จากปาก ประยุทธ : คืนความสุขคนในชาติ 1 สิงหาคม 2557 [1]
คำต่อคำ : คืนความสุขคนในชาติ 1 สิงหาคม 2557 สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน วันนี้มาพบกันอีกครั้งนะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้มีการพบปะพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว ก็อยากจะกราบเรียนทุกคนที่กรุณาฟังมาโดยตลอด ก็ขอกรุณาช่วยชี้แจงเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ไม่ได้ฟังด้วย จะได้ทำความเข้าใจด้วยกัน ก้าวหน้า เดินขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน วันนี้ก็กว่า 2 เดือนแล้ว ที่ คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศ วันนี้สถานการณ์โดยรวม ทั้งด้านการเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องชาวไทยก็ดูมีความสงบเรียบร้อยดี มีรอยยิ้ม อยู่ในพื้นที่ทุกพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของการทำมาหากินอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น พวกเรายังคงจำได้ว่ามีเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ความขัดแย้ง การชุมนุม ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข มีการใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามต่อกัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากพอสมควร มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง มีการใช้สื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน คนไทยด้วยกัน เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและทางด้านอื่นๆ ด้วย ทำให้ทรัพย์สินและประชาชนเสียหาย เศรษฐกิจของประเทศประสบปัญหา มีทั้งเรื่องของความโปร่งใส ไม่โปร่งใส การทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ร้ายแรง รัฐบาลไม่สามารถให้การบริการประชาชนได้ ในเรื่องพื้นฐานต่างๆ อย่างเต็มที่ และประเทศเรานั้นสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าสู่สภาวะรัฐล้มเหลว หรืออาจจะเกิดจลาจล หรือสงครามกลางเมืองได้ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นอยู่กับพวกเรามาตลอดระยะเวลาประมาณกว่า 10 ปีมาแล้ว ประมาณปี 2549 และก่อนหน้านั้นอีก ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจากหลายประการด้วยกัน ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน การขาดคุณธรรม จริยธรรม ความขัดแย้งทางด้านความคิด อุดมการณ์ทางด้านการเมืองที่แตกต่างกันออกไป และอื่นๆ เรื่องเหล่านี้พี่น้องทุกคนคงทราบดีนะครับ เราจะมาช่วยกันแก้ไข การแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ลืมไปแล้วว่า มีการฝังรากลึกมาเป็นเวลาหลายปี เราต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการที่จะแก้ไขโดยอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่ ความร่วมแรงร่วมใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน ทุกภาคส่วนที่จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกัน เพื่อให้ประเทศของเรากลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ประชาชนมีความสุข มีระบบการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และเอื้อประโยชน์ต่อทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม การดำเนินงานของ คสช.ปัจจุบันนั้นอยู่ในระยะที่ 2 ตามโรดแมปคือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีหลายประเด็นด้วยกัน ที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบนะครับ เรื่องแรก เรื่องอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว คสช.ก็ยืนยันเหมือนเดิม ว่าเราไม่ได้มุ่งหวังจะใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ เราต้องการใช้เพื่อให้เกิดการปฏิรูปดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดผลสัมฤทธิ์ จะเห็นได้ว่าในระยะที่ 1 ที่ผ่านมานั้น คสช.ใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง โดยใช้เท่าที่จำเป็น แล้วก็ไม่ให้กระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวมมากนัก การดำเนินการต่างๆนั้น เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามโรดแมปที่ได้วางไว้ และได้สัญญาไว้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนไว้ตลอดมา การที่มีอำนาจของ คสช.อยู่ในบางเรื่องนั้น ก็อาจจะมีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินะครับ เพราะเรามีเวลาจำกัดที่จะต้องเร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งได้โดยเร็ว ในเรื่องต่อไป คือเรื่องของการเคลื่อนไหวต่อต้าน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่เป็นประเด็นในเวลานี้ ก็คือในเรื่องของมาตรา 112 นะครับ ก็ขอความกรุณาให้แยกแยะออกจากกันได้ว่า ประชาชนทั่วไป เราก็มีกฎหมายปกติ คือกฎหมายหมิ่นประมาท สำหรับสถาบันเราซึ่งเป็นสถาบันที่เคารพนับถือ ก็ถือว่าพวกเราต้องดูแลครับ ไม่ว่าจะทำอย่างไรให้สถาบันอยู่ในจุดที่เหมาะสม และปลอดภัย จากการที่จะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อจะทำลายกัน สำหรับใครที่ทำความผิดใครที่ไปกล่าวร้าย ใครที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นทำจริง ถ้าทำไม่จริงก็ลงโทษไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกระบวนการมีหลายขั้นตอนด้วยกัน แต่การร้องทุกข์กล่าวโทษ การพิจารณาของคณะกรรมการจะฟ้องหรือไม่ฟ้องก่อนจะส่งอัยการ เมื่อส่งอัยการขึ้นไปแล้วก็จะมีคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมดูอีก ทั้งนี้ เป็นไปตามพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งไว้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนที่คอยจะละเมิด คอยที่จะไม่เข้าใจ คอยที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการให้ร้ายซึ่งกันและกัน มันต้องมีการพิสูจน์ทราบว่าใครทำจริงไม่ทำจริง ถ้าไม่ทำหรือทำโดยไม่เจตนา ผมว่ากฎหมายก็มีข้อยกเว้นให้ หรือมีข้อพิจารณาเป็นพิเศษให้อยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือกับทุกท่านด้วย ก็ต่างชาติอาจยังไม่เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือทุกอย่าง มันอยู่ที่คนจะทำให้ท่านทรงเสื่อมเสีย อันนี้ก็ต้องช่วยกันระมัดระวังและสร้างความเข้าใจด้วย ในส่วนการปฏิบัติงานของ คสช.ที่ผ่านมา ถ้าสรุปโดยสั้นๆ แล้ว ช่วงแรกคือช่วงนี้ประมาณ 3 เดือน ที่จัดระเบียบโดยใช้การบริหารโดย คสช.ก่อนจะมี ครม.พอระยะกลางเราจะมีรัฐบาลใช่ไหมครับ ที่ผมเคยเรียนไว้ว่าประมาณเดือนกันยายน เราจะต้องมีรัฐบาลในการที่จะเป็นรัฐบาล อาจเรียกว่าเป็นรัฐบาลเฉพาะการ แต่มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน อันนี้เราจะต้องนำระยะที่หนึ่งมาสู่การแก้ปัญหาที่ต้องใช้เวลา ที่ต้องใช้กฎหมายมากขึ้น แล้วก็นำไปสู่การปฏิรูป แล้วก็การจัดทำกฎหมายใหม่บางอะไรบาง แล้วก็เตรียมกติกาการเลือกตั้งต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เมื่อจบระยะที่ 2 เราก็จะส่งต่อให้กับระยะยาว คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อันนี้ผมเรียนไปหลายครั้งแล้วว่าใจเย็นๆ นิดหนึ่ง ถ้าท่านใจร้อนผมก็ใจร้อน ไปเร่งรัดอะไรต่างๆ ให้มันเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ผมว่ามันอันตรายในการที่จะทำงานบางอย่าง ต้องแก้ปัญหา ใช้เวลามากพอสมควร เพราะมันเกิดขึ้นมาเป็นหลายสิบปีแล้ว บางอย่าง ประเด็นสำคัญคือ เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือเรียกว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา กับเรา ก็คือกับประเทศชาติ เพราะ คสช.ถือว่าเราทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำเพื่อพวกเรา ทำเพื่อ "เรา" คือคนไทยทุกคน เราไม่ได้วาดหวังผลประโยชน์อเะไร ทำดีมันก็แค่เสมอตัว พวกเราทราบดี ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อยให้ประเทศล้มเหลวไป เราก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเป็นหน้าที่ ชีวิตจิตใจของพวกเรานั้นก็เหมือนกับทุกท่าน รักชาติ รักแผ่นดินเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ในงานด้านความมั่นคง เราก็คงปล่อยให้ประชาชนนั้นเดือดร้อนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันก่อน มันถึงจะทำอะไรต่อไปได้ ไม่ใช่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ นี่จะต้องเป็นอย่างนี้ จะต้องเป็นอย่างนั้น จะต้องเป็นเหมือนวันนั้น เหมือนวันนี้ ถ้าคิดแบบนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง วันนี้เราพยายามคิดใหม่ ทำใหม่ บางอย่างเป็นปัญหาเก่า บางอย่างเป็นปัญหาใหม่ บางอย่างเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ทุกคนต้องไปย้อนดูซิว่า มันเกิดขึ้นเพราะอะไร โดยใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันก็มีความจำเป็นที่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าหากทุกคนคิดว่า คสช.ต้องการใช้อำนาจ หรือว่าต้องการผลประโยชน์ ถ้าอย่างนั้น คสช.ก็ไม่จำเป็นหรอกครับที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาล เราบริหารโดย คสช.แบบระยะแรกไปดูจะดีกว่านะ ไม่ยุ่งยากแต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะเราต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เราไม่ต้องการอำนาจ เราต้องการให้การปฏิรูปมันเดินไปได้โดยมีทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นพอทำไปแล้วท่านก็ไม่รับอีก วันหน้ามันก็เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นใครที่จะไม่ร่วมการปฏิรูปท่านก็คิดเอาแล้วกัน ว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาทำกันเสร็จเรียบร้อย แล้วท่านไม่เข้ามา วันหน้าท่านจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบ ท่านบอกท่านไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่ได้เข้ามาผมว่าไม่ถูกต้องไปคิดเสียใหม่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราพยายามทุกอย่างที่จะลดความกดดันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคนบางส่วนไม่พอใจอยู่บ้าง ผมก็เข้าใจนะครับ ในส่วนที่ยังต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วอยู่เช่นเดิม แหมผมก็ไม่เข้าใจว่า ไม่รู้สึกอะไรกันเลยหรือว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา บ้านเมืองของเรามันอันตรายแค่ไหนอย่างไร วันนี้ทุกประเทศในโลกรบกันแทบเป็นแทบตายอยู่ ทำไมเราจะต้องกลับไปสู่แบบนั้นอีก วันนี้เราต้องเตรียมการอพยพผู้คนอีกมากมาย หลายประเทศมีการสู้รบสงครามกลางเมือง เราจะกลับไปสู่แบบนั้นหรือ เดี๋ยวผมจะพูดอีกครั้งแล้วกัน ในส่วนของความพึงพอใจของประชาชน ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา เกือบ 3 เดือนแล้ว การแก้ไขปัญหาในเรื่องของความเดือดร้อน อาชีพ รายได้ ความเป็นอยู่ อันนี้เราแก้เร่งด่วนเท่านั้นเองนะครับ ระยะยาวมันยังทำอะไรมากนัก เพราะปัญหามันสะสมมานาน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาที่เป็นระบบ และยังไม่มีผลชัดเจนที่อาจจะลงมาสู่แต่ละกลุ่ม แต่ละครอบครัว แต่ละบ้านไม่ได้มากนัก มันมีผลกระทบในวงกว้าง เพราะฉะนั้นการที่เราจะแก้ปัญหา เราต้องแก้ปัญหาในทุกระดับ ต้องมีมาตรการต่างๆ เพราะว่าเราเป็นสังคมที่มีคนอยู่มากหลายกลุ่ม หลายหมู่เหล่าที่อยู่ด้วยกัน มีความเป็นอยู่หลายระดับด้วยกัน เราจะต้องแก้ทางนโยบาย การปกครอง การบริหารจัดการ การใช้จ่ายงบประมาณที่เหมาะสม ระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย ระบบข้าราชการที่จะต้องเอื้อต่อการให้การบริการ เหล่านี้ถ้าเราแก้ทั้งระบบได้ มันก็จะกลับมาสู่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น วันนี้ก็ต้องอดทนกัน พยายามแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้ มันจะมีผลกระทบในสิ่งที่ดีๆต่อประชาชนในระยะยาว เราเร่งด่วนทำไปมันก็ได้วันนี้ แก้วันนี้ วันหน้าก็เกิดขึ้นมาอีก ทำอย่างไรล่ะมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ในส่วนของการทำงานให้บริการกับประชาชนจากข้าราชการนั้น มันน่าจะดีขึ้นถ้าเราปฏิรูปได้ทุกระบบอย่างที่เราตั้งใจไว้ ต้องใช้เวลาในระยะที่ 2 ในการที่จะจัดระเบียบ วันนี้การจัดระเบียบสังคมในเรื่องต่างๆ อาจจะทำให้บุคคลบางกลุ่มเดือดร้อนอยู่บ้าง ฉะนั้นท่านใดก็ตามที่ไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ถึงแม้ท่านจะได้เงินมา ท่านจะได้รายได้มาเลี้ยงครอบครัว บุตร ภรรยา แต่มันผิดกฎหมายนะครับ และมันก็ไม่ได้ยุติธรรมกับคนที่ทำผิดกฎหมาย เขาก็ไม่สามารถจะมาหากินได้ ไม่สามารถจะประกอบสัมมาอาชีวะได้ เจ้าหน้าที่ทุจริตก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ก็สมยอมกัน บ้านเมืองก็ไร้ระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่เรียบร้อย ถ้าเราปล่อยสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ มันก็เกิดความไม่เป็นธรรม ประชาชนก็เดือดร้อน คนส่วนน้อยก็ได้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์ มันก็มีผลกระทบ มีความขัดแย้งกันเหมือนเดิม เราต้องแก้เหล่านี้ให้ได้ แก้ที่ใคร แก้ที่พวกเราทั้งสองฝ่าย ทั้งข้าราชการ ประชาชนนะครับ ต้องใช้ความมีคุณธรรม มีจริยธรรม ในการจะอยู่ร่วมกัน ในเรื่องของการปฏิรูป 1..2..3.. นี่ 1 ก็คือทำไปแล้ว ขั้นการเตรียมการที่มีสำนักงานปฏิรูปฯ ของ คสช.นั่นไง ที่ผมบอกว่ามันต้องมีการเตรียมการก่อน บางคนบอกว่า ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรเลย แล้วมันจะไปรู้เรื่องอะไร ทำกันแค่ 3 เดือน จะปฏิรูปได้ยังไง เขาเตรียมการ แล้วเดี๋ยวเราจะมาเข้าระยะที่ 2 ก็คือเมื่อมีสภาปฏิรูปฯ ในประมาณสัก .. หลังจากมี ครม.แล้ว ก็น่าจะประมาณสักเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน กว่าจะเลือกตั้ง กว่าจะคัดสรร เลือกตั้ง อะไรเรียบร้อย โปรดเกล้าฯ ลงมา เป็นสภาปฏิรูปฯ ก็ต้องใช้เวลา แล้วเพิ่งจะเริ่มทำงานได้ ปัจจุบันนั้น ผมอยากจะกราบเรียนทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ บ้านเมืองนี้ หลังจากไม่มีนักการเมืองทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ท่านต้องยอมรับก่อนว่าในปัจจุบันนี้บ้านเมืองไทยเรามีปัญหา มีมายาวนานแล้วด้วย ระบบประชาธิปไตยที่เราว่าดี ของเราเลือกตั้งกันมา อะไรกันมา ก็มีปัญหาอีก ต้องแยกแยะจากกันนะครับ เอาตัวเองถอยออกมา มองปัญหา ของตัวเองเอาไว้ก่อน ปัญหาของตัวเองเก็บไว้ข้างนอกก่อน แล้วมองปัญหาส่วนรวมไว้ซีกหนึ่ง ประเทศชาติอยู่ทางด้านซ้าย แล้วก็เอาวิธีการแก้ปัญหาอยู่ซีกขวา แล้วเราจะช่วยกันเอาซ้ายกับขวามาแก้ยังไง ปัญหา + วิธีการ แก้กันซะ เมื่อหาข้อยุติมาได้แล้ว เอาตัวเราเข้ามา ถ้าเอาตัวเราเข้ามาตั้งแต่ต้น พอเริ่ม ซ้ายมา พอจะทำ ขวามา แล้วเราจะอยู่ตรงไหน เราจะได้อะไร มันก็แก้ไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นท่านเอาตัวของท่านออกมาก่อน ถ้ามาพูดว่า เรื่องโน้นเรื่องนี้มันเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมท่านไม่แก้มาล่ะ สมัยก่อนนี้ ท่านก็แก้ไม่ได้ วันนี้มันถึงต้องมี คสช.ไง เพราะฉะนั้นจะบอกว่า เอาประชาธิปไตย ต้องการประชาธิปไตยเวลานี้ อ้าว แล้วเวลาก่อนนี้มีประชาธิปไตยทำไมท่านไม่ทำ วันนี้ขอร้องอย่าเพิ่งพูด พูดไปมันก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมาสักอย่าง มีเวลาเป็นสิบๆ ปีแล้วท่านไม่ทำกันเอง วันนี้เราถึงต้องมาช่วยกันทำไง ไม่ใช่ผมต้องมาทำคนเดียวด้วย ท่านต้องมาช่วยผม ไม่ใช่มาสะกิดสะเกา เป็นห่วงเป็นใยเรื่องนี้ เรื่องโน้น ท่านรู้ปัญหาทุกอันนั่นล่ะ เพราะท่านเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหามาโดยตลอด แต่ท่านแก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้การเมืองของเราก้าวหน้านั้น เราจะต้องเอาตัวออกมา เอาตัวออกมาก่อน เมื่อไรก็ตามที่เราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แก้กระบวนการได้ แก้วิธีการได้ แก้การบริหารจัดการได้ เราเข้ามา แล้วก็ให้การบริการต่อประชาชน อย่างนี้ถึงเรียกว่าการปฏิรูปนั้นสำเร็จ แต่ถ้าหากว่าทุกคนห่วงว่าถ้ามันออกอะไรมากๆ ไป มีกฎหมายมากไป เอ๊ะ แล้วเราจะทำยังไง วันหน้าเราจะอยู่ยังไง เราจะปกครองได้ยังไง เราจะเข้ามาบริหารได้ยังไง เราจะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าอย่างนี้ผมถือว่าไม่น่าใช่คนไทยนะ คนไทยต้องเอาประเทศชาติมาก่อน พวกผมคิดอย่างนั้นนะ ใครจะมองยังไงผมไม่ทราบ แต่พวกเราคิดอย่างนั้น เพราะเราเป็นทหารของประชาชน หากว่าทุกคนมองว่าถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้ง หรือโดยปัจจุบัน ถ้าหากว่าต่อไปวันข้างหน้าไม่มีนโยบายเรื่องประชานิยมแล้ว พรรคเราจะไม่ได้คะแนนเสียง ประชาชนจะไม่เลือกพรรคเราเข้ามา ผมว่ามันมีวิธีการตั้งร้อยแปดพันเก้าวิธีนะ ที่จะทำให้ประชาชนเขาเลือกท่านเข้ามา ไม่ได้กลัวหรอกถ้าทำดีคนเขาเลือกท่านแน่นอน ท่านเสนอแนวทางของท่าน พรรคของท่าน ใครก็ต้องเลือกท่าน และท่านทำให้ดีแล้วกัน อย่ามาทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน ความขัดแย้ง ไม่โปร่งใส ผมว่าใครก็เลือกท่าน อย่ากังวล ในเรื่องของการปฏิรูปทรัพยากรบุคคลเป็นงานสำคัญด้วย เรามีอยู่ในหัวข้อของ 11 เรื่องอยู่แล้ว ตามราชการทุกอย่างมาด้วยคน ถ้าคนใน 11 เรื่องไม่ได้เรื่อง ใช้ไม่ได้ มันก็ไปไม่ได้อีก เพราะคนคือทรัพยากรสำคัญของทุกประเทศในโลกนี้ แผ่นดินนี้มันเกิดขึ้นในประเทศ ล้วนมาจากคนทั้งนั้น เพราะคนมีความคิดที่แตกต่าง มีความเชื่อ มีทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นถ้าหากเราปรับค่านิยมของคนไทย หรือทัศนคติต่างๆ ให้กลับมาเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ที่มีความน่ารัก ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีรอยยิ้ม ที่ผมก็ยิ้มอยู่ พยายามยิ้มอยู่ คุณธรรมจริยธรรม รู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก ดังที่เคยกล่าวไปแล้ว ในเรื่องของค่านิยมคนไทย 12 ประการ ไม่ได้ยากเลย ไม่ได้เสียสตางค์เลย 22 สตางค์ เขาว่าหน้างอกล้ามเนื้อทำงานมากกว่ายิ้ม ยิ้มกล้ามเนื้อทำงานน้อยกว่า เพราะฉะนั้นจะได้บริหารกล้ามเนื้อไปด้วย อย่าทำหน้างอ อย่าทำหน้าโกรธแค้นกันมากนัก การปลูกฝังค่านิยมต้องปลูกตั้งแต่เด็กๆ นะครับ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องปลูกฝังเด็ก ผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง คนไทยจะเป็นคน.. โดยธรรมชาติแล้วเป็นคนอย่างไรนะ เป็นคนรักพวกพ้อง รักตัวเอง บางครั้งก็หลงลืมไป จนกระทั่งดูเหมือนว่า ขาดความเมตตาไป เพราะรักพวกตัวเอง รักตัวเอง แต่เวลาถ้าใครจะมาทะเลาะเบาะแว้งด้วย อันนี้เราจะสู้ จะรวมๆ สู้ อันนี้เป็นตั้งแต่อดีต ตั้งประวัติศาสตร์มาแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็ทะเลาะกันหน่อย พอใครจะมารังแกเราๆ ก็จะรวมตัวกันสู้ นี้คือคนไทย ไม่ใช้นิสัยหรืออะไรที่เสียหายเลยนะ เป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไป เพียงแต่ยามปกติเราอย่าทะเลาะกันเลย วันนี้มันทะเลาะไม่ได้แล้วโลกมันใหญ่ ประเทศมีตั้ง 200 กว่าประเทศวันนี้ทั้งโลก ถ้าในชาติเราทะเลาะกันแล้วเราจะไปสู้กับอีก 200 ประเทศเหล่านั้นได้อย่างไร เราต้องมีความเมตตา ห่วงใยผู้อื่น อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว โกรธแค้นชิงชังผู้อื่น บางทีไม่รู้จักใครก็บอกว่าคนนี้ดีคนนี้ไม่ดี ก็ไปรักคนนี้ไม่รักคนนี้ ไม่รู้จักเขาสักหน่อย หรือไม่ก็ไปทุ่มเทให้เขา เพราะเขาอาจรักเรา เขาก็ให้โน้นให้นี้ ก็ได้ประโยชน์ บางทีก็ลืมไปว่าไอ้ทีเขาเอามาให้เรามันถูกต้องไหม เอาเงินจากที่ไหนมา เอาของจากที่ไหนมาให้เรา เพราะฉะนั้นมันก็ทำให้เกิดความแบ่งกลุ่มแบ่งพวกแบ่งเรา เพราะอย่างไรก็ตามผลประโยชน์มันไม่ทั่วถึงหรอกครับ ถ้าจะมาแจกจ่ายละก็ไม่ถึง เพราะฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสั่งไว้ว่าก็อย่าให้แต่ปลาต้องให้เบ็ดตกปลาเราด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราจะให้ทุกคนได้รับอย่างทั่วถึงเราต้องเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มองในภาพรวมให้เกิดการยอมรับให้มากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปสังคมมันก็แหลกเหลว คนดีอยู่ไม่ได้ ทุกคนก็ไปทำความไม่ดีทั้งหมด ทั้งประชาชน ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหารทัศนคติก็จะเปลี่ยนไป ก็จะยอมรับอิทธิพลนอกระบบ ทำไม่ดีโกงแต่แบ่งปัน ไม่แบ่งปันไม่ได้ไม่ดีอะไรทำนองนี้มันเท่ากับไปส่งเสริมการทำนอกระบบทำผิดกฎหมาย แล้วก็ไปเรียกมาปกป้องซึ่งกันและกัน ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งแล้วทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ทั้งด้วยวาจา ด้วยกำลังบ้าง ด้วยอาวุธบ้าง ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย หรืออย่างน้อยก็เสียชื่อเสียง สำหรับคนดีๆ ก็หมดกำลังใจ บางคนบอกว่า การเมืองเราไม่คอยดีทำให้ไม่อยากเข้ามา ไม่อยากมาเลือกตั้ง ทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ทำไมไม่ทำให้เขาคิดว่า การเมืองของเราเป็นการเมืองที่ส่งเสริมสร้างสรรค์ ทุกคนอยากเข้ามา ไม่มีสตางค์ก็มาได้ มาให้การบริการ มาช่วยเหลือ ถ้าทำอย่างนี้คิดแบบนี้การเมืองเราจะดีขึ้น เพราะฉะนั้นความเป็นอันตรายที่สุดคือ การฉ้อฉล นิยมปลุกปั่น ทุจริตผิดกฎหมาย รักพวกพ้อง และร่วมกันทำความไม่ดี อันนี้เป็นบ่อเกิดของความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นบ้านเมืองนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นการที่เราจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากสิ่งที่เราโกงเขามา และให้แต่พวกนี้พวกนั้นเป็นการเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่เอาไปแล้ว ประชาชนได้แต่เพียงส่วนน้อย อันนี้ผมคิดว่า ประชาชนต้องเข้าใจ และมองให้กว้างขึ้น เฉลี่ยความสุขที่ตัวเองเคยได้รับมากกว่าคนอื่น ให้คนอื่นที่เขาไม่ได้ด้วย เพราะเขาไม่ใช่พวก เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นหน้าที่ของประชาธิปไตยที่ต้องดูแล คนทุกพวกทุกฝ่ายถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านก็ตาม ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน อันนี้คือเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยไทยนะครับ CR:WWW.MANAGER.COM
Create Date : 06 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2557 11:04:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1032 Pageviews. |
|
|
|
| |