ประสบการณ์ "ผ่าคลอด" แบบไม่ได้ตั้งใจ
เพิ่งกลับมาเมื่อ วันที่ 8 มิย.ค่ะ เพิ่งมีเวลาเนี่ยแหละค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราคลอดก่อนกำหนด และฉุกเฉินมากๆๆ ค่ะ อายุพุง 31w3d ค่ะ
-เริ่มแรกเลย คืนวันที่ 1 เข้าวันที่ 2 และเนอะ ประมาณ ตี 2 รู้สึกว่ามีน้ำไหล แต่ด้วยความง่วง คิดไปเองว่าฉี่รดที่นอน เลยลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วใส่ผ้าอนามัยไว้ 1 แผ่น
-พอตี 2 ครึ่ง เอ้า ไหลอีกแล้ว พอไปเข้าห้องน้ำ มันมีเลือดออกมาด้วยค่ะ เลยเรียกแม่มาดู แม่บอกว่าไม่ต้องตกใจ เตรียมของไป รพ.กัน
-สักพัก ยังมีอารมณ์ปวดถ่ายหนักอีก 1 รอบ (ดีนะ เค้าจะได้ไม่ต้องสวน) แล้วก็เรียกแท็กซี่ พี่แท็กซี่ใจดีมาก มาหาเพื่อนในหมู่บ้านพอดี ระหว่างทางก็โทรหาอีพ่อมัน ก็รับด้วยความสลึมสลืออ่ะ พอดีเราอยู่บ้านแม่ค่ะ มันใกล้ที่ทำงานอ่ะ
-ตี 2.50 ไปถึง รพ.ที่ฝากท้องไว้ คือสินแพทย์ หมอก็มาตรวจ บอกว่าปากมดลูกเปิดแล้ว 1cm. แต่หมอที่ฝากท้องเราไม่อยู่ ก็มันดึกแล้วนิ หลังจากนั้น พยาบาก็พยายามมาพูดแต่เรื่อง คชจ. ว่าถ้าเราคลอดที่นี่ ตัวเราอ่ะ เข้า package คลอดได้ แต่ลูกไม่มี และลูกเราอาจมีอาการแทรกซ้อน บลาๆๆๆๆๆ ถ้าเข้าตู้อบคิดคืนละ 40000 ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ สี่หมื่นบาทถ้วน อีแม่มันจะเป็นลม
-พออีพ่อมันมา พยาบาลก็มาแพล่มๆ อีกรอบ คืนละ 40000 นะ แล้วไม่รู้ต้องนอนกี่คืน บลาๆๆๆ ซึ่งในตอนนั้นเราก็ยอมรับนะ ว่าไม่ได้มีเงินเตรียมไว้สำหรับลูกเป็นหลายๆ แสน มีเก็บแค่หลักหมื่น ก็กะจะเข้า package คลอดซึ่งประมาณ 35000-40000 ถ้ามันเป็นไปตามปกติ มันก็โอเค แล้วเราเบิกประกันสังคมคืนได้ประมาณ 30000 เราก็เข้าใจ รพ. อ่ะนะ กลัวจะไม่มีเงินจ่าย
-เกือบๆ ตี 4 เราขี้เกียจฟังและ เราเลยบอกสามีว่าไปรามาละกัน อย่างน้อยตอนแรกเราก็เคยฝากท้องที่นี่ ก่อนจะย้ายไปสินแพทย์ และเราก็คิดว่าที่นี่ ยังไงลูกเรา ปลอดภัยแน่นอน เราค่อนข้างมั่นใจในบุคลากรนะ สามีเราก็โอเค ไปก็ไป ทางสินแพทย์ก็ถ่ายประวัติ อะไรให้เสร็จเลย แถมยาชลอคลอดอีก 1 เข็ม หมดไป 945 บาท
-ตี 4.45 ไปถึงรามา เข้าแบบฉุกเฉินเลย โดนเข็นไปห้องคลอด ตรวจๆๆๆ อีกรอบ น้ำยังไหลอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เยอะเหมือนตอนแรก
-หมอบอกว่าถุงน้ำคร่ำรั่วเฉยๆ อาจปิดเองได้ และลูกฉี่ออกมา น้ำคร่ำก็จะเยอะเหมือนเดิม u/s ดูปริมาณน้ำ หมอบอกวัดค่าได้ 16 ถ้าแห้งค่าคือ 5 -ปากมดลูกยังเท่าเดิมคือ 1cm. ก็นอนติดเครื่องฟังเสียงหัวใจลูก อ้อ พยาบาลไล่แม่กะสามีกลับก่อนเลยค่ะ นอนในห้องคลอด ห้ามเยี่ยม แล้วขู่อีกว่า ต้องนอนอีกหลายวันเลย ใจร้ายเจงๆๆ แงๆๆๆ เราก็งงๆ ไรฟระ ยังไม่ให้คลอดอีกหรอเนี่ย (ในใจอ่ะ คิดว่าถ้าอยู่สินแพทย์นะ มันผ่าเอาลูกชั้นออกมานอนรอกินเงินช้านไปแระ ไม่รอแบบนี้หรอก) ระหว่างนั้นก็มี นร.แพทย์ มาถามโน่นนี่นั่น ตลอดเลย
-ตลอดเวลาตั้งแต่น้ำเดินเนี่ย เราไม่มีอาการปวดท้องเลยนะคะ ปวดเกร็งมดลูก ไม่มีเลย ก็นอนรอๆๆ ในห้องคลอดต่อไป อ้อขอบอกว่าห้องคลอดที่นี่ทำใหม่แล้ว ดูหรูหรา ทันสมัย ขัดกับสภาพตึกภายนอกมากๆ เลยค่ะ อุปกรณ์อะไรก็ครบครันอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องกลัว ที่เรานอนอยู่เป็นห้องรอคลอดค่ะ คืนนั้นมีเคสแบบเราเข้ามานอนรออยู่ประมาณ 4 ราย ส่วนห้องพิเศษหลังคลอดก็ทำใหม่เหมือนกันค่ะ ไม่แพ้ รพ.เอกชนเลย แต่เราไม่ได้นอนเพราะมันเต็ม เง้อออ เคยตอนไปเยี่ยมเพื่อน ดูหรูหราไฮโซมากก
-นอนอยู่ห้องรอคลอดจนถึงประมาณ 11.30 น. อยู่ๆ พยาบาลยกข้าวมาให้กินซะง้านอ่ะ อ่ะกินก็กิน หิวนิหน่า ทีตอนเช้าทำไมไม่ให้กินฟระ ล่อซะเที่ยงเลย
-พอกินเสร็จ เจ๊แกก็มากระซิบว่า เด่วๆ จะย้ายไปนอนห้องข้างบนนะ ยังไม่ต้องคลอดตอนนี้ ง่า ก็เลยขอเค้าโทรหาแม่กะซะมี กลับมาเยี่ยมชั้นได้แล้วนะ บลาๆๆ นอนคนเดียวเบื่อจะแย่ อิอิ
-พอย้ายขึ้นไป เจอหมออีกชุด ก็เหมือนๆ นร.แพทย์อ่ะ ยังเด็กๆ อยู่ อายุคงพอๆ กะเรามั้ง แต่ก็โอเคนะ เหมือนจะสอนรุ่นน้องๆ ด้วย ตอบคำถามเราได้ทุกอย่างค่ะ เลยไม่กังวลเท่าไหร่ ไม่เจออาจารย์หมอก็ไม่เป็นไร
-อยู่ห้องข้างบนนี้ได้ อีก 2 คืน นั่งๆ นอน ห้ามลงจากเตียง ห้ามลุกเดินเด็ดขาด หมอพาไป u/s ดูทุกวัน พยาบาลมาฟังเสียงหัวใจลูกทุก 4 ชม. ฉีดยาบ้าง กินยาบ้าง วัดไข้บ้าง ทุก 2 ชม. ปวดฉี่ก็เรียกพยาบาลได้เลย ห้ามลุกเข้าห้องน้ำ หมอบอกให้ลูกมันอยู่ในท้องก่อนนั่นแหละ ดีกว่า
- ระหว่างที่นอนเนี่ย เราก็พยายามจดนะ ว่าเปลี่ยนผ้าตอนไหน น้ำออกเยอะมั้ย คือมันก็ยังไหลกระปริกระปรอยอยู่เรื่อยๆ นะ ฉี่ตอนไหน ลูกดิ้นกี่ที หมอบอกนอนรอดูไปก่อน ให้ลูกอยู่ในท้องเราให้ได้นานที่สุด บางคนนอนรอเป็นเดือนเลย หรือถ้าแข็งแรง รอยรั่วที่ถุงน้ำคร่ำปิดดี อาจจะให้กลับไปนอนอยู่บ้านก็ได้ อยู่นี่นอนไม่ค่อยหลับหรอก อย่างที่บอกว่าพยาบาลเข้ามาดูตลอด พยาบาลที่นี่ก็โอเคนะคะ พูดจาดี บริการดี ไม่เหมือนที่เจอตอนตรวจข้างล่างเลย ทั้งๆ ที่เป็นคนเดียวกันกะที่เราเคยมาฝากท้องตอนแรกๆ ฮ่าๆๆ งงกะเจ๊เค้าเนอะ เรานอนอยู่ สูติกรรม 1 ชั้น 6 วอร์ด 3 ค่ะ
-พอตอนเย็นวันที่ 3 เรารู้สึกว่าลูกเราไม่ดิ้นเลย แต่พยาบาลมาฟังเสียงหัวใจมันก็ยังปกติดีอยู่นะ เราเลยไม่ได้คิดอะไร เค้าอาจจะเหนื่อยกับเราหรือเปล่า เพราะเราก็ค่อนข้างกังวล บวกกับกลัวการคลอดอยู่ด้วย ช่วงที่นอนอยู่เนี่ย เครียดมากเลยนะ เพราะลุกไปไหนไม่ได้เลย แล้วคนมันอยู่ว่างๆ อ่ะ มันคิดไปได้สาระพัด
-ตอนเช้า วันที่ 4 หมอมาดู ทีนี้เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจลูกเครื่องใหญ่มาติดเลย เราก็บอกหมอนะว่าลูกไม่ดิ้นตั้งแต่เมื่อวาน พอสักเที่ยงๆ ไป u/s อีกที หมอบอกน้ำคร่ำเหลือ 5 แล้วนะ แห้งมากแล้ว อย่างที่บอก ลูกเลยไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นแล้ว - พอสักบ่าย 2 ก่าๆ (นาฬิกาในห้องดันเดินช้า ถ่านจะหมด) หมอเข้ามาบอกว่าต้องไปคลอดแระ แต่ระหว่างนั้นเราก็เตรียมใจอยู่แล้วแหละ น้ำคร่ำแห้งมากแล้ว ยังไงลูกคงฉี่ออกมาไม่ทันหรอก แหมเด็กตัวน้อยเดียวมันจะฉี่ซักแค่ไหนกัน ไม่มีทางให้เลือก หมอบอกว่า จะให้ยาเร่งคลอดก่อน ต้องอมไว้ใต้ลิ้น 4 ครั้ง ทุกๆ 4 ชม. ก็คือกว่าจะได้คลอดอีกประมาณ 10 ก่า ชม. แต่หมอบอกว่าลูกเราตัวเล็ก อาจจะไม่ต้องรอให้ปากมดลูกเปิดหมดก็คงคลอดได้แล้ว เราก็เอาวะ แผลฝีเย็บชั้นคงเล็กจี๊ดเดียว เบ่งปิ๊ดๆ มันคงออกมาแระ อย่าให้แม่เจ็บมากนะคะลูก ฮ่า ๆๆๆ มีเวลาเตรียมใจอีกหลายชั่วโมง ตอนนี้ปากมดลูกเปิด 1cm. อยู่ค่ะ ยังไม่มีอาการปวดท้องแต่อย่างใด
- ถูกย้ายลงไปห้องคลอดที่หรูหราอลังการอีกรอบ เจอหมอที่ประจำอยู่คนเดิมกะที่เจอวันแรก
-ได้ยาเร่งคลอดตอน 4 โมงเย็น สักพักเริ่มๆ เจ็บท้อง เหมือนปวด ปจด. แต่ไม่มากเท่าไหร่ ติดเครื่องฟังเสียงหัวใจลูกไปตลอด พอสัก 4 โมงครึ่ง หมอเดินมากระซิบอีกแระ เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดมันก็ต้องเกิดอ่ะ สิ่งที่เราไม่อยากเจอเลย คือ แต่น แตน แต๊นนนนนนน
...........................................ต้องไปห้องผ่าตัดแล้วนะคะ........................................ไปผ่าคลอดกันค่ะ
-ที่นี่เตรียมผ่าคลอดเร็วมากค่ะ แต่เราขอโทรหาสามีก่อน พอดีวันนี้ตอนเที่ยงๆ เค้ามาเยี่ยมเราแล้วกับแม่สามี และเค้าก็พาแม่ไปหาหมอฟันที่มหิดล ใกล้ๆ กันเนี่ยแหละ พอตอนบ่ายเค้าก็เลยต้องพาแม่เค้ากลับบ้านก่อนน พอเราโทรหา เค้าก็ตกใจนิดหน่อย บอกว่าตะเอง เค้าจะต้องผ่าแระนะ พ่อมันก็อือๆ ผ่าเลยหรอ ทำไมเร็วจัง เออๆ เด่วรีบไป บลาๆๆๆ ซึ่งบ้านสามีอ่ะ อยู่ไหนรุ้มะ โน่นนนน บางนา ใกล้ๆ ม.หัวเฉียว อ่ะค่ะ บอกแล้วว่านอนบ้านแม่ใกล้ที่ทำงานก่า หลังจากนั้นไม่ถึง 10 นาที ตัวอ้วนๆ ของเราก็ไปนอนรออยู่บนเขียงแล้วอ่ะ
-หมอวิสัญญีมาก่อนเลย ถามโน่นนี่นั่น แพ้ยามั้ย มีโรคประจำตัวมั้ย ฯลฯ ทำไมเค้าไม่ดูแฟ้มเราฟะ แต่ไม่เห็นถามเราสักคำ ว่าอยากบล็อคหลังหรืออยากดมยาง่ะ และก็มีหมอมาบอกว่าหมอเป็นหมอเด็กนะครับ ไม่ต้องกลัว เด็กคนอื่นน้ำหนักน้อยกว่านี้ก็รอด มากันเป็นทีมประมาณ 5-6 คน แล้วก็บอกเราว่าถ้าเค้าหายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนานๆ เกินสัปดาห์ อาจจะมีผลข้างเคียงนะ เช่น การได้ยินบ้าง สายตาสั้นบ้าง คุณแม่ต้องทำใจไว้ก่อนนะ แต่รอดอ่ะรอดแน่นอน กำ เครียดจะผ่าจะเจ็บตัวแระยังให้เครียดเรื่องลูกก่อนผ่าอีก หมอนะหมอ สักแป๊บ สรุปเค้าก็จับเราตะแคงแล้วแทงเข็มเลยง่ะ -*- ตอนบล็อกนี่ไม่เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ ที่คิดไว้คิดว่าเข็มต้องใหญ่ๆ มันต้องทิ่มเข้ากระดูก ต้องเจ็บมากแหงมๆ แต่ไม่เลย รุ้สึกเหมือนเข็มฉีดยาเล็กๆ แป๊บเดียวเท่านั้นอ่ะ ขาชาแล้ว ประมาณ 2-3 นาที ก็ชาถึงพุง
-พอตอนลงมีดทีแรกนะ หมอไม่ถามอะไรเลย มีความรู้สึกว่าเค้าเอาผ้าเช็ดเลือดไป 2-3 ทีแระ หมอเพิ่งหันมาถามว่าเจ็บมั้ย เราเลยถามว่าหมอลงมีดแล้วหรอ เออว่ะ หมอเล่นง่ายเนอะ
-สักพัก เหมืออนจุกๆ แป๊ปนึง ได้ยินเสียงลูกร้องแล้ว ดีใจมากๆๆๆ แต่หมอไม่เอามาให้ดูหน้าลูกเลย ลูกเราเสียงไม่ดัง เพราะตัวเล็ก แต่เราได้ยินเค้าร้องนานมากๆๆ พักใหญ่ๆ เลย แล้วหมอก็เอาไป ICU เลย คลอดตอน 17.06น.ค่ะ เห็นมะ เร็วป่ะ ก่อนหน้านั้น สี่โมงก่าๆ เอง
-สรุป เราคลอดตอน 31w3d ผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง ตอน 17.06น. ของวันศุกร์ ที่ 4 มิถุนายน 2553 เป็นวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 น้ำหนัก 1565g. ค่ะ แต่หมอไม่ได้วัดความยาวให้ง่ะ เกิดวันศุกร์เหมือนพ่อเค้าค่ะ แต่เด็กเนี่ย เราว่ามันเลือกยากนะ ว่าจะให้เค้าเกิดเมื่อไหร่ เหมือนเป็นฟ้ากำหนดมาแล้วมากกว่านะ ว่าเค้าจะออกตอนไหน เราเชื่ออย่างนั้นนะ ลูกหนอลูก จะผ่าทั้งที ขอแม่เลือกวันหน่อยก็มะด้ายนะ
-ตอนหลังจากนี้แหละ ทรมานสุดๆ บอกแล้วไม่อยากผ่าเลย หมอให้ยาน้อยไปป่ะเนี่ย ตอนจะเย็บเก็บเนี่ยแหละ ทั้งจุก ทั้งปวด เข็มทิ่มตรงไหน เกี่ยวตรงไหน รุ้สึกได้หมดเลยอ่ะค่ะ ลบความคิดที่คนอื่นเคยเล่าไปหมดเลย ไหนว่าบล็อกแล้วไม่รุ้สึกอะไรไง แล้วทำไมชั้นยังเจ็บหว่า กัดฟันทนได้แป๊ปนึง ทีนี้หายใจไม่ออกแล้ว มันจุกไปหมด พยาบาลหรือหมอไม่รุ้ที่คอยคุยกะเราตลอด เค้าก็เอาหน้ากากมาใส่ให้ บอกเราว่าออกซิเจน แต่ทำไมทำให้เราหลับก็ไม่รุ้ค่ะ หมอแกล้งอีกแล้ว รู้สึกตัวอีกทีออกมานอนหน้าห้องผ่าแล้ว เปล่าเปลี่ยวเงียบเหงามาก มีอยู่คนเดียว
-พอเค้าเห็นเราฟื้นแล้ว พยาบาลหรือหมอคนที่คอยคุยกะเราเค้าก็มาถามว่าเป็นไงบ้าง หายใจสะดวกหรือยัง เด่วจะพาลงไปนอนพักแล้วนะ ขอบอกว่าตอนรุ้สึกตัวเนี่ย เจ็บปวดรวดร้าวมากกก ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไรเลย ยังจะย้ายเรา ยังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก อ้อลืมบอกว่าก่อนจะลงมีด เค้าสวนปัสสาวะและใส่ถุงให้เราแล้วนะคะ
-ก่าจะได้หลับอีกที ทำไมมันเจ็บปวด ทรมาน และนานเหลือเกิน
-รู้สึกตัวอีกที สามีกับแม่เรามาถึงแล้ว แล้วยังมาคุยข่มอีกนะว่า เค้าไปดูลูกมาแล้ว ลูกใส่หน้ากากอยู่ น่าสงสารนะ กำ แล้วไม่สงสารกูหรอ เจ็บก่าลูกอีกก เราก็ อือๆ เพราะง่วง และเจ็บอยู่ อีพ่อมันพูดไรก็อือๆๆ อย่างเดียว แล้วก็หลับต่อ อ้อ เรากลับมานอนที่วอร์ดเดิมค่ะ แต่เป็นห้องพิเศษรวม 4 เตียง ห้องเดี่ยวมีน้อย ไม่ว่างแล้ว ทีนี้เค้าก็จำกัดเวลาเยี่ยมค่ะมี 2 รอบนะ 11.00-13.00 และก็ 16.00-20.00 ค่ะ แต่ถ้าได้ห้องพิเศษเหมือนจะเยี่ยมได้ตลอด แต่ต้องมีคนเฝ้าไข้ด้วยค่ะ
-คืนนั้น พยาบาลมาเรียกทั้งคืน ไม่ได้นอนยาวๆ เลยขอบอก เด่วฉีดยา จะฉีดก็ฉีดไปเลยไม่ได้หรอ ปลุกทำไมฟระ ยังไงก็ฉีดใส่สายน้ำเกลือ เด่วเปลี่ยนผ้าอนามัย เด่ววัดไข้ เด่ววัดความดัน แล้วก็มาบอกให้เราพลิกตัวอยู่นั่นแหละ เจ็บจะแย่อยู่แล้วจะให้พลิกไปไหนอีก แต่ก็พยายามทำนะคะ เพราะเรานอนหงายไม่ค่อยหลับ
-ตอนเช้า หมอมา ก็มาเคาะๆ ตรงแผล ก็ถามๆๆๆ เจ็บแผลมั้ย เต็ม 10 ให้เท่าไหร่ เราบอก ให้ 100 เลยหมอ เจ็บปวดมาก ช่วงนั้นคิดไว้เลยนะ ว่าพอแล้ว ไม่ท้องอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว
-ตอนเช้าไม่ได้กินอะไร น้ำเกลือล้วนๆ ค่ะ ส่วนเที่ยง มีน้ำซุปเค็มๆ 1 ถ้วย กับน้ำต้มหวานๆ อีก 1แก้ว กลิ่นเหมือน แห้ว หรือข้าวโพดเนี่ยแหละ ส่วนเย็นก็ให้กินข้าวต้มและ อยู่ที่นี่กินข้าวต้มทุกมื้อเลยค่ะ อาหารที่นี่อร่อยดีนะคะ แต่จะมีไก่เยอะไปหน่อย ส่วนเราเคยตรวจเลือดแล้วยูลิคเยอะ เลยบอกพยาบาลไปว่าของดไก่ดีกว่า
-วันนี้อีพ่อมันมาตอนเที่ยงๆ กับแม่ซะมี มาถึงนะมันข่มเรื่องลูกอีกแระ เซ็งว่ะ ไม่ถามเลยว่าอีแม่มันเจ็บแค่ไหน สามีบอกว่า รพ.โทรไปบอกว่าลูกได้ย้ายมาอีกห้องแล้วนะ ถ้ามาหาจะได้มาถูก ไม่ต้องไป ICU แล้ว แปลว่าลูกเรารอดตายแล้ว ว่าง้านเหอะ พอมันมาถึงมันไปหาลูกก่อนเลยค่ะ แม่มันตกกระป๋องไปแร้ววว วันนี้เริ่มคุยได้ ไม่ห่วงนอน มันก็มาเล่าๆๆ แต่เรื่องลูก หูย สันหลังยาวนะ หูยหล่อเหมือนมันนะ โง้นงี้ตลอดอ่ะ ลูกไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้วค่ะ แต่ยังต้องอบและฉายแสงต่อ เพราะตัวเหลือง ส่วนแม่สามีเค้าเซ็งค่ะ หมอไม่ให้ดูหลาน เค้าให้เข้าได้แต่พ่อกะแม่เด็ก สักพักก็กลับกัน พยาบาลมาไล่ หมดเวลาเยี่ยมและ
-พอดึกๆ สัก 2 ทุ่มน้ำเกลือหมดไป 2 ขวดแล้ว พยาบาลบอกว่าถอดได้ แล้วเด่วสัก 4 ทุ่มจะมาถอดสายปัสสาวะ
-พอถอดอะไรออกหมดแล้ว คืนนี้เริ่มเจ็บน้อยลงแล้ว ก็พยามพลิกตัวบ้าง สักตอนดึก ปวดฉี่ เลยเรียกพยาบาล เราเลยเอาวะ ลองลุกเดินดู มันจะแค่ไหนกัน พอพยาบาลมาก็เลยบอกว่า พี่ หนูอยากเดินไปห้องน้ำ พาไปหน่อย เค้าก็พยุงเราขึ้นนั่ง โหห ก่าจะนั่งได้เนี่ยนะ น้ำตาเล็ดเลยย แต่พอได้นั่งนะ เออ ไม่เจ็บแผลอ่ะ แปลกใจมากกก ทีนี้ก็ฮึดเลยลองเดินไปห้องน้ำเลยค่ะ
-พอลุกเดินได้เนี่ย สวรรค์มากๆ ค่ะ ขอบอก อยากบอกแม่ๆ คนอื่นเลยนะคะ ลองฮึดสู้ดู อย่ากลัวเจ็บเลยค่ะ ถ้ามัวแต่นอนอยู่อย่างนั้นนะ ไม่รุ้จะมีแรงเลี้ยงลูกเมื่อไหร่ ถ้าพอไหวแล้วลองลุกนั่ง เดิน เลยค่ะ ทีนี้เลยเข้าใจแระว่าทำไม package ผ่าคลอดมันให้นอนแค่ 3 คืน 4 วันเองฟระ เป็นคำถามที่คาใจเรามาตลอด ทีนี้คืนที่ 2 เราเดินได้แล้วเนี่ย อย่างอื่นคงไม่มีปัญหาค่ะ สบายมาก ก็มีกลัวแผลปริเหมือนกันนะ แต่หมอก็บอกเองอ่ะ ว่าให้พลิกตัว ให้เดิน เย็บไว้หลายชั้นแล้ว คงไม่เป็นไรมั้งเนอะ
-วันที่ 2 หลังจากผ่า คือวันอาทิตย์ มะคืนเราเดินได้แล้วใช่ป่ะ ทีนี้ก็อยากเห็นลูกม่างเซ่ อิอิ ก็รออีพ่อมันมาตอน 11 โมง และก็ลงไปดูลูกด้วยค่ะ ครั้งแรกที่เห็นนะ คิดไงรุ้มะ เนี่ยมันลูกเราหรอ ไอ่ตัวเนี้ยหรอที่มันถึบพุงเราอยู่ทุกวัน ต่อไปนี้มันก็ไม่ดิ้นในท้องแล้วสิ แล้วมันหน้าเหมือนใครหว่า ทำไมตัวมันนิดเดียวเอง โลครึ่ง ก็ปลาดุก 2 ตัวน่ะสิ อุ้ยๆ หัวมันเท่าลูกเทนนิสเองเนอะ ดูดิแขนแม่ยังใหญ่ก่าตัวนู๋เลย ฮ่าๆๆ ตัวเหี่ยวๆ ไปหมดเลย อีกใจนึงก็สงสาร ลูกโดนเข็มเจาะซะพรุนไปหมดเลย แนะๆ แต่ยังขี้โวยวาย ร้องไม่หยุดดด หรือว่าจะเจ็บหนอ สักพักพยาบาลก็มาคุยอาการให้ฟัง แล้วก็จับนั่งๆ หันไปหันมา แต่พอจับนอนคว่ำ ดันหยุดร้องซะเนี่ย เค้าก็ลืมตามาเหลือกๆ ดูเรา แต่คงจะยังไม่เห็นใช่มะ ก็ดีใจนะ คนเป็นแม่ เห็นลูกปลอดภัยก็หายห่วง ในห้องนี้มีเด็กตัวเล็กๆ เยอะมากค่ะ เล็กกว่าลูกเราก็มี มีเป็นสิบๆ ตู้ พยาบาลก็ชำนาญการดีค่ะ -ช่วงเช้าวันอาทิตย์นี้เราถ่ายหนักได้แล้วค่ะ ดีใจมาก ที่ท้องไม่ผูก แต่ตอนเบ่งก็เจ็บแผลอยู่เหมือนกัน กระเพาะและลำใส้ชั้นยังทำงานได้ดีอยู่ ประมาณเนี้ย
-ทีนี้ก็ไม่มียาฉีดแล้ว กินยาเม็ดตลอดเลย ทานข้าวต้มได้ปกติ เดินไปหาลูกวันนึง 3 รอบ
-มีอีกเรื่องที่ดีใจที่สุด คือ น้ำนมไหลแล้ว เลยลงไปปั๊มที่ห้องลูก แรกๆ 2 ข้างรวมกันได้ ออนซ์เดียว ไม่คิดว่าจะมีเลย เพราะเห็นเพื่อนผ่าคลอดก็ไม่ค่อยจะมีน้ำนมค่ะ ก็พยายามลงไปปั๊มนะ พยาบาลบอกว่าเด่วจะเอาให้ลูกกิน แต่มะต้องเครียด ถ้าไม่พอก็มีนมผสมให้กิน แง่ววว
-หลังจากนั้นก็พยายามปั๊มตลอดค่ะ ทุกๆ 3-4 ชม. ที่วอร์ดที่เรานอนเค้าก็มีเครื่องปั๊มให้ แต่ต้องเอาถุงมาเอง ลงไปปั๊มที่ห้องลูกก็ได้ค่ะ มีขวดนมเตรียมไว้ให้เลย
-สองวันสุดท้ายลงไปดู ลูกหลับตลอดเลยค่ะ ไม่ตื่นมาคุยกะแม่เลยง่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน ไม่คิดว่าจะมีผู้ชมเยอะขนาดนี้ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ให้เราและลูกด้วยค่ะ
สรุป เราผ่าคลอด บล็อกหลัง นอน รพ. 7 คืน ห้องพิเศษเดี่ยว 2 คืน ห้องพิเศษรวม4เตียง 5 คืน อาหารชุดพิเศษ (เป็นถ้วยๆ ถ้าปกติจะเป็นถาดหลุม) คชจ.จ่ายเองทั้งหมด หมดไป 21xxx บาทก่าๆ เกือบปลายๆ เอาสูติบัตรลูกไปเบิกประกันสังคมคืนที่หลังค่ะ ส่วนลูก เค้าบอกจะทำเรื่อง 30 บาทให้ วันนี้ให้อีพ่อมันไปเดินเอกสารอยู่ และก็เอานมที่ปั๊มไว้ไปส่งด้วย
อยากให้เพื่อนๆ คนอื่นรู้ค่ะว่า คลอดที่ รพ.รัฐบาล มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดเลย เลยย้ายไปฝากท้อง รพ.เอกชน ก่อนจะมาก็ทำใจไว้แล้วนะบางส่วน คิดไว้ว่าถ้ามันบริการไม่ดีกับเราก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ยังไงการรักษา เครื่องไม้เครื่องมือ บุคลากรพร้อมมากๆ ลูกเรารอดแน่นอน และจ่ายไม่ถึงแสนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ได้รับทั้งอาทิตย์มานี้มันผิดคาดมากๆ ค่ะ ทุกอย่างดีหมด ทั้งห้องคลอด ห้องผ่าตัด หรูหราทันสมัยมาก พยาบาลทุกคนบริการดีหมด ขนาดป้าแก่ๆ ดัดผม ใส่ทองเต็มตัว ยังมาเช็ดก้น เปลี่ยนผ้าอนามัยให้เราเลย คือเค้าพร้อมทำหน้าที่พยาบาลจริงๆ ส่วนหมอถึงจะไม่ใช่อาจารย์หมอ เป็นหมอเด็กๆ เป็น นร.แพทย์ เค้าก็ถือว่าเราเป็นครู เป็นคนไข้ให้เค้าได้ศึกษา เค้าก็ถามไถ่ ดูแลอาการเราเป็นอย่างดี เราและลูกปลอดภัย แผลผ่าตัดก็สวยงาม ไม่น่าเกลียดค่ะ ที่อื่นเราไม่รู้ แต่ที่รามานี้ เราประทับใจมากค่ะ
เสียอย่างเดียว ที่นี่หาที่จอดรถยากสุดๆๆ วันจะกลับซะมีวนหาที่จอดอยู่เป็นชั่วโมง ก็ไม่ได้ เค้าเลยเอาไปจอดที่คณะทันต มหิดลในซอยโยธี ซึ่งเวลาพาแม่เค้ามาหาหมอก็จะจอดอยู่ประจำ เราเลยต้องนั่งแท็กซี่ขนของเยี่ยมเยอะมากเลย ไปที่ที่จอดรถไว้ค่ะ
ยังไงก็อยากให้เป็นทางเลือกดูนะคะ สำหรับแม่ๆ ที่จะคลอดท่านอื่นๆ ค่ะ ออกมาเป็นไอ่ตัวเนี้ย แหละ รักนู๋ที่สุดค่ะ โตไวๆ นะลูก 
Free TextEditor
Create Date : 28 มิถุนายน 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 20:27:42 น. |
Counter : 16384 Pageviews. |
|
 |
|