เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปงานราชาอสังหาฯ 2 “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส...ลงทุนอสังหาฯ ปี 60” ที่จัดขึ้นโดย P.R.A.Academy สถานที่คือโรงแรมรอยัลเบญจาสุขุมวิทซอย 5 งานครั้งนี้มีโค้ช(ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาฯ)มาให้ความรู้เบื้องต้นแบบไม่กั๊ก เรียกได้ว่ามาปูพรมให้ใครที่อยากเอาดีด้านอสังหาริมทรัพย์ พร้อมแนะแนวทางการลงทุนในปี 60 ที่จะถึงนี้

(ไปถึงคนยังมาไม่มากรีบลงทะเบียนก่อนเลย)

(ลงทะเบียนก่อนเข้างานค่ะ)

(ช่วงก่อนสัมมนาก็มีการพูดคุยนอกรอบกันระหว่างโค้ชกับคนที่เข้ามาอบรมเราเลยรู้สึกว่าความน่ารักไม่ถือตัวดีค่ะ)

เดินทางมาถึงที่โรงแรมประมาณ 8.00น. มาถึงก็ลงทะเบียนเข้างานปกติค่ะ. หลังจากลงทะเบียนก็ได้บัตรรับประทานอาหารกลางวัน(ฟรี)และเตรียมตัวเข้าอบรมก่อนเข้าอบรม จขกท.ก็อ่านไวนิลดูประวัติและแนวทางของโค้ชแต่ละท่านก่อน วันนี้มีทั้งหมด. 6 ท่านค่ะ. ซึ่งแต่ละท่านก็ให้ความรู้คนละด้านกัน
ขอสรุปคร่าวๆกับความรู้ที่ได้วันนี้มาแชร์ให้นักอสังหาฯจูเนียร์ในนี้ไว้ละกันนะคะ มาเริ่มด้วยกันค่ะ ฮืบๆ

วิทยากรท่านแรกวันนี้ คุณอภิชาติประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตรได้ขึ้นมากล่าวถึงทิศทางของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 บอกตามตรงว่าเราเข้าไม่ถึงเท่าไหร่เนื่องจากมีการใช้ศัพท์เฉพาะในวงการบางคำเราฟังแล้วทำความเข้าใจไม่ทันแต่โดยรวมแล้วก็เป็นไปในทิศทางที่บวกไม่มากนัก 3-4%อย่างไรก็ดีการเกาะกลุ่มที่แข็งแรงของนักลงทุนเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำช่วยพลักดันให้การลงทุนไปในทิศทางที่ดี และต้องคอยอัพเดทข้อมูลข่าวสารแบบ realtime เพราะด้วยสถาณการของบ้านเมืองมีการปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ

ท่านที่2 คุณพันธ์วัฒน์ อาจศิริมนะชัย(โค้ชเต๊ะ) ท่านนี้ จขกท.ต้องขอชื่นชมเป็นพิเศษ เพราะเขาเรียนจบสาขาเดียวกันกับเราเลย computerscience.  ซึ่งดูแล้วคนที่เรียนสาขานี้โดยส่วนมากจะไม่ค่อยมีใครมาเอาดีทางด้านอสังหาริมทรัพย์เท่าไหร่นักค่ะโค้ชพูดถึงเรื่องการก้าวเข้าสู่วงการอสังหาฯด้วยการซื้อคอนโดราคาไม่แพงนักเพื่อให้เช่าและพัฒนาต่อยอดลงทุนที่ราคาสูงขึ้นมาเรื่อยๆ สู่ธุรกิจการขาย-ฝาก จากที่ฟังโค้ชแล้วสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ก้าวหน้าด้านอสังหาฯคือการรู้จักให้เงินทำงานการขาย-ฝากที่ต้องมีความรอบคอบและความละเอียดในการขาย-ฝาก โค้ชเล่าถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในธุรกิจนี้เช่น ผู้เช่าหนีออกจากคอนโดโดยที่ค้างค่าเช่า!!แนะนำวิธีแก้ปัญหาที่เราคาดไม่ถึงแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงๆค่ะ

ท่านที่3 คุณธนิช พินธุรักษ์ (โค้ชติ้ว) ที่มีช่องทางการลงทุนด้านที่ดินวงการค้าขายที่ดิน “ที่ดินตาบอด”แน่นอนเป็นอะไรที่ขายยาก คนซื้อน้อย..แต่จากที่เราฟังโค้ชท่านนี้แล้วท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาที่ดินเปลี่ยนเงินหมื่นมานเป็นเงินล้านได้จริงๆ ยกตัวอย่างการจัดการที่ดินตาบอดที่เป็นโปรเจคของโค้ชคือซื้อที่ดินตาบอดแห่งหนึ่งในราคาหลักหมื่นหลังจากนั้นก็ลงไปจัดการวัดพื้นที่ พัฒนาที่ดิน และแบ่งที่ดินออกขายเป็นส่วนๆจากที่ดินที่ซื้อมาในราคาหลักหมื่นถูกเปลี่ยนแปลงมาเป็นเงินหลักล้าน และอีกหลายโปรเจคที่โค้ชท่านนี้ประสบผลสำเร็จ จากที่ได้ฟังโค้ชท่านนี้ท่านจะเป็นคนที่เอาปัญหาของคนอื่นมาเป็นกำไรของตนเองรู้จักพลิกแพลงปัญหา มองหาแหล่งเม็ดเงินได้ไม่ว่าที่ดินนั้นจะมีปัญหาแค่ไหน และที่น่าชื่นชมอีกอย่างของโค้ชท่านนี้คือการทำธุรกิจที่ใช้ใจทำจริงๆและลงมือทำด้วยตัวเอง

ท่านที่4 คุณศุภกิจ ประมวลทรัพย์ (โค้ชกี) ร่ำรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านการให้เช่า ไม่ว่าจะเช่าที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน สามารถให้เช่าได้หมดพร้อมกับเทคนิคการทำเงินมากที่สุดในการให้เช่า... คำว่า"เสือนอนกิน"เป็นคำพูดที่เราจะได้ยินเสมอเมื่อกล่าวถึงคนที่ทำธุรกิจให้เช่าต่างๆ โค้ชท่านนี้มีความมองขาด มองอนาคตคาดการณ์ราคาเสร็จสรรพเลยค่ะ ยกตัวอย่างกรณีมีที่ดินเปล่าโค้ชท่านนี้แกจะมองขาดเลยว่าเหมาะสมให้ธุรกิจประเภทไหนที่จะมาเช่าพื้นที่เราเช่นให้เช่าทำร้านสะดวกซื้อ ให้เช่าทำตลาดนัด ลานจอดรถ หรืออื่นๆ ซึ่งความน่าทึ่งและปัจจัยที่จะได้เงินจาการให้เช่ามากที่สุดคือเทคนิคการทำสัญญาเช่าบอกเลยว่าวิเศษสุดๆค่ะนอนกินเงินได้ยาวๆสบายๆ

(หลังจากลงทะเบียนแล้วจะได้รับบัตรรับประทานอาหารถึงเวลาพักทานอาหารแล้ว วันนี้ทานที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ)

ท่านที่5คุณบรรณ ภุชงค์เจริญ (โค้ชบรรณ) หลายคนอาจจะยังมองไม่ออกว่าSocial Media เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ยังไงบ้างโค้ชเข้ามาบรรณยายและไขข้อข้องใจได้ดีมาก กระจ่างเลยละค่ะ ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยต้องมีการจับจองที่พักจับจองร้านอาหาร การเดินทาง สิ่งเหล่านี้ต้องเพียบพร้อมมาก่อนแล้วซึ่งinternet นั่นเองที่ช่วยจัดการ หรือวิธีการใช้ google ในการดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มคน และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์สร้างโปรเจคหนึ่งๆขึ้นมาแม้กระทั่งการจองบ้านผ่านแอพพลิเคชั่น!! ปัจจุบันกระแสโซเชียลถือได้ว่ามีอิทธิพลไม่น้อยเลยค่ะในการสัมมนาวันนี้โค้ชได้มีการสอนเคล็ดลัพธ์เล็กๆน้อยๆในการใช้ Smartphone ด้วยละค่ะ โค้ชท่านนี้ทั้งหล่อทั้งอร่อย(ในที่นี้หมายถึงเก่ง อิอิ) **ในงานไม่กล้าแซวขอแซวในบล็อกละกันค่ะ**

ท่านที่6 คุณเกียรติยศสว่างอำไพพงษ์ (โค้ชบอย) ขอยกให้เป็นเจ้าพ่อประมูลอสังหาริมทรัพย์เลยค่ะสำหรับท่านนี้ พูดคุยสัมมนาในเรื่องของการประมูลอสังหาริมทรัพย์จากกรมบังคับคดีโค้ชท่านนี้ไม่ธรรมดาค่ะ ประมูลสินทรัพย์มาเพิ่มมูลค่า แล้วขาย ประมูลบ้านหลังหนึ่งมารีโนเวทขายได้กำไรตั้งแต่บรรใดบ้านยันหลังคาเลยค่ะ(แอบแซว) สอนแบบไม่กั๊กเลยค่ะตั้งแต่เทคนิควิธีการประมูลการวิเคราะห์การตลาด การเข้าไปบำรุงซ่อมแทรมสินทรัพย์ ที่ไม่ใช่การย้อมแมวขายท่านนี้ถนัดทุบค่ะ มีเคสประมูลบ้านแล้วได้บ้านที่ภายในเละมากโค้ชท่านนี้ทุบแล้วรีโนเวทใหม่ ขายได้กำไรหลายเท่าตัวเลยละค่ะ

มาถึงที่ท่านสุดท้ายของวันนี้เป็นหมอดูหมายเลขโทรศัพท์ค่ะคุณมาดามเกด มาดูดวงจากหมายเลขโทรศัพท์และบอกเคล็ดลับการใช้เบอร์โทรหมายอะไรที่จะช่วยมาส่งเสริมการงานของเราแถมยังสุ่มดูดวงให้คนที่เข้ามาสัมมนาในงานอีกด้วยค่ะ เสียดายจริงๆที่ จขกท.ไม่ได้ถูกเลือก^^จากที่นั่งดูสถาณการแลลุ้นให้มาดามเลือกเบอร์เราไปดู ร้อยละ 90%ของคนที่ถูกเลือกต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าแม่นจริงๆค่ะบางคนถึงกับสะอึกเลยเพราะมาดามทักจริงทักตรง ไม่อ้อมค้อมเลยค่ะ มีท่านหนึ่งในห้องสัมนามาดามยังไม่ทันดูหน้าเลยว่าเป็นใครหยิบเบอร์และทักว่าคนนี้จะมีบุคคลอื่นมาทำให้เป็นทุกข์อยู่ตลอดปรากฏว่าเจ้าของเบอร์เกือบน้ำตาตกเลยค่ะแต่มาดามก็บอกเคล็ดลับและวิธีแก้ไขให้ดีขึ้น

(ช่วงที่พักก็มีการพูดคุยกันถึงธุรกิจต่างๆของคนที่มารวมงานบางคนรู้จักกันอยู่แล้วส่วนมือใหม่แบบเราก็ได้แต่นั่งแล้วยิ้มไปก่อน^^)

(มีเอกสารเกี่ยวกับผู้รู้ด้านต่างๆมาแจกฟรีและความน่ารักของที่นี่คือมีไลน์แอดไว้คอยอัพเดทพูดคุยแลกเปลี่ยนกันภายในกลุ่มด้วยไม่ทิ้งกันเลยค่ะ)

งานนี้เสียเงินค่าเข้าสัมมนาไป1,500 บาท เอาเป็นว่าแค่ค่าอาหารมื้อเที่ยง กับสองเบรกการบริการของทีมงาน ของแจกในงาน ก็คุ้มแล้วนะคะ แถมยังได้ความรู้และเทคนิคเจ๋งๆมาอีกแต่ความจริงแล้วก็เป็นการสัมมนาเพื่อโปรโมทคอสอื่นนั่นเองค่ะเพราะโค้ชแต่ละท่านก็มีคอสการอบรมของตัวเองอยู่แล้วถือว่าภายในงานโค้ชก็ให้ความรู้และเทคนิคไม่น้อยทีเดียว เรื่องของเวลาที่ยืดหยุ่นมากเกินไปอย่างวันที่ไปช่วงเช้าวิทยากร3 ท่านอบรมเยอะไปนิดทำให้เลยเวลามื้อเที่ยงไปนิดหนึ่งค่ะแต่พอมาช่วงบ่ายตามกำหนดการที่ 17.00น. มีการยืดเวลามาเกือบ 1ชม. ทำให้บางคนไม่ได้อยู่จนจบงานเราอยู่จนจบการสัมมนาเลยเวลาไปนิดแต่ได้ความรู้มาก็พอจะให้อภัยกันได้ ถ้าให้คะแนนก็7 เต็ม 10 ละกันค่ะขอหักคะแนนอีกนิดเรื่องความสัมพันธ์ของคนเข้าอบรมจริงๆเราตั้งใจอยากจะทำความรู้จักกับคนที่มางานนี้ให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ถ้ามีกิจกรรมเล็กๆให้ทำความรู้จักกันบ้างก็จะดีค่ะสำหรับใครสนใจเข้าสัมมนาก็ติดตามรายละเอียดที่ www.pra.co.th เลยค่ะ

(มีการแจกของที่ระลึกให้คนที่มาร่วมงาน ก็จะมีกระเป๋าร่ม บัตรสัมมนาคุณต่างๆค่ะ)

สรุปคร่าวๆเกี่ยวกับสัมมนาครั้งนี้นะคะทิศทาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัยพ์ในปี 60ที่จะถึงนี้ถือว่าเป็นไปในทิศทางบวก(แต่ไม่มาก)ทั้งนี้ทั้งนั้นเราตั้งตามทันข่าวสารและคอยวิเคราะห์สถานการณ์ไปเรื่อยๆ การอบรมสัมมนาถือว่าเป็นการเปิดทางเดินสำหรับใครที่อยากเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์อยากรวยเร็ว และคนที่อยากให้สินทรัพย์หาเงินแทนเรา การลงทุนมีความเสี่ยงค่ะยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้เราก็รู้ๆกันอยู่สุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาลงทุนอาจจะตกเป็นเหยื่อของรุ่นเก๋าเขาได้เพราะฉะนั้นถึงยอมเสียพันห้าดีกว่ามาเสียเยอะกว่านั้นค่ะ “เราไม่จำเป็นต้องเจ็บเองการเรียนรู้ความเจ็บปวดจากคนอื่น ก็เป็นทางที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้”คำพูดของคุณเกล สุดา ประกฤติพงศ์ ที่กล่าวก่อนเริ่มสัมมนาขอบันทึกไว้ในลิสเทคนิคการใช้ชีวิตหน่อยนะคะบอกเลยว่าหลังจากเดินออกงานมาโฉนดในมือสั่นไปหมดเลยค่ะ มีอีกคำหนึ่งที่โค้ชทุกท่านพูดอยู่เสมอคือ“ควรทำกำไร ตั้งแต่ตอนซื้อ” นี่คือหลักที่การจะอยู่วงการนี้ให้รอด จริงๆอยากเขียนความรู้และเทคนิคให้เยอะกว่านี้(นี่ยังยาวไม่พอ?) แต่บางอย่างเผยแพร่ไปแล้วอาจจะส่งผลกระทบกับตนเองและบางอย่างก็ไม่กล้าเขียนออกมาเพราะเราไม่ใช่เซียนจริงกลัวผิดพลาดยังไงอ่านแล้วให้กำลังใจกันด้วนยะคะ ไปสัมนาครั้งหน้าจะเขียนมาให้อ่านเรื่อยๆค่ะ

Create Date : 08 ธันวาคม 2559
Last Update : 8 ธันวาคม 2559 14:15:08 น.		0 comments
Counter : 3174 Pageviews.
Share Tweet