เมษายน 2558

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
Piano&I : Review การเรียนเปียโนของตัวเอง
เกริ่น
เราเขียนโพสเกี่ยวกับการเรียนเปียโนขึ้นมา เนื่องจากว่าเราอยากเขียน 55555 เราชอบเรียนเปียโนมาก แม้ว่าอาจจะไม่ได้เก่งระดับอาชีพ แต่เราก็พยายามมาจนถึงจุดที่ได้เป็นครูสอนเปียโน
"เปียโน" ไม่ได้ให้เราแค่ความเพลิดเพลิน มันให้อะไรเราเยอะมาก เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และแบบฝึกหัดสำหรับความพยายามให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ความอดทน และหลายๆอย่างที่ทำให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่
เราอาจจะไม่ได้ทำงานในวงการสอนดนตรีไปอีกนาน เราจึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ เป็นวิทยาทานให้กับคนที่สนใจเรียนเปียโนเอง หรือ เรียนเปียโนอยู่แล้ว หรือ หาที่เรียนให้ลูกหลาน ได้รู้ และ อาจนำเรื่องของเราไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน :)

พื้นฐานการเรียน และ โรงเรียนที่เรียน

1. หลักสูตรตระกูล J ของโรงเรียนสีม่วงที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
เราเริ่มเรียนJMC ตั้งแต่ 5.5 ขวบ จนถึง.... ทายสิ 23 ขวบ 55555555555 โคตรนาน!
ลักษณะการสอน: เป็นกลุ่ม ให้ผู้ปกครองเข้าไปนั่งเรียนในห้องด้วย ครูมี 1 คน ต่อนักเรียนประมาณ 7-8 คน บางที่ก็ 10
ลักษณะหนังสือเรียน: มีภาพสวยงาม มีสติกเกอร์ดึงดูดใจเด็ก มีซีดีเพลงให้ฟังประกอบ
หนังสือเรียนจะเหมาะสำหรับเด็กมากๆ เน้นการเรียนเชิงปฏิบัติ และ ซึมซับเข้าไปในตัว ไม่ได้มีพวกทฤษฎีหนักๆ เช่นเรื่องคู่เสียงตั้งแต่แรก (แต่จะเน้นพวกจังหวะ ตัวกำกับจังหวะ อะไรพวกนี้มากกว่า)
เริ่มให้นักเรียนใช้มือซ้ายและมือขวาควบคู่กันตั้งแต่เล่มแรกๆ หรือช่วงเริ่มเรียนแรกๆ ซึ่งเราว่าดี เพราะทำให้เด็กไม่กลัวการเล่นเพลง2 มือพร้อมกัน (แบบเสียงประสานนะ ไม่ใช่วาง2มือ แต่เล่นแยกกัน)
ข้อดี:
-เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
-เด็กจะเล่น2มือได้ตั้งแต่แรก ไม่กลัวการเล่นพร้อมกัน (เรื่องแบบนี้ หัดตั้งแต่เล็กเราว่าดีมาก เพราะ-เด็กที่เรียนหลักสูตรแยกมือ จะกลัวการเล่นเสียงพร้อมกัน และ รู้สึกว่ายาก แต่เราเรียนสองมือแต่เล็กๆ เลยรู้สึกเคยชินไปในตัว)
-เน้นการซึมซับ เพราะฉะนั้นเด็กจะจำพวกทฤษฎี(บางส่วน) ไปได้เองโดยไม่ต้องท่อง
-มีเพื่อนเรียนด้วยกันเยอะ เด็กจะไม่เบื่อ

ข้อเสีย
:
-เมื่อโตขึ้น หลักสูตรเหมือนจะวนไปวนมา เรารู้สึกเหมือนเรียนไม่จบซักที 555555 แม้ว่าจะยากขึ้น แต่เราว่าเหมือนเค้ามาเพิ่มพวกทฤษฎีในภายหลังแบบอัดๆ เช่นพวกคู่เสียง พวกลักษณะ chord หรือการแต่งเพลง คือระดับมัน advance ขึ้น แต่ว่าพวกตัว piece เราว่าความยากมันยังไม่สุด ถ้าพวกเพลงญี่ปุ่นก็จะไม่ยากมาก แต่พวก piece เพลงคลาสสิค ถ้าคิดจะเรียนต้องให้ครูที่เก่งคลาสสิคมาติวให้ เนื่องจากอารมณ์เพลง หรือ ความละเอียดของเครื่องหมายตามทฤษฎี และ ยุคของเพลงนั้นมีผลต่อคะแนนมากๆ (เราตกสอบรอบ G.5 Perform เพราะเล่นโน้ตถูก อารมณ์ผิด 5555 แป่ววว)
-มีคนเรียนด้วยเยอะ ได้รับการเอาใจใส่ไม่ทั่วถึง คือ เด็กเยอะ ยิ่งโตเราก็ยิ่งต้องการความเอาใจใส่ในการสอน และ การซ้อมมาก ปกติแล้วเด็กที่ไม่ซ้อมมา จะตามเพื่อนไม่ทัน เด็กช่วงประมาณประถม จะเริ่มมีภาระการบ้านที่โรงเรียนและซ้อมไม่เพียงพอ เพลงก็ยากขึ้น จึงควรได้รับความสนใจมากขึ้น แต่คุณครูมีแค่คนเดียว แค่ให้การบ้านนักเรียนไปซ้อมวันละเพลง พอเอาไปเช็คหน้าห้องคนละเพลง ก็หมดเวลาแล้ว บางทีคุณครูไม่มีเวลาจะมาจี้จุดที่เราผิด หรือ ย้ำให้แก้ เนื่องจากเวลาไม่พอ ดังนั้นบางทีถ้าเด็กไม่ขวนขวายเอง อาจจะตามเพื่อนไม่ทัน แล้วเบื่อๆ เลิกเรียนไปเอง
-สมัยเราเรียน ไม่สามารถเรียนข้ามชั้นได้ และเวลาสอบ ต้องรอให้ทุกคนในคลาสพร้อมจะสอบ ซึ่งเราว่าค่อนข้างเสียเวลา แล้วมีกฎที่ต้องเข้าเรียนติดกัน 6 เดือน ถึงจะเข้าสอบได้ ทำให้รอกันไปรอกันมา (แต่รู้สึกสมัยนี้จะสามารถพาร์ทชั้นเรียนได้ แต่ต้องเป็นหัวกะทิของคลาส จะถูกแยกมาเรียนหลักสูตรพิเศษอะไรสักอย่าง.... ลองไปสอบถามที่ รร. ดูนะคะ)

2. หลักสูตรเปียโนเดี่ยว ของ รร.ม่วง
เราเริ่มเรียนเปียโนเดี่ยวของ รร.ม่วง ช่วงประมาณ ประถมปลายๆ เนื่องจากเหตุผลด้านบน พอเรียนประถมแล้ว การบ้านเยอะ เกเร ไม่ค่อยซ้อม ผปค.ก็ไม่อยากเข้าไปเรียนด้วยแล้ว ส่วนนึงเพราะเซ็ง ที่ลูกไม่ซ้อม แล้วโดนครูดุในห้องทุกวีค 55555 (การซ้อมเป็นหน้าที่ของลูกก็จริง แต่ลูกเองยังเด็ก ไม่มีวินัยที่ดี บางครั้งก็ต้องรบกวนให้พ่อแม่กวดขัน แต่ก็นะ... ตอนเด็กเราดื้อมาก ไม่โทษใคร 5555) คุณครูเลยแนะนำให้เราเรียนเปียโนเดี่ยว เพื่อ "เสริม" การเรียนกลุ่ม
แต่.... เราดื้อของแท้ ตอนเริ่มเรียน ครูถามว่า หนูจะให้ครูสอนเสริมให้จาก J ใช่มั้ย?
เราบอกว่า.... เค้าบอกให้หนูมาเรียนเพราะงั้น แต่หนูอยากเรียนเพลงข้างนอกค่ะ (ดูความแสบสิ 55555)
ลักษณะหนังสือเรียน: เราก็เรียนตามหลักสูตรเปียโนเดี่ยวเก่าของเค้าเลยนะ แบบหนังสือเป็นเล่มตั้งๆภาษาญี่ปุ่น มี4สี แดง/เหลือง/เขียว/ฟ้า เราเรียนแค่เล่ม เขียว-ฟ้า เพราะเข้าเรียนกลางคัน เลยไม่ต้องไปเริ่มใหม่แต่แรก แล้วก็เรียนต่อด้วย Piano Piece เล่มสีเขียว (for Children)

ลักษณะการสอน: เรียนคนเดียว แต่ครูของ รร.ม่วง จะอยู่กับ นร. ห้องละ 15 นาที วนไป 2 ครั้ง สิริรวมคือ ครั้งละ 30 นาที (ช่วงที่เค้าวน จะเป็นช่วงที่ปล่อยให้เด็กซ้อม... แต่บางทีเด็กก็นั่งเฉยๆ 5555)
 เราชอบเรียนเดี่ยวนะ เราว่ามันดีมาก แบบเราได้เรียนรู้อะไรเยอะ ทั้งพวกเพลงเพราะๆข้างนอก ทฤษฎี ซึ่ง "ส่วนใหญ่" ครูที่สอนเปียโนเดี่ยว จะมีความรู้ทางด้านเพลงคลาสสิค ทฤษฏีดนตรีที่ค่อนข้างแน่น แล้วพวกเพลงยากๆ ก็จะสอนทฤษฏีเราไปในตัว (พวก ทริลล์นิ้ว พวกDynamic หรือสัญลักษณ์อะไรที่ยากๆ เราจะเรียนรู้ได้จากเพลงพวกนี้มากกว่าเพลงของหลักสูตร ที่เค้าทำออกมา ตามพัฒนาการเรา คือ เราเรียนทฤษฎีมาแค่นี้ ก็มีความยากแค่นั้น ซึ่งเราว่ามันก็ดี ไม่ยากไป แต่ไม่ค่อยท้าทายความสามารถเด็ก จะทำให้เด็ก play safe คือ พอเจอสัญลักษณ์ยากๆ ก็จะไม่เล่น ซึ่งเราว่า มันไม่ดีเท่าไหร่)
การสอนนี่แล้วแต่ครูแต่ละท่านจริงๆ บางคนชอบตามหนังสือ บางคนชอบหาเพลงข้างนอกมาให้ แต่ส่วนใหญ่จะแล้วแต่อารมณ์เด็ก (เช่นเรา 5555) เล่นเพลงในเล่มไปนานๆ จะเบื่อ และไม่ค่อยอยากซ้อม ทำให้เพลงไปได้ช้า ครูบางคนเลยหาเพลงยากๆ มาให้เราเล่นโชว์คอนเสิร์ต แต่ดีที่เราชอบเพลงยาก คือยากไม่กลัว กลัวเบื่อ ถ้าชอบเพลงไหนจะขยันซ้อมหน่อย (ปกติของมนุษย์)
แต่สิ่งที่ดีของการเรียนเดี่ยวคือ เราจะได้รับการเอาใจใส่ค่อนข้างดี ผิดจุดไหน ก็จะจี้ จนกว่าจะแก้จุดนั้นได้ ทำให้เราเล่นเปียโนได้ถูกต้อง แล้วก็จดจำได้ดี (แต่เรื่องแก้ไขจุดผิด แล้วแต่ครูนะ บางคนเค้าก็ให้กลับไปซ้อม แล้วค่อยมาว่ากันวีคถัดไป)

ข้อดี:
-เรียนคนเดียว ได้รับการเอาใจใส่ที่ดีกว่าแบบกลุ่ม
-เรียนเพลงข้างนอกหลักสูตรได้ (ถ้าแบบกลุ่มเรียนเพลงข้างนอกไม่ได้ เค้ามี schedule การเรียนของเค้า ยกเว้นจะส่งแข่ง อาจจะได้เล่นเพลงข้างนอก)
-ได้เรียนรู้พวก ทฤษฏีนอกหลักสูตร (ตามความยากของตัวเพลง)

ข้อเสีย:
-สำหรับเด็กเล็กๆ จะเกิดอาการเบื่อได้ง่ายมากๆๆๆๆๆๆ เด็กหลายคนก็เลิกเรียน เพราะว่าเบื่อที่ต้องอยู่คนเดียว
-ไม่มีหลักสูตรตายตัวสำหรับแต่ละคน ขึ้นกับครูแต่ละท่าน ถ้าเด็กคนไหนสอบเกรด ก็จะมีtimeline และแผนการเรียนที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าเรียนแต่เพลงที่อยากเรียน เช่น พวกเพลงป็อบ เพลงข้างนอก ก็อาจจะเรียนรู้พวกทฤษฎีได้ไม่ต่อเนื่อง (เรียนแบบเอามาปะติดปะต่อกันเอง เพลงไหนมีต้องสอนก็สอน)

3. หลักสูตรเปียโนเดี่ยว ของ รร.สีชมพู ข้างๆรั้ว ม.สีชมพู อยู่ในสถานที่ติดแอร์
เราย้ายมาเรียนเดี่ยวกับที่นี่ช่วงกำลังจะขึ้นปี3 สาเหตุหลักคือ เราไปเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ค่อยสะดวก เพราะมีต้องเรียนชดเชยวันเสาร์ มีทำกิจกรรมบ่อย เลยอยากหาที่เรียนวันธรรมดา แล้วก็สะดวก
อีกส่วนก็เพราะรู้สึกว่าอยากสอบเกรดของ Trinity แล้วก็อยากปูพื้นฐานใหม่ด้วย คือ เราไม่เก่ง Sight Reading แต่เราหูดี Hearing ล้วน แม้แต่ Piece ยากๆ เราก็อาศัย Copy ครูเอา (ไม่ดี และ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างโดยเด็ดขาด!) ตอนเข้ามาใหม่ๆ กำลังจะสอบ G.5 Theory ของ รร.ม่วง ซึ่งมีคนบอกไว้ว่า G.5 รร.ม่วง เทียบได้กับ G.8 Trinity แต่เราไม่เชื่อในความสามารถตัวเองขนาดนั้น เลยลองมาเทส และ ก็เป็นจริง ความสามารถเราประมาณ G.6 Trinity แต่เรายอมรับความจริงนะ รู้ตัวอยู่แล้ว ถึงได้มาแก้ ซึ่งรู้สึกเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ตั้งแต่เคยตัดสินใจมา (เว่อร์ 55555)

ลักษณะการสอน: ครู1 ท่าน นร. 1 คน ครูอยู่ตลอดเวลา 1ชม.เต็ม
การเรียนเราเน้นที่การเตรียมสอบ Trinity เป็นหลัก แต่ว่าเราเรียนละเอียดขึ้น เรียนพวกทฤษฎี พัฒนาการฟัง เทคนิคการเล่นเยอะมาก
การจะสอบเกรดนี่ คุณครูสำคัญมาก ต้องเคี่ยวเข็ญ แล้ว นักเรียนก็ต้องมีวินัยในการซ้อมเป็นอย่างดี คือแบบ เราชอบมาก ชอบทั้งคุณครูที่กล้าดุเราในจุดที่เราผิด เอาใจใส่การสอน และวางแผนการสอนมาตามช่วงเวลาที่เรามี (ถ้าจะสอบควรแพลนเวลาให้เหมาะสม บริหารให้ดีตามเวลาเราเรามีอยู่) แล้วก็ชอบที่เราต้องขวนขวายซ้อมเอง เราว่าเราโชคดีมากกกกกก ที่ได้คุณครูดี และ เอาใจใส่ คือเราชอบเรียน ชอบที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพลง เกี่ยวกับพวกลักษณะของเพลงแต่ละยุค คือรู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไร จริงๆจังๆ :)
ช่วงที่เราจะสอบG.6 นี่ รากเลือดมาก ช่วงนั้นปี3 เรียนหนักสุด สอบที่ม. 8-9 ตัว แล้วก็มีสอบเปียโนช่วงที่จะสอบไฟนอลของที่ ม. อีก แต่คือ โชคดีมาก สอบที่ ม. ก็ได้เกรดดี แล้วสอบเปียโนก็คะแนน ok ระดับ Merit อีก >< เป็นความภูมิใจดีๆของช่วงนึงในชีวิตเลย ก็ว่าได้ 555555
ตอนนี้เราจบ G.8 แบบ with Merit แล้ว :) เรียนจบจริงๆ ตอนก่อนอายุ 24

สรุป
การเรียนแต่ละที่ มีสไตล์การสอนที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า คนเรียน ถูกจริตกับวิธีการสอนแบบไหน กับครูท่านไหน คือส่วนตัวเรา เรามาค้นพบ ว่าเราชอบเรียนแบบสอบ Trinity มาก แต่เราก็ไม่ลืมนะ ว่าเรามีที่มาจาก รร.ม่วง แล้วที่เรามีพื้นฐานการฟังที่ดีมากๆ ก็มาจากการเรียน รร.ม่วง แต่ว่า แต่ละที่ก็มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป บางอย่างมันจะได้อย่างเสียอย่าง เราต้องพิจารณาให้ดี ว่าเราเหมาะที่จะเรียนอะไร แบบไหน จุดประสงค์ในการเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เราอยากเป็นครูสอนเปียโน จึงอยากสอบใบ certificate เพื่อใช้ในการสมัครงาน จึงอยากเรียน Trinity
อีกอย่างคือ เราอยากเรียนรู้จริงๆ ไม่ใช่แค่บอกใครว่าเราเล่นเปียโนเป็น แต่พอถึงเวลาแล้วไม่ได้เรื่อง เราไม่ได้คิดแค่ว่า การสอบคือการทำเพื่อ กระดาษแผ่นเดียว แต่เราว่าในความพยายามฝึกซ้อม และ เรียนรู้เนื้อหาของเพลงในระหว่างการได้มาซึ่งกระดาษแผ่นนั้น ทำให้เราได้เรียนเปียโนอย่างแท้จริง
การเล่นเปียโนอะนะ 20% มาจากการสอน 80% คือการฝึกซ้อม และ ถึกทนล้วนๆ ถ้าเราอดทนกับเรื่องเล็กๆอย่างการเรียน และ ฝึกซ้อมเปียโนอย่างสม่ำเสมอได้ เราก็จะเติบโตเป็นคนที่มีความพยายาม และ มีความอุตสาหะ

สิ่งที่อยากบอก

หลายคนมองว่าการเรียนเปียโน ศิลปะ หรือ พวกวิชาเสริม เป็นแค่เพื่อความบันเทิง
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเรียนกวดวิชา เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ควรจะเลิกเรียน
แต่เราเรียนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรียนมาสมัยอนุบาล เราดร็อปอย่างมาก ก็ 3 เดือนแล้วก็กลับมาเรียน แล้วก็หยุดเรียนแล้วกลับมาเรียน วนไปวนมา (จริงๆคือ นโยบาย รร.ม่วง ห้ามดร็อปเกิน 3 เดือน 55555)
ช่วงที่เราเรียนหนักๆ เพื่อนเราก็ถามว่า ทำไมไม่หยุดเรียน ทำไมไม่เลิกเรียน แค่เรียนหนังสือก็หนักจะตายอยู่แล้ว ยังจะไปเรียนเปียโนในลำบากอีก
แต่เราก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเลิกเรียนเลยนะ เพราะเรายังไม่ถึงเป้าหมายที่จะเป็นครูสอนเปียโน (ณ ตอนนั้น)
เราไม่อยากให้คนมาว่าเรา ว่าการเรียนเราเสีย เพราะเราเอาเวลาไปเรียนเปียโน เราเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ทั้งเรียนเปียโนให้ดี และ เรียนหนังสือให้ดีด้วย คนจะได้เลิกว่าเรา 55555 แล้วเราก็อยากพิสูจน์ตัวเองด้วยแหละ ว่าถ้าเราตั้งใจ อะไรก็เป็นไปได้
เราไม่เคยคิดว่าเราเก่ง ช่วงเรียนมหาลัย ใครๆก็เลิกเรียนเปียโน แต่เราไม่อยากเลิก ไม่อยากล้มความตั้งใจง่ายๆ เราเลยขยันเรียนมากขึ้น จนเริ่มเรียนหนังสือ อ่านหนังสือเองเป็น (สมัยมัธยม เรียนไม่เป็น เลยเรียนพอรอดไปวันๆ) แล้วพอเจอครูเปียโนที่สอนแล้วคลิก เราก็เริ่มซ้อมเปียโนเป็น มีหลักการในการซ้อม และ มีวินัยมากขึ้น


เราเชื่อว่าเปียโนให้อะไร มากกว่าความสามารถพิเศษ
ถ้าหากเราตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว ก็ตั้งเป้าหมาย แล้วทำให้เต็มที่ :)



Create Date : 12 เมษายน 2558
Last Update : 12 เมษายน 2558 23:12:56 น.
Counter : 3852 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

earpphat
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]