ZeRoCooL อ่านว่า "ซีโร่คูล"
Group Blog
 
All Blogs
 

MD - Mini Disc Player - Portable Music player ที่โลกลืม? แต่ผมไม่ลืม

ถ้าพูดถึง MD Player หรือ Mini Disc Player หลายๆคนคงสงสัยและงงว่ามันคืออะไร

MD Player คือ Music Player Generation หนึ่งซึ่งให้เสียงที่เรียกว่าใกล้เคียง CD เลยทีเดียว ออกมาสู่ตลาดครั้งแรกในปี 1992 พัฒนาโดย SONY ข้อมูลจาก Wiki "The Sony MZ1 MiniDisc player, the first to hit the market in 1992" ใช้การบันทึกหรือ Media แบบ Magneto-optical disc 74 Min และ 80 Min




การพัฒนาของ MD นั้นมีการพัฒนายาวนานถึง มากว่า 12 ปีเพราะในปี 2004 Sony ได้ปล่อย Hi-MD ซึ่งเป็น Generation ตัวล่าสุดของ MD รวมทั้ง MD แบบ 1GB Hi-MD Disc ซึ่งในตัว Hi-MD นี้เอง สามารถ

Recording ใน mode PCM 1411.2 Bitrate (kbit/s) Linear PCM 94 Min นั่นคือเทียวเท่า Format การอัดแบบ CD นั่นเอง

ถ้าให้ Quality ของเสียงที่ดีกว่าและขนาดเล็กกว่า CD พกพาทั่วไป แล้วทำไม MD ถึงไม่เป็นที่นิยมล่ะ
ในตอนแรกๆ ด้วยข้อจำกัดของการอัดที่ยุ่งยาก และใช้เวลานานในการจะอัด CD 1 แผ่น ลงใน MD ซักแผ่น
นานขนาดไหนเหรอแผ่น CD ของคุณความยาวเป็นนาทีเท่าไหร่ ก็นั่นล่ะ คุณต้องนั่งรอมันไปจนหมดแผ่น (แต่เราก็ไปทำอย่างอื่นได้นิ ไม่ต้องนั่งมอง)


การอัดลง MD ที่แสนจะวุ่นวายกว่า MP3


Sony จึงแก้ปัญหาพัฒนาออกมาเป็น Net MD สามารถต่อกับ Computer ในการบันทึกได้เลย เร็วกว่าแบบเดิมมาก แต่ก็ต้องแลกกับ คุณภาพเสียงที่ลดลง
อีกทั้งตอนออกมาใหม่ๆ เป็นอะไรที่แพงมากๆ เอาซะด้วย ย้อนกลับไป 6-8 ปีที่แล้ว Net MD ที่ขายอยู่ที่ Shop Sony นั้นราคาอยู่ราวๆ 12000-20000 บาท
ตัวอย่าง รุ่นที่ผมมีอยู่ในมือ Sony MZ-N910 Player/Recorder Net MD ราคาตอนซื้อที่ Shop ก็ 14900 บาทครับ แพงเอาการเลยทีเดียว ตอนนั้นคงเพิ่งเรียนจบ ไม่มีปัญญาซื้อหรอก
เมื่อเดือนที่แล้วผมได้เครื่องนี้อุปกรณ์ครบชุดมาในราคา 2000 บาท จากเวปมือ 2 ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ขอบคุณน้องคนนั้นมากหุหุ


Sony MZ-N910 ได้ตัวนี้มา 2000 อุปกรณ์ครบเล่นได้อัดได้ 100%


ทำไมต้อง MD จะไปวุ่นวาย อะไรกันมากมายก็แค่ฟังเพลงผ่านหูฟัง?
นี่คงเป็นคำถามที่ยังคงคาใจหลายๆ คน ผมขอทายว่าคนที่ถามคำถามนี้กับคนที่ยังเล่นและหลงรัก MD
คือผู้ที่ยังไม่เคยสัมผัสเสียงที่เล่นออกมาจากเครื่องเล่นที่ขนาดเท่ากระเป๋าตัง กับแผ่นสี่เหลี่ยมคล้ายๆ Floppy Disc
หรือถ้าเคยได้ยินแล้วก็ไม่พึงประสงค์ที่จะเล่นมัน เพราะมันเป็นอะไรที่วุ่นวายจริงๆ หาอุปกรณ์ ก็ยาก แผ่นก็หายาก แบตเตอรี่ ไรงี้โอ๊ย ปวดหัวๆ

หน้าตาแผ่น MD ด้านบนจะเป็นแผ่นแท้ ด้านล่างจะเป็น Recordable MD อัดได้ลบได้

แต่....อะไรๆที่วุ่นวาย ยุ่งยากทั้งหมดนี้ มันได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นเสน่ห์ของ MD ครับ เคยได้ยินมั๊ยครับว่า "อะไรก็ตามที่ได้มาง่ายๆ มันมักจะไม่ค่อยมีค่า"
คนส่วนใหญ่ที่ยังเล่น MD อยู่นั้น มักจะมีความสุขกับการทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับมัน เช่น
การอัดที่หลากหลาย และยุ่งยาก อัดผ่าน USB, Optical, Line in โอ๊ยเยอะแยะไปหมด ขอ Copy ส่วนหนึ่งของกระทู้ใน pantip
############
จากคุณ Reigen
ข้อดีของ MD ครับ
1. คุณภาพเสียง
2. กำลังขับ
3. ความหลากหลายทางแนวเสียงที่เรียกได้ว่า มากมาย
เช่น....
- เล่นเครื่องเล่น
- เล่นเครื่องอัด
- เล่นอุปกรณ์ สาย Optic Analog
- การปรุงแต่งต้นทาง... หรือ เล่น Source
- เล่นแผ่น MD
4. Matching กับ Earbud มากมาย (ทำให้เล่นหูที่ถูกลง ในคุณภาพที่มากขึ้น)

ข้อเสียของ MD
1. เครื่องค่อนข้างผ่านกาลเวลา ( ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อ เว้น พวก Hi-MD รุ่นใหม่นะ)
2. มีเครื่อง รุ่นเยอะมาก... จนต้องมีแนวทางในการเล่นไม่งั้น... - -"
3. ใช้ระยะเวลาในการอัดยาวนานกว่า MP3 แต่คุณภาพก็เพิ่มขึ้นในเวลาที่เสียเพิ่มขึ้น
4. ต้องพกพาอุปกรณ์หลายชิ้นในการฟัง.. เช่นแผ่น MD เครื่องเล่นที่ใหญ่กว่า MP3 หลายรุ่น
5. ตอนนี้ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีคนกลับมาเล่นพอสมควร - -" สูงกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยอะ..


*** MD น่าจะเหมาะกับคนที่ละเมียดในการฟังดนตรี และชอบพูดว่าถ้าอีกนิดจะเป็นอย่างไร..****
*** แต่น่าจะไม่เหมาะสมกับ ท่านที่ชอบความรวดเร็วโดยรับได้กับคุณภาพที่หายไป*****
############
สำหรับผมแล้วที่ยังเล่นและฟังเพลงจากมันอยู่นั้นมีเหตุผลแค่นี้ครับ
1.ความ Classic เท่านั้นเป็นอย่างแรกที่ผมเล่น
2.ความยุ่งยากในการอัด แบบต่างๆ
3.เรื่องเสียงไม่ต้อง พูดถึงฟังทีไรพริ้มทุกที
4.ตามหาเครื่อง ตามหาแผ่นเนี่ยล่ะสุดยอด
5.รูปลักษณ์สวยงาม ชวนสะสม
เสน่ห์ของมัน + ความ Classic ทำให้มันยังไม่ตาย ไปจากโลก

ลองดูกระทู้พวกนี้ครับ
//www.pantip.com/tech/gadget/topic/TM2774963/TM2774963.html
//www.pantip.com/tech/gadget/topic/TM2810336/TM2810336.html

ลองหาฟังเสียงมันดูครับผมรับรองว่า คุณจะวาง MP3 ไว้ในตู้เลย

สรุป MD เหมาะกับใคร
- ผมคิดว่าเหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพในการฟังดนตรี เหมือนกับว่าเราฟังความไพเราะของดนตรี ไม่ใช่ฟังแค่เพลง
- ต้องพยามยามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุดมายัดใส่ใน MD เรา แม้ว่าจะลำบากยากเข็ญแค่ไหนก็ตาม
- วิตกจริตในการเรื่องเสียงและการฟังเพลง อันนี้ผมเป็นมาก ทุกอย่างต้องดีที่สุด ที่เราจะหาได้และทำได้ เช่นถ้าอยู่บ้าน ลำโพงต้องห่างเท่านี้ มุม โทอินของลำโพงต้องเท่านี้ ระยะนั่งฟังเพลง ต้องฟังจาก CD เท่านั้น สายลำโพงที่แถมมาโยนทิ้งซะเปลี่ยนเป็นสายดีๆ
- Computer ยังต้องหา Sound Card ดีๆใส่เลย On Board ฟังไม่ได้(แต่เสียง On Board ห่วยกว่ามากๆ จริงๆนะ)
- มี CD เยอะๆอยู่แล้วที่บ้าน หรือไม่ก็สามารถหาโหลดพวก CD Audio ได้ตาม Internet
- ชอบเล่น ช่างประดิษฐ์ ช่างรื้อ ช่างทำ ช่างสงสัย

รูปด้านล่างเป็น Aiwa AM-HX70 ของผมเอง



มุมองด้านในของ MD Aiwa HX70


MD จุเพลงได้น้อยถ้าเทียบกับ MP3 หรือบรรดา iPod, iRiver แล้วมันจะ work เหรอ?ผมลองมานึกๆ คนส่วนใหญ่ก็จะฟังเพลงหรือเอาหูฟังยัดใส่หูก็ตอนเดินทางเนี่ยล่ะ เช่นไป โรงเรียน หรือ ไปทำงาน นั่งรถไฟฟ้า นั่งรถเมล์ MD แผ่นนึงเนี่ยก็จุได้ราวๆ 80 นาที(1 ชม 20 นาที) เท่ากับ CD ประมาณ 1 แผ่น หรือราวๆ 16-18 เพลง (ถ้าไม่นับอัดแบบ MDLP)


MD Oasis กับชุดยอดฮิต


คุณๆ เราๆ เดินทางไปที่ทำงาน ใช้เวลา ชม.กว่าๆ เนี่ยมันก็เต็มที่แล้ว ถ้าคุณๆเดินทางไปทำงานนานกว่านี้ล่ะก็ ผมขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนที่ทำงานซะ.. วันนึกก็พกไปซัก 2 แผ่น ไว้ขากลับครับ แค่นี้คุณก็สุนทรีกับเสียงอันละเมียด ใสโปร่งและเปิดโล่งของ MD แล้ว

ถ้าเราเลือกได้ ทำไมเราไม่เลือกสิ่งที่มันดีกว่าอีกนิดล่ะ

**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ข้างบนความคิดส่วนตัวผมทั้งนั้น




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2552    
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 12:22:46 น.
Counter : 6313 Pageviews.  


ซีโร่คูล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จะต้องยอมรับก่อนว่า ทิปต่างๆ หรือ เทคนิค เกี่ยวกับ Computer IT ใน blog นี้ หากท่านนำไปใช้ หรือทำตามแล้วเกิดมีความเสียหายเกิดขึ้นกับ software หรือ hardware ทางผมไม่สามารถรับผิดชอบให้ท่านได้ เพราะไม่ได้บังคับให้ใครทำตาม ทุกอย่างเป็นแค่...

ทิปของ gu
Friends' blogs
[Add ซีโร่คูล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.