
 |
|
 |
 |
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
เรื่องเสียวบนรถไฟ
(สิ่งที่ฉันทำ มันผิดมากนักหรือไง? ฉันไม่ได้ไปโกงใครเขากิน อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น แค่ฉันหาเงินจากการทำเสียว)
เพราะในชีวิตคนเรา ช่วงนึงที่เหมือนกำลังยืนอยู่บนทางแยก ไม่ใช่แค่มิ้งหรอก มิ้งเชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยรู้สึกแบบนี้ ที่ต้องเลือก หรือตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่สำคัญ และอาจมีส่งผลโดยตรงกับชีวิตของเรา หลายเดือนที่แล้ว มิ้งคิดหนักมาก เพราะกำลังคิดมาก ว่าจะทำงานนี้ดีหรือเปล่า จากที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำงานแบบนี้เลย ...ไม่เคยมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวด้วยซ้ำ แต่เพราะช่วงนั้น ต้องรับผิดชอบรายจ่ายหลายด้าน เลยทำให้ตัดสินใจทำแบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่ามิ้งเป็นผู้หญิงรักสบาย หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หรือชอบรวยทางลัด เพราะเมื่อพวกเขาได้รู้ว่างานที่มิ้งทำ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อวัน ก็ได้เงินกลับมาแล้ว
ไม่จริง...มิ้งไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน หรือหน้าเงินอย่างที่ใครๆคิด มิ้งเลือกที่จะทำงานนี้ แต่มิ้งก็เลือก เลือกที่จะทำโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง และไม่ทำผิดศีลกับใคร และที่สำคัญ มิ้งไม่ได้คิดจะทำเพื่อกอบโกยเอาเงินเป็นก้อนใหญ่ๆ เป็นแสนเป็นล้าน แล้วก็กลับไปนอนกอดเงินสกปรกเหล่านั้นอย่างสบายใจหลังจากอำลาวงการเหมือนหลายๆคนที่มิ้งเคยอ่านประวัติเขาเจอหรอก คนกลุ่มนึงมีลูกเล่น ที่จะทำให้ได้เงินมามากภายในเวลาไม่นานกับงานตรงนี้ แต่สำหรับมิ้งมันไม่ใช่ ยอมรับตรงๆ ว่าตอนแรกมิ้งก็กล้าๆกลัวๆที่จะทำงานนี้ ลังเลใจอยู่นาน แต่พอได้ทำแล้วมิ้งกลับรู้สึกชอบ และสนุกกับงานนี้ งานนี้ ทำให้เรารู้จักคนแปลกหน้ามากขึ้น และทำให้บางคนถึงกับติดใจมิ้งไปเลยก็มี(จากที่ไม่ค่อยได้มีเพื่อน หรือไปไหน ทำให้เราเหมือนมีค่ามากขึ้น)
มิ้งต้องบอกก่อนว่า ประสบการณ์การทำเสียวของมิ้งน้อยมาก ทำให้คิดว่า คงได้เงินน้อยกว่าคนอื่นๆแน่ มิ้งเลยตัดสินใจหาข้อมูล วิธีการทำเสียวให้ได้เงินครั้งละมากๆ ทั้งอ่านจากในเน็ต แล้วก็หาหนังสืออ่านด้วย ใช่ แล้วการทำเสียวก็ดันทำให้มีคนมองมิ้งในแง่ร้ายมากๆ วันนั้น มิ้งขึ้นรถไฟ จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่บ้านมิ้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แค่2ชั่วโมงครึ่งก็ถึง แล้วรถไฟขบวนที่มิ้งขึ้นก็แน่นอยู่แล้ว ยิ่งวันนั้นเป็นวันก่อนสิ้นปี (เมื่อปี่ใหม่ที่ผ่านมานี้แหล่ะค่ะ) คนก็ยิ่งเบียดเสียดกันใหญ่ มิ้งคิดว่า คงได้ยืนไปจนถึงบ้านแน่ๆ เลยเอาหนังสือ สอนทำเสียวไปยืนอ่านบนรถไฟด้วยเลย ตอนที่อ่าน มิ้งก็อ่านไปเรื่อยๆ มาหยุดอยู่หน้าที่เขียนหัวข้อตัวใหญ่ว่า สอนทำเสียว Step By Step กำลังอ่านอยู่ดีๆ มิ้งรู้สึกว่าคนข้างหลังเขาโดนตัวบ่อยมาก เลยหันกลับไปมอง มีผู้ชายคนนึงอายุประมาณ30ปลายๆ เขาจ้องมองที่หน้าหนังสือของมิ้งเขม็ง มิ้งคิดว่า เขาคงพยายามอ่านเนื้อหาบรรทัดล่างๆลงมา แต่ก็คงลำบาก เพราะคนเบียดกันแน่นมาก มิ้งไม่ชอบที่เขาโดนตัวบ่อยเกินไป เลยหันหน้ามามองเขาตรงๆ แต่แทนที่เขาจะรู้สึกว่าเขาผิด เขากลับมองมิ้งด้วยสายตาที่พูดว่า มิ้งเป็นผู้หญิงหื่นกาม บ้ากาม ตัณหากลับ แล้วเขาก็เดินหนีไปยืนตรงอื่น
เจ็บปวดค่ะ มิ้งไม่มีโอกาสได้อธิบายใดๆ ก็ถูกคนๆนึงตัดสินแล้ว ตอนนี้เลยได้แต่มานั่งระบายในไดอารี่ แล้วก็มีคำถามฝากไว้ อยากจะถามใครบางคนว่า...
คน SEO คะ การที่คุณจะอ่านออกเสียง คำว่า SEO เป็น เอส-อี-โอ นี่มันก็ไมได้ลำบากยากเย็นอะไรนี่คะ หากคุณคิดว่า การที่เรียกกันอย่างสนุกปาก ด้วยความคึกคะนอง เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนบุคคล แต่ในบางกรณี มันก็ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกัน แถมบางคนต้องมาเข้าใจผู้หญิงน่ารักๆ ตาดำๆ คนนี้ผิดอีกด้วย มิ้งเชื่อว่า เกือบทุกคนที่เข้ามาอ่านเอนทรี่นี้ ก่อนที่จะอ่านมาถึงจุดไคลแม๊กซ์ ต้องคิดไปแล้ว กับคำว่าเสียว อย่างในกรณีของมิ้งนี่ คือ คำนี้มันดันปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือที่มิ้งกำลังอ่านพอดีเลย ตกเป็นจำเลยของสังคม
มิ้งเชื่อค่ะ ว่ามีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักคำนี้
SEO หรือ เสียว(ในแบบของคนไทย) มันมาจาก Search engine optimization คือวิธีการทำให้เว็บไซต์หรือเว็บบล็อกของตัวเอง ติดอันดับต้นๆในระบบการค้นหาอย่างเจ้ากูเกิ้ลเป็นต้นค่ะ มันก็จะส่งผลดีกับเจ้าของเว็บไซต์ หรือเจ้าของบล็อก ถ้าหากเราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ คิดถึงผลที่จะตามมาทั้งอัตราค่าโฆษณาของเรา ที่จะกินขาด เว็บไซต์คู่แข่งได้ดีทีเดียว หรือหากเป็นพวกเว็บบล็อก ที่เอา adsense มาแปะไว้ โอกาสที่คนจะเข้าบล็อกเราก็มีมากขึ้น และอัตราในการคลิกเข้าชมโฆษณาที่ติดอยู่ในบล็อกเราก็มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราได้รับเงินจากกูเกิ้ลได้มากขึ้นตามไปอีกด้วย
ตั้งแต่มิ้งรู้จักคำนี้ SEO มิ้งก็ไม่เคยอ่านออกเสียงว่า เสียว หรอกค่ะ เพรามันคงดูไม่งามเลยใช่มั้ยคะ ที่ผู้หญิงคนนึงจะพูดคำนี้บ่อยๆ ในที่สาธารณะ กับผู้ชาย หรือในกลุ่มเพื่อนๆใช่มั้ยคะ
ค่ะ มิ้งไม่อยากออกเสียงนี้ และเต็มใจที่จะออกเสียงยาวๆ พร้อมแอคเซ่น ให้ดูกระแดะ ว่า เอส-อี๋-โอ้ ดีกว่าค่ะ แต่เรื่องอ่านหนังสือบนรถไฟนี่มันแบบว่า สุดวิสัยมากๆเลย สายตาผู้ชายคนนั้นที่เขามองมิ้ง ไม่มีอะไรจะบรรยายค่ะ นอกจาก เขาบอกมิ้งว่า อิ-บ้า-กาม พอกลับไปถึงบ้าน ต้องซ่อนค่ะ ซ่อนหนังสือเลย กลัวว่าพ่อกับแม่จะเห็นอีก เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไป

Create Date : 15 มกราคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 15 มกราคม 2554 16:53:41 น. |
Counter : 6881 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: Mr.WormDay วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:0:48:53 น. |
|
| |
|
cappuccino mania |
 |
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
สวัสดีชาวบล็อก... ก็แบบว่าอยากมีบล็อกกะเขาบ้างอะไรบ้าง อยากเขียนแนวขำๆให้คนอ่านมีความสุข แต่เสียดายที่คนเขียนเป็นคนบกพร่องทางอารมณ์ขัน ประมาณเล่นมุขแล้วเพื่อนงง ว่านี่เมิงกำลังทำอะไร T_T งานที่เคยเขียนผ่านๆมา(เก็บไว้อ่านคนเดียว)ก็เป็นแนวซีเรียสเหมือนพวกนักวิชาการที่เขียนภาษาไทยแต่เวลาอ่านต้องแปลเป็นไทยอีกที ใช้คำอ่านง่ายๆเข้าใจไม่ยากไม่เป็นกะเขา พอคิดว่า ถ้าเขียนแบบนี้...มีหวัง ไม่มีคนเข้ามาอ่านบล็อกเราเป็นแน่แท้ (ประมาณว่าเข้าใจว่าคนอื่นมีหนังสือเรียนกองอยู่ที่ห้องเยอะแยะแล้ว จะมาอ่านบทความวิจารณ์สังคมให้ไมเกรนรับประทานไปอีกทำไม)
เลยตั้งใจ วาดเป็นเรื่องเป็นราว ให้น่าดูหน่อย(แต่ก็ยังเป็นแนวสะท้อนสังคมอยู่ดี)
ถ้าหากใครเข้ามาอ่าน แล้วไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจ ก็อย่าซีเรียสอะไรมากมาย ถือซะว่าเป็นการมองคนๆนึงว่า มันมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยนะ
โลกนี้มีประชากรเยอะแยะ แตกต่างไปตามสันดานและสันดร
เอาเป็นว่าถ้าไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วย ก็ง่ายๆ อ่านๆให้จบๆไปละกัน(อ้าว555+)
แต่ว่า มิ้งก็รู้สึกนะ ว่าบล็อกนี้เล่นยากอ่ะ ลูกเล่นเยอะ ถ้ามันมีอะไรที่ต้องโต้ตอบกับคนอื่นแล้วมิ้งเฉยๆ มิ้งขอออกตัวไว้ก่อนนะคะ ว่าคือ เล่นไม่เป็นจริงๆ เขาทำอะไรกันยังไงไม่ค่อยรู้เรื่องเลยค่ะ ขออภัยมานะที่นี้ด้วยเน้อ
มิ้งเขียนอยู่2บล็อกค่ะ (จะหาตังค์จ่ายค่าอาหารแมวน่ะ) ถ้าใครว่างๆก็ไปเยี่ยมบล็อกโน้นได้นะคะ แต่ดูท่าแล้ว มิ้งคงอัพบล็อกนี้บ่อยกว่าล่ะค่ะ เพราะบล็อกโน้นเงียบมาก มีแต่คนต่างชาติเข้ามาดูมากกว่า(เขาคงไม่ได้อ่านหรอกค่ะ แต่เห็นจากสถิติ เขาเข้ามาดูที่มิ้งเขียนแนะนำการใช้โปรแกรมใน BlackBerryกัน)
|
|
 |
|
|
|
|
|
|
ไอ้เรื่องคนอื่นจะมาเข้าใจผิดมันก็ไม่น่าแปลกใจจริงๆน่ะ
สงสัยคราวหน้าต้องห่อปกหนังสือไว้ไม่ก็อ่านในห้องตัวเองแล้วล่ะครับ
อย่าคิดมากเลยเน๊อะ ผู้ชายคนนั้นเราก็ไม่รู้จักไม่ใช่ญาติเสียหน่อย