เล็กๆ น้อยๆ กับการออกแบบชีวิตให้มีสีสัน และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
Group Blog
 
All Blogs
 

ตามช็อปของแต่งบ้านอินดี้ จากงานแฟร์ย่านสยามสแควร์

ปลายปีแบบนี้ ตามห้างร้านต่างๆ จัดงานเทศกาลของขวัญกันหลายที่ นับเป็นสถานการณ์ที่อำนวยให้เราสามารถออกไปช็อปปิ้งหาของใช้ ของแต่งบ้าน ที่สวยไม่ซ้ำใคร ในราคาคุ้มค่า ได้อย่างเบิกบานใจ วันนี้จึงขอพาไปชม 2 งานเบาๆ แถวโซนสยามสแควร์ค่ะ

งานแรก Gift Festival ที่จัดโดยคณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากรค่ะ ในทุกคนที่รู้จักงานนี้คงคุ้นเคยกับสถานที่จัด ตรงลานของมหาลัยศิลปากร ท่าพระ แต่ปีนี้พิเศษค่ะ เพราะเขาเปลี่ยนมาเปิดตัวกันที่ central world ก่อน แล้วจึง ย้ายไปจัดต่อที่ม. ศิลปากร ในช่วงวันที่ 22- 26 ธ.ค.53 ทำให้คนเมืองที่ยังไม่เคยสัมผัสงานเทศกาลของขวัญ ขนม และ ดนตรี ของชาวมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร ได้เข้าถึง และมาชมงานกันง่ายขึ้น


ในงานมีการนำเสนอผลงานของนักศึกษา คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร มาโชว์มาขาย แล้วยังมีโซนรวบรวมผลงานของรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จในวงการออกแบบด้วย ซึ่งแต่ละคนจะนำผลงานของตัวเองที่ผลิตออกมาวางขายตามร้านชั้นนำแล้ว รวมถึงคิดดีไซน์ใหม่ๆ กันมาขายกันใน ราคาพิเศษลดสุดๆ โดยวางบนชั้นและฉากสีส้มสดใส ซึ่งเป็นสีประจำคณะของพวกเขาค่ะ

ขอเริ่มจากโซนทางด้านหน้าก่อนนะคะ ตรงนี้จะมีของใช้จุกจิกและกระเป๋าหลากหลายแบบ ขอเลือกกระเป๋าใบนี้ค่ะ ใบใหญ่ ดูทนทาน เหมาะสำหรับใส่ของไปปิกนิก หรือขนสัมภาระไปนอกสถานที่ ตัดเย็บด้วย ผ้า และ หนัง ที่ดูไม่ซ้ำใคร เมื่อรวมกับดีไซน์เก๋ๆ แล้ว ใช้หิ้วที่ไหนก็คงมีแต่คนมาถาม ว่าซื้อที่ไหนแน่นอน


ด้านนอกเป็นผ้ายีนส์ ปักด้วยด้ายสีสดเป็นลวดลายฟรีสไตล์ ข้างในสีเหลืองลายสก็อต ด้านข้างและด้านในทำเป็นช่องหรับใส่มือถือและของชิ้นเล็กชิ้นน้อย งานเกรดเออย่างนี้ ลดราคา 40 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 3,740 บาท


ชิ้นต่อมาเป็น นาฬิกาติดผนังที่ทำจากไม้แผ่นเดียว ชิ้นนี้เหมาะสำหรับซื้อไปฝากเป็นของขวัญปีใหม่ค่ะ เพราะแกะห่อออกมาคงเซอร์ไพรส์น่าดู เวลาจะใช้ก็แกะตัวเลขออกมาจากแผ่นไม้ทีละตัว เอาไปติดตามองศาของเข็มนาฬิกา จะชิดบ้างห่างบ้างก็ตามชอบใจ รับรองว่าแต่ละบ้านคงมีไอเดียการติดไปไม่ซ้ำกันแน่นอน ราคา 1,950 บาท


อีกมุมหนึ่งใกล้ๆ กัน มีกองพรมเช็ดเท้า (หรือจะไม่เช็คเท้าก็ได้) ทำจากป่านศรนารายณ์มาวางเซลล์อยู่ ของพรีเมี่ยมระดับส่งออกแบบนี้ ใครที่เคยเห็นตามร้านค้าในห้างหรูๆ ก็คงรีบคว้าไปเลยค่ะ เหลือไม่กี่ชิ้น แต่ละลายก็ดูสวยงามปราณี เหมาะกับบ้านสไตล์ร่วมสมัย ลายใบไม้สีเขียวนี้ราคา2,200 บาท (ออกแบบโดย คุณระพี ลีละศิริ ภายใต้แบรนด์ ระพีลีลา)


ถัดไปเป็นชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่มีการใช้งานแบบพิเศษ เป็นเก้าอี้ +โต๊ะวาดเขียน(กระดาน) ที่ดูมีดีไซน์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับให้เจ้าตัวน้อยมานั่งวาดรูปทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ละชิ้นมีน้ำหนักเบา ทั้งชุดราคา 6,900 บาท


แต่ถ้าซื้อแยก แค่เก้าอี้อย่างเดียวราคา 900 บาท สามารถพับเก็บได้ พอพับแล้วก็จะเหลือขนาดแค่นี้ เหมาะสำหรับบ้านที่มีขนาดจำกัด หรือที่คอนโดมิเนียม


ขอแนะนำเก้าอี้อีกสักตัวค่ะ สำหรับแฟนๆ บ้านและสวน น่าจะคุ้นเก้าอี้ตัวนี้บ้าง เป็นผลงานออกแบบของรุ่นพี่คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากรเช่นกันค่ะ ขาทำจากไม้จริง ตัวเก้าอี้ทำจากเหล็กพ่นอบสีอย่างดี งานนี้เขาเอามาแบบครบทุกสี อยากจะลองยก ลองนั่ง ก็มากันที่งานนี้ได้เลยค่ะ ราคาตัวละ 4,500 บาท


มาถึงงานของน้องนักศึกษากันบ้าง ส่วนใหญ่จะของขวัญชิ้นเล็กๆ แต่บังเอิญได้เห็นชุดกาน้ำชานี้ เป็นเซรามิคเคลือบสีฟ้าอ่อนๆ พื้นผิวขรุขระนิดๆ เมื่อบวกกับรูปทรงที่เรียบง่าย ก็สวยลงตัวทีเดียว เป็นงานทำมือดังนั้นลายการเคลือบแต่ละชุดก็จะไม่ซ้ำกันด้วย ทั้ง 3 ชิ้น ราคา 1,440 บาท (สามารถสั่งผลิตได้นะคะ)


เจอคนคุ้นเคยกันเสียแล้ว อาจารย์ชูเกียรติ ลิขิตปัญญารัตน์ ท่านมักให้เกียรติมาเป็นคณะกรรมการ งานประกวดแบบของบ้านและสวนอยู่เสมอ ในงานมีผลงานอาจารย์มาแสดงด้วย เป็นพาทิชั่นชื่อ “หวาน หวาน” นี้


อาจารย์บอกว่าใช้เทคนิคการออกแบบและผลิตลายแบบย้อนอดีตเหมือนสมัยที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ โดยเอาแผ่นสติกเกอร์โทน มาติดซ้ำๆ กว่าจะเสร็จก็ต้องเกณฑ์คนมาช่วยไม่น้อย แล้วจึงนำลายไปพริ้นลงบนอิงค์เจ็คติดบนแผ่นพาทิชั่นอีกที ลายที่ได้จึงมีกลิ่นอายของอดีตเข้ากับกระแสฮิตอยู่ในตอนนี้ ราคา 24,000 บาทค่ะ


ผู้เขียนมาเยี่ยมชมในสไตล์ค่อนข้างจะอินดี้นะคะ ถ้าของขาดตกไม่กล่าวชื่อของอาจารย์ท่านใด ต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วย ในงานยังมีเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้านชิ้นสวยๆ อีกหลายชิ้น ลองเข้ามาเยี่ยมชมแบบละเอียดๆ ที่ ม. ศิลปากร ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. 53 เวลา 18.00-24.00 น.อีกครั้ง รับรองคุณจะเจอของสวยถูกใจ ราคาไม่แพง กลับบ้านไปแน่นอนค่ะ



จุดหมายต่อไป เราจะเดินทางไปยังสยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์ และ สยามเซ็นเตอร์ เพราะได้ข่าวมาว่าเขาจัดงาน สยามละลานตาครั้งที่ 3 ด้วย น่าจะมีของใช้ ของแต่งบ้านสวยๆ ให้เราได้แนะนำแน่ๆ เดินลงบันไดเลื่อน มองลงไปก็เห็นเจ้าของกิจการอินดี้ มารวมตัวกันหนาแน่น ไปช็อปกันเล้ยยยยย...


เจ้าแรกชื่อร้าน Give Gift เจ้าของชื่อ คุณกิฟท์ เขาผลิตเครื่องชาม แก้ว และรับสอนทำ เซรามิคดินเผา โรงเรียนอยู่แถว นนทบุรี ซอยติวานนท์ซอย 2 ใครสนใจก็แวะไปสมัครเรียนได้ค่ะ (โทร.086-541-7951ติดต่อคุณ กิต )


แก้วกาแฟดินเผาทำมือ ที่เอามาโชว์ เป็นลายเขียนมือรูปกระต่าย เหมาะจะเป็นของขวัญปีใหม่ปีกระต่ายจริงๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีการ์ดลายสวยๆ ให้เลือกซื้อด้วย เขายังไม่มีหน้าร้านขายนะคะ ลองเข้าไปติดต่อสอบถามราคาดู ได้ทั้งในเวปไซน์ //www.shareachair.com หรือ โทร 084-012-6217 ติดต่อ คุณกิฟท์


ร้านต่อไป เป็นร้านของแต่งบ้านน่ารักๆ แนวเย็บปักถักร้อย ชื่อ Fabbiz เจ้าของร้านใจดีชื่อ คุณฟู่ มาไกลจากหัวหิน ปรกติจะขายทุกวันเสาร์ที่ตลาด Cicada (สวนศรี หัวหิน) วันนี้ขนของสวนๆ มาอวดคนกรุงเทพกันบ้างค่ะ


ขอแนะนำ เจ้าหญิงนกพิราบ กับ คุณนายแม่ไก่ แล้วกันค่ะ(อันหลังนี่ผู้เขียนตั้งชื่อเอง) ทำจากผ้านำเข้าจากญี่ปุ่นลายน่ารัก ยัดใยสังเคราะห์อย่างดี เป็นงานทำมือล้วนๆ เหมาะสำหรับบ้านสไตล์คัลทรี่ร่วมสมัย ราคาตัวละ 245 บาท ค่ะ


สำหรับเทศกาลคริสมาส คุณฟู่ ก็คิดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อต้อนรับเทศกาล เป็นของประดับโต๊ะรูปต้นคริตส์มาสพร้อมการ์ดดีไซน์เข้ากัน มาให้เลือกช็อปด้วยค่ะ อยากตามไปซื้อต่อจากงานนี้ก็เข้าไปเยี่ยมที่ //www.fab-biz.com โทร.081049903970 ติดต่อ คุณฟู่ หรือ facebook พิมพ์ fabbiz ค่ะ


ร้านต่อไป เป็นงานของน้องนักศึกษาจบใหม่ ทำแบรนด์ตัวเองชื่อว่า RE+PAIR มี น้องแพร เจ้าของไอเดีย เป็นคนคิดและนำเสนอ(ขาย)ด้วยตัวเองเลย เก่งจริงๆ ค่ะคนรุ่นใหม่ เดี๋ยวนี้


เขาทำลำโพงรีไซเคิลจากขวดแชมพูเก่าๆ และกระป๋องแป้ง ขวดเติมน้ำยาล้างรถ บางอันก็เก่าจริงบางอันก็เกือบเก่า แต่เป็นการนำเสนอไอเดียที่เก๋ทีเดียว น้องเขาบอกว่าต่อยอดมาจาก ผลงาน thesis ตอนเรียนที่คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ค่ะ


ลำโพงเหล่านี้สามารถนำไปต่อตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ MP3 ได้โดยไม่ต้องใช้ถ่านนะคะ ส่วนตัวชอบกระป๋องแป้งค่ะ ให้รู้กันไปเลยว่า รีไซเคิล ทุกรูปแบบราคาเดียว 350 บาท น้องเขามีเฟสบุ๊คให้เข้าไปชมด้วย ลองหาดูที่ repairproduct ค่ะ


ร้านสุดท้าย เป็นร้านเสื้อยืดย้อมคราม ไอเดียสุดยอดค่ะ ชื่อแบรนด์ Walk on the wild side มาไกล..จากสกลนคร เจ้าของ คุณนรา และ คุณศศิ เล่าให้ฟังว่า พื้นเพครอบครัวของคุณนรานั้น มี คุณยายฆีตา ที่ทำผ้าย้อมครามอยู่ในจังหวัดสกลนครมานานกว่า 20 ปี พอถึงรุ่นหลานจะทำต่อ เสื้อผ้าย้อมครามแบบเก่าๆ ก็ไม่ฮิตเหมือนก่อน คุณนราจึงนำภูมิปัญญาเก่า มาทำให้ร่วมสมัยมากขึ้น โดยนำเสื้อยืดมือสองสีขาว มาย้อม และทำลายใหม่..ประมาณว่าให้คนรุ่นใหม่ ใส่แล้วไม่อายใคร...โอ้โห ถ้าไม่ได้เข้ามาคุยด้วยไม่รู้เลยนะเนี่ยว่า เสื้อยืดลายเก๋ๆ เหล่านี้ มีที่มาจากเสื้อย้อมครามแบบม่อฮ่อม!!


ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ แล้วก็อินค่ะ ต้องอุดหนุนสักหน่อย เสื้อย้อมตามกรรมวิธีธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพผิวหนังของผู้สวมใส่แบบนี้ ราคาระหว่าง 380-480 บาท(แล้วแต่ความยากง่ายของลาย) เสื้อก็มีหลายขนาดคละๆ กัน เพราะเป็นเสื้อมือสอง งานนี้ต้องขอลงมือคุ้ยๆๆ จนได้ ไซน์- สี –ลายที่พอใจ ก็ตกลงซื้อค่ะ


ร้านนี้เขาไม่มีหน้าร้าน ไม่มีขายส่งนะคะ เพราะเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือนสั่งมากๆ ทำไม่ทันค่ะ (เข้าไปดูกรรมวิธีการผลิตได้ที่ //www.maeteeta.com) แต่สามารถติดต่อหาซื้อได้ใน facebook ค่ะ (พิมพ์ Walkonthewildside thailand) รายได้จากการขาย 15เปอร์เซ็นต์ เขาเอาไปร่วมทำบุญกับมูลนิธิช่วยสุนัขจรจัดด้วย (Soidog foundation)

จ่ายเงิน-รับเสื้อ ก็ได้เป็นห่อถุงกระดาษแบบนี้ค่ะ ใครสนใจรีบเข้าไป Add facebook กับเขาดูนะคะ

เดินจนเพลิน เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ ขอไปพักเบรกหาร้านอร่อยๆ กินก่อนนะคะ ต้องขอบคุณ คุณธารา เวปอิดิเตอร์บ้านและสวนดอดคอมที่สละเวลามาช่วยบันทึกภาพ และร่วมสัมภาษณ์

ไว้โอกาสหน้าเราทั้งสองคนจะพาไปช็อปของดี ทางเลือกใหม่ ราคาคุ้มค่า กันอีกนะคะ ....บ๊ายบายค่ะ


กรวรรณ คันโธ
t241001@yahoo.com, korawan@amarin.com




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2553    
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 13:18:26 น.
Counter : 4688 Pageviews.  

เทศกาล ศิลปะ และการแสดง 7 เสมียน ราชบุรี

มีข่าวดี มาบอกค่ะ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. 53 ถึง 9 ม.ค. 54 มีงานเทศกาลศิลปะและการแสดง ที่อำเภอเจ็ดเสมียน จังหวัดราชบุรี อยู่ใกล้ๆ แค่นี้(ประมาณ 1 ชม.นิดๆ) แถมเป็นบ้านเกิดผู้เขียนด้วย ก็เลยไม่รอช้าที่จะแวะเยี่ยม(คุณแม่) และชมสถานที่สวยๆ พร้อมเสพงานศิลป์ไปพร้อมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยรู้มาเหมือนกันว่า ทีมงานของครูนาย (ลูกศิษย์เอกของ ครูเล็ก ภัทราวดี) มาลงหลักปักฐานที่นี่ โดยหวังจะปั้น สวนศิลป์บ้านดิน เป็นศูนย์กลางศิลปะวัฒนธรรมของแถบนี้


เดินทางออกกรุงเทพ ฯ จากย่านตลิ่งชัน ใช้เส้นถนนบรมราชนนี ผ่านนครปฐม แล้วเข้าเส้นเพชรเกษมตรงยาวอย่างเดียวไปจนเจอป้าย “เจ็ดเสมียน” ให้เลี้ยวขวา ระหว่างทางจะมีร้านเค้กมะพร้าวอ่อนอร่อยๆ (ของขึ้นชื่อของเขา) อย่าเพิ่งเสียสมาธิ ให้มองหาป้าย “สวนศิลป์บ้านดิน” แล้วเลี้ยวเข้าซอย (ตามป้าย) มาเรื่อยๆ จนถึงถนนเลียบคลองชลประทาน มองทางซ้ายไว้ ก็จะเจอโครงการที่มีรั้วดินปั้นๆ ของสวนศิลป์บ้านดินแล้ว

ดีใจจัง...ครั้งนี้ไม่หลงเลย



จอดรถทางเข้าข้างหน้า เดินมาตามทาง ก็จะพบสวนร่มรื่นมีอาคารแทรกตัวอยู่ระหว่างต้นไม้ ทั้งสร้างด้วยไม้ไผ่ โครงเหล็กสูงโปร่ง และบ้านดินหลังเล็กๆ กระจายตัวโดยรอบ สามารถแวะเข้ามาสอบถาม เช็คคิวการแสดง และชมสถานที่สวยๆ ได้ค่ะ อ้อ..ที่นี่เขามีจักรยานให้ใช้บริการด้วยนะคะ ที่เจ็ดเสมียนนี้ถนนเรียบสะอาดสอ้าน และมีต้นไม้ร่มย์รื่นตลอดสองข้างทาง เหมาะกับการปั่นกินลมชมวิวดีแท้


ออกจากกรุงเทพเมื่อตอนสายๆ มาถึงนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วค่ะ หิวนิดๆ เลยแวะทานข้าวเสียเลย เขามีร้านอาหารเล็กๆ ไว้ให้บริการด้วย เป็นเรือนไม้ไผ่อยู่ริมบ่อน้ำทางด้านหน้า น่ารักดีค่ะ อาหารก็ราคาไม่แพง


ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารนั้น ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทย กลองบ้าง ระนาดบ้าง เพราะดีค่ะ หันไปดู อ๋อ..เขากำลังซ้อมเตรียมความพร้อมสำหรับการแสดงริมน้ำในคืนนี้นั่นเอง กินข้าวท่ามกลางธรรมชาติ และเสียงเพลงสดๆ อย่างนี้ แหม..เพลินดีจริงๆ


ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของการจัดงานเทศกาลงานศิลป์ในครั้งนี้แล้ว เขายังมีห้องเล็กๆ ให้เข้าพักในบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติด้วย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ ไม่กี่ร้อยบาท อย่างบ้านรู้ร้อนรู้หนาว (ห้องพัดลม เรือนไม้ไผ่) คืน ละ 650 บาท พักได้ 2 คนค่ะ


รูปแบบอาคารนั้นเขาเน้นการออกแบบโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างบรรยากาศที่กลมกลืนกับสวนโดยรอบ เหมาะกับคนเมืองที่อยากหลีกหนีจากเทคโนโลยีและแสงสีศิวิไลท์สักคืนสองคืน (แบบบ้านไม่ไผ่เขาไม่มีทีวีนะคะ)


ใครที่มากันแบบครอบครัว และต้องการความสะดวกสำหรับผู้ใหญ่ที่มาพักด้วย ก็สามารถเลือกเรือนแบบที่มีห้องแอร์ ของบ้านปูนปั้น 1 หลังสามารถเข้าพักได้ 5 คน ราคาหลังละ 2,350 บาท/คืน รับรองสะดวกสบายและครบครันไม่แพ้โรงแรมดังเลย


ในบริเวณสวนสวยๆ ถ้าเดินซอกแซกเข้ามาอีกนิด ก็จะเจอทางแกลลอรี่เอาท์ดอร์ยาวตลอดทางเดินที่อยู่ใต้อาคาร มีผลงานสวยๆ ของศิลปินไทย หลากหลายแนว


ห้องพักอีกแบบที่น่ารักไม่แพ้กัน ก็คือเป็นห้องแบบเปิดโล่งๆ ผู้เขียนเคยนอนคล้ายๆ แบบนี้มาครั้งหนึ่งค่ะ เมื่อตอนไปถ่ายบ้านต่างจังหวัด ได้รับลมธรรมชาติแบบเต็มๆ ก็เย็นสบายดี นอนในมุ้งก็รู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบนะคะ


อีกมุมที่น่ารักค่ะ เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหาร สำหรับนั่นเล่นคุยกัน ภาพที่ฝาผนังเป็นฝีมือของเด็กๆ ค่ะ ที่ครูนายเอาไปแสกนแล้วพริ้นอิงค์เจทแผ่นใหญ่ เพื่อนำมาประดับบนผนังที่นี่โดยเฉพาะ ภาพสีสดๆ บนผนังสีเหลืองสดแบบนี้ ดูสบายตาน่านั่งแช่จิบกาแฟเพลินๆ ดีจริง


ราวๆ บ่ายสี่โมงเย็น เขาบอกว่าจะเริ่มมีตลาดเก่าร้อยกว่าปีอยู่ริมน้ำ ใกล้ๆ สถานีรถไฟเจ็ดเสมียน เราไม่รอช้ารีบแวะมาดูบรรยากาศสักหน่อย ใครอยากจะขี่จักรยานไปก็ได้นะคะ ไม่ไกลจากสวนศิลป์เท่าไร


ตลาดนั้นเป็นอาคารห้องแถมไม้เก่าๆ ยาวสองข้าง มีร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร ร้านโชห่วย ร้านขายของเล่น ผู้เขียนชอบบรรยากาศย้อนยุคแบบนี้จริงๆ เห็นแล้วก็ต้องเข้าไปด้อมๆ มองๆ เผื่อจะเจอของที่เคยเห็นตอนสมัยเป็นเด็กให้ดูแก้คิดถึงแล้วค่ะ


เดินมาอีกหน่อยก็จะพบทางเข้าศาลเจ้าเจ็ดเสมียน พร้อมพิพิธภัณฑ์ประวัติชุมชนที่รวมข้าวของเครื่องใช้ และภาพถ่ายในสมัยอดีตให้ได้ชม


ภาพถ่ายขาว-ดำของชุมชนในอดีต ติดอยู่บนฝาไมเก่าแบบนี้ดูเข้ากันดี ได้กลิ่นอายของอดีตแบบเต็มๆ


มีร้านกาแฟที่เปิดข้างๆ พิพิธภัณฑ์น่านั่งแก้ร้อนดีทีเดียวค่ะ เขาตกแต่งห้องแบบย้อนยุคเข้ากันดีกับบรรยากาศของตลาดเก่า


เดินผ่านตลาดไปทางวัดเจ็ดเสมียน จะเจอลานโพธิ์ร้อยปีต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านร่มเย็น และข้างๆ กันก็มีผนังไม้ไผ่ติดภาพโชว์ในตลาดนัดศิลปะยาวขนานไปกับรั้ววัด แกลลอรี่กลางแจ้งที่มีแบ็คกราวน์เป็นอุโสถแบบนี้เราคงไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ใช่ไหมค่ะ นับเป็นพื้นที่สาธารณะที่น่าสนใจไม่น้อยเลย


ตัวอย่างภาพวาดสีน้ำมันสวยๆ สไตล์อินเตอร์อย่างนี้ ไม่คิดเลยค่ะว่าจะมาเจอที่ราชบุรี


ใกล้ๆ กับตลาดจะมีปฎิมากรรมจากไม้ไผ่และเชือกฟาง ทำเป็นซุ้มประตูเข้าไปยังพื้นที่การแสดงริมน้ำค่ะ


เมื่อผ่านซุ้มประตูและเดินลงมาทางด้านล่างก็จะเจอพื้นที่โล่งริมน้ำ ที่สำหรับนั่งเล่น และในช่วงโพล้เพล้ของวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีการแสดงต่างๆ ให้ได้ชม ลองจินตนาการนะคะ นั่งอยู่ริมแม่น้ำ มีลมเย็นพัดอ่อนๆ ในขณะที่ชมการแสดงสดสวยๆ งานนี้ประทับใจไม่รู้ลืม...


ของฝากของชุมชนแห่งนี้คือ หัวไชโป้วดองค่ะ นับรวมแล้วมีทั้งหมด 7-8 โรงงานด้วยกัน แต่ละที่ก็ใหญ่ขนาดเป็นอุตสาหกรรมอาหารย่อมๆ ได้เลย ใครมาแล้วไม่ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน แสดงว่ายังมาไม่ถึงค่ะ


ถ้าชอบแบบที่นำไปแปรรูปเป็นอาหารแล้ว ตลาดนี้ก็มีขายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเบสิคแบบผัดไข่ขำๆ จะนำไปยำกินกับข้าวต้ม หรือ แบบหากินยากโดยนำไปทำแกงต้มกะทิ ที่นี่ก็มีค่ะ


การแสดงส่วนใหญ่เขามีในช่วงเย็นค่ะ ทำให้ช่างภาพมือสมัครเล่นอย่างผู้เขียนต้องกลุ้มใจกับแสงกลางคืนที่ถ่ายยากเหลือเกิน คราวนี้ขาดช่างภาพคู่ใจ คุณธารา เวปอิดิเตอร์ของบ้านและสวนดอดคอมมาช่วยเก็บความประทับใจให้ จึงขอแก้มือคราวหน้า ที่จะนัดมาถ่ายคอลัมน์ “เที่ยวบ้านชมเมือง” ของนิตยสารบ้านและสวน แทน

สุดท้ายของฝากไว้ว่า ช่วงเสาร์-อาทิตย์ถ้าใครไม่อยากไปเที่ยวไหนไกลๆ ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวราชบุรีนะคะ

กรวรรณ คันโธ




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2553    
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 12:38:58 น.
Counter : 2160 Pageviews.  

ลอยกระทงนี้ ต้องไป “กะดีจีน”

สวัสดีค่ะ วันนี้รีบตื่นมาแต่เช้า เพื่อมาเขียนกระจายข่าวงาน “กะดีจีน ศิลป์ในซอยครั้งที่ 2” ที่เพิ่งไปมาเมื่อวานเย็น ซึ่งเขาจัดในช่วงตรงกับเทศกาลลอยกระทงพอดี ใครๆ ยังไม่มีโปรแกรมไปลอยกระทงที่ไหน ก็อยากให้แวะมาที่ชุมชนนี้ค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นย่านที่น่ารักแล้ว งานนี้เขายังสร้างบรรยากาศด้วยงานศิลปะ ของนิสิต ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วยังมีนิทรรศการกลางแจ้งเพิ่มเติมความรู้ของย่านเก่าที่เคยเป็นที่ตั้งของฝั่งธนบุรีด้วย เอ้า..พร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ


เริ่มจากเอา “แผนที่มรดกวัฒนธรรม” มากางออกดูก่อน โอ้โห้ มีสถานที่และเส้นให้เดินเยอะเลยค่ะ แต่เราขอเลือกเป็นส่วนที่เด็ดๆ เพื่อเน้นดูงานศิลป์เป็นหลักก่อนแล้วกัน


จุดแรก ใครก็ตามที่เดินจาก “วัดประยูรศาวาสวรวิหาร” ไปสู่พื้นที่ริมน้ำ จะต้องเห็นก็คือนิทรรศการกลางแจ้งเป็นภาพถ่ายที่เล่าเรื่องราวในอดีตของย่านกะดีจีนนี้ ดูแล้วก็ตื่นเต้น อย่างภาพที่กำลังบูรณะโบสถ์ซางตาครู้ส หรือ ภาพระดับน้ำที่ท่วมขังสูงของบ้านริมน้ำก่อนการทำเขื่อนกั้นน้ำ ได้เห็นรูปภาพเก่าๆ ที่หาดูยากและให้เกร็ดความรู้ได้อีกด้วย


เมื่อเดินมาจนสุดริมน้ำ(เลาะริมรั้วของกรมเทศกิจมาเรื่อยๆ) ก็จะพบทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่โปร่งโล่งสบาย ทอดยาวไปจนถึงวัดกัลยา ระหว่างทางเดินก็สามารถมองออกไปเห็นวิวสวยๆ ริมน้ำในฝั่งตรงข้าม ในขณะที่ลมเย็นๆ ก็พัดผ่านตลอดเวลา แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ แดดร่มหน่อย จะได้ไม่ร้อนมากค่ะ



ตลอดทางริมน้ำ ทีมงาน “โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูย่านกะดีจีน” จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ นำทีมโดย อ.แดง (ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ) และ ทีมนิสิต ได้ประดับทางเดินริมน้ำด้วยงานศิลปะที่สวยแปลกตาค่ะ บางชิ้นก็ทำจากวัสดุเหลือใช้ที่หาได้ง่ายๆ อย่างเชือก หรือตะแกรง เมื่อโดนลมพริ้วๆ แล้วก็ได้บรรยากาศเหมือนศิลปะการจัดวางที่ทำกันในเมืองเล็กๆ ของต่างประเทศเลยค่ะ


ระหว่างทางมีสถานที่ให้แวะชมมากมาย อย่าง “โบถส์ซางตาครู้ส” นี้เป็นอีกจุดสำคัญที่ต้องแวะมาเยี่ยมเยียนถ่ายรูปสวยๆ และชมสถาปัตยกรรมแบบนีโอโรมันเนสก์อายุกว่าร้อยปี ด้านบนของหอมีระฆังชุดหลายสิบใบที่สามารถเคาะเล่นได้ตามโน้ตเพลงด้วยกลไกพิเศษ


ด้านข้างตลอดแนวรั้วเตี้ยๆ ของโบสถ์ มีการจัดนิทรรศการกลางแจ้ง เป็นรูปผลงานการเขียนภาพสถานที่สำคัญต่างๆ แบบเข้าสัดส่วนรวมไปถึงรายละเอียดของโครงสร้างด้วย ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาและอาจารย์ที่เคยเข้ามาศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมในย่านนี้ สมัยก่อนไม่มีการเขียนแบบค่ะ จึงต้องให้ทีมผู้รู้เข้ามาบักทึกไว้ ไม่อย่างนั้นลูกหลานเราอาจไม่มีโอกาสได้เห็นว่ารูปแบบอาคารอย่างต้นตำรับนั้นเป็นอย่างไร เพราะกาลเวลาอาจทำให้อาคารทรุดโทรม หรือมีการปรับปรุงต่อเติมให้ผิดเพี้ยนไป



พร้อมจะเดินเข้าตรอกหรือยังค่ะ สิ่งแรกที่รู้สึกคือ ลึกลับค่ะ เพราะเหมือนเรากำลังเดินวกวนอยู่ในเขาวงกตที่เรามองไม่เห็นทางข้างหน้าได้ไกลนัก แต่ในขณะเดียวกันซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนน่ารักๆ แบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่ได้เดินอยู่ที่เมืองศูนย์กลางธุรกิจของประเทศเลย บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีตตลอดสองข้างทาง ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้มาเปลี่ยนบรรยากาศไกลๆ ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้เอง


งานเขาชื่อว่า “กะดีจีน ศิลป์ในซอย” อย่างนั้น เมื่อเดินเข้าซอยมาต้องเตรียมประทับใจกับงานศิลป์ตลอดทางได้เลย เราเองก็เดินไปหยุดถ่ายรูปไปเรื่อยๆ คิดว่าจะหมดแล้ว ก็ยังมีเซอร์ไพส์มาให้เห็นอีก แถมพิจารณาดูแล้ว บางชิ้นก็ทำยากไม่ใช่เล่นนะคะ ศิลปะแบบนี้ ต้องคิดและจัดวางให้เหมาะสมกับพื้นที่ว่างตรงนั้นแบบพอเหมาะพอเจาะค่ะ แสดงว่าต้องเข้ามาศึกษาพื้นที่กันอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว น่าชื่นชมทีมงานค่ะ



ชิ้นนี้ทำจากเชือกถักๆ มัดๆ เข้ากับไม้เสียบลูกชิ้น เอามารวมกันเยอะๆ แล้วตื่นตาดีค่ะ


ชิ้นนี้เป็นการรวมตัวกัน ระหว่าง สายยาง และ ริบบิ้น เวลาลมพัดก็พริ้วๆ ไปตามลมค่ะ


ชิ้นนี้สวย และไอเดียดี เขาเอาตะเกียบมารัดแล้วบิด เล่นกับระนาบรั้วตรงมุมหักเลี้ยว สะดุดตาและเก๋มากค่ะ




เดินมาสักพัก เริ่มเหนื่อย ก็เข้ามาพักนั่งเล่น กินขนมโบราณชื่อ “ขนมฝรั่งกุฏีจีน” ที่ร้านธนูสิงห์กันดีกว่าค่ะ เจ้าของร้านใจดีชื่อว่าคุณโป้ง เคยเจอกันตั้งแต่มาทำคอลัมน์เที่ยวบ้านชมเมืองคราวก่อนโน้น แหมไม่ได้เจอกันเสียนาน ต้องขอทักทายกันหน่อย



คุณโป้งบอกว่า ตอนนี้ที่ร้านเพิ่มส่วนนั่งเล่น และขายเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ด้านหน้าร้านนั้น ทีมงานนักอนุรักษ์ก็มาช่วยเพ้นส์ให้มีสีสัน ลวดลายน่ารักๆ สร้างบรรยากาศของย่านเก่านี้ให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น เดี๋ยวขอซื้อขนมกลับไปฝากทีมงานที่ออฟฟิศหน่อยดีกว่า



ใครแวะมาย่านนี้ แล้วไม่ซื้อ “ขนมฝรั่ง”(ชื่อย่อ) กลับติดไม้ติดมือไปด้วย ถือว่ายังมาไม่ถึงค่ะ ที่นี่เขาอบใหม่ๆ ทุกวัน กลิ่นหอมไปทั้งร้านเลย ขายราคาส่งเลยค่ะ เพราะคุณโป้งบอกว่าอุตส่าห์เดินมาถึงที่แล้ว ชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น ราคา 20 บาท แบบเป็นถุง ก็ 3 ชิ้นเล็ก ราคา 30 บาท



หายเหนื่อยแล้วมาเดินกันต่อค่ะ ไปชมสถาปัตยกรรมแบบจีนๆ กันบ้าง ที่ “ศาลเจ้าเกียงอันเกง” ค่ะ ที่นี่ได้รับการันตีจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นค่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เราจะได้มาอยู่ในบรรยากาศที่สงบสง่า และช่วยหล่อหลอมจิตใจเราให้ละเอียดอ่อนนอบน้อมมากขึ้น


บรรยากาศภายในเงียบสงบ พร้อมกลิ่นธูปอ่อน เราเข้าไปก้มกราบสักการะเจ้าแม่กวนอิม คนรุ่นใหม่อย่างเรานานๆ จะได้กราบแบบหน้าผากแนบพื้นอย่างนี้สักทีค่ะ เพราะเวลาไปวัดดังๆ คนชอบแน่นทุกที ต้องกราบแบบประหลกๆ ที่นี่เงียบสงบค่ะ กราบเบญจางคประดิษฐ์ได้แบบเต็มรูปแบบ สวดมนต์ไหว้พระเสร็จ ผู้เขียนก็เสี่ยงเซียมซี เพื่อเก็บใบเซียมซีไว้เป็นที่ระลึกสักใบ แต่จะคำทำนายที่ได้จะเป็นอย่างไรนั้น ขออุบไว้นะคะ...


จริงๆ ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่สวยๆ อีกหลายแห่งค่ะ โดยเฉพาะวัดไทย วัดแขก และบ้านไม้แบบขนมปังขิงสวยๆ อยากรู้ว่าสวยอย่างไร ต้องมาพบเจอด้วยตัวเองค่ะ ประสบการณ์ตรงน่าจะทำให้คุณอินได้มากกว่า



นอกจากช่วงลอยกระทงนี้แล้ว ช่วงเสาร์อาทิตย์คุณก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ค่ะ เดินทางมาได้หลายช่องทางโดยอาจขับรถมาจอดที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร(ค่าฝากรถ 10 บาท)แล้วเริ่มเดินเที่ยวตามตรอกไปเรื่อยๆ อาจเลือกปั่นจักรยานก็ได้ เริ่มจากสะพานพุทธ(เขามีทางจักรยานให้บริการด้วย) หรือนั่งเรือมาลงท่าสะพานพุทธ หรือปากคลองตลาด แล้วขึ้นเรือข้ามฟากมาก็ได้ค่ะ



หรือจะทำแบบ กลุ่มชาวต่างชาติอย่างในภาพนี้ก็ไม่เลวค่ะ เขาผสมรูปแบบการเดินทางทั้งปั่นจักรยาน และหิ้วขึ้นเรือข้ามฝากด้วย ก็สร้างสรรค์ดี...คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้พบกิจกรรมหรือสถานที่ดีๆ อีกจะนำมาฝากกันใหม่นะคะ คราวนี้ขอลาไปก่อน
.....ขอให้สนุกกับวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 11:37:52 น.
Counter : 1720 Pageviews.  

พาช็อป ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2010 ตอนที่ 3

วันนี้หลังจากไปช่วยทีมงานบ้านและสวนโมดูล่าที่บริเวณโซนบ้านตัวอย่างเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งความสุขค่ะ นั่นคือ...ช็อปปิ้งงงงงงงง!!! เย็นนี้จะพาคุณไปช็อปโซนฝั่งซาแลนเจอร์ 2 ประตู เอ ซึ่งจะเป็นของเกี่ยวกับการจัดสวน ต้นไม้ และของใช้ต่างๆ ในบ้าน ส่วนตัวแล้วเรื่องจัดสวนไม่ค่อยชำนาญค่ะ วันนี้ก็เลยชวนเพื่อนในทีมบ้านและสวน คุณอรรถ บก.ฝ่ายสวนและไม้ประดับ มาเดินเป็นเพื่อนช่วนแนะนำร้านด้วย

ร้านแรกชื่อ “การ์เด้นโมเมนต์” ค่ะ เป็นร้านกระถางแนวทางใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตจากไม้ใผ่บดอัด นอกจากจะน้ำหนักเบาแล้ว ยังสีสวยสดใส รูปทรงแตกต่างจากกระถางทั่วไปที่เราเห็นตามท้องตลาด



เราสองคน หลังจากด้อมๆ มองๆ ของในร้านสักพัก ก็หยิบกระถางแบบที่มีจานรองในตัวมาแนะนำคุณค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบสีโทนอ่อนๆ ออกครีมๆ อย่างนี้ แต่เขาทำมาหลายสี หลายขนาด หลายราคา อย่างใบที่ถือนี้ เป็นใบใหญ่ราคา 50 บา



ร้านต่อไปเป็นร้านกระถางตัวต่อชื่อร้าน Blue Twig (บลู-สวิก) เขามีไอเดียเก๋ๆ โดยเอากระถางหลายๆ ใบมาต่อกันเป็นสวนแนวตั้งค่ะ



กระถางพลาสติกหลากสี ขายยกชุด 5 ใบ แบบนี้ ราคารวม 250 บาท ค่ะ สามารถเลือกคละสีได้ตามต้องการ บ้านใครผนังใหญ่หน่อยก็ซื้อหลายๆ ชุดไปต่อรวมกัน


นอกจากเอาไปแขวนผนังได้แล้ว ชุดกระถางตัวต่อนี้ยังสามารถนำมาตั้งต่อเป็นสวนผนังแนวตั้งได้ด้วยค่ะ โดยจะจัดวางเป็นแบบตรงๆ หรือโค้งเป็นวงกลมแบบนี้ก็ไม่เลวทีเดียว



ไปไหนมาไหน ตอนนี้ก็เห็นคอนโดกำลังขึ้นเป็นดอกเห็ด อย่างนั้นขอแนะนำวัสดุสำหรับสวนแนวตั้งขนาดเล็กอีกแบบแล้วกันค่ะ ร้านที่สามเป็นบู๊ทเล็กๆ โชว์สินค้าแบบง่ายๆ เขาขาย “ก้อนเพาะปลูกมหัศจรรย์” ค่ะ



ก้อนเหลี่ยมๆ ที่ว่านี้ เขาบอกว่า “ไม่ใช้ดิน ไม่ใช้กระถาง ไม่ต้องเติมปุ๋ย ให้น้ำตัวเองได้” เวลาจะใช้ปลูก ก็เอาเจ้าก้อนนี้ไปแช่น้ำจนชุ่ม จากนั้นก็เอาเครื่องมือปลูกมาขุดเป็นช่องใส่เมล็ด หรือต้นไม้แล้วกลบปิด จากนั้นวางในแนวราบรดน้ำไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าต้นไม้จะตั้งตัวได้ แล้วจึงเอาก้อนต้นไม้นี้ไปจัดวางยึดเป็นสวนแนวตั้งค่ะ ขนาด 30 x 30 บาท มีสองความหนา ราคาก้อนละ 120 และ 150 บาทค่ะ


ร้านที่สี่เข้าสู่โซนต้นไม้บ้าง ขอแนะนำร้าน ”ลิตเติ้ล ทรี” ค่ะ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้บ้านและสวน คงคุ้นชื่อนี้ดี ปรกติคุณแป๊ะเจ้าของร้านเขาอยู่นครปฐมค่ะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ช่วงเจอกันบ่อย (ทุกวันเลยค่ะ) เพราะว่าเขามาเปิดร้านในงานแฟร์ด้วย เดินไปเดินมาก็เจอกันอีกแล้ว เลยขอตัวมาถ่ายรูปคู่เสียเลย



ร้านนี้นอกจากมีต้นไม้สวยๆ แล้ว ยังมีของแต่งสวนชิ้นเล็กๆ สไตล์โรแมนติกด้วย อย่างตุ๊กตานกตัวเล็กทำจากซีเมนต์หล่อ ราคา 50 บาท สวยขนาดนี้ประยุกต์ไปวางตกแต่งในบ้านก็ยังได้ค่ะ


มาดูต้นไม้ของร้านนี้เขาบ้าง ขอนำเสนอ เฟินกลายพันธุ์ หน้าตาแปลกแต่ก็สวยดีค่ะ


อีกต้นก็เป็นเฟินค่ะ ถ้าเห็นใบเดี่ยวๆ คงคิดว่าโดนหนอนแทะ แต่พอดูทั้งต้น อ้าวมันเกิดมาเป็นแบบนี้เอง เจ้าของร้านบอกว่าเกิดจากการผสมสปอร์ข้ามสายพันธุ์ค่ะ


ในโซนต้นไม้นี้ ไม่ค่อยถนัดจริงๆ แต่เห็นที่เขากำลังฮิตกันมาสักพัก ก็ต้องพืชกินแมลง ในงานเห็นมาเปิดกันหลายร้านเลยค่ะ


ราคาก็มีหลากหลายนะคะ ต้นเล็กๆ หน่อยก็ถูกลงมานิด ต้นใหญ่ๆ ก็แพงขึ้นมาหน่อย ความยากง่ายในการเพาะพันธุ์ สำหรับกาบหอยแครงขนาดโตหน่อย ราคา 300 บาทค่ะ


พืชกินแมลงนี้ ก็มีหลายพันธ์ให้เลือกซื้อไปปลูกนะคะ ต้องลองสอบถามการดูแล จากเจ้าของร้านให้ดี เพราะอาจต้องมีการเอาใส่ใจเป็นพิเศษ เห็นสวยๆ อย่างนี้ บางต้นก็เลี้ยงไม่ง่ายสำหรับมือใหม่นะคะ



ผ่านโซนต้นไม้ไปแล้ว ขอเข้าสู่โซน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านกันเลย งานนี้ไม่ต้องใช้ตัวช่วยค่ะ เพราะถนัดนักพวกของกระจุกกระจิก ไปเดินช็อปทีไรได้ของติดมือกลับมาใช้ที่บ้านทุกที

สำหรับแม่บ้านสมองไว ขอแนะนำร้านนี้ค่ะ ร้านภาชนะเคลือบ โรงงานเขามาเปิดร้านเอง ของคุณภาพระดับส่งออก มีลายน่ารักๆ มาให้เลือกมากมาย ราคาไม่แพง ใครเดินผ่านโซนนี้ เห็นคนมุงๆ ก็อย่าตกใจนะคะ รีบเข้าไปซื้อเลย เพราะของเขาหมดเร็วจริงๆ



เข้าไปทักทายเจ้าของ ถามว่าชิ้นไหนขายดี ก็ไม่มีมาให้ชมแล้ว เพราะหมดไปตั้งแต่หัววัน(บอกแล้วให้รีบมา) งั้นดูของน่ารักๆ อันดับรองๆ ไปก่อนแล้วกัน กาต้มน้ำลายหมีน้อย ฝาสีครีม ญี่ปุ๊น..ญี่ปุ่น ราคา 200 บาท ค่ะ


อีกชิ้นขายเป็นเซ็ต 3 ชิ้น เป็นพร้อมฝาปิดสำหรับเก็บอาหารเข้าตู้เย็น เวลาจะอุ่นก็ตั้งบนเตาได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ เพราะกลัวอาหารจะแห้งแข็ง ชุดนี้สอยกลับบ้านมาเป็นที่เรียบร้อยค่ะ ราคาทั้งชุด 120 บาท



อีกชิ้นเบสิคที่ขอนำเสนอคือ ปิ่นโตเถาจิ๋ว เหมาะสำหรับกระแสลดโลกร้อนตอนนี้จริงๆ ราคา 95 บาท ซื้อมาเอาไว้ใส่ข้าวกลางวันเวลาไปนอกสถานที่ เพื่อลดการใช้กล่องโฟม ขนาดกระทัดรัดพอดีกินค่ะ


ร้านสุดท้ายที่เราแวะ ก่อนจะหมดเวลาช็อป คือร้านขาย สารพัดราวตากผ้า ทำจากวัสดุสแตนเลสไม่กรอบไม่ขึ้นสนิม เดี๋ยวนี้หาซื้อตามห้างยาก เพราะส่วนใหญ่จะทำจากอลูมิเนียมค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบแบบนี้ เพราะดูแวววาวสวยทนทานกว่า



เลือกหยิบชิ้นนี้ค่ะ ราวตากถุงเท้า ราคา 199 บาท สามารถพับเก็บยืดหดได้ตามพื้นที่ แถมดีไซน์คลาสสิค แขวนทิ้งไว้เฉยๆ ก็กลายเป็นพร็อพสวยๆ ได้ในตัว




ขอจบการช็อปแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ เพราะเหลือเวลาอีกนิดเดียวก็จะหมดงานบ้านและสวนแฟร์แล้ว จริงๆ ยังมีร้านน่ารักๆ อีกมากมายเลยค่ะ ใครมาที่งานเจอกันก็เข้ามาทักทายได้นะคะ ปีนี้มาไม่ทันปีหน้ามาเจอกันใหม่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคิดถึงก็ซื้อบ้านและสวนอ่านรอไปก่อน เจอกันได้ทุกเดือนค่ะ




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 11:20:34 น.
Counter : 4172 Pageviews.  

พาช็อป ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2010 ตอนที่ 2

หลังจากดูแลความเรียบร้อยในส่วนปรึกษาหารือเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาพาคุณเดินช็อปในงานบ้านและสวนแฟร์ต่อค่ะ เมื่อวันก่อนพาไปชมได้เสี้ยวเดียววันนี้เลยขอเดินต่อจากคราวที่แล้วเลย เราเริ่มเข้าตรงประตู F ชาแลนเจอร์ 3 ในส่วน LIVING ZONE

ร้านแรกเป็นร้านขายแม๊กเนทเฟรม ชื่อ “Pixel bakers” ร้านนี้นอกจากเขารับสั่งทำลายวอลเปเปอร์ตามต้องการแล้ว ยังมีสินค้าตัวใหม่ที่น่าสนใจคือ บอร์ดติดแม่เหล็กอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ


แผ่นภาพขนาดประมาณกระดาษ เอ 3 ที่เห็นติดอยู่ที่ผนังนี้ ข้างในเป็นแผ่นเหล็กค่ะ เขาเอาแผ่นไวนิลลายสวยๆ มาหุ้มไว้แล้วออกแบบแผ่นยางแม่เหล็กให้เข้าชุดกันมาติดลงไป สามารถดึงออกย้ายติดได้ตามต้องการ จะใช้ติดนามบัตร หรือโน้ตสั้นๆ ก็ดูสวยงามลงตัวค่ะ ขายทั้งเซ็ตราคา 900 บาท



เขามีหลายลายให้เลือกนะคะ หรือถ้าใครจะซื้อแผ่นยางแม่เหล็กเพิ่ม เขาก็มีขายแยกต่างหาก ชิ้นนี้เป็นลายที่เจ้าของร้านบอกว่าขายดีที่สุด พื้นหลังเป็นลายหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ พร้อมแผ่นแม่เหล็กตัวหนังสือ นิวส์อัพเดท เหมาะสำหรับตกแต่งห้องสไตล์โมเดิร์น หรือ ลอฟท์ ได้เป็นอย่างดี



ร้านที่สอง ชื่อ “Ma Maison” (มา เมซง) เป็นของตกแต่งร้านสไตล์วินเทจแบบหวานๆ มีหน้าร้านอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 26 ค่ะ ในงานบ้านและสวนแฟร์เขาก็ยกของสวยๆมาหลายชุดเลย



ตะกร้าหวายใส่ของชิ้นเล็กๆ หุ้มด้วยผ้าติดกระดุมลูกไม้ หูทำดวยหนังแท้ น่ารักๆ อย่างนี้ ราคาใบเล็ก 690 บาท ใบใหญ่ 890 บาทค่ะ



เก้าอี้วินเทจไม้หวานๆ แบบนี้ เหมาะกับสไตล์ อิงลิชคัลทรี่นะคะ ซื้อในงานได้ราคาลดพิเศษกว่าซื้อที่หน้าร้านด้วย



หมอนสารพัดลาย ทั้งแบบต่อลายผ้า ถักเป็นลูกไม้ หรือสกรีนลายเก๋ เป็นโน้ตเพลง สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ มีหลากหลายราคา เริ่มต้นที่ 550 บาท


พร๊อพแต่งบ้านน่ารักๆ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานอีกอย่าง คือ กล่องใส่กระดาษทิชชู่รูปบ้านทำจากไม้ มีสองสีให้เลือกค่ะ วางที่ไหนก็ดูน่ารัก



ร้านที่สาม เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์ สแกนดิเนเวียนค่ะ เจ้าของร้านชื่อคุณธีระ เดิมเคยร่วมงานกับร้านดัง (ฮาวายไฟส์โอ) มาก่อน ตอนนี้แยกออกมาเปิดแบรนด์ตัวเองชื่อ “เดนิช ฟิฟตี้”

คุณธีระบอกเราว่า เพิ่งเปิดร้านตรงแถวแยกอรุณอมรินทร์ได้ไม่นาน ปีนี้ก็เป็นปีแรกที่เปิดบู๊ทในงานบ้านและสวนแฟร์ สินค้าในร้านมีทั้งแบบ รีโปรดักส์ และคุณธีระออกแบบเอง



ตู้ไซบอร์ดแบบยาว เป็นสินค้าที่มีคนมาติดต่อสอบถามมากแบบหนึ่ง ฝีมือการออกแบบ ที่เจ้าของหยิบโน่นมาผสมนี่จนเป็นดีไซน์ลงตัว ตัวตู้ทำจากไม้สักผสมไม้อัดสัก ความยาว 1.80 ม. ราคา หมื่นต้นๆ ค่ะ คุณธีระบอกว่าสามารถสั่งขนาดสั้นยาวเป็นพิเศษได้ตามต้องการด้วยนะคะ



อีกตัวที่เป็นฝีมือการออกแบบของคุณธีระ คือ ตู้ข้างสี่ขานี้ ตัวนี้เก๋ตรงที่มือจับลิ้นชักทำจากแผ่นไม้จริงกลึงขึ้นรูป ส่วนตัวตู้ทำจากไม้อัดสักทำสีค่ะ



อีกตัวที่อยากแนะนำ เป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็ก เป็นของรีโปรดักส์นะคะ กระจกปรับองศาได้ ราคา 12,000 บาท



มาร้านที่สี่กันบ้าง เป็นร้านพัดลมติดเพดานค่ะ บ้านเราเป็นเมืองร้อนนะคะ แต่สังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีพัดลมเพดานสวยๆ ให้เราเลือกใช้เท่าไร เจ้าของบ้านมักจะเลือกใช้พัดลมตั้งพื้นแทน ซึ่งกระจายลมได้ไม่เย็นเท่าพัดลมเพดาน แถมยังเกะกะด้วย ลองมาดูพัดลมติดเพดานสวยๆ ที่ร้าน มิสเตอร์ เคน กันดีกว่า



สำหรับบ้านที่ทำฝ้าสวยๆ ไม่อยากให้มีใบพัดลมมาบัง ขอแนะนำพัดลมแบบใสที่มองทะลุเห็นตัวเครื่องยนต์ข้างในดูไฮเทคดีจริงๆ เป็นพัดลมนำเข้าจากต่างประเทศนะคะ ราคา 6,168 บาท ซื้อในงานมีส่วนลด 35%



อีกแบบที่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อย แต่ก็ยังเก๋อยู่ คือพัดลมเหล็กแบบสามใบพัดทำสีน้ำตาลด้านๆ ราคา 1,222 บาท ซื้อในงานมีส่วนลด 25% ค่ะ



ร้านที่ห้า ชื่อร้าน Volks ค่ะ เจ้าของร้านชื่อ คุณจู๊ด ชอบเฟอร์นิเจอร์เหล็กเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้ออกแบบดัดแปลงปรับแปลงโฉมแปลงสี ให้ดูสวยเข้ากับการแต่งบ้านสมัยใหม่มากขึ้น

คราวนี้ นอกจากตู้เหล็กสารพัดแบบแล้ว เรายังเห็นสินค้าใหม่ๆ คือโคมไฟเซรามิค และนาฬิกาเหล็กติดผนังด้วยค่ะ



ใครแวะมาที่ร้านนี้ ก็ต้องเจอเจ้าของร้านใจดีนั่งประจำที่อยู่แบบนี้ แม้ร้านจะขนาดเล็ก แต่สิ้นค้าที่อัดแน่นก็สวยถูกใจทุกชิ้น



ที่ถูกใจเราคือตู้ล็อคเกอร์เก็บของไซน์เล็ก เห็นแล้วให้กลิ่นอายเหมือนกลับไปอยู่ในสมัยเรียนหนังสือจริงๆ ล็อกสี่เหลี่ยมเมื่อแบ่งช่องครึ่งหนึ่งข้างในก็สามารถใส่รองเท้าได้สองคู่พอดี พร้อมมีรูระบายอากาศ ตู้เขาทำมาหลายสีให้เลือกค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบสีขาว เพราะตัดกับความแมนของเฟอร์นิเจอร์เหล็กดี ราคา 5,800 บาท



อีกชิ้นที่ชอบ คือลิ้นชักเหล็กเก็บเอกสารเอ 4 สำหรับใส่ของกระจุกกระจิก แบบมินิ น่ารักดีค่ะ ราคา 2,500 บาท


ร้านที่หก เป็นร้านสตูดิโอ 128 ค่ะ ขายโซฟาเกรดเอ คุณภาพเทียบเท่าเฟอร์นิเจอร์นำเข้าแบรนด์ดังๆ แต่ราคาสบายกระเป๋าคนไทยกว่าเยอะ เขามีหน้าร้านอยู่ที่ CDC ในงานบ้านและสวนแฟร์เขามาเปิดบู๊ทขนาดกว้างใหญ่ที่เดียว เพราะขนสินค้ามาลดราคาในงานเป็นพิเศษหลายชิ้น

คุณบูณร์ เจ้าของร้าน พอดีเป็นรุ่นพี่ที่คณะเก่าด้วยค่ะ เราก็เลยขอนั่งคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันบนโซฟาตัวนุ่มหนากันยาวเลยค่ะ (เฮ้อ...สบายหายเมื่อย)


เจ้าของร้านเล่าว่า หนังที่เขานำมาใช้เย็บทำโซฟานี้ นำเข้ามาจากอิตาลีแบบเกรดเอ ออกแบบตัดเย็บด้วยช่างฝีมือในเมืองไทย โดยมีช่างใหญ่ชาวอังกฤษเป็นคนควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ได้สินค้ามาตรฐานระดับสินค้าส่งออกยุโรปค่ะ


เราคงไม่ได้เลือกซื้อโซฟาหนังกันทุกวันใช่ไหมค่ะ จะซื้อทั้งที(ถ้ามีงบประมาณหน่อย)ก็ต้องอยากได้ของดี สวยทนทาน คุ้มค่า ขอแนะนำตัวนี้แล้วกันค่ะ โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง หนังวัวแท้เกรดเอจากอิตาลี ราคา 72,000 บาท ถ้าอยากได้ถูกลงมาหน่อย ก็แบบ 2 ที่นั่ง ราคา 62,000 บาทค่ะ (เฉพาะในงานเท่านั้นนะคะ)



ร้านที่เจ็ด เป็นร้าน VC FABRIC เขาขนผ้าบุเฟอร์นิเจอร์และผ้าม่านมาลดกระหน่ำสูงสุดถึง 80% จากโรงงานโดยตรง งานนี้คุ้ยกันสนุกเลยค่ะ



ใครมาก่อนได้ก่อนนะคะ เพราะผ้าปลายไม้สวยๆ ราคาพิเศษ หมดแล้วหมดเลย หรือถ้าอยากซื้อผ้าเยอะๆ เขาก็ยกม้วนผ้ามาให้เลือกในราคาพิเศษเช่นกัน



เดี๋ยวจะนึกภาพความพิเศษของลวดลายผ้า และราคาถูกแสนถูกไม่ออก ยกตัวอย่างผ้าบุนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาเดิมหลาละ 840 บาท ผ้าปลายไม้ความยาว 4 หลา เหลือเพียงหลาละ 90 บาท เท่านั้นค่ะ!!!


อีกชิ้นที่สวยไม่แพ้กัน เหมาะกับการนำไปสร้างบรรยากาศให้ห้อง คือผ้าม่านแบบโปร่ง เดิมราคาหลาละ 650 บาท ลดเหลือเพียง หลาละ 150 บาท ถ้าจะอยากมาซื้อไปใช้ที่บ้าน แนะนำว่าควรวัดขนาดหน้าต่าง และคำนวณปริมาณกันมาให้ดีก่อน รับรองได้ของสวยราคาถูกไปแต่งบ้านแน่นอน


ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ หรือ นำไปเย็บทำปลอกหมอนประดับห้องอีกชิ้น เป็นผ้าสักหลาดลายกุหลาบ ให้อารมณ์แบบย้อนยุคนิดๆ เขายกมาเป็นม้วนๆ สั่งตัดซื้อได้ตามต้องการ ราคาหลาละ 150 บาท



เดินมาหลายร้านแล้ว แต่ยังไม่ถึงครึ่งงานเลยนะคะ วันนี้ขอพักยกก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้จะพาไปชมสินค้าที่น่าสนใจต่อ ใครแวะมางานบ้านและสวนแฟร์ ก็เข้ามาทักทายกันได้ที่ส่วน center point นะคะ




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2553 20:10:25 น.
Counter : 11668 Pageviews.  

1  2  3  

นามแฝงที่ต้องการต้องการ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




จบสถาปัตย์ แต่มาทำอะไรที่คล้ายๆ นักเขียน โดยเฉพาะงานเขียนทางด้านการออกแบบและตกแต่งบ้านและสวน ทำให้ได้พบเจอสถานที่สวยๆ รวมไปถึงผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จึงอยากส่งต่อสิ่งที่ได้พบได้เห็นไปยังผู้อ่าน เพื่อเป็นแรงบัลดาลใจ หรือเป็นข้อมูลความรู้อันประโยชน์แก่การทำบ้านและสวนของคุณ
Friends' blogs
[Add นามแฝงที่ต้องการต้องการ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.