马头琴的来历——เปิดตำนาน“ซอหัวม้า”

ตำนาน“ซอหัวม้า”

ศศิกานต์ เกียรติไกรวัลศิริ 柯贤 แปล

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนทุ่งหญ้ามีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง ชื่อว่า ซูเหอ

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระอาทิตย์ตกดิน แล้วท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง ซูเหอก็ต้อนแกะกลับบ้าน ขณะที่กำลังเดิน เดินอยู่นั้นเอง ทันใดก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง ขนปุกปุยอยู่ข้างทางเบื้องหน้า เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่า อ้อ ที่แท้ก็ลูกม้าสีขาวที่เพิ่งจะเกิดใหม่ตัวหนึ่ง ช่างน่าสงสารจัง ว่าแล้วซูเหอก็นำมันอุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้าน

กาลเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ลูกม้าขาวก็โตขึ้นทุกวันๆ ทั่วทั้งตัวขาวราวหิมะ ทั้งสวยงามทั้งแข็งแรง ไม่ว่าใครเห็นใครก็รัก ส่วนซูเหอยิ่งรักสุดหัวใจ ทุกๆวันจะขี่ลูกม้าขาวไปเลี้ยงแกะ พวกเขาเป็นเสมือนเพื่อนสนิทกัน แยกจากกันไม่ได้แม้เพลาเดียว

ปีหนึ่งผ่านไป ท่านอ๋องแห่งท้องทุ่งหญ้า จัดการแข่งขันม้า ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างมาเข้าร่วม ซูเหอพูดกับลูกม้าขาวอันเป็นที่รักของเขาว่า “สีหมอกน้อย สีหมอกน้อย ใครๆเขาก็ไปร่วมงานแข่งม้ากัน พวกเราไปกันมั่งดีไหม”ลูกม้าขาวพูดไม่ได้ ได้แต่พยักหน้าพลางร้อง ฮี้ๆ ราวกับจะบอกว่า “เราไปกัน เราไปกันมั่ง”ไม่ต้องให้บอกเลยว่า ซูเหอดีใจขนาดไหน เขาเตรียมเสบียง แล้วควบลูกม้าขาวไปเข้าร่วมงานบ้าง

การแข่งขันขี่ม้าเริ่มขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งมากมายขี่ม้าสีน้ำตาล สีดำ สีเหลืองต่างพาวิ่งตะบึงบนทุ่งหญ้า แต่ก็ไม่มีใครวิ่งเร็วเท่าซูเหอกับลูกม้าขาว ลูกม้าขาววิ่งราวกับสายฟ้าแลบ แป๊บเดียวก็ถึงที่หมาย
พอท่านอ๋องเห็นว่า คนที่ได้ที่หนึ่งเป็นเพียง เด็กจนๆ ก็รู้สึกไม่พอใจ ให้คนไปเรียกซูเหอมา แล้วพูดกับเขาว่า “เจ้ามันก็แค่เด็กจนๆ ไม่เหมาะกับม้าดีๆเช่นนี้ เอ้า! ข้าให้เจ้า 30 ตำลึง ขายเจ้าลูกม้าสีขาวนี้ให้ข้าซะ แล้วเจ้าก็กลับไปเสีย”ซูเหอจะยอมเสียลูกม้าขาวอันเป็นทีรักของเขาไปได้ยังไงกัน เขาบอกกับท่านอ๋องว่า “ข้ามาเพื่อแข่งม้า ไม่ได้มาเพื่อขายม้า”พูดจบก็จูงลูกม้าขาวเดินไป

ท่านอ๋องได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด “เจ้าก็แค่เด็กเลี้ยงแกะจนๆ กล้ามายอกย้อนท่านอ๋องอย่างข้า ! ทหาร! ลากไปโบยให้หนักๆ !”ซูเหอโดนโบยยกหนึ่ง แล้วถูกท่านอ๋องไล่กลับไป

ท่านอ๋องแย่งเอาลูกม้าขาวของซูเหอมาได้ ก็คิดว่าจะโชว์ต่อหน้าคนอื่น วันรุ่งขึ้น ท่านอ๋องจัดตั้งโต๊ะ เชิญแขกเหรื่อมากมาย ท่านอ๋องกล่าวกับทุกคนว่า “ข้าเพิ่งได้ลูกม้าสีขาวมาตัวหนึ่ง วิ่งตะบึง ราวกับสายฟ้าแลบ ใครก็เทียบมันไม่ได้ ท่านทั้งหลายตั้งใจชมให้ดี”

พอเขาพูดจบก็ขึ้นขี่ลูกม้าขาว แต่ทว่าลูกม้าขาวไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ท่านอ๋องโมโหก็เอาแซ่เฆี่ยนมัน เฆี่ยนแรงไม่ใช่น้อย ลูกม้าขาวฮึดขึ้นมากระโดด ทำเอาท่านอ๋องหกคะเมนลงมา ขาชี้ฟ้า ลูกม้าขาวขยับขาได้ก็วิ่งไปหาซูเหอเจ้านายตัวน้อยของมัน

“จับมันไว้ จับมันไว้! ”ท่านอ๋องคลานขึ้นมาจากพื้นได้ก็ตะโกนสุดเสียง แต่ว่าใครก็ไล่มันไม่ทัน ท่านอ๋องตะโกนต่อไปว่า “อย่าให้มันหนีไปได้ ยิงธนูฆ่ามัน”

ลูกธนูหลายสิบดอก แล่นฉิวไปทางลูกม้าขาว ลูกม้าขาวโดนธนูเข้าให้แล้ว เลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่ว่าลูกม้าขาวยังกล้าหาญ มันทนต่อความเจ็บปวด วิ่งต่อไปข้างหน้าไม่หยุด วิ่งไปจนถึงบ้านของซูเหอเจ้านายมัน

ซูเหอถูกโบยจนบอบช้ำไปทั้งตัว นอนอยู่ขยับไม่ได้ ขณะที่กำลังคิดถึงลูกม้าขาวอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องฮี้ๆฮี้ๆติดต่อกัน โอ้ เจ้าสีหมอก สีหมอกน้อย สีหมอก สีหมอกน้อยกลับมาแล้ว เขาทนต่อความเจ็บปวด พลิกตัวคลานลุกขึ้นมา พอเปิดประตูก็เห็นว่าลูกม้าขาวกลับมาแล้วจริงๆ แต่ดูลูกม้าขาวซิ ขนสีขาวราวหิมะโดนเลือดย้อมจนเสียจนกลายเป็นแดง มันจูบที่หน้าซูเหอ เจ้านายตัวน้อยของมัน แล้วล้มลงกับพื้นแล้วตายลง

ลูกม้าขาวตายแล้ว ส่วนซูเหอก็ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนมาหลายคืน พูดในใจอยู่ตลอดว่า “สีหมอกน้อยกลับมาเถอะ สีหมอกน้อยกลับมาเถอะ! ” คืนหนึ่ง ขณะที่ซูเหอเพิ่งจะหลับไปก็พบว่าลูกม้าขาวกลับมาแล้ว ซูเหอกอดคอลูกม้าขาวไว้จูบแล้วจูบอีก บอกว่า “สีหมอกน้อย ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ”ลูกม้าขาวพูดเบาๆว่า “เจ้านายตัวน้อยของข้า ข้าก็คิดถึงท่านจริงๆเช่นกัน ท่านเอาร่างของข้าไปทำซอเถอะ เช่นนี้เราก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

พอซูเหอลืมตามมอง ก็ไม่พบลูกม้าขาว ที่แท้เมื่อกี้ก็เป็นเพียงแค่ฝัน เขานำกระดูกของลูกม้าขาวทำเป็นซอด้วยน้ำตานอง เอาเส้นเอ็นของมันมาทำเป็นสาย เอากระดูกหางมาทำเป็นคัน บนด้ามซอสลักรูปหัวม้า นี่ก็คือตำนานของซอหัวม้า จากนั้นมา ซูเหอก็สีซอทุกวัน สีเป็นเพลงมากมายที่ไพเราะ ฟังจากที่ไกลๆก็คล้ายๆเสียงของลูกม้าขาวกำลังร้องเพลง

ผู้เลี้ยงสัตว์คนอื่นๆได้ยินเพลงอันงดงามเช่นนี้ ก็เลียนแบบซอของซูเหอ ใช้ไม้ทำซอหัวม้าออกมามากมาย พวกเขาจะเลี้ยงสัตว์ไปพลางและก็สีซอหัวม้าไปพลาง เช่นนี้เองซอหัวม้าก็ได้แพร่หลายไปทั่วดินแดนแห่งทุ่งหญ้า


เหตุผลที่เลือกเรื่องนี้
เป็นนิทานที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กและมีเนื้อหาที่ไม่มากจนเกินไป การดำเนินเรื่องราวเป็นไปอย่างเหมาะสม กระชับและไม่ยืดเยื้อเหมาะที่จะนำไปเล่าให้เด็กๆฟัง ผู้แปลคิดว่าการเริ่มต้นแปลงานที่เกี่ยวกับเด็กในครั้งแรกนั้นก็ไม่ควรที่จะเลือกเรื่องที่มันยากและยาวจนเกินไปซึ่งเมื่อเรานำไปเล่าให้เด็กๆฟังแล้วเด็กอาจจะไม่สนุกเพราะเรื่องราวที่ยาวจนเกินไปและเรื่องนี้นอกจะให้ความสนุกสนานแล้ว ยังเป็นการเปิดโลกกว้างให้ผู้อ่าน ในด้านของความรู้เกี่ยวกับเครื่องดนตรีพื้นเมืองของจีนอีกด้วย อีกทั้งยังมีข้อคิดที่แฝงไว้ในเรื่องซึ่งนอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วยังให้สาระอีกด้วย

ปัญหาที่พบในการแปลงาน

  • ชื่อเครื่องดนตรีพื้นเมืองของจีนที่ไม่พบในไทย ตามพจนานุกรมของอาจารย์เธียรชัย เอี่ยมวรเมธ ให้ความหมายไว้ว่า ขิมหัวม้า ซึ่งเมื่ออ่านไปถึงเนื้อหาด้านล่างที่ว่า苏和天天拉琴 ตรงนี้ใช้คำกริยาว่า拉 ซึ่งน่าจะแปลว่า สี(เครื่องสาย) ในภาษาไทย ซึ่งขัดกับชื่อที่บ่งบอกว่าเป็นขิม ตามที่อาจารย์เธียรชัยกล่าวไว้ ผู้แปลจึงหาข้อมูลอ้างอิงจากอินเตอร์เน็ต จึงพบว่า ชื่อภาษาไทยของเครื่องดนตรีประเภทนี้ เป็น “ซอหัวม้า”
นอกจากชื่อเครื่องดนตรีแล้วยังมีปัญหาในด้านการแปลคำที่ให้เรียกม้า ซึ่งตรงนี้ ผู้แปลเองก็ยังไม่ค่อยกล้าที่จะใช้คำ เกรงว่าจะเป็นการแก้เนื้อเรื่องเดิมมากเกินไป ในที่นี้ผู้แปลจึงแยกเป็นสองส่วนคือ แปลคำบรรยายถึง小白马เป็นลูกม้าขาว ส่วนบทสนทนาที่เรียก小白马 ผู้แปลถือวิสาสะแปลเปลี่ยนให้เป็นชื่อเรียกว่า สีหมอกน้อย
มีเรื่องของค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงที่บอกว่า “...ข้าให้เจ้า 30 ตำลึง...”จุดนี้ต้องรักษาความเป็นค่าเงินจีนเอาไว้ ประโยคที่ว่า我给你三个金元宝ตรงคำว่า金元宝แปลว่า เงินทองแท่ง แต่จะให้แปลว่าเงินทองสามแท่งก็เห็นจะไม่เหมาะ ผู้แปลจึงแก้ไขด้วยการเทียบค่าเป็นตำลึง ตามพจนานุกรมจีน-ไทยของอาจารย์เธียรชัย เอี่ยมวรเมธ กล่าวไว้ว่า ทองแท่งหยวนเป่าจะหนัก5ตำลึงหรือ10ตำลึง ผู้แปลจึงถือวิสาสะเทียบเป็นเงิน30 ตำลึง เพื่อคงเค้าของความเป็นจีนเอาไว้
  • การแปลคำเลียนเสียง เช่น ในเนื้อเรื่องจะมีอยู่หลายตอนที่มีการใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติแล้วการได้ยินและถ่ายทอดเสียงเป็นตัวหนังสือของจีนและไทยมีข้อต่างกันอยู่มาก ทำให้เป็นอุปสรรคกับผู้แปลว่าควรจะถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสืออย่างไร คนไทยถึงจะอ่านเข้าใจและไม่รู้สึกขัดต่อความรู้สึก

    ข้อเสนอแนะ
    • เมื่อเราอ่านเรื่องใดก็ตาม ไม่ควรอ่านไปแปลไป ควรอ่านทั้งเรื่องให้จบเสียก่อนแล้วค่อยลงมีแปล แล้วที่สำคัญควรหาข้อมูลอ้างอิงจากหลากหลายแหล่งข้อมูล ไม่ควรปักใจเชื่อข้อมูลจากแหล่งเดียวเพราะอาจเกิดความผิดพลาดอันอาจทำให้ความหมายของเรื่องผิดไปหรือกลายเป็นเรื่องน่าขันของผู้อ่านไป เช่น หากผู้แปลแปลซอหัวม้าเป็นขิมหัวม้า เนื้อหาต่อมาอาจต้องแปลเป็นสีขิมหัวม้าได้

    • การนั้นดังที่ ศ.ดร.สิทธาได้กล่าวไว้ว่า“...นักแปลฝึกฝนการกระโดดข้ามกำแพงภาษานี้ออกไปให้ได้...” การแปลเรื่องจีนมาเป็นภาษาไทยนั้น ต้องรักษากลิ่นอายของความเป็นจีน ให้ผู้อ่านสัมผัสได้ว่าภาษาเหล่านั้นคือภาษาที่ตัวละครคนจีนเป็นผู้พูดจริงๆ แต่ในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่บทสนทนาก็ต้องแปลให้เป็นภาษาไทยจริงๆ



    ข้อมูลอ้างอิง
    ซอหัวม้า (morin khuur) ลูกหลานเจงกิสข่านผู้ซึ่งเคยยิ่งใหญ่ในโลกด้วยอาชา
    แม้แต่เครื่องดนตรีก็ไม่เว้นต้องเป็นซอหัวม้า(แปลตรงตัวจากภาษามองโกเลียใน
    คำว่า morin khuur) สายซอและคันซอทำจากหางม้า ส่วนที่ขึ้นสายสองข้างเรียก
    ว่า"หูม้า"เสียงของซอประเภทนี้จะคล้ายกับเสียงของเชลโล (cello)แต่จะออกแข็ง
    กว่าเนื่องจากลำตัวของซอจะเล็กกว่ามาก
    ที่มา://www.thaichinese.net/Art_Culture/Songs_Music/SilkRoad/SilkRoad
    2/SilkRoad3/silkroad6.html

    ซอหม่าโถวหรือซอหัวม้า
    ซอหม่าโถวหรือซอหัวม้าเป็นเครื่องดนตรีประเภทสายของชาวมองโกลชนชาติ
    ส่วนน้อยของจีน เนื่องจากบนคันซอมีรูปหัวม้าแกะสลักไว้ ซอหม่าโถวมีประวัติยาว
    นาน เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ในบรรดาชาวมองโกลมาตั้งแต่
    ศตวรรษที่ 13
    กล่องเสียงของซอหม่าโถวเป็นรูปบันได บนคันซอมีรูปหัวม้าแกะสลัก สายซอ
    หม่าโถวประกอบด้วยเส้นขนหางม้าหลายสิบเส้น และมัดไว้บนซอด้วยสายไหม
    สีซอด้วยคันชักเส้นขนหางม้า เสียงเพราะมาก
    ซอหม่าโถวสมัยก่อนเป็นเครื่องดนตรีที่นักดนตรีทำเองและใช้เอง จึงมีเสียงค่อย
    เพียงแต่ใช้ในการบรรเลงในกระโจมชาวมองโกล และในห้องเท่านั้น ต่อมา ผู้
    ผลิตเครื่องดนตรีจีนได้ดัดแปลงซอหม่าโถว โดยใช้เส้นไนลอนแทนเส้นหางม้า
    เพื่อทำให้ขอบเขตของท่วงทำนองเสียงกว้างขึ้นและทำให้เสียงดังขึ้น ซอหม่าโถว
    ที่ดัดแปลงแล้วจะใช้ในการบรรเลงบนเวทีหรือการบรรเลงกลางแจ้งได้ เป็นเครื่อง
    ดนตรีที่ทั้งสีได้และดีดได้ จึงเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงเดี่ยว ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
    ของชาวมองโกล
    นอกจากนี้ ผู้ผลิตเครื่องดนตรีจีนยังได้ผลิตซอหม่าโถว ขนาดปานกลางและขนาด
    ใหญ่ออกมาเท่ากับเป็นไวโอลา และไวโอลอนเซลโลในวงดนตรีซิมโฟนี บนตัว
    ซอยังได้เขียนลายที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวมองโกล สวยมาก
    ที่มา:中国国际广播电台



    儿童睡前故事——马头琴的来历

    很久很久以前,草原上有个放牛娃,名字叫苏和。

    一天,太阳下山了,天慢慢地黑下来了,苏和才赶着羊回家。走着,走着,忽然看见前面路边有个毛茸茸的东西,走近一看,啊,原来是一匹刚生下来的小白马,多可怜啊,苏和就把它抱回家去养着。

    日子一天天过去了,小白马一天天长大了,浑身雪白,又美丽又健壮,人人见了人人爱。苏和更是爱得不得了,每天骑着小白马去放羊,他们真象一对好朋友,一时一刻也分不开。

    一年,草原上的王爷举行赛马会,四面八方的人都去参加。苏和对他心爱得小白马说:“小白马,小白马,人家都去参加赛马会,咱们也去,好吗?”小白马不会说话,一边点着头,一边咴咴地叫,好象在说:“咱们也去,咱们也去!”苏和别说有多高兴了,他带上干粮,骑着小白马也去参加了。

    赛马会开始了,好多身强力壮的小伙子,骑着棕色的、黑色的、黄色的马在草原上奔跑,可谁也没有苏和的小白马跑得快。小白马象一道闪电,一会儿就到了目的地。

    王爷一看,得第一名的是个穷小子,心里很不高兴,他让人把苏和叫来,对他说:“你是个穷小子,不配骑这样好的马。喏,我给你三个金元宝,把这匹小白马卖给我。你回去吧!”苏和怎么舍得他心爱的小白马啊,他对王爷说:“我是来赛马的,不是来卖马的!”说着牵了小白马就走。

    王爷一听发了火:“你这个放羊的穷小子,敢顶撞我王爷!来人啊!拉下去狠狠地打!”苏和挨了一顿打,被王爷赶了回去。

    王爷抢了苏和的小白马,就想在别人面前显一显。第二天,王爷摆了酒席,请了许多许多客人,王爷对大家说:“我刚得了匹小白马,奔跑起来,就象一道闪电,谁也比不过它。你们好好瞧着。”

    他说完话,就骑上了小白马,可是小白马一动也不动,王爷生气了,就拿鞭子打它,这一打可不得了,小白马猛得一跳,把王爷摔了个四脚朝天,小白马撒开腿就跑,去找它的小主人苏和了。

    捉住它,捉住它!”王爷从地上爬起来,没命地喊着。可是谁也追不上它,王爷接着喊:“别让它跑了。用箭射死它!”

    几十支箭,嗖嗖嗖嗖,向小白马射去。小白马让箭射中了,血不断地流出来。可是小白马很勇敢,它忍着痛,一个劲地向前跑,一直跑到小主人苏和家。

    苏和给打得浑身上下都是伤,躺着一动也不动,心里正想着他的小白马,忽然听见一阵咴咴咴的叫声,啊,是小白马,是小白马,是小白马回来了。他忍住痛,一个翻身爬起来,打开门一看,真的是小白马回来了,可是小白马呀,雪白的毛都让血染红了,它亲了亲小主人苏和的脸,倒在地上就死了。

    小白马死了,苏和几夜都睡不着觉,心里不停地说着:“小白马回来吧!小白马回来吧!”一天晚上,苏和刚一睡着,看见小白马回来了。苏和搂着小白马的脖子,亲了又亲,说:“小白马,我真想你啊!”小白马轻轻地说:“我的小主人,我也真想你啊!你拿我身上的东西做一把琴吧!这样,我们就永远在一起了。”

    苏和睁开眼睛一看,小白马不见了,原来刚才是在做梦呢。他含着眼泪拿小白马的骨头做了一把琴,拿它的筋做弦,拿它的尾巴骨做弓,琴杆顶上雕刻了个马头。这就是马头琴的来历。从此,苏和天天拉琴,拉了许多好听的曲子,远远听起来,就象小白马在唱歌。

    其它的牧民听到这优美的曲子,都学着苏和的琴的样子,用木头做了许多马头琴,他们一边放牧一边弹着马头琴。就这样马头琴传遍了整个草原。

    摘自://www.shulu.net/th/gs.htm




     

    Create Date : 19 ตุลาคม 2550   
    Last Update : 19 ตุลาคม 2550 16:13:50 น.   
    Counter : 2395 Pageviews.  


什么是真正的爱情?รักแท้คืออะไร#1

รักแท้คืออะไร#1

  • แด่เพื่อนทุกคนไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งก็ตาม นี่คือบทความที่ดีเรื่องหนึ่ง ถ้าคุณไม่มีเวลาพอที่จะซึมซับอรรถรสของมันล่ะก็ ขอให้เมื่อคุณมีเวลาพอที่จะสงบจิตสงบใจตัวเองลงแล้วใช้ใจอ่าน ……
คนโสด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลิศเลอเสมอไป
คนโสดอาจจะอิสระ แต่คำว่าอิสระก็อาจหมายถึงความอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เพราะว่า คนเราไม่ได้ชอบที่จะอยู่ลำพังเพียงคนเดียวตลอดเวลา มีบางเวลาที่อยากแบ่งปันสิ่งดีๆให้คนอื่น มีบางเวลาที่เสียใจต้องการคนปลอบโยน สาเหตุที่มีคนโสดผู้เลิศเลอ เนื่องจากอิสรภาพทางการเงิน อิสรภาพทางบุคลิกรวมทั้งอิสรภาพทางความรู้สึก อิสรภาพคืออะไรล่ะ
  • อิสรภาพคือต้องการแต่ไม่ผูกมัด คนที่มีอิสรภาพคนหนึ่งต้องการเพศตรงข้าม แต่ไม่ต้องการผูกมัดเพศตรงข้าม การเป็นคนแฟนกัน หล่อนควรเป็นเพื่อนก่อน หลังจากที่หล่อนเป็นเพื่อนแล้ว ก็จะปรากฏตัวในชีวิตของคุณจึงทำให้มีโอกาสได้รู้จักคุณ เข้าใจคุณ รู้จุดเด่นของคุณแล้วมีความรู้สึกดีๆให้คุณ แล้วพัฒนาความสัมพันธ์เข้าไปอีกขั้นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นแฟน เป็นคนรัก
บนโลกนี้ไม่ได้มีเพียงสีขาวกับสีดำเท่านั้น ระหว่างสีดำกับสีขาวยังมีขอบเขตของสีเทาอันยาวไกลจนสุดลูกหูลูกตา ขอเพียงอยู่ด้วยกันนานๆก็จะทำให้รู้จุดเด่นของอีกฝ่าย ก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่ดี นี่จึงจะเป็นขั้นตอนธรรมชาติที่พัฒนาสัมพันธภาพ
  • ความสัมพันธ์แบบ“รักแรกพบ”รวมทั้ง “รักนิรันดร์”ไม่มีอยู่จริง คนเราไม่ได้ต้องการสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงและว่างเปล่า
มีคนเปรียบการคบเพศตรงข้ามว่า เหมือนการเก็บก้อนหินริมทะเล ทุกคนจะเก็บแต่ก้อนหินที่ตนชอบเอากลับบ้าน รักษามันไว้อย่างดีเพราะว่านั่นเป็นก้อนหินเพียงหนึ่งเดียวของคุณ โดยจำไว้ว่าจากนี้ไปจะไม่ไปทะเลอีก คิดอยู่เสมอว่า ชั้นได้เจอก้อนที่ใหญ่ที่สุด สวยที่สุด และเหมาะกันชั้นที่สุดแล้ว การคบเพศตรงข้าม สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ “เค้าดีแค่ไหน” แต่เป็น “เค้าดีกับคุณแค่ไหน”
  • ถ้ามีคนคนหนึ่งที่ดีพร้อม เค้ามีร้อยแต้มแล้วในร้อยแต้มนี้เค้าแบ่งให้คุณเพียง30-40แต้มหรือเพียง10-20แต้ม ในทางตรงข้าม อีกคนหนึ่งอาจมีเพียง70-80แต้ม แต่เค้ากลับทุ่มเทให้คุณหมดใจ
    คุณจะเลือกใคร?
อันที่จริงแล้วทุกคนก็มีต่างก็มีข้อดีของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะดีแค่ไหน ก็มีคนที่ดีกว่าคุณ ในเมื่อคุณไม่สามารถที่จะเป็นคนที่ดีที่สุดได้ แต่คุณเป็นคนที่ปฏิบัติต่อคนรักดีที่สุดได้
  • มีผู้ชายคนหนึ่งบอกว่า “ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ แต่ในโลกใบนี้ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีต่อคุณที่สุด”。ผู้หญิงก็เหมือนกัน สิ่งนี้เราทำกันได้ทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุดของสัมพันธภาพ คือ การที่เค้าดีต่อคุณไม่จำเป็นว่าเค้าต้องเป็นคนดี แต่ถ้าคนคนหนึ่งดีอยู่แล้ว ทั้งยังรักคุณอย่างจริงใจ ถ้าอย่างนั้นคุณก็สามารถฝากชีวิตไว้กับเค้าได้

    อ๊ะๆยังไม่จบแค่นี้ยังมีต่ออีก ไว้จะมาลงให้คราวหน้า ตอนนี้ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะเจ้าคะ


    什么是真正的爱情?

    • 致我所有的朋友无论已婚与未婚 这是篇很好的文章。
      如果你暂时没有时间细细品味也请你有时间的时候将自己的心沉淀下来,用心的看。……
      单身,有时不一定是贵族。
    单身也许会比较自由,但自由也有一个同义词,叫作寂寞。因为人不是什麽时候都喜欢一个人独处的;有时好东西需要跟人分享,有时候难过需要人安慰。单身贵族产生的原因,是因为经济上的独立、人格上的独立以及感情上的独立。独立是什麽?
    • 独立是需要而不依赖,一个独立的人需要异性,而不依赖异性。做情人之前,她应该先是朋友。她成为你的朋友之後,出现在你的生活里,才有可能认识你、了解你、知道你的长处而对你产生好感,进一步发展感情,变成情人、对象。
    世界上的颜色并非只有白色和黑色,黑与白之间还有很漫长的灰色地带。只要多相处,便能发现对方的优点、产生好感,这才是发展感情的自然过程。『一见锺情』以及『从一而终』的感情是不切实际的,我们需要的不是这种不切实际而虚幻的感情。
    • 有人形容跟异性交往,就好像在海边捡石头,大家都会捡喜欢的那一颗。一旦捡到一颗你最喜欢的石头,便把它带回家去,好好对待它,因为那是你唯一的石头。而且要记住,从此後不要再到海边去。永远相信,我已经找到最大、最美、最适合我的那一颗。跟异性交往最重要的不是他有多好,而是他对你有多好。
    一个人如果条件很好,有一百分,可是这一百分之中,他只给你三四十分,或一二十分;相反地,另一个人也许只有七八十分,可是他却是全心全意的对待你,那你应该选择那一个?

    • 其实,每一个人的条件都是一样的。不管你有多好,都还有人比你更好。你虽然做不到一个『最好的人』,可是你却做得到一个『对对方最好的人』。每一个男孩子都可以说:『虽然我不是世界上最好的男人,但我是世界上对你最好的男人』。反过来女孩子也是一样,这是每一个人都做得到的。 感情最重要的是在於他对你的好,而不是他自己有多好。但是如果有一个人本身已经很好了,对你又是真心真意,真心爱你,那麽你真的可以把一生托付给他。




       

      Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2550   
      Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 19:37:28 น.   
      Counter : 832 Pageviews.  


男人的天空也下雨ผู้ชายก็ร้องไห้เป็น

  • ไม่รู้มันว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เวลาล้อเล่นกะแฟนเขามักจะพูดคำว่า “เป็นสามีเธอนี่ยากจริงๆ”เมื่อแรกฟัง ชั้นก็ไม่ทันได้ใส่ใจแต่พอตอนหลังคิดดูดีๆแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูก คิดในใจว่า ชั้นแต่งกับคุณตั้งแต่ยังสาว ตั้งแต่แรกที่เข้ามาอยู่บ้านคุณ มีงานไรบ้างที่ชั้นทำขาดตกบกพร่อง เอาแค่ข้าวของในชีวิตประจำวันนี่ ไม่ว่าจะชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ มีชิ้นไหนที่ชั้นไม่ได้ซื้อเข้ามา เขาบอกว่าอยากได้คอมพ์ ชั้นก็รีบสนับสนุนเต็มที่ยอมตัดใจจากเสื้อผ้าของตัวเองกะว่าจะซื้อใช้เงินแทบจะทั้งหมดที่มีทำความฝันที่อยากได้คอมพ์ของเขาให้เป็นจริง หน้าที่ภรรยา ชั้นทำขาดตกบกพร่องตกไหนบ้าง ชั้นถามแล้วถามอีกในที่สุดเค้าก็พูดความในใจออกมาจนได้
“ เสี่ยวอิง ความหวังของคุณ ความรักของคุณ อันที่จริงแล้วคือแรงบันดาลใจของผมแต่ทว่า คุณคาดหวังในตัวผมมากเกินไป หากแม้นผมเป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง วิ่งไประยะหนึ่งก็ต้องหยุดพักกันบ้าง แต่นี่คุณเล่นไม่วางแส้ในมือที่คุณกุมไว้เลย ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินอยากจะมีช่วงเวลาที่สบายใจบ้าง ผมรู้ ว่าคุณหวังดี แต่ไม่ว่าอะไรก็มีขีดจำกัดของมัน วันนี้กลับมาบ้านก็คุณเล่าว่าสามีใครหาเงินเก่ง บอกให้ผมเอาอย่างเค้าบ้าง พรุ่งนี้ก็ชมว่าสามีใครเป็นใหญ่เป็นโต ให้ผมเอาเป็นแบบอย่าง พอมะรืนก็มาบอกว่าสามีคนนู้นคนนี้เก่งทำไรก็เป็น แถมยังเอาอกเอาใจภรรยาดี คุณยกตัวอย่างที่ดีมากมายต่อหน้าผม แต่ถ้าผมสามารถเอาอย่างข้อดีของพวกเขาเหล่านั้นได้หมด ผมก็คงไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็นพระเจ้า ”
  • หลังจากวันที่เกิดเรื่อง ชั้นก็ไปพูดกับเพื่อนที่ทำงานเรื่องนี้ ทุกคนแทบจะ100%เห็นด้วยกับความคิดของสามีชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้ชายหัวอกเดียวกัน พี่หลี่ว่า “ตั้งแต่เล็กพ่อแม่ไม่ยอมให้ลูกชายร้องไห้ บอกว่าลูกผู้ชายเค้าไม่ร้องไห้กันหลอก ทางที่ดีที่สุด ก็ทำได้แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงไปในท้อง เมื่อโตขึ้นถึงได้เข้าในว่า น้ำตามีไว้ให้เพียงผู้หญิงเท่านั้น เธอว่าผู้ชายทุกข์ไม่ทุกข์......”
เมื่อคิดถึงคำพูดของแฟนกับเพื่อนที่ทำงาน จึงได้ประจักษ์ว่า ชั้นหวังดีเกินไปจนทำร้ายจิตใจของแฟนตัวเอง
  • ยังจำได้เมื่อครั้งเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ชั้นบอกให้เค้าไปสอบป.โท เพราะเหตุนี้ทำให้เค้าไม่ได้พักเลยสักอาทิตย์ เพื่อเตรียมตัวสอบ จนสุดท้ายก็สอบได้
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ชั้นก็คิดว่า ภรรยาควรช่วยผลักดันสามีใช้ก้าวหน้า แล้วที่ชั้นทำนี่มันผิดด้วยเหลอ ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชั้นรู้คำตอบ
  • นั่นก็คือ เรื่องที่เค้าเสียเวลามากมายไปกับการศึกษาค้นคว้าโปรเจ็คหนึ่ง สุดท้ายโปรเจ็คนั้นก็ไม่ผ่าน พอกลับมาบ้านก็เงียบไปถนัด นั่งอยู่คนเดียวในห้อง ขนาดชั้นเดินเข้าไปยังไม่รู้ตัวเลย ชั้นได้แต่ยืนเงียบๆข้างกายเค้า เห็นถนัดว่าดวงตาเค้าเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา คนที่เกลียดผู้ชายร้องไห้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอย่างชั้น เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ถึงความหมายของคำว่า “ลูกผู้ชายไม่ได้ร้องไห้กันง่ายๆ” ชั้นประคองศีรษะของเข้าไว้ในอ้อมอก ชั้นรู้ว่าตอนนี้เค้าต้องการชั้นมากเพียงใด
จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ชั้นได้รู้ว่า เมื่อก่อนชั้นไม่เข้าใจสามีดีพอ ความจริงแล้ว จิตใจของผู้ชายก็เหนื่อยก็ล้าเป็น บางครั้งต้องการบ้านที่สงบมากกว่าผู้หญิงอย่างเราเสียอีก พวกเขาต้องการความรัก ต้องการความเข้าใจและความห่วงใย
  • ผู้ชายเป็นทั้งแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ท้องฟ้าของพวกเค้าไม่ได้แจ่มใสอยู่ตลอดเวลา.......
    ท้องฟ้าของผู้ชายก็มีฝนตกได้เหมือนกัน


    男人的天空也下雨

不知从什么时候开始,和丈夫开玩笑时,他总爱说上一句:“做你的丈夫真难”开始听的时候,我并没有注意,可是后来仔细一想,觉得有点儿不对。心想,我年轻轻的嫁给你,一进你的家门,什么活不干呀?远的不说,生活中用的东西,大大小小哪件不是我买回来的?他说买电脑,我马上举双手赞成,取消了自己买衣服的计划,几乎用了尽家里所有的钱,实现了他的电脑梦。作为妻子,我哪点儿对不起她呢?于是我再三问他,他终于说出了他心中的烦恼。
  • “小英啊,你的希望你的爱确实是我的动力,但是你对我的希望直太高了,即使我是一匹好马,跑一段路也该休息休息,可是你始终没有放下手中的鞭子,我真得很累,很希望有轻松的时候。。。我当然知道你的心是好的,可任何事情都有一个度。今天回家你说谁的丈夫会赚钱,要我向人家学;明天又夸谁的丈夫当了大官,要我像人家一样;后天又说谁的丈夫什么活儿都会干,又会关心妻子。。。你在我面前树立了那么多榜样,可我要真能把他们的优点都学到了,那我就不是人,而是神了。”
事后我把丈夫的观点跟同事们一讲,大家几乎百分之百统一丈夫的观点,尤其是男同胞们。老李说:“从小父母就不允许男孩字哭,说这样不像个男人,于是只好把眼泪咽到肚子里去。长大了才明白,眼泪只属于女人,你说男人苦不苦。。。”
  • 回想着丈夫和同事们的话,忽然发现,我善良的挑剔竟伤了丈夫的心。
记得刚结婚的时候,我曾鼓励他考研究生,为此,他没休息过一个星期天,认真准备,终于考上了。
  • 从那以后,我就认为妻子该能以他特有的方式去里丈夫对生活和事业不断的追求。难道我错了吗?后来发生了一件事,给我做出了回答。
那是他花了很长时间研究的一个题目,没被通过。回到家,他格外沉默,一个人坐在房间里,连我进门都不知道。我悄悄地站到他身边,分明看见他眼里充满了眼水。从来就讨厌男人流眼泪的我,第一次体会到他这时候多么需要我。
  • 从那天起我才感到,以前我对丈夫的理解太不够了,其实男人的心也会累,有时比女人更需要有一个安静的家。他们也更需要爱,需要理解和关心。
男人是太阳也是月亮,男人的天空也下雨,不会永远是晴天。




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2550 4:00:49 น.   
Counter : 528 Pageviews.  



fadoodle
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add fadoodle's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com