Group Blog
 
All Blogs
 

นิยามความผูกพัน



วันนี้...เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้ ...แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
... สักวันเราจะรู้ว่า... สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้.
..เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่...ทั้งหมดของชีวิตเรา

วันหนึ่ง...หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่เราคิดว่าเราพึงใจ...ปรารถนา...ต้องการ...ขาดไม่ได้ เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก..

เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า
...ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง... คิดเสียว่า...เราโชคดี...ที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก

ความผูกพัน...ก็เหมือนกับความรัก...
หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก
หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ว่า... ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง ไว้กับสิ่งนั้นๆ
...เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง
เปรียบเสมือน เรามีแก้วนำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า...เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม พออากาศร้อนหน่อย...เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย...เราอาจต้องการน้ำอุ่น

ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ...
ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน...ตามความเหมาะสม

หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน เราก็จะพบว่า...แก้วใบนั้น...ก็จะร้าว...แล้วเริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...

ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง...ไม่ผิด ถ้าเราค่อยๆปรับใจ...ปรับตัวของเราเอง...ให้กลับคืนในเวลาที่ควร เพราะอย่างน้อยที่สุด...เราก็มีโอกาส...ได้ผูกพัน...
ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาส...ได้รัก นั่นเอง

ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น ...คือ...ความร
ัก ถ้าคุณเศร้า...เหงา...คิดถึงเค้า...อยากเจอ...อยากพูดคุย ...คือ...ความรัก

ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใครๆที่ไม่ใช่คุณ ...คือ...ความใคร่ อยากเก็บไว้เป็นเจ้าของคนเดียว

ถ้าคุณเมามาย...เค้าลูบหลังไหล่...ดูแล ...คือ...ความรักที่บริสุทธิ์ใจ ถ้าคุณเมามาย...เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย ...คือ...ความใคร่จากเค้าของคุณ

ถ้าคุณเข้าหา...แต่เค้าหนี... ...คือ...ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว ถ้าคุณหนี...แต่เขาวิ่งตามมา... ...คือ...ความรักที่ยังไม่มีจุดจบ

ถ้าคุณร้องไห้...ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ ...คุณคือ...คนโง่...และบ้า อย่างน่าอาย แต่ถ้าคุณพอใจ...จงรัก...และมอบความรักให้กับเค้า
แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้...ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า
จงภูมิใจที่มีความใคร่...เสน่หา เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป...




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2548 18:07:35 น.
Counter : 430 Pageviews.  

ข้อคิดเตือนใจ...สำหรับใครหลายๆคน

>>> >สัจธรรมของชีวิต..อ่านกัน
>>>ฮาๆ(แต่บางคนอาจฮาไม่ออก..เพราะแม่งจริงว่ะ!!!)
>>> >สัจธรรมของชีวิต เออ แม่งจริงวะ !!!!
>>> >************************
>>> >อ ย า ก รู้ อ ะ ไ ร มั้ ย ?
>>> >สั ม ผั ส ค ว า ม จ ริ ง จั ย จ า ก ...ต อ แ ห ล
>>> >ค น ที่ น า ย เ ค ย บ อ ก “ก รุ รั ก ก รุ แ ค ร์ ”
>>> >สุ ด ท้ า ย ก็ เ ผ ย ธ า ตุ แ ท้ หึ…ส้ น ตี * น
>>> >
>>> >เ อ อ ...เ พิ่ ง จ ะ รู้ ก รุ มั น เ ลว
>>> >เ ป็ น เ ล ดี้ ห่ า เ ห ว ไ ม่ มี ศี ล
>>> >ขี้ โ ม โ ห ขี้ หึ ง นิ ด ห น่ อ ย วี น
>>> >เ ห ม็ น ก ลิ่ น ฟ อ ร์ ม า ลี น...ไ ม่ มี น้ำ ย า
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ก รุ ห ว า น ทำ เ ป็ น อ า ย
>>> >ก รุ นั ว เ นีย ร อ บ ก า ย ที่ รั ก จ๋ า
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ก รุ ห ว า น "อ า ว ก ร ะ โ ถ น ม า "
>>> >ก รุ นั ว เ นี ย ข อ เ ห อ ะ ว่ ะ "ไ ก ล ๆ ตี * น"
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ก รุ อ้ อ น น่ า รั ก จั ง
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ อ้ อ น มั่ ง "อ ย่ า เ ล่ น ลิ้ น "
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ห อ ม แ ก้ ม เ ป็ น อ า จิ ณ
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ไ ด้ ก ลิ่ น เ ป็ น อ า เ จี ย ร
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น เ จ อ กั น อ่ ะ ข อ ง ฝ า ก
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ เ มิ ง อ ย า ก ก็ ซื้ อ ดี๊
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ขั บ ร ถ รั บ ส่ ง ฟ รี
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ เ ฮ้ ย ! แ ท๊ ก ซี่ เ อ า อี นี่ ไ ป
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ร้ อ ง ไ ห้ ค อ ย ก อ ด ป ล อ บ
>>> >ป่ า ว ป ร ะ ก า ศ ช๊ อ บ ช อ บ บ บ บ ค น อ่ อ น ไ ห ว
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ก รุ ร้ อ ง ไ ห้ โ อ้ ย . . . เ ป็ น รั ย
>>> >อ่ ะ ก ร ะ แ ด ะ เ ข้า ไ ป อ ย า ก ไ ด้ อ ะ ไ ร บ อ ก ดี ๆ
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ยิ้ ม ใ ห้ โ ห ย . . . ใ จ เ ต้ น
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ยิ้ ม ใ ห้ เ ห็ น " ก รุ ป ว ด ขี้ "
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น เ ฮ้ ย . . ข า ว ว๊ า ว ดู ดี
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ซี ด ยั ง ก ะ ผี ดู มั น ช ม
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ข้ า ม ถ น น เ ดิ น จู ง มื อ
>>> >ข้ า ว ข อ ง เ งี้ ย ช่ ว ย ถื อ ก ลั ว เ ร า ล้ ม
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ย ก มื อ ขึ้ น พ น ม
>>> >โ อ ม เ พี้ ย ง. . . ใ ห้ มั น ล้ ม ร ถ เ ห ยี ย บ ค อ
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ส า ว ม อ ง ทำ เ ป็ น เ งี ย บ
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ข อ เ บ อ ร์ เ พี ย บ ไ อ้ ห น้ า ม่ อ
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น จ ะ ไ ป ไ ห น เ ดี๋ ย ว ป๋ ม ร อ
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ไ ม่ ง้ อ จ ะ ไ ป ไ ม่ ไ ป …
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ทำ อ ะ ไ ร ผิ ด โ อ้ ย … นิ ด ห น่ อ ย
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ เ ดี๊ ย ะ ต่ อ ย … ดี ๆ ห น่ อ ย ไ ด้ มั้ ย ?
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ใ ค ร ม อ ง โ ก ร ธ เ ป็ น ไ ฟ
>>> >เ ดี๋ ย วนี้ ใ ค ร อ ย า ก ไ ด้ ก รุ ใ ห้ ฟ รี
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น กิ น ข้ า ว เ ดี๋ ย ว ป๋ ม จ่ า ย
>>> >ก็ น ะ … เ ก ร ง จั ย คุ ณ เ ป็ น เ ล ดี้
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ … ห ล อ ก แ ด ก ก รุ ฟ รี ๆ
>>> >เ ซ็ ง จั ง อี นี่ เ ก า ะ ก รุ กิ น
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น ก รุ ง อ น ทำ เ ป็ น ง้ อ
>>> >โ ว ย ว า ย ตั ด พ้ อ ชี วิ ต จ ะ สิ้ น
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ ก รุ ง อ น ทำ ท่ า จ ะ บิ น
>>> >“งั้ น เ ลิ ก” ฟั ง จ น ชิ น ต้ อ ง ง้ อ มั น
>>> >
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น โ ท ร ต า ม เ อ า ใ จ ใ ส่
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ โ ทร ไ ป ปิ ด ซ ะ งั้ น
>>> >เ มื่ อ ก่ อ น แ ม ส เ ส จ ส่ ง ทั้ ง วั น
>>> >เ ดี๋ ย ว นี้ เ ค รื่ อ ง สั่ น ลื ม จ่ า ย ตั ง ค์
>>> >
>>> >ก็ แ ค่ … อ ย า ก ใ ห้ น า ย รู้ บ้ า ง
>>> >ค บ แ ล้ ว ทิ้ ง ข ว้ า ง รั ก มั่ ง ไ ม่ รั ก มั่ ง
>>> >ถ้ า เ ล่ น ๆ ก็ บ อ ก ดิ่ “ ไ ม่ จ ริ ง จั ง ”
>>> >จ ะ เ ผื่ อ ใ จ ไ ว้ ค ร า ว ห ลั ง ห ล า ย ๆ ค น
>>> >
>>> >พ ว ก น า ย เ จ้ า ชู้ เ อ อ … ก็ ไ ด้
>>> >แ ต่ ไ ม่ อ ย า ก จ ะ เ ป็ น ค ว า ย ห ล า ย ๆ ห น
>>> >ม า ก ๆ ชั ก จ ะ ห ม ด ค ว า ม อ ด ท น
>>> >ดี้ ก็ ค น ปุ ถุ ช น ธ ร ร ม ด า
>>> >
>>> >แ ต่ นี่ บ อ ก ไ ม่ เ จ้ า ชู้ ก รุ ล ะ เ บื่ อ
>>> >ใ น ส ต๊ อ ก ที่ เ ห ลื อ มั น ใ ค ร ห ว่ า ?
>>> >ทำ เ ป็ น รั ก เ ดี ย ว ใ จ เ ดี ย ว อ อ ก ห น้ า อ อ ก ต า
>>> >ใ ค ร ต อ แ ห ล ม า ร ย า “ คิ ด อี ก ที ” ?
>>> >
>>> >ก รุ โ น ะ เ น ะ ก็ บ อ ก ก รุ ก ร ะ แ ด ะ
>>> >ก รุ ก ร ะ แ ซ ะ ก็ ว่ า ก รุ ก ะ ห * รี่
>>> >ก รุ เ ฉ ย ๆ ก็ ว่ า ห ยิ่ ง สิ้ น ดี
>>> >ก รุ อ้ อ น ที ก็ บ อ ก “ น่ า รำ ค า ญ ”
>>> >
>>> >ก รุ ไ ม่ รั บ โ ท ร ศั พ ท์ เ ชิ ญ ไ ป บ ว ช
>>> >พ อ ก รุ รั บ 5 ส า ย ร ว ด โ ถ … อี ร่ า น
>>> >ก รุ บ อ ก ไ ม่ มี แ ฟ น ล่ ะ ห น้ า บ า น
>>> >พ อ จี บ ติ ด ไ ป น า น ๆ ก้ อ ทิ้ ง กู !!!!!!!!!




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2548 21:08:45 น.
Counter : 255 Pageviews.  

10 คำถามที่ยากที่สุดที่คุณต้องพบ เมื่อสัมภาษณ์งาน

คุณต้องค้นหาคำตอบอย่างหนักเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ภูมิหลังของบริษัท หน้าที่รับผิดชอบของงาน จุดอ่อน/จุดแข็ง รวมถึงเป้าหมายในการทำงานของคุณ

#10: ทำไมคุณถึงสนใจสมัครตำแหน่งนี้ ในบริษัทนี้
คำตอบที่ใช้ไม่ได้: "เพราะว่าผมต้องการเงินและ/หรือประสบการณ์" เพราะนี้จะหมายความว่าคุณจะใช้บริษัทนี้เป็นเหมือนสถานีผ่านทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่ต้องจดจำ: ทุกบริษัทต้องการพนักงานที่ทำงานในบริษัทเป็นระยะเวลายาวนาน
คำตอบที่ดี: ก่อนอื่นต้องตรวจสอบตัวคุณเองก่อนว่าคุณค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและงานที่คุณสมัครเป็นอย่างดี อธิบายว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครอย่างไร รวมถึงโอกาสของงานนี้จะช่วยคุณพัฒนาทักษะและความสามารถได้อย่างไร พูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ (หรือกิจกรรมที่ทำเมื่อเรียน) ที่คุณรักและมีความเชี่ยวชาญ


"(บริษัท ก) เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในเรื่อง (จุดแข็งของบริษัท) ผมต้องการทำงานกับบริษัทที่มีการทำงานแบบนี้ (งาน) นี้จะช่วยพัฒนาทักษะของผมในส่วน (ความสามารถและความสามารถพิเศษอื่นๆ)"

#9: คุณลาออกจากตำแหน่งงานปัจจุบันด้วยสาเหตุใด และคุณประทับใจอะไรกับบริษัทล่าสุดที่คุณทำงาน
ห้ามพูดถึงเจ้านายคนเก่าของคุณในทางที่ไม่ดี การยุ่งในสิ่งที่ไม่ถูกเรื่องและการลอบกัดจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง ทำให้ภาพของคุณดูไม่ดี ในทางกลับกัน ให้เน้นถึงสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากบริษัทก่อนหน้านี้ ให้เน้นว่าเพราะว่าคุณมองหาความท้าทายที่มากขึ้น และถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวคุณเองแล้ว

#8: สิ่งที่คุณคาดหวังจากตำแหน่งงานนี้ ให้คุณเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบของงานก่อน เข้าใจถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น แล้วตอบว่าคุณต้องการเรียนรู้ความรับผิดชอบเหล่านี้และอยากจะเผชิญหน้ากับความกดดันทั้งหลายที่มี

#7: ในห้าปีข้างหน้า คุณมองภาพตัวคุณเองว่าเป็นอย่างไร
สำหรับผู้จัดการหลายราย คำถามนี้เป็นคำถามที่ท้าทายอย่างมากว่าคุณจะตอบให้ตัวเองได้เกิดหรือตายไปเลย! โปรดตรวจสอบว่าคุณเห็นความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ดี ก่อนที่จะเข้าสัมภาษณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณมีเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้

#6: คุณคิดว่าคุณจะช่วยหน่วยงานนี้ได้ดีที่สุดที่จุดไหน
ให้คุณคิดให้ดีว่าคุณมีความเก่งในเรื่องใด จำไว้ว่าการอบรมและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของคุณจะช่วยคุณได้ โดยคิดว่าจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาช่วยคุณให้มากที่สุดได้อย่างไร และนำไปใช้ให้ตรงกับความต้องการของบริษัท และกับงานที่คุณสมัครด้วย

#5: คุณจัดการกับคำวิจารณ์อย่างไร ทั้งจากเจ้านาย หรือจากเพื่อนร่วมงาน
จงยอมรับว่าคำวิจารณ์ล้วนทำให้เจ็บปวด แต่ก็เป็นครูที่ดีด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างที่ผ่านมาซึ่งคุณได้รับคำวิจารณ์ในทางลบ และแม้ว่าคุณจะเจ็บปวดกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่คุณก็เผชิญหน้ากับมัน และนำคำวิจารณ์เหล่านั้นมาปรับปรุงตัวคุณเอง

#4: คุณจัดการกับความกดดันอย่างไร
ขอให้พูดตามตรง: ไม่มีใครเป็นคนวิเศษเลิศเลอ ข้อแรก ให้อธิบายประเภทของความกดดันที่คุณคุ้นเคยและสามารถจัดการกับมันได้โดยง่าย (เช่น กำหนดเวลาในการทำงาน) จากนั้นยอมรับว่าแรงกดดันประเภทนี้ทำให้คุณจัดการกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ (เช่น คิดงานไม่ออกเพราะบรรยากาศในการทำงานไม่เอื้ออำนวย) แต่ให้พูดปิดประเด็นในแง่บวก โดยยกตัวอย่างวิธีการปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านั้นของคุณ

#3: คุณคิดว่าคุณจะปรับปรุงตัวคุณเองได้อย่างไร ทั้งในแง่ของทักษะความสามารถ หรือ ในด้านอุปนิสัย
คำถามนี้แยกย่อยมาจากข้อ #2. ผู้สัมภาษณ์ต้องการความซื่อสัตย์ ไม่ใช่การโกหกพกลม มองตัวคุณเอง ดูว่าสิ่งไหนที่คุณต้องการปรับปรุง เป็นเรื่องทักษะด้านการสื่อสาร ความรอบรู้ หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม ให้คุณยอมรับในเรื่องจุดอ่อนของตัวคุณเอง และพูดปิดประเด็นว่าคุณกำลังปรับปรุงตัวคุณเองให้ดีขึ้น (เข้าอบรมเพิ่มเติมในโรงเรียน การสมัครเป็นสมาชิกชมรถทั่วๆ ไป เป็นต้น)

#2: สิ่งที่คุณสามารถทุ่มเทให้กับบริษัท ที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้
คำถามนี้เปิดโอกาสให้คุณแสดงคุณสมบัติเด่นของคุณเอง ในการสัมภาษณ์งาน คุณต้องขายตัวคุณเอง นำประสบการณ์ ความสามารถ และอุปนิสัยของคุณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้คุณ เป็นคนที่บริษัทต้องการ คิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ไม่มีใครจะนึกถึง หรือเมื่อคุณมีไอเดียอันบรรเจิดซึ่งทำให้ทุกคนหลงใหลได้ปลื้มมาแล้ว

#1: คำถามที่นิยมถามมากที่สุด คือ ทำไมบริษัทเราจึงต้องจ้างคุณ
คำตอบที่ถูกต้องหนึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้ คือ "ผมจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น"

ตอบคำถาม 9 ข้อแรกให้ดี และคุณจะไม่ต้องลำบากเมื่อถึงคำถามในข้อนี้ เพราะคุณได้พิสูจน์คุณค่าของตัวคุณเองไว้ใน 9 ข้อแรกแล้ว!!


จากหนังสือ "Pocket Hiring Guide on How To Hire the Right Person"




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2548 15:47:31 น.
Counter : 264 Pageviews.  

10 คำถามที่ยากที่สุดที่คุณต้องพบ เมื่อสัมภาษณ์งาน

คุณต้องค้นหาคำตอบอย่างหนักเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ภูมิหลังของบริษัท หน้าที่รับผิดชอบของงาน จุดอ่อน/จุดแข็ง รวมถึงเป้าหมายในการทำงานของคุณ

#10: ทำไมคุณถึงสนใจสมัครตำแหน่งนี้ ในบริษัทนี้
คำตอบที่ใช้ไม่ได้: "เพราะว่าผมต้องการเงินและ/หรือประสบการณ์" เพราะนี้จะหมายความว่าคุณจะใช้บริษัทนี้เป็นเหมือนสถานีผ่านทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่ต้องจดจำ: ทุกบริษัทต้องการพนักงานที่ทำงานในบริษัทเป็นระยะเวลายาวนาน
คำตอบที่ดี: ก่อนอื่นต้องตรวจสอบตัวคุณเองก่อนว่าคุณค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและงานที่คุณสมัครเป็นอย่างดี อธิบายว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครอย่างไร รวมถึงโอกาสของงานนี้จะช่วยคุณพัฒนาทักษะและความสามารถได้อย่างไร พูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ (หรือกิจกรรมที่ทำเมื่อเรียน) ที่คุณรักและมีความเชี่ยวชาญ


"(บริษัท ก) เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในเรื่อง (จุดแข็งของบริษัท) ผมต้องการทำงานกับบริษัทที่มีการทำงานแบบนี้ (งาน) นี้จะช่วยพัฒนาทักษะของผมในส่วน (ความสามารถและความสามารถพิเศษอื่นๆ)"

#9: คุณลาออกจากตำแหน่งงานปัจจุบันด้วยสาเหตุใด และคุณประทับใจอะไรกับบริษัทล่าสุดที่คุณทำงาน
ห้ามพูดถึงเจ้านายคนเก่าของคุณในทางที่ไม่ดี การยุ่งในสิ่งที่ไม่ถูกเรื่องและการลอบกัดจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง ทำให้ภาพของคุณดูไม่ดี ในทางกลับกัน ให้เน้นถึงสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากบริษัทก่อนหน้านี้ ให้เน้นว่าเพราะว่าคุณมองหาความท้าทายที่มากขึ้น และถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวคุณเองแล้ว

#8: สิ่งที่คุณคาดหวังจากตำแหน่งงานนี้ ให้คุณเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบของงานก่อน เข้าใจถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น แล้วตอบว่าคุณต้องการเรียนรู้ความรับผิดชอบเหล่านี้และอยากจะเผชิญหน้ากับความกดดันทั้งหลายที่มี

#7: ในห้าปีข้างหน้า คุณมองภาพตัวคุณเองว่าเป็นอย่างไร
สำหรับผู้จัดการหลายราย คำถามนี้เป็นคำถามที่ท้าทายอย่างมากว่าคุณจะตอบให้ตัวเองได้เกิดหรือตายไปเลย! โปรดตรวจสอบว่าคุณเห็นความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ดี ก่อนที่จะเข้าสัมภาษณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณมีเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้

#6: คุณคิดว่าคุณจะช่วยหน่วยงานนี้ได้ดีที่สุดที่จุดไหน
ให้คุณคิดให้ดีว่าคุณมีความเก่งในเรื่องใด จำไว้ว่าการอบรมและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของคุณจะช่วยคุณได้ โดยคิดว่าจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาช่วยคุณให้มากที่สุดได้อย่างไร และนำไปใช้ให้ตรงกับความต้องการของบริษัท และกับงานที่คุณสมัครด้วย

#5: คุณจัดการกับคำวิจารณ์อย่างไร ทั้งจากเจ้านาย หรือจากเพื่อนร่วมงาน
จงยอมรับว่าคำวิจารณ์ล้วนทำให้เจ็บปวด แต่ก็เป็นครูที่ดีด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างที่ผ่านมาซึ่งคุณได้รับคำวิจารณ์ในทางลบ และแม้ว่าคุณจะเจ็บปวดกับคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่คุณก็เผชิญหน้ากับมัน และนำคำวิจารณ์เหล่านั้นมาปรับปรุงตัวคุณเอง

#4: คุณจัดการกับความกดดันอย่างไร
ขอให้พูดตามตรง: ไม่มีใครเป็นคนวิเศษเลิศเลอ ข้อแรก ให้อธิบายประเภทของความกดดันที่คุณคุ้นเคยและสามารถจัดการกับมันได้โดยง่าย (เช่น กำหนดเวลาในการทำงาน) จากนั้นยอมรับว่าแรงกดดันประเภทนี้ทำให้คุณจัดการกับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ (เช่น คิดงานไม่ออกเพราะบรรยากาศในการทำงานไม่เอื้ออำนวย) แต่ให้พูดปิดประเด็นในแง่บวก โดยยกตัวอย่างวิธีการปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านั้นของคุณ

#3: คุณคิดว่าคุณจะปรับปรุงตัวคุณเองได้อย่างไร ทั้งในแง่ของทักษะความสามารถ หรือ ในด้านอุปนิสัย
คำถามนี้แยกย่อยมาจากข้อ #2. ผู้สัมภาษณ์ต้องการความซื่อสัตย์ ไม่ใช่การโกหกพกลม มองตัวคุณเอง ดูว่าสิ่งไหนที่คุณต้องการปรับปรุง เป็นเรื่องทักษะด้านการสื่อสาร ความรอบรู้ หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม ให้คุณยอมรับในเรื่องจุดอ่อนของตัวคุณเอง และพูดปิดประเด็นว่าคุณกำลังปรับปรุงตัวคุณเองให้ดีขึ้น (เข้าอบรมเพิ่มเติมในโรงเรียน การสมัครเป็นสมาชิกชมรถทั่วๆ ไป เป็นต้น)

#2: สิ่งที่คุณสามารถทุ่มเทให้กับบริษัท ที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้
คำถามนี้เปิดโอกาสให้คุณแสดงคุณสมบัติเด่นของคุณเอง ในการสัมภาษณ์งาน คุณต้องขายตัวคุณเอง นำประสบการณ์ ความสามารถ และอุปนิสัยของคุณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้คุณ เป็นคนที่บริษัทต้องการ คิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ไม่มีใครจะนึกถึง หรือเมื่อคุณมีไอเดียอันบรรเจิดซึ่งทำให้ทุกคนหลงใหลได้ปลื้มมาแล้ว

#1: คำถามที่นิยมถามมากที่สุด คือ ทำไมบริษัทเราจึงต้องจ้างคุณ
คำตอบที่ถูกต้องหนึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้ คือ "ผมจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น"

ตอบคำถาม 9 ข้อแรกให้ดี และคุณจะไม่ต้องลำบากเมื่อถึงคำถามในข้อนี้ เพราะคุณได้พิสูจน์คุณค่าของตัวคุณเองไว้ใน 9 ข้อแรกแล้ว!!


จากหนังสือ "Pocket Hiring Guide on How To Hire the Right Person"




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2548 15:47:11 น.
Counter : 286 Pageviews.  

+++ กฏเกณฑ์.....ที่ควรจำก่อนการทะเลาะกับแฟน +++

คนเรารักกันก็ย่อมที่จะมีการโต้แย้งกันบ้างไม่มากก็น้อย ไม่เช่นนั้นชีวิตรักคงจืดชืดเหมือนกันนะแต่การตั้งสติไว้ก่อน อาจจะช่วยให้การทะเลาะกันนั้นไม่บานปลายจนถึงการแตกแยกเกิดขึ้น วิธีต่อไปนี้คงจะช่วยได้บ้างนะคะ (ก็เช่นเคยค่ะ รวบรวมเก็บตกมาอีกละ หวังว่าคงให้อภัยนะคะ)

1. อย่าโยนความผิด : เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 100% ดังนั้น ให้ยอมรับว่าคุณมีส่วนในปัญหานี้ และอธิบายว่าการกระทำของอีกฝ่ายทำให้คุณรู้สึกอย่างไร

2. ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ : อย่าอาละวาดเหมือนเด็กหรือดื้อรั้นและอย่ายอมก้มหัวงก ๆ หรือทำตัวโหดร้าย เพราะจะทำให้สิ่งที่คุณพูดไม่มีน้ำหนัก

3. อย่าเริ่มด้วยการเอาชนะ : ถ้าคุณเป็นคู่รักก็ต้องร่วมกันแก้ปัญหา ไม่ใช่คิดจะเอาชนะ

4. พยายามเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย : ลองเอาใจเขามาใส่ใจคุณและบอกเขาว่าคุณกำลังพยายามทำความเข้าใจเขา

5. เน้นปัญหาตรงหน้าเท่านั้น : อย่ารื้อฟื้นทุกเรื่องที่คุณหงุดหงิดในช่วงสองสามเดือนก่อนมาคุยรวมในครั้งนี้ ให้หาเวลาอื่นพูดถึงปัญหาจะดีกว่า

6. ฟังอีกฝ่ายพูด : อย่าพูดหรือตะโกนใส่เขาตอนที่เขากำลังพูด การทะเลาะคือการที่สองฝ่ายหาเหตุผลมาแย้งกัน ดังนั้นต้องให้โอกาสอีกฝ่ายพูด จากนั้นให้ทำความเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เขาพูดมา

7. รู้ว่าควรยุติเมื่อไหร่ : อย่าพร่ำพูดเรื่องนี้นานหลายชั่วโมง ทั้งที่ได้พูดทุกอย่างไปหมดแล้ว เมื่อคุณสงบอารมณ์สักสองวันก็อาจพบว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว

8. อย่าตะโกน : เพราะสิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงของคุณจนไม่ได้ตั้งใจฟังที่สิ่งที่คุณกำลังพูด อีกอย่างเวลาคุณแผดเสียงคุณจะพูดชัดน้อยลง

9. อย่าหาเรื่องทะเลาะ : ถ้าคุณมีปัญหาจากที่ทำงานหรือหงุดหงิดกับรถติด อย่าระบายอารมณ์ใส่เขา บอกเขาอย่างสงบว่าคุณรู้สึกอย่างไร แทนที่จะหาเรื่องเข้าหากัน

10. หัวเราะเข้าไว้ : อารมณ์ขันสามารถทำให้สถานการณ์แทบทุกรูปแบบสงบลง แต่อย่าใช้อารมณ์ขันขณะที่อีกฝ่ายกำลังระบายความในใจ ควรเลือกจังหวะที่จะใช้เสียงหัวเราะผ่อนคลายความตึงเครียด

11. คุณแทบไม่เคยแสดงความรู้สึกแท้จริง : เพราะไม่อยากมีเรื่องขัดแย้ง วิธีนี้เป็นการไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายทำทุกอย่างให้ดีขึ้น และยิ่งสะสมความรู้สึกไม่ดีไว้กับตัวคุณเองต่อไป

12. คุณใช้คำหยาบด่าว่าเขา : เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ คุณต้องหัดโต้แย้งโดยไม่ใช้คำหยาบดูถูกอีกฝ่าย เพื่อสื่อสิ่งที่คุณอยากบอกเขา

13. คุณกลอกตา : ยิ้มเยาะเวลาที่เขาพูดอะไรบางอย่างหรือชี้หน้าใส่เขาเวลาพูด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณไม่นับถือเขาเลย คุณอาจต้องหาสาเหตุว่าทำไมรู้สึกแบบนี้

14. คุณไม่ตั้งใจฟัง : เวลาที่เขาพูดเพราะสมองของคุณมัววุ่นกับการคิดคำโต้ตอบเจ็บ ๆ

15. ปกติเวลาคุณเริ่มทะเลาะ : คุณมักเริ่มด้วยคำพูดประมาณว่า "เธอมันก็แบบนี้เสมอ" หรือ "เธอไม่เคยนะที่จะ" ที่หลุดออกมาเป็นระยะพร้อมกับคำต่อว่าแบบเหมารวม การพูดกว้าง ๆ แบบนี้ไม่มีประโยชน์และยิ่งจะทำให้คุณทะเลาะกันรุนแรงขึ้น




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 23:14:09 น.
Counter : 310 Pageviews.  

1  2  

i^see
Location :
เพชรบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add i^see's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.