ขอวีซ่าไปญี่ปุ่น
| | | |
พอเสร็จเรื่องพาสปอร์ต ขั้นตอนต่อไปก็คือการขอวีซ่า คราวที่แล้วต้องไปสถานฑูตญี่ปุ่น แถวๆสวนลุมไนท์ฯ แต่ครั้งนี้เขาย้ายมาที่อาคารสีลมคอมเพล็กซ์แล้วนะคะ
เนื่องจากเราเคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว เอกสารบางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้
สิ่งที่ต้องเตรียมไปวันขอวีซ่าครั้งนี้ก็คือ 1. รูปถ่าย 2 x 2 นิ้ว 1 รูป 2. กรอกเอกสาร 2 ใบ เป็นเอกสาร ที่ print จากเว็บของสถานฑูตญี่ปุ่น กรอกให้เรียบร้อย (พร้อมติดรูปที่เตรียมมา) 3.ใบรับรองงาน (บริษัทออกให้) 4.พาสต์ปอร์ต เนื่องจากเป็นเล่มใหม่ เราเลยยื่นเล่มเก่าด้วย 5.สมุดบัญชีธนาคาร ตัวจริงกับสำเนา
เมื่อไปถึงก็ขึ้นไปที่ชั้น 15 สำนักงานจะอยู่ที่ชั้นนี้ค่ะ (เขาปิดทำการ 17.30 น.นะคะ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าควรจะมาก่อนค่ะ)
พอไปถึงเราก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เขา ปรากฏว่า เขาส่ง พาสปอร์ตเล่มเก่า กับสมุดบัญชีธนาคารพร้อมสำเนาคืนมาให้เราค่ะ เขาบอกว่าถ้าเคยไปแล้วไม่ต้องใช้ค่ะ
ส่วนพวกที่ไปด้วย คนที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกจะต้องยื่นสมุดบัญชี ตัวจริงพร้อมสำเนาค่ะ
ส่วนใครที่ทำการค้า จะต้องระบุรายได้ต่อเดือนลงไปด้วยนะคะ ถ้ามีทะเบียนการค้า ก็ต้องถ่ายสำเนาไปด้วยค่ะ
คำเตือน ใครที่มีเอกสารต้องยื่น แม้ว่าจะถ่ายสำเนาแล้ว ควรจะถือตัวจริงไปด้วยค่ะ เพราะเอกสารบางอย่าง ทางเจ้าหน้าที่เขาจะขอดูตัวจริงด้วย กรุ๊ปที่ไปนี่เขาถามหา ทะเบียนสมรสตัวจริงค่ะ เพราะคนที่ยื่นขอวีซ่า มีสามีออกค่าใช้จ่ายให้ค่ะ แต่สามีไม่ได้เดินทางไปด้วย
หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารแล้ว เขาจะให้เรานั่งรอเพื่อเรียก ไปชำระเงินค่ะ
ทั้งหมดคนละ 1,600 กว่าบาทค่ะ ถ้าวีซ่าไม่ผ่านเขาจะคืนให้ ประมาณ 1,080 บาทนะคะ (เพี้ยงขอให้ผ่านเถอะค่ะ ไม่อยากได้เงินคืนเลยจริงๆ)
ขอเล่าถึงบรรยากาศของที่นี่ค่ะ
เรารู้สึกว่าไม่ซีเรียสเหมือนที่เก่า สบายๆค่ะ แต่ที่ไม่สบายก็คือเสียตังค์เพิ่มจากเดิม ตั้ง 600 กว่าบาทแหนะ ไปคราวที่แล้วเสียแค่ประมาณพันเดียวเอง
สำหรับเอกสารที่ยื่นขอวีซ่า แต่ละคนจะไม่เหมือนกันนะคะ ต้องเข้าไปดูในเว็บไซต์ของสถานฑูตค่ะ ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม จะได้ไม่ถูกเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมทีหลัง
อ้อ บางคนอาจโดน เจ้าหน้าที่โทรไปที่บริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เช่น คนๆนี้ทำงานที่นี่จริงหรือเปล่า ทำตำแหน่งอะไร ทำมากี่ปีแล้ว อะไรประมาณนั้น แต่เขาไม่ได้โทรทุกคนนะคะ ไม่รู้ว่าใช้หลักอะไรในการโทร บางคนบอกว่า เขาใช้วิธีสุ่มตัวอย่างเอาอ่ะค่ะ ไม่รู้จริงหรือเปล่า
| | | | |
Create Date : 27 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 27 กันยายน 2553 1:29:11 น. |
Counter : 1067 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทำพาสปอร์ตเล่มใหม่
| | | |
หลังจากวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ปรากฏว่าพาสปอร์ตหมดอายุ (เหลือไม่ถึง 6 เดือน) ก็เลยต้องรับแจ้นไปกรมศุล เพื่อขอทำเล่มใหม่ เลือกไปวันกลางๆสัปดาห์ เพราะคิดว่าคนคงไม่เยอะ
แล้วก็เป็นไปตามคาดค่ะ ไปที่แจ้งวัฒนะ เข้าไปถึงก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง เอาบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ เขาจะให้กระดาษมากรอกชื่อเสี่ยงเรียงนาม เป็นภาษาอังกฤษ
มีบัตรคิวติดมาพร้อมสรรพ รอเขาเรียกหมายเลขของเรา พอเรียบปั๊บก็เดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ตรงไปที่ช่องตามหมายเลขที่เจ้าหน้าที่เขาบอกมา ไปถึงก็ต้องไปนั่งรออีกค่ะ รอได้ซักพัก เมื่อเจ้าหน้าที่เขาให้บริการคนที่มาก่อนเราเสร็จเรียบร้อย เขาก็จะให้เราถอดรองเท้า วัดส่วนสูง เอากระดาษที่เรากรอกเมื่อครู่ไปจัดการต่อ ให้เราเข้าไปหวีผม ทาแป้ง ทาลิปด้วยก็ได้ แล้วก็ถ่ายรูป ประมาณ 2-3 รูป พลิกจอคอมพ์มาให้เราดูว่า พอใจหรือยัง ถ้ายังไม่พอใจ เราก็ขอถ่ายใหม่ได้ค่ะ เขาไม่ว่า จากนั้นก็สแกนนิ้วชี้ทั้งสองข้าง เสร็จขั้นตอนก็ถามว่าจะให้ส่งทางไปรษณีย์หรือเปล่า ถ้าเรา โอเค เซย์เยส เขาก็จะให้เอกสารเราถือมา เดินออกมาจากห้องนั้น (คนละประตุูกับตอนเข้ามาค่ะ) เดินไปตามทางที่เขาบอกแล้วก็ไปจ่ายตังค์ 1,050 บาท รวมค่าส่ง EMS เป็นอันจบขั้นตอนทั้งหมด มาทำครั้งนี้เจ้าหน้าที่ดีมากๆ คราวที่แล้ว เจอเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พูดจาไม่ดี แต่ครั้งนี้ดีมากๆเลยค่ะ ขอปรบมือให้เจ้าหน้าที่ยุคใหม่ ที่ไม่หน้าหงิก น้องเขาน่ารักมากๆ ขอบคุณนะคะ อ้อ เบ็ดเสร็จวันนั้นใช้เวลา ไม่เกิน 45 นาที หลังจากนั้นอีก ประมาณ 5 วัน พาสปอร์ตเล่มน้อยก็จะถูกจัดส่งมาถึงบ้าน ยุคนี้สะดวกรวดเร็วจริงๆ เลยค่ะ
| | | | |
Create Date : 27 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 27 กันยายน 2553 1:07:30 น. |
Counter : 710 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เตรียมกายเตรียมใจไปญี่ปุ่น (อีกแล้ว)
| | | |
ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก เวลาเดินผ่านเลยไป ช้าบ้างเร็วบ้าง ตามจังหวะชีวิต
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ก็มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยขึ้นมาว่า "ไปญี่ปุ่นกันมั้ย" (ยัยคนนี้ญี่ปุ่นขึ้นสมอง)
กำลังอ้าปากจะปฏิเสธว่า "ไม่เอาแล้ว เค้าอยากไปเกาหลีบ้าง ไม่เคยไปเลย กำลังเก็บตังค์จะไปเที่ยวเกาหลีอยู่นะ"
แต่แล้วยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ เสียงนั้นก็พูดต่อว่า ค่าตั๋วประมาณ 6 พันกว่าบาทนะ เราได้คะแนนไมล์สะสมจากการบินไทย ปีนี้ครบรอบ 50 ปี 4 หมื่น 5 พันคะแนน แลกตั๋วได้ 2 ใบ เสียแค่ค่าภาษีน้ำมัน ให้เธอใบหนึ่งจะไปหรือเปล่า"
ว๊ากกกกกกก คำว่า "ไป"หลุดออกจากปากตอนไหนเนี่ยยยยย
สรุป ต้องไปญี่ปุ่นอีกแล้ว ถ้านับไม่ผิด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 แล้ว
แผนการเดินทางเริ่มถูกกำหนดขึ้นอีกครั้ง ตอนแรกวางแผนกันว่าจะไปดูใบไม้แดง แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่า อาจจะหาตั๋วในช่วงนั้นไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้จริงๆ
ว้นเดินทางถูกเลื่อนขึ้นมา จากปลายเดือนตุลาคม ขยับมาเป็นกลางเดือนตุลาคม ไม่ดูใบไม้แดงก็ได้...เคยเห็นแล้ว แค่ขอไปเดินชิวๆที่ญี่ปุ่นก็พอ
นอกจากตั๋วจะเต็มแล้ว ต้องเปลี่ยนสนามบินกันให้วุ่น สรุปขาไปบินไป "ฟูกุโอกะ" ขากลับๆ "คันไซ" เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เข้า "โตเกียว"
ค่าเดินทางครั้งนี้ "6,290 บาท" ขาดตัว
ทริปนี้แค่เปิดตัวก็ "ทุลักทุเล" และดูเหมือนจะกลายเป็น "คณะทัวร์"จริงๆ เพราะมีคนยกมือขอไปด้วยเพียบ
เบ็ดเสร็จ 7 คนพอดี ยังไม่ยื่นขอวีซ่าเลยนะเนี่ย หวังว่าวันขอวีซ่าจะได้ไปทั้ง 7 คนนะจ๊ะ
เอาไว้วางแผนเสร็จแล้ว จะมาเล่าให้ฟังกันต่อ ครั้งนี้ไปลงสนามบิน Fukuoka ก็เลยวางแผนเที่ยว
จุดสตาร์ทที่ "Fukuoka" ก่อนเลย ตามด้วย
Dazaifu tenjin nishijin hakata kushida shrine Huisten bosch yufuin osaka shinsaibashi numba america mura dotombori kobe rokko sannomiya motomashi mosaic haber land kyoto arashiyama tenryuji shijokawaramachi gion fushimi inari kyomizudera
10 วัน .... คุณว่าไปหมดมั้ยเนี่ยยยยยย 555555 ชะโงกทัวร์แหงมๆ.....
| | | | |
Create Date : 23 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 23 สิงหาคม 2553 22:12:41 น. |
Counter : 706 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|