนี้..ครูจะไม่กักเขาไว้นานหรอก”

แม้คำกล่าวของคุณครูบาลเฮดจะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้างแต่เพื่อนๆก็ยังมีสีหน้ากังวลอยู่นั่นเองก่อนจะเคลื่อนตัวจากไปอย่างช้าๆ โดยส่งสายตาเอาใจช่วยมาที่สเปิร์มปันอยู่ตลอดเวลา

คุณครูบาลเฮดดันร่างของสเปิร์มปันไปที่ริมผนังห้องเพื่อมิให้ตัวอื่นๆได้ยินเสียงพูดคุย

“เป็นแผนการของเธอใช่มั้ย” คุณครูบาลเฮดที่ยืนเอาตัวบังร่างของสเปิร์มปันจนมิดเริ่มต้นซักไซ้ทันที เขาปักใจเชื่อว่าสเปิร์มปันเป็นผู้วางแผนจากพฤติกรรมในสระก่อนหน้านี้

“แผนการอะไรครับ..เอ่อ..” สเปิร์มปันแสร้งทำไม่รู้ไม่เข้าใจ

คุณครูบาลเฮดขยับตัวเข้ามาอีกจนชิดร่างของสเปิร์มปันแล้วจ่อศีรษะลงมาใกล้ๆ

“อย่ามาทำไก๋..จู่ๆสเปิร์มที่จมหายไปในน้ำแล้วจะผุดขึ้นมาได้อย่างไรจนเต็มสระ” เสียงของคุณครูบาลเฮดที่เค้นออกมาจนแหบพร่าพ่นใส่หน้าของสเปิร์มปันเต็มรัก

“นี่แสดงว่าคุณครูแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ความจริงแล้วคุณครูแอบมองพวกเราอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ”

“ครูไม่ได้ต้องการให้เธอตั้งคำถามแต่ต้องการให้เธอตอบคำถาม” คุณครูบาลเฮดเปลี่ยนเสียงตัวเองให้ดุดันขึ้นอีกเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ

“ถ้าผมตอบคำถามแล้วคุณครูจะทำโทษอย่างไรครับ” สเปิร์มปันยังไม่ได้ตอบคำถามเดิมแต่กลับเปลี่ยนคำถามใหม่อีก ขณะเดียวกันก็กำลังนึกอยู่ในใจว่าหากโทษทัณฑ์ในครั้งนี้หมายถึงการต้องถูกส่งไปอยู่ในห้องเก็บกวาดก็คงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใดๆของคุณครูอีก สู้เลื้อยเข้าไปในห้องเก็บกวาดเองเลยดีกว่า

คุณครูบาลเฮดนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะลดท่าทีลงมาเมื่อเห็นว่ามาดที่ดุดันไม่ได้ทำให้สเปิร์มปันเกรงกลัวจนลนลานรีบตอบคำถาม การค่อยๆตะล่อมให้สเปิร์มปันวางใจน่าจะใช้ได้ผลกว่า

“ครูจะไม่ลงโทษใครทั้งสิ้นเมื่อทุกตัวผ่านประตูออกไปจากห้องนี้ก็หมดหน้าที่ของครูแล้ว เพียงแต่ครูยังต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น..ก็เท่านั้น” เสียงของคุณครูบาลเฮดอ่อนลงไปถนัดใจ สีหน้าและแววตาก็ดูอ่อนระโหยผิดไปเป็นคนละคน

“มีความจำเป็นที่คุณครูต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่มีสเปิร์มรอดชีวิตออกไปจำนวนมากงั้นหรือครับ” สเปิร์มปันยังคงใช้การตั้งคำถามใหม่ให้คุณครูบาลเฮดเป็นฝ่ายตอบอยู่เช่นเดิม

คุณครูบาลเฮดพยักหน้าอย่างช้าๆท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น

“นั่งลงก่อนสิ” คุณครูบาลเฮดหย่อนก้นลงนั่งแล้วชวนให้สเปิร์มปันนั่งลงที่ขอบผนังด้วยกันสเปิร์มปันค่อยๆ หย่อนก้นลงขณะนี้เขาไม่กลัวว่าจะถูกคุกคามแล้วแต่การสนทนากับคุณครูบาลเฮดต่างหากที่ทำให้เขากังวล

“ครูใช้เวลาอบรมเพื่อเป็นครูทั้งสิ้น3 วัน เป็นครูมาแล้ว 5 วัน สอนมาแล้ว 19 คลาส ตอนนี้ฉันอายุได้ 15 วันแล้ว” คุณครูบาลเฮดกล่าวขณะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าที่มีนักเรียนสเปิร์มกำลังเคลื่อนตัวผ่านหน้าไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจจุดหมาย

สเปิร์มปันทำหน้างงๆไม่เข้าใจว่า คุณครูบาลเฮดยกเรื่องส่วนตัวมาเล่าทำไม แต่ยังไม่กล้าขัดดูเหมือนคุณครูบาลเฮดต้องการระบายความในใจให้รับฟังมากกว่าต้องการคู่สนทนา

“สเปิร์มจะมีอายุขัยอยู่ได้ประมาณ50 วัน ซึ่งตอนนี้ครูก็เดินทางมาถึงหนึ่งในสามของชีวิตแล้ว ครูตั้งเป้าจะสอนนักเรียนให้ได้ถึง199 คลาส ก่อนจะสิ้นลมหายใจ แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในคลาสนี้ครูก็ไม่แน่ใจอนาคตของตัวเองเสียแล้ว” เสียงของคุณครูบาลเฮดเบาลงเป็นลำดับจนทำให้สเปิร์มปันแทบไม่ได้ยินที่เขาพูดในตอนท้าย

“หมายความว่าอย่างไรครับโรงเรียนจะไล่คุณครูไปอยู่ที่อื่นหรือครับ” สเปิร์มปันแม้ไม่อยากให้การสนทนายืดเยื้อแต่เขายังไม่อยากให้คุณครูบาลเฮดหยุดเล่าเพียงเท่านี้

“ครูไม่รู้หรอกขึ้นอยู่กับรายงานของครูที่คุณครูใหญ่จะพิจารณา ถ้าเขาเห็นว่าครูไร้ความสามารถปล่อยให้สเปิร์มที่ไม่มีคุณภาพผ่านออกไปในจำนวนเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดเขาก็อาจให้ครูออกไปทำหน้าที่อื่น หรือหากแย่กว่านั้น..” คุณครูบาลเฮดหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าสเปิร์มปันด้วยสายตาที่ปวดร้าวก่อนจะกล่าวต่อไป

“..เขาอาจส่งครูไปยังระบบฉีดทิ้งก่อนกำหนดก็ได้”

สเปิร์มปันได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณครูบาลเฮดขึ้นมาในทันทีคิดดูแล้ว..ชะตากรรมของคุณครูบาลเฮดไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาเลย ..สเปิร์มทุกตัวเกิดมาก็เพื่อสู้ชีวิตโดยแท้ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน..ครู ต่างหนีไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ขณะที่นักเรียนต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดไปสู่ชั้นเรียนถัดไปคุณครูผู้นี้ก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้รับโอกาสในการได้สอนต่อไปเช่นกัน

“คุณครูกลัวหรือครับ” แม้จะหิวจนไส้กิ่วและอยากจบการสนทนาให้เร็วที่สุดแต่สเปิร์มปันก็สะกดความอยากรู้เอาไว้ไม่อยู่

คำถามของเขาทำให้คุณครูบาลเฮดหันมาหัวเราะเบาๆให้

“เปล่าเลย..ชีวิตของสเปิร์มตายเมื่อไรก็ได้ไปเกิดใหม่อยู่แล้วครูเห็นเด็กๆ จมน้ำตายทุกวันๆ ละเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัวจนกลายเป็นความชาชินไปแล้ว แต่ครูเสียดายเวลาและโอกาสต่างหากครูตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์จึงขันอาสามาทำหน้าที่ครูผู้ฝึกสอนกะว่าจะทำสถิติสอนให้มากกว่า 99 คลาส ทำลายสถิติตลอดกาลของปรมาจารย์จิ๊กกรูที่ได้ทำเอาไว้”

“ปรมาจารย์จิ๊กกรูเหรอ..! ทำไมชื่อแปลกจัง”

“เขาเป็นต้นแบบของสเปิร์มผู้ฝึกสอนที่เก่งที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมาเขาคัดเลือกสเปิร์มได้ตามจำนวนอย่างสม่ำเสมอทุกคลาส หลังจากสอนฉันเป็นคลาสสุดท้ายแล้วเขาก็หมดอายุขัยลง โดยทำสถิติการสอนได้ถึง 99 คลาสสูงสุดเท่าที่เคยมีสเปิร์มครูฝึกมาเลยทีเดียว เมื่อกี้นี้เธอถามว่า ทำไมเขาถึงชื่อจิ๊กกรูใช่ไหม”

เมื่อคุณครูบาลเฮดหันหน้ามาถามสเปิร์มปันก็รีบพยักหน้า เรื่องเล่าชีวิตของคุณครูบาลเฮดยิ่งฟังก็ยิ่งสนุก

“ครูก็เคยถามเขาแบบนั้นเหมือนกันเขาตอบว่าไงรู้ไหม ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า” คุณครูบาลเฮดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเขากลายเป็นสเปิร์มอารมณ์ดีขึ้นมาในฉับพลันนานแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะอย่างสนุกสนานเช่นนี้ นับตั้งแต่อาสามาเป็นครูฝึกสอนเขาก็ต้องบอกลาเพื่อนๆ ทุกตัวและต้องหันมาฝึกฝนตัวเองให้มีความเข็มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจตามหลักสูตรการอบรมที่โรงเรียนกำหนดไว้เพื่อไม่ให้ใจอ่อนกับเสียงวิงวอนขอชีวิตของเด็กๆซึ่งนั่นไม่ใช่ธรรมชาติวิสัยของสเปิร์มอย่างเขาเลย

“เขาตอบครูว่าชื่อของเขามาจากเสียงหัวเราะ เพราะเขาเป็นสเปิร์มที่บ้าจี้มากๆ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า เขาบ้าจี้ขนาดไหนรู้ไหม..ตอนเขากำลังจะอำลาชีวิตครูกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายได้ไปเยี่ยมเขาที่ห้องดับจิตด้วย บรรยากาศในห้องตอนนั้นเศร้ามาก ครูจึงพยายามทำให้เขายิ้มด้วยการเอาหางไปจิ้มที่สะเอวโดยเขาไม่รู้ตัว”

“แบบเดียวกับที่คุณครูทำกับสเปิร์มที่ตกลงไปในน้ำ” สเปิร์มปันยังจำภาพนั้นได้เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังสเปิร์มดีดี้

“นั่นแหละ..แบบนั่นแหละแต่ฉันจี้มไปหลายที เพราะเห็นเขาหัวเราะร่วนเชียว และผลก็คือ..” คุณครูบาลเฮดพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้

“เป็นยังไงเหรอครับ” สเปิร์มปันแทบจะอดใจรอปล่อยเสียงหัวเราะบ้างไม่ไหวเลยทีเดียว

“เขาหัวเราะจนลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาแบกร่างของเขาไปเข้าระบบฉีดทิ้ง” คุณครูบาลเฮดลงท้ายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะซึ่งทำให้สเปิร์มปันแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะเนื้อหาไม่ได้น่าสนุกดังคาด

“แล้ว..มันสนุกตรงไหนเหรอครับ”

“อ้าว..แล้วกันไม่ขำหรอกเหรอ..!” คุณครูบาลเฮดก็ทำหน้างงแบบเดียวกันกับที่สเปิร์มปันเป็นอยู่

“การตายในขณะที่หัวเราะอยู่เป็นการตายอย่างมีความสุขที่สุดแล้วไม่เคยมีสเปิร์มตัวไหนถูกส่งไปตายในขณะที่ขากรรไกรยังค้างอยู่อย่างนั้นหรอก หลังจากนั้น..คุณครูใหญ่ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นปรมาจารย์แล้วครูก็ได้มาเป็นผู้ฝึกสอนแทนเขา” คุณครูบาลเฮดเล่าอย่างภาคภูมิใจ

“เฮ้อ..โชคดีนะที่เราไม่ได้บ้าจี้” สเปิร์มปันพึมพำเบาๆ เขากลับรู้สึกว่านั่นเป็นการตายที่ทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านปรมาจารย์ไม่ยอมแย่งชิงไปเกิดเป็นมนุษย์เพราะเขากลัวจะเกิดเป็นมนุษย์ที่บ้าจี้การมาเป็นเทรนเนอร์ที่ต้องโหดต้องเหี้ยมกับนักเรียนทำให้เขาไม่ต้องระแวงว่าใครจะแอบย่องมาข้างหลังแล้วเอาปลายหางมาจี้เอวของเขาแต่สุดท้าย..เขาก็หนีไม่พ้น” คุณครูบาลเฮดเล่าไปก็ยิ้มไป




Create Date : 25 สิงหาคม 2558
Last Update : 25 สิงหาคม 2558 9:40:25 น. 1 comments
Counter : 489 Pageviews.  

 
สเปิร์มปันรู้สึกหย่อนใจไปด้วย หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าแล้ว เขามีความรู้สึกต่อคุณครูบาลเฮดต่างจากก่อนหน้านี้หน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เห็นหน้าของคุณครูบาลเฮดสดชื่นขึ้นเขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

“ผมเสียใจนะครับ ถ้าหากว่า คลาสของเราทำให้คุณครูต้องผิดหวัง” สเปิร์มปันรู้ดีว่าที่ทำไปไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเพียงแต่คุณครูบาลเฮดเป็นผู้ที่ต้องรับเคราะห์ซึ่งเขาทำได้แค่แสดงความเสียใจ

“เฮ้อ..อย่าคิดมากไปเลยเจ้าหนู เธอเป็นสเปิร์มที่มีจิตใจดี รักเพื่อนพ้อง สิ่งที่พวกเธอทำลงไปในวันนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนว่า มีสเปิร์มรอดชีวิตในชั้นเรียนนี้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็ทำให้คุณครูบาลเฮดสะดุดกึก เพราะนั่นหมายถึงประวัติศาสตร์อีกด้านจะต้องจารึกความไม่เอาไหนของครูผู้ฝึกสอนด้วยเช่นกัน

“ผมคงไม่รู้สึกยินดีหากมันทำให้คุณครูต้องเสียใจ” สเปิร์มปันอ่านแววตาของคุณครูบาลเฮดออก เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่ทำให้คุณครูต้องชอกช้ำใจเลย

“ครูจำเป็นต้องรู้แผนการที่พวกเธอใช้เพื่อทำรายงานให้คุณครูใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตามไปรังควานพวกเธอต่อไปในชั้นเรียนต่อไปหรอก แต่เป็นข้อมูลให้ทางโรงเรียนนำไปปรับปรุงวิธีการสอนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกต่อไป”

สเปิร์มปันนิ่งไป เขาไม่รู้ว่า ควรจะบอกแผนการที่ใช้ในสระดีหรือไม่ หากโรงเรียนหาทางป้องกันได้ สเปิร์มรุ่นต่อๆ ไปก็จะนำวิธีการนี้มาใช้ไม่ได้อีก

“เธอคงกังวลว่า จะสร้างบาปให้รุ่นน้องๆ ใช่ไหมล่ะ” คุณครูบาลเฮดเห็นสเปิร์มปันไม่ยอมปริปากก็พอจะเข้าใจ

สเปิร์มปันรีบพยักหน้าติดๆ กันสองครั้ง

“นี่เจ้าหนู..โรงเรียนมีหน้าที่สร้างเด็กที่มีคุณภาพดีที่สุดไปเป็นพลเมืองโลก เพื่อให้พลเมืองที่มีคุณภาพไปสร้างสังคมที่มีคุณภาพให้น่าอยู่อาศัยอีกต่อหนึ่ง ถ้าสเปิร์มจากโรงเรียนเราสามารถสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพให้กับสังคมได้ ก็ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของโรงเรียนและของคุณครูทุกๆ ชั้นเรียน เธอก็คงทราบแล้วว่า การได้ไปเกิดเป็นมนุษย์นั้นมันยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน ..ในเมื่อมีโอกาสเกิดทั้งทีก็ต้องให้เป็นมนุษย์ที่สังคมอยากได้ด้วย.. พวกเราทำงานกันอย่างหนักทุกวันนี้ก็เพื่อสร้างสังคมที่ดีที่สุดให้มนุษยชาติ เธอคงไม่อยากเห็นผลงานของโรงเรียนเราสร้างมนุษย์ที่เป็นปัญหาให้กับสังคมหรอก..ใช่มั้ย” คุณครูบาลเฮดหยุดเพื่อรอให้สเปิร์มปันตอบรับ ซึ่งสเปิร์มปันก็ส่งสัญญาณด้วยการผงกศีรษะกลับมา

“ฉะนั้น..สิ่งที่เธอกังวลอยู่นี่ก็คือ ความเห็นแก่ตัวและพวกพ้องมากกว่าเห็นแก่ประโยชน์สุขของสังคมมนุษย์และส่วนรวมที่นี่..ใช่มั้ย” คุณครูบาลเฮดรุกต่อแล้วหยุดอีกครั้งเพื่อรอให้สเปิร์มปันตอบรับ แต่คราวนี้สเปิร์มปันเปลี่ยนเป็นส่ายศีรษะ

“ดีมาก” คุณครูบาลเฮดยิ้มอย่างพอใจ

“ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ แต่ว่า..”

“แต่ว่าอะไรหรือ..หือ” คุณครูบาลเฮดเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนเท่ห์เมื่อสเปร์มปันที่ดูเหมือนจะคล้อยตามอยู่แล้วแต่กลับมีปัญหาขึ้นมาอีก

“คุณครูเคยบอกว่า พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ผมยังไม่เข้าใจความผูกพันฉันพี่น้องอย่างลึกซึ้งก็จริง แต่ก็ทนเห็นพวกเขาตายเป็นเบือต่อหน้าต่อตาไม่ได้” สเปิร์มปันกล่าว สีหน้ายังมีกังวลอยู่

“อ๋อ..เรื่องนี้นี่เอง” ใบหน้าของคุณครูบาลเฮดกลับมีรอยยิ้มขึ้นมา
“เธอมองดูครูซิ แล้วตอบหน่อยว่า ครูใช่พี่ชายของเธอหรือเปล่า”

สเปิร์มปันมองหน้าคุณครูบาลเฮดอย่างพินิจพิจารณา เพ่งมองยังไงๆ ก็ไม่เกิดความรู้สึกว่า คุณครูเป็นพี่ชายของเขาเลยสักนิดเดียว จึงตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

“ไม่..ถ้าจากความรู้สึกที่มีต่อคุณ..ไม่เลยแม้แต่น้อย”

“นั่นไหมล่ะ..ครูเองก็ฝืนความรู้สึกว่าเธอเป็นน้องในไส้ไม่ได้เหมือนกัน แต่เชื่อเหอะ..เธอกับครูเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันจริงๆ แต่..ความรู้สึกผูกพันกันแบบฉันพี่น้องไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเราเกิดร่วมสายโลหิตเดียวกันแค่นั้น.. ความเป็นพี่เป็นน้องจริงๆ มันจะตามมาเมื่อตัวที่ร่วมสายโลหิตเดียวกับเธอ แสดงออกว่ารักเธอและยอมเสียสละเพื่อเธอได้จริงๆ ต่างหาก ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ต้องอาศัยความใกล้ชิดและเวลาเป็นองค์ประกอบด้วย”

สเปิร์มปันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความผูกพันของเขากับสเปิร์มพิณ เขาไม่รู้สึกว่าเธอเป็นพี่หรือเป็นน้องแต่หากจำเป็นต้องเสียสละสิ่งที่เขามีอยู่เพื่อให้เธอได้สิ่งที่ดีกว่า เขาจะไม่รั้งรอที่จะทำเช่นนั้นแน่นอน
ความรู้สึกเดียวกันนี้ มิได้เกิดขึ้นเมื่อเขามองหน้าคุณครูบาลเฮดเลยสักนิด มีแต่ความเคารพและยำเกรงเท่านั้น

“เป็นเพราะคุณครูไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเราและไม่ได้ผูกพันกับพวกเราอย่างใกล้ชิด เลยทำให้คุณครูไม่แยแสที่เห็นพวกเราจะต้องตายไปต่อหน้าต่อตาทีละหลายล้านตัวใช่ไหมครับ”

“หน้าที่และความรับผิดชอบต่างหากที่ทำให้ครูต้องอำมหิตเช่นนั้น..ถึงแม้ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพี่น้องกันแต่เรามีสายสัมพันธ์ฉันครูและศิษย์อยู่ ครูย่อมไม่ยินดีหรอกที่เห็นพวกเธอตายกันเป็นเบือน่ะ” คุณครูบาลเฮดกล่าวอย่างละเหี่ยใจ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดมิใช่น้อย

หลังจากไตร่ตรองดูแล้วสเปิร์มปันก็ยอมรับในที่สุด สิ่งที่เขาและพรรคพวกกระทำลงไปแม้จะช่วยชีวิตเพื่อนๆ ได้จำนวนมาก แต่ก็ได้ทำลายระบบคัดกรองคุณภาพของโรงเรียนไปในขณะเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นยังทำลายอนาคตและความฝันของคุณครูบาลเฮดลงอีกด้วย

“คือว่า..” เพื่อเป็นการทดแทนสิ่งที่คุณครูบาลเฮดต้องเสียไป สเปิร์มปันตัดสินใจให้ข้อมูลที่เขาต้องการทราบในที่สุด
“มีพวกเราตัวหนึ่งได้เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของคุณครูอย่างอดทนมาตลอดและพบว่า คุณครูไม่ได้หลับตาอยู่ตลอด แต่จะเหลือบตามองมาที่สระเพื่อสังเกตการณ์แล้วกลับไปหลับตาต่อ เมื่อเก็บเป็นสถิติแล้ว เขาพบว่า ทุกครั้งที่เขานับ 1 ถึง 10 คุณครูจะเหลือบตามาที่สระครั้งหนึ่งเสมอ”

“เป็นเพราะนาฬิกาจับเวลา..” คุณครูบาลเฮดสวนขึ้นทันควัน
“ฉันถูกปลุก เพราะนกหวีดอันนี้” พร้อมกันนั้นก็ชูนกหวีดที่ห้อยคอขึ้นมา

สเปิร์มปันมองตามแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต จนคุณครูบาลเฮดชี้ให้ดูที่ท้องนกหวีดรูปทรงกลมที่มีหน้าปัดเป็นตัวเลขบอกเวลาอยู่ด้วย

“มันเป็นทั้งนกหวีดและนาฬิกาจับเวลา ครูจะตั้งเวลาให้มันสั่นทุก 10 วินาทีเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้หลับไปจริงๆ และให้หมั่นเผยอเปลือกตาขึ้นเพื่อดูจำนวนสเปิร์มในสระ”

“มิน่าล่ะ ..เขาถึงบอกว่า คุณครูจะทำพฤติกรรมเช่นนั้นซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น..เขาจึงออกอุบายว่า ให้พวกเราเอาหางเกาะกันไว้เป็นพรวน เมื่อเขานับตัวเลข 1 ถึง 9 เมื่อไรก็ให้พวกเราจมหายไปในน้ำพร้อมๆ กันและนับต่อในน้ำกันเองจนถึง 15 จึงให้โผล่ขึ้นมาหายใจ สิ่งที่คุณครูเห็นจึงไม่ใช่พวกเราจมน้ำตาย แต่เป็นการดำน้ำเพื่อให้คุณครูเข้าใจผิดและรีบเป่านกหวีด ซึ่งพวกเราก็ทำสำเร็จ” สเปิร์มปันเล่าโดยไม่ได้บอกว่าผู้ออกอุบายเป็นใคร

คุณครูบาลเฮดรับฟังด้วยอาการสงบนิ่งราวกับไม่ได้ยินเรื่องที่เล่ามา หรือมิฉะนั้นก็ยังไม่เชื่อว่า สิ่งที่เล่ามานั้นเป็นความจริงได้

“คิดไม่ถึงจริงๆ..” มีเสียงพึมพำเบาๆ ออกมาในที่สุด

กฎเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติในการฝึกสอนที่เรียนรู้และใช้กันมาหลายชั่วอายุของโรงเรียนได้ถูกสเปิร์มที่มีอายุแค่วันเดียวเอาชนะได้อย่างหมดจด
‘หรือนี่จะเป็นเหมือนที่ครูใหญ่เคยพูดไว้ในที่ประชุม’ คุณครูบาลเฮดนึกทบทวนคำพูดของคุณครูใหญ่เที่คยพูดในที่ประชุมของโรงเรียนว่า สเปิร์มในอนาคตจะถูกพัฒนาให้ฉลาดขึ้น แข็งแรงขึ้น เพราะมนุษย์กำลังท้าทายกฏแห่งธรรมชาติว่าด้วยความเสื่อมสภาพตามอายุขัยด้วยการเพิ่มสารอาหารที่เป็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในร่างกายมากขึ้นและหาวิธีตัดต่อยีนเพื่อดัดแปลงพันธุกรรม
คุณครูบาลเฮดไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นจริงเป็นจังได้แค่ไหน แต่สเปิร์มรุ่นใหม่นี้มีขีดความสามารถสูงกว่ารุ่นเก่าๆ อย่างเขาแน่นอน

“เอาล่ะ..เธอไปทานอาหารได้แล้ว อาหารดีๆ เหล่านั้นจะทำให้เธอทำอะไรดีๆ ต่อสังคมของสเปิร์มได้อีกมากมาย” กล่าวจบคุณครูบาลเฮดก็เอาหางขึ้นมาลูบศีรษะสเปิร์มปันเบาๆ ด้วยความชื่นชม

“คุณครูไม่ทำโทษผมและเพื่อนๆ ใช่ไหมครับ” แม้จะดีใจที่การสนทนาจบสิ้นลงไปเสียทีแต่สเปิร์มปันยังไม่วางใจนัก

“ไม่จำเป็น..ไม่ใช่ความผิดของพวกเธอที่จะต้องการเอาตัวรอดและหวังให้ผู้อื่นได้รอดชีวิตด้วย สเปิร์มที่มีคุณภาพอย่างเธอเหมาะที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อสร้างสังคมให้ดีกว่าที่เป็นอยู่..” คุณครูบาลเฮดให้คำมั่น
“ขณะเดียวกัน ฉันก็หวังให้คุณครูใหญ่จะฉุกคิดได้ว่า ไม่ใช่ความผิดของฉันเช่นกันที่พวกเธอเก่งและฉลาดอย่างนี้” แต่เขายังไม่แน่ใจว่าชะตากรรมของตนเองจะมีผู้ให้คำมั่นอย่างนั้นบ้างหรือไม่

สเปิร์มปันอำลาคุณครูบาลเฮดด้วยความปรีดา ขณะกำลังจะเลื้อยจากไปอยู่นั้น เขาก็หันหน้ากลับมาหาคุณครูบาลเฮดอีกครั้ง

“อ้อ..คุณครูครับ มีเรื่องนึงที่ผมไม่ได้บอก คือ..ผมไม่ใช่สเปิร์มช่างสังเกตตัวนั้นหรอกนะครับ” พูดจบก็สะบัดหางเลื้อยจากไปที่ประตูทางออกทันที ทิ้งให้คุณครูบาลเฮดมองและนึกตามจนกระทั่งร่างของสเปิร์มปันพ้นจากประตูทางออกเป็นตัวสุดท้ายของชั้นเรียนแล้ว คุณครูบาลเฮดจึงแหงนหน้าขึ้นมองบนขอบประตูทางออกที่มีป้ายบอกจำนวนนับเป็นตัวเลขสีแดงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปิติพร้อมกันนั้นก็อ่านออกเสียงเบาๆ

“สองล้าน..เก้าแสน..เก้าหมื่น กับ สองร้อยยี่สิบเก้าตัว”


**************************


โดย: *bonny วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:9:42:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*bonny
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[Add *bonny's blog to your web]