[Review]: Thermage CPT นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าที่เราชอบที่สุด และฟิลเลอร์คางที่หลายคนถามถึง
สวัสดีค่าเพื่อนๆ Blog วันนี้ทรายจะมาเขียนถึงนวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าที่ทรายได้ทำมาและชอบ จริงๆถ้าใครตามอยู่ตลอดน่าจะเคยได้ยินว่าทรายเคยทำเทอมาจมาแล้วครั้งนึงเมื่อราวๆ 2-3ปีก่อน แล้วก็ยังเคยได้ทำ Ulthera ไปจนถึงพวกยกกระชับอื่นๆที่อาจจะเป็นเทคโนโลยีเล็กกว่า 2 ตัวนี้มาแล้ว
วันนี้ที่จริงคือ ตั้งใจจะมาเล่าว่า จากประสบการณ์ที่ทำมาทั้งหมด ทรายชอบตัว Thermage ที่สุด เพราะว่ามันเห็นผลได้ชัดเจนจริงๆกับทรายเอง เวลามีคนมาถามว่าอยากกระชับหน้าจะทำตัวไหนดี จะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจเบื้องต้นส่วนนึงเนาะ (ส่วนที่เหลือต้องปรึกษาคุณหมออีกทีนะ)
สำหรับ THERMAGE และ ULTHERA ทั้งสองตัวเป็นการใช้คลื่นวิทยุส่งผ่านเข้าไปในชั้นผิวหนัง เหมือนๆกันเลยค่ะ แต่ว่าตัวอัลเธอร่าจะลงไปยังชั้นผิวที่ลึกกว่า ตัวนี้จะเหมาะกับคนที่มีอายุแล้ว หรือว่ามีปัญหาเกี่ยวกับชั้นกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับอะไรแบบนี้ ส่วนตัวของ เทอมาจนั้น จะลงไปยังชั้นผิวที่ตื้นกว่าอัลเธอร่าและอยู่ใกล้ชั้นไขมัน ผลพลอยได้ก็คือ ตัวนี้จะไป ทำให้ไขมันสลายตัวได้ด้วย ดังนั้นคนที่มีปัญหาแบบ ริ้วรอยเล็กๆ ผิวไม่กระชับ แฟตเยอะ เดี๋ยว ก็อ้วน เดี๋ยวก็ผอม (แบบทราย) ทรายคิดว่าจะเหมาะกับการใช้เทอมาจมากกว่า โดยเอาจากตัวเอง เป็นหลักนะ ทรายเคยทำอัลเธอร่า แต่ว่ามันไม่เห็นผลชัดเท่าเทอมาจ เพราะหน้าทรายไม่ได้มีปัญหา กล้ามเนื้อไม่กระชับ พอทำเทอมาจไป ไขมันมันหายหน้ามันตึงขึ้นชัดเจนกว่ามาก ก็เลยชอบมากกว่า
ส่วนใครอยากทราบข้อมูลเชิงลึกในทางการแพทย์ ลองหาอ่านในกูเกิ้ลเลยค่ะ มีเพียบเลย ทรายไม่สามารถเอามาลงได้ ไม่ใช่อะไรนะ กลัวแปลผิด เพราะส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ T_T แล้วก็กลัวว่าจะอธิบายผิดไปเดี๋ยวเพี้ยน เอาเป็นเล่าเฉพาะเรื่องที่ตัวเองรู้แล้วกันนะ
ด้วยความที่ทรายต้องใช้หน้าในการทำงานถ่ายภาพ ทำฮาวทู ทำรีวิว สวอชสี คือเกี่ยวข้องกับหน้า ล้วนๆเลย เวลาถ่ายภาพเนี่ยถ้าหน้าหย่อน หน้าเหี่ยว มันจะโครตชัดเจนมากๆ หรือเอาปัญหาหลัก ตอนนี้เลยนะ คือ ทรายอ่ะอ้วนขึ้น อ้วนขึ้นแบบมากๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยอ้วนน้ำหนักตัวเท่านี้มาก่อน ในชีวิตเลย คืออย่างเมื่อสามปีก่อนที่ว่าอ้วนสุดๆจนต้องลดน้ำหนักแล้ว ก็ยังไม่เท่านี้ ทีนี้คนเราพอ มันอ้วนขึ้น อาการหน้าบานก็จะมาถามหา แต่ว่าหลายคนเห็นแต่หน้าทราย แล้วก็บอกว่าดูอวบขึ้น นิดหน่อยแต่ว่าก็ไม่ได้มากมายอะไร คือจริงๆ ความลับมันอยู่ที่เทอมาจนี่แหละ คือทรายอัดหน้าไว้ กดหน้าไว้ มันก็เลยยังไม่ถึงกับแตกออกมาแค่บวมๆ 55555 บวกกับข้อมือเล็ก ข้อเท้าเล็ก ก็เลี่ยงที่จะไม่ถ่ายรูปเต็มตัว ถ่ายแค่ส่วนที่ขายได้พอ 555555555555 ร้ายกาจมะ
THERMAGE ที่ทรายทำเป็นแบบใหม่ที่ The Klinique ค่ะ หัวเป็น TotalTip สีส้ม ตัวนี้จะมีประสิทธิภาพในการยกกระชับลงลึกยิ่งกว่าเดิม จาก 2.4 mm. เป็น 4.3 mm. ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนดีขึ้นค่ะเทอมาจ ตัวนี้เรียกว่า THERMAGE CPT ค่ะ
(*แปะยาชาก่อนทำเทอมาจ 30-45นาที)
(*อันนี้หลังทำเทอมาจเสร็จแล้ว 400 shots เช็ดยาชา ล้างหน้าแล้ว แสดงออกทางสีหน้าไม่เยอะเพราะชาไปหมด 5555)
สำหรับคำถามที่เจอประจำแบบว่า เทอมาจ กับ อัลเทอร่า อะไรเจ็บกว่ากัน นี่ไม่รู้จะตอบยังไงเลย ตอนทำอัลเทอร่าก็เจ็บนะ แต่คือ มันหลายปีมาแล้ว ทรายจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้ว แต่เหมือนกับ ว่าตอนนั้นทรายจะได้ฉีดยาชาด้วย มันจะชากว่าการแปะยาชาธรรมดา แต่ขอบอกเลยว่า ตอนที่ ฉีดเนี่ย มันโครตตตตตตตแสบบบบบบบ จากนั้นทรายไม่เคยร้องขอยาชาแบบฉีดอีกเลย
เทอมาจก็เจ็บนะคะ เป็นความรู้สึกแบบจี๊ดๆร้อนๆ จริงๆมันก็คล้ายๆกันเอง บางคนบอกว่าอันนี้ เจ็บกว่าอัลเธอร่า ทรายว่ามันไม่ได้มากกว่า เพราะมันต้องดูหลายปัจจัย แบบรับความร้อนได้ สูงขนาดไหน แล้วหัวที่ใช้เป็นรุ่นเก่าหรือใหม่ (ของทรายล่าสุดนี้หัวรุ่นใหม่ค่ะ) ตัวเองเป็นคน ผิวเซนซิทีฟขนาดไหน ตัวเองมีความอดทนสูงแค่ไหน หลายๆอย่างรวมกันเนอะ แต่ที่บอกได้ก็คือ ทรายทนได้ และมันไม่ได้เจ็บจนถึงต้องกรีดร้องอะไร ก็แค่นอนเฉยๆแล้วร้อนตรงไหนมากก็บอก กับหมอ ตรงไหนที่จี๊ดกว่าจุดอื่นก็บอกหมอ มีเกร็งมือเกร็งเท้าบ้าง มีอื้อฮือ อ้าหาบ้างเป็นธรรมดา เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็จะรู้ว่ามันไม่ได้เกิดแผลอะไรบนหน้าเรา เดี๋ยวพอดับเครื่องก็จะหายเจ็บ ไปเองแค่ 10-15 นาทีจากนั้น
(*ปกติทรายเป็นคนผิวแดงอยู่แล้วนะคะ ที่เห็นว่าแดงจัดๆในภาพคือมันได้รับความร้อนจากเทอมาจ แต่ไม่มีผลอะไรทิ้งไว้บนผิวค่ะ)
ตอนไปทำเสร็จเจอพี่คนนึง มารอคิวทำต่อจากเรา พี่เค้าตื่นเต้นและกลัวมาก ถามใหญ่เลยว่า เราเจ็บไหม ทนได้ไหม น้ำตาไหลหรือเปล่า คือก็เล่าให้เค้าฟังแบบที่เล่านี่แหละ แล้วของทราย จริงๆหมอคิดไว้ว่าจะยิง 600 shots แต่ว่าไปไม่ถึงฝัน เพราะผิว Heat ขึ้นร้อนมาก จบที่ 400 ถามว่าเห็นผลไหม? เห็นผลสิค๊าาาา ดูหน้าทรายสิ ย้อนไปสัก 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้มันเริ่มบาน เพราะน้ำหนักตัว + คางหดหายไปหมดมีแต่เหนียง หลังจากทำเทอมาจมานี่ มีงานสวอชสีบน หน้าเยอะมากๆ ย้อนไปดูรูปได้เลย งานโครงมาเต็มๆค่ะ พี่หมออัดช่วงกรอบหน้ากับใต้คางให้ ทรายด้วย เพราะบอกเค้าแล้วว่า หน้าโครงมันหายไป ถ่ายรูปยากมาก แต่ตอนใต้คางนี่ ไม่ได้ วางแผนไว้แต่ทีแรก พยาบาลเลยไม่ได้แปะยาชาให้ โดนสดค๊าบบบบ น้ำตาหยดเล็กๆ แต่ว่า ทนได้ อันนี้แหละถึงได้รู้ว่าโอ้เจ็บเว้ย พอบอกพี่หมอ พี่หมอบอกว่านี่ถ้าเป็นฝรั่งเค้าไม่ใช้ยาชา กันเลยนะ มีแต่ไทยนี่แหละ คือแบบ กราบบบบบบ พวกนางคู่ควรกับคำว่าอยากสวยต้องอดทน
ที่ไปทำมาล่าสุดคือเมื่อ 2เดือนก่อนนะคะ ทรายฉีดฟิลเลอร์คางเพิ่มขึ้นด้วย ใช้ตัว Juvederm เหมือนเดิมเพราะมันผสมยาชา ไม่ค่อยเจ็บเวลาฉีด ล่าสุดที่ฉีดไปคือ ผ่านมา 1 ปีครึ่งแล้ว ทรายไม่เคยฉีดกับคนอื่นนะคะ ทำกับพี่หมอเติ้ลมาตลอดเลย ครั้งที่3แล้วค่ะ ชีวิตดี ไม่ต้องหน้า วีเชฟ แอลเชฟ สามเหลี่ยมเชฟ อะไรหรอกนะคะ เอาที่มันเข้ากับหน้าเราแล้วมันสวย คือ งาม
(*หมอเอามาแกะออกจากกล่องให้ดูต่อหน้าเลยค่ะ)
ส่วนตัวแล้วไม่มีปัญหาอะไรกับฟิลเลอร์อีกเหมือนกัน เพราะก่อนทำหาข้อมูลดีแล้วว่าจะต้องรับกับอะไรบ้าง เช่น พังผืดที่จะเกิดขึ้นกับผิว จริงๆไม่ว่าสิ่งแปลกปลอมใดๆก็ตามเข้าไปในร่างกายก็ทำให้เกิดพังผืดทั้งนั้น แล้วก็เรื่อง ของฟิลเลอร์ที่จะสลายไปเองตามธรรมชาติ บางทีมันอาจจะไม่ได้สลายในสัดส่วนที่เท่ากันทุดจุด ก็เข้าใจและยอม รับเวลาที่มันเป็นค่ะ แต่ทรายไม่ได้เป็นเยอะนะคะ นิดๆเองพอดีคางซ้ายสลายไปเร็วกว่าด้านขวา แต่มันไม่ชัด แล้วก็อย่างจูวิเดิร์มที่ใช้เนี่ย ถ้าเราเป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะ มันจะอุ้มน้ำ ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานกว่าคนที่ดื่มน้ำน้อย ก็โชคดีค่ะ ที่เป็นคนดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว ของทรายถือว่าฟิลเลอร์ได้ผลดีมากๆ ตอนไปฉีดนี่พี่หมอยังจับดูแล้วบอกว่า ที่จริงยังไม่ฉีดก็ได้นะ เหลือกว่า 50% เลย แต่ว่าพอดีพี่หมอ(ดู) ทักทรายว่า คางสั้นไป ไม่รับโหวงเฮ้งให้ไปเติมเท่าเดิม ก็เลยแจ้นมาหาพี่หมอให้เติมให้ 555555 ไม่ได้เลยเดี๋ยวงานหด
อีกอย่างที่ทุกคนชอบถามมาคือ ราคา ทรายตอบไว้คร่าวๆแล้วกันนะคะ ถ้าอยากชัวร์ลองโทร ถามเป็นเคสๆไปที่คลีนิกเองดีกว่าค่า (เบื้องต้นไว้เนอะ) เริ่มที่ 60,000 บาทนะคะ แล้วแต่แพทย์ ประเมิณอีกทีนึงด้วย แล้วก็พยายามส่องโปรโมชั่นไว้ค่ะ นานๆจะมีมาทีแต่ลดเยอะเลย
ทั้งหมดนี่มันเป็นเพียงการบอกเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวของทรายนะคะ ว่าทรายชอบอันนี้ ส่วนตัวแล้วทั้งหมดที่ทำมา ยังไม่เคยก่อให้เกิดปัญหาอะไรในชีวิตเลย ก็ยังชอบอยู่เรื่อยๆ กับโบท็อกซ์เราห่างกันมานานมากๆแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ เพียงแต่พอทำเทอมาจแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าหน้าไม่เข้ารูป ก็เลยลืมเรื่องโบไปเลย อีกอย่าง ทรายเป็นคนที่มีกระดูกขมับกว้าง บางทีคางแหลม กรามหาย มันทำให้หน้าเป็นสตอเบอรี่ ทรายไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะถ้าโบ กราม มันจะย้ายไปใช้ขากรรไกรบนเคี้ยวแทน ตรงนั้นก็จะใหญ่ขึ้นมาอีก เอาไว้มีเหตุจำเป็น มีอะไรที่ต้องการ ถ้าอยากเป๊ะก็คงไปทำ แต่ตอนนี้คิดว่าโอเค กับที่เห็นแล้ว พอใจแล้ว ทรายไม่ได้ เป็นคนที่เสพย์ติดหน้าวีเชฟนะคะ แค่รู้สึกว่าตัวเองมีคางหน่อย ดีกว่าตอนที่คางสั้นๆบุ๋มๆ ที่บ้าน ก็บอกว่าแบบนี้ดีกว่า อีกอย่างนึงคือ โหงวเฮ้งค่ะ โดยรวมแล้วถ้ามีคางจะดีกว่า ก็เลยทำ มันไม่ ได้เดือดร้อนใคร หน้าเราเอง แต่ถ้ายังเด็กอยู่ก็ต้องขอความเห็นผู้ปกครองก่อนนะจ๊ะ อย่าลืมว่า อายุน้อยๆมันยังเปลี่ยนแปลงได้อีก Baby Fat มันยังอยู่บนหน้าเรา ถ้าเกิน 25 ไปแล้วก็ตาม สบายเอาที่ชอบที่พอใจเลยค่า
ทรายไม่มีรูปเปรียบเทียบก่อนหลังนะคะ เพราะไม่มีรูปที่ถ่ายในโพสิชั่นเดียวกันทั้งหมด อีกอย่างเติมคางมาด้วย แต่จะให้ดูรูปหลังจากทำมาได้สักพักว่างานโครงเค้าขึ้นจริง ช่วยทรายได้เยอะเลย ของทรายหลังทำเสร็จมี ผิวบวมจากความร้อนนิดหน่อย จะเริ่มเห็นว่าหน้ากระชับหดลงประมาณ 3-4วันให้หลังค่ะ ในคนอื่นอาจจะเห็นเลย ในทันทีก็มีนะคะ แล้วแต่เคสไป แต่จะเห็นผลชัดเจนสุด 1เดือนผ่านไปแล้วค่ะ และจะอยู่ได้ 1-2 ปี ค่อยมาทำใหม่ ด้านล่างนี้คือรูปตลอด 4สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังทำครบ 1 เดือนไปแล้วค่า
Disclaimer: ในการดูแลรูปหน้าทั้งหมด คุณหมอดูแลให้ทั้งคำปรึกษาและค่าใช้จ่ายค่ะ Information: www.theklinique.com
Create Date : 28 เมษายน 2558 |
Last Update : 30 เมษายน 2558 21:27:29 น. |
|
2 comments
|
Counter : 35362 Pageviews. |
|
|