2553 เมษา...หนาวจัดที่ปักกิ่ง

หลังจากผันตัวเองจากนักศึกษา มาเป็นคนทำงานได้ 3 ปี ก็เริ่มมีเงินเก็บได้กับเขาบ้าง เมษาปี 2553 จึงเป็นปีที่พอจะมีเงินพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวในที่นี่ไม่ใช่แฟนนะครับ (คนไม่หล่อ เลยยังหาไม่ได้ 555+) เข้าเรื่องๆ ทริปแรกนี้เลยพาพ่อกับแม่ไปปักกิ่ง ตั้งเป้าไว้เลยว่า ต้องไปในที่ที่มีกำแพงเมืองจีนเท่านั้น เพราะที่บ้านเป็นคนจีน แม่ต้องปลื้มแน่ๆ ว่าแล้วก็จัดการจองทัวร์ (ที่รู้ว่าแพง เพราะไปช่วงสงกรานต์) และเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกกับครอบครัวและสำหรับตัวผมเองด้วย จึงตื่นเต้นมิใช่น้อย ผมจึงตัดสินใจไปกับทัวร์ (ออกแนวชะโงกทัวร์ 555+)

มาเริ่มกันที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ ขอบอกว่าคอยกันนานมากครับ กว่าเครื่องจะออกก็ปาไปเกือบตี 2



หลังจากที่ผ่าน ตม.เรียบร้อยก็ Kingpower ละลานตามาก อยากซื้อไปหมด เพราะทุกอย่างถูกกว่าที่เคยซื้อ เล่นเอาเกือบตกเครื่องกันเลยทีเดียว จนเขาต้องเรียก Final call



เค้าจาเอาคนนี้อ่า มีป่าววว...




กำลังจะขึ้นเครื่องครับ



และนี่คืออาหารที่อยู่บนเครื่องครับ อ้อ..ลืมไป ผมบิน business นะครับ อาหารเลยมาซะเต็มชุด แต่ตินิดนึง แอร์หน้าตาไม่ผ่านคับ -*- (ซะงั้น!!)



ที่นั่งของ business ครับ แต่ที่นั่งสู้รถทัวร์บ้านเราแบบ VIP ไม่ได้เลยครับ มันแคบและเอนได้น้อยมากๆ



ส่วนตรงนั้นคือ First class ครับ ก็ไม่ได้กว้างอะไรมากมายนะผมว่า



ผมบินกับลำนี้นะครับ Air China


มาถึงก็สัมผัสกับอากาศหนาวได้เลยทันที จากที่เตรียมเสื้อผ้าไป 5 ชุดกะว่าไป 5 วัน ผลคือกระผมต้องเอาชุดทั้ง 5 ชุดมาเหมาใส่ภายในวันเดียวกันซะงั้น ส่วนหมวกและผ้าพันคอ ก็ต้องไปหาซื้อเอาที่นั่น ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่ามันจะหนาวได้ใจขนาดนี้

ต่อมา คือวิวตัวเมืองปักกิ่งครับ ถ่ายจากบนรถทัวร์




และที่แรกที่เราไปกันคือพระราชวังต้องห้ามครับ


ภายในห้องว่าราชการสมัยนั้น อย่างขลัง !!




และนี่คือดอกเหมย ดอกไม้ของจีนที่ไม่มีใครไม่รู้จักครับ ถ่ายจากสวนภายในพระราชวังต้องห้าม



สีขาวก็มีนะครับ



ส่วนนี่ไม่รู้ต้นอะไร แต่มันแปลกมากเลยถ่ายมา



เดินขาลากมากครับ ตอนนี้แหละ สงสารแม่มากเลย เพราะเดินช้า แต่ทัวร์เขาก็รอนะครับ





ต่อมาเป็นภาพของที่พักของผมและครอบครัวครับ หรูใช้ได้เลยทีเดียว เขาบอกว่า 4 ดาว



LCD ก็จอใหญ่ซะ แต่ไม่เคยได้เปิดเลยครับ ไม่มีเวลาเปิด กลับถึง รร ก็หลับเป็นตายแล้วครับ เหนื่อยมากมาย คือตั้งแต่ลงจากเครื่องมา ยังไม่ได้พักเลยครับ ตารางทัวร์แน่นมากกกก...



อีกมุมคือ ห้องน้ำ.....



เช้าวันต่อมาเขาพาไปดู aquarium ดูเจ้าตัวนี้กันครับ







ติดใจแมงกระพรุนมาก รูปร่างหน้าตาประหลาดเกินบรรยาย ดูรูปเอาเองละกันครับ









ออกจาก aquarium รถขับผ่านหอคอยไข่มุก เลยได้มาอีกภาพ


แล้วก็สนามกีฬารังนกที่โด่งดังครับ


มาต่อกันที่พระราชวังฤดูร้อนครับ ก่อนเข้ามีตัวนี้อยู่ด้านหน้าสุดเลยครับ มันคือ กิเลนไฟ ไกด์บอกว่า ไม่ควรไปถ่ายรูปด้วย เพราะมันจะเผาไหม้ทุกสิ่งในชีวิตของเรา







พอกลางคืนหลังทานข้าวเสร็จ ก็ไปเดินที่ถนนคนเดินกัน กว้างและใหญ่มากครับ ผมได้ของฝากหลายชิ้นจากที่นี่ครับ


มาแล้วครับ กำแพงเมืองจีนที่ใฝ่ฝัน ผมกับพ่อทั้งเดิน กึ่งวิ่ง กึ่งคลาน แต่ก็ถึงป้อมที่สูงที่สุดเลยครับ ดีใจมาก แดดจัดมาก แต่ไม่ร้อนครับ หนาวมากกว่า วิ่งขึ้นนี่ไม่มีเหงื่อเลย








เหมือนในหนังเลยอ่า



ดูราวบันไดดีๆ เหมือนมังกรเลยอ่า มิน่า เขาถึงบอกว่าคนจีนจะถือว่า กำแพงเมืองจีนคือตัวมังกร



แล้วก็มาถึงพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริงมาก







ส่วนที่อูอลังการอยู่นี่ มันเป็นร้านขายปี๋เซี๊ยะครับ แพงมากๆครับ ซื้อไม่ไหวเลยครับ เค้ามีสอนวิธีการเลี้ยงปี๋เซี๊ยะด้วยนะครับ



อีกวันเรามากันที่หอฟ้าเทียนถาน หนาวได้ใจจริงๆเมษาปีนี้ 555+






จบแล้วครับ สำหรับทริปนี้ มันช่างเหน็ดเหนื่อยกับการเดิน และการนั่งรถซะเหลือเกิน หัวถึงหมอนเมื่อไหร่เป็นหลับเลย แต่อิ่มใจมากมายที่ได้พาพ่อแม่ไปเที่ยว และแอบสัญญากับตัวเองลึกๆอยู่ ถ้าแม่ยังเดินไหว (ตอนนี้อายุ 73 แล้ว) ปีต่อๆไปก็จะพาไปอีกให้ได้..แน่นอน (ถ้าไม่ตกงานซะก่อนนะ 555+)

Create Date : 26 มีนาคม 2554		25 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2554 1:21:32 น.
Counter : 7974 Pageviews.
Share Tweet