เปากงชุดสี่ ชีวิตเปาบุ้นจิ้น

เปากง ชุดสี่ ชีวิตเปาบุ้นจิ้น
เปาบุ้นจิ้นเกิดที่เมืองหุ้นหนำกุ้ย วันที่ 11 เมษายน พ.ศ.1542 หรือเมื่อประมาณหนึ่งพันปีที่แล้ว ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ พ่อชื่อเปาเบ๊ะบ้วน แม่ชื่อนางหลีสี มีพี่ชายสองคน ชื่อเปาบุ้นกุ้ย กับเปาบุ้นลุ้ย เปาบุ้นกุ้ยแต่งงานกับนางหลิวสี มีลูกชายหนึ่งคน ชื่อเปาเหมี่ยน ส่วนเปาบุ้นลุ้ย มีภรรยาแต่ไม่มีลูก เปาบุ้นจิ้นเติบใหญ่ก็สอบเข้ารับราชการ เปาบุ้นจิ้นเป็นขุนนางตงฉินที่รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เกรงกลัวอิทธิพลและไม่เห็นแก่หน้าใคร เปาบุ้นจิ้นเป็นคนเคร่งขรึม จริงจัง ยิ้มยาก เป็นที่หวาดเกรงของขุนนางทั่วไป จนออกจะไม่น่ารักเพราะขัดแข็ง มีเรื่องล่วงเกินผู้อื่นอยู่เสมอ แม้แต่กับขุนนางตงฉินด้วยกัน แต่กระนั้น เปาบุ้นจิ้นก็เป็นที่รักของราษฎร และเป็นที่ไว้วางใจของฮ่องเต้ จนถึงกับประทานเครื่องประหารสามแบบ แส้ทองคำสำหรับลงโทษเชื้อพระวงศ์ที่ทำความผิด และให้สิทธิ์ในการ “ประหารก่อน รายงานทีหลัง” ได้ด้วย
ด้วยคุณงามความดีของเปาบุ้นจิ้น แม้เจ้าตัวจะสิ้นอายุขัยไปแล้ว แต่เรื่องราวของเปาบุ้นจิ้นก็ถูกเล่าขาน สืบทอดต่อกันเรื่อยมา จนคณะงิ้วนำเรื่องราวของเปาบุ้นจิ้นมาออกแสดง จากมุขปาฐะที่ถูกเล่าแบบปากต่อปาก ก็กลายเป็นตำนาน มีการแต่งเติมเรื่องราว เพิ่มสีสันให้น่าสนใจ
ตามตำนาน แผ่นดินซ่ง มีศึกสงครามกับหัวเมืองใกล้เคียง สร้างความวิตกกังวลให้แก่องค์ฮ่องเต้ พระเจ้าซ้องจินจงฮ่องเต้จึงตั้งโต๊ะบูชาเทวดาฟ้าดิน อธิษฐานขอขุนนางดีมาช่วยดูแลบ้านเมือง ความรู้ถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ จึงส่งดาวบุ๋นหนึ่ง ดาวบู๊หนึ่งมาจุติเพื่อช่วยเมืองซ่ง ดาวบุ๋นคือเปาบุ้นจิ้น ดาวบู๊คือเต็กเช็ง ตอนที่เปาบุ้นจิ้นเกิด มีกลิ่นหอม และมีแสงสว่างไปทั่วบ้าน แต่เปาบุ้นจิ้นหน้าดำอัปลักษณ์ จนบิดามารดา คิดว่าลูกชายคนนี้ต้องเป็นลูกปิศาจมาเกิดแน่ คิดจะเอาไปทิ้งในป่า แต่นางหลิวสี ภรรยาของเปาบุ้นกุ้ย เห็นว่าเปาบุ้นจิ้น น่าจะเป็นคนมีบุญวาสนามาเกิดมากกว่า จึงขอมารับเลี้ยงไว้เอง เปาบุ้นจิ้นเติบโตก็ทำไร่ไถนา ตามแบบเด็กทั่วไป วันนึงเห็นเด็กคนอื่นเรียนหนังสือในโรงเรียน ก็อยากเรียนบ้าง กลับบ้านไปขอพ่อ แต่เปาเบ๊ะบ้วนเห็นว่าลูกชายหน้าดำของตน ไม่น่าจะเรียนอะไรได้ จึงไม่อนุญาต เปาบุ้นจิ้นร้องไห้เสียใจกลับไปเล่าให้นางหลิวสีฟัง นางหลิวสีสงสาร จึงส่งเปาบุ้นจิ้นไปเรียนหนังสือกับญาติคนหนึ่ง เปาบุ้นจิ้นเป็นเด็กหัวดี เรียนอะไรก็จำได้หมด พอโตขึ้นเปาบุ้นจิ้นก็เดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อสอบจอหงวน เปาบุ้นจิ้นสอบได้จอหงวน ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่โชคร้าย ฮ่องเต้เห็นเปาบุ้นจิ้นหน้าดำอัปลักษณ์ เลยไม่ประทานตำแหน่งให้ เปาบุ้นจิ้นเสียใจมากจนคิดจะฆ่าตัวตาย โชคดีมีเทพไปเข้าฝันเห้งตันไจเสี่ยง ขุนนางผู้ใหญ่ให้มาช่วยเปาบุ้นจิ้นไว้ทัน เห้งตันไจเสี่ยงยังช่วยพูดกับฮ่องเต้จนเปาบุ้นจิ้นได้เป็นขุนนางในที่สุด ในตำนานเปาบุ้นจิ้นมีอายุขัยถึง 105 ปี แต่ในประวัติศาสตร์จริง เปาบุ้นจิ้นมีอายุขัยเพียง 63 ปีเท่านั้น ตัวจริงของเปาบุ้นจิ้นผิวขาว ไม่ได้หน้าดำ นอกจากนี้ ในละครหรือคณะงิ้ว มักเรียกเปาบุ้นจิ้นว่า เปาชิงเทียน ชิงเทียน แปลว่า ฟ้าสีน้ำเงินใส หมายถึง การทำฟ้าให้กระจ่าง ทำความยุติธรรมในปรากฏ พระจันทร์ที่หน้าผากของเปาบุ้นจิ้นนั้น เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่สวรรค์ประทานให้สามารถตัดสินคดีได้ทั้งในเมืองมนุษย์และเมืองผี พระจันทร์บนหน้าผากนั้น จริงๆแล้วเป็นพระจันทร์เต็มดวง แต่เวลางิ้วออกแสดง จะวาดพระจันทร์เต็มดวงไม่ได้ เพราะผีสางจะเข้าใจว่าเปาบุ้นจิ้นตัวจริงมา พากันออกมาร้องทุกข์ จนโรงงิ้วแตกทุกที
ซื้อเรื่องนี้มาจากงานหนังสือนานแล้ว ใช้เวลาอ่านนานมากๆๆๆ เห็นละครมาฉายใหม่เลยมารีรวิวซะหน่อย เพิ่งรู้ว่าละครที่เคยฉายใช้ชื่อว่า เปาชิงเทียน ไม่ใช่ เปาบุ้นจิ้น จางหลง เจ้าหู่ หวังเฉา หม่าฮั่น ในเล่มนี้ชื่อ เตียเหล็ง เตียเฮา ตังเถียว ลิปา เฉินซื่อเหม่ย ชื่อ ชินซีมุ้ย คดีของเฉินซื่อเหม่ยก็ยืดเยื้อกว่าในละครมาก แถมเฉินซื่อเหม่ยก็ไม่ได้ถูกประหารด้วย เล่มนี้ ไม่มีกงซุนเช่อกับจั่นเจานะ ต้นเรื่องเป็นสงคราม มีพูดถึงกระบองวิเศษด้วย สำหรับคนอยากรู้ประวัติเปาบุ้นจิ้น ก็ลองหาอ่านดูค่ะ

Create Date : 04 ตุลาคม 2558 Last Update : 4 ตุลาคม 2558 20:25:25 น. Counter : 2115 Pageviews.		0 comments
Share Tweet