Group Blog
 
All Blogs
 
คอนโดพร้อมอยู่แล้ว :) สรุปข้อคิดทั้งหมดจากประสบการณ์จริง

เอาจริงๆคอนโดพร้อมอยู่ตั้งแต่สิ้นปี 2566 แล้วล่ะ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนหลังโอน เฟอร์หลักๆมีให้พออยู่ได้ ขาดแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างที่ยังไม่จำเป็นมาก คงจะทยอยซื้อไปเรื่อยๆตามงบประมาณ รูปที่ลงนี่ก็ไม่ได้เรียงวันเวลานะคะ จะเห็นได้ว่าของบางชิ้นเปลี่ยนไป เพราะแต่งห้องไปเรื่อย

ก่อนลงรูปห้อง ลงรูปตู้ลอยที่ทำบิวท์อินก่อนเพราะนึกได้ว่าลงรูปไม่ครบ ลงแต่รูปที่บิวท์อินห้องนอน

ตู้ครัว เหนือตู้เย็น เลือกสีใกล้เคียงกับหน้าบานตู้ครัวแถมของโครงการ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบครัวโครงการเพราะอยู่ในมุมมืดแล้วยังใช้สีมืดอีก แต่ก็เลือกให้เข้ากันไป


ตู้ลอยครอบตู้ไฟ เพิ่มการจัดเก็บของได้เล็กน้อย ไม่ได้ทำใหญ่มากกลัวเทอะทะไม่สวย


ตู้รองเท้า โต๊ะวางทีวี สั่งทำขนาดและรูปแบบที่ต้องการ เพราะปลั๊กโครงการเตี้ย และหาช่างย้ายขึ้นแล้วไม่สำเร็จ เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากว่าจะบิวท์อินตรงนี้ ช่างบิวท์ก็จะทำให้ได้ แต่เราตั้งใจบิวท์น้อยสุด ชอบเฟอร์ลอยไม้ๆ รู้สึกว่าเฟอร์บิวท์อินมันเป็นกล่องๆไปหมด ก็สวยนะแต่รู้สึกว่าเฟอร์ลอยดูแล้วสบายใจกว่า ราคาก็มิตรภาพด้วย (แต่เรื่องที่จัดเก็บของแน่นอนว่าแพ้บิวท์อิน)


ภาพรวมของห้อง เล็กๆ มีทุกอย่างที่เราต้องการ ในขนาดกระทัดรัด





ถ้านับเฉพาะเฟอร์ลอย สิ่งที่แพงที่สุดในห้องคือโซฟาเบดขนาด 150cm เลือกหนังกันรอย สั่งทำโดยไม่เห็นของจริงเพราะขี้เกียจไปดูไกล เลือกสีและหนังโดยทางบริษัทส่งตัวอย่างมาให้ เข้าใจว่าเลือกสีกากี แต่ออกมาเป็นสีนี้ จะว่าพลาดก็ไม่เชิงเพราะสวยถูกใจมากกก แม้จะนอยนิดหน่อยกลัวเอาเท้าพาดแล้วดำ แต่มันเป็นหนังที่เช็ดทำความสะอาดได้แม้แต่ปากกาหมึกแห้ง (แต่ควรเช็ดทันที)

อ้อ เฟอร์ลอยที่ถูกที่สุดคือล็อคเกอร์ข้างโซฟา ราคาไม่ถึงพัน

รูปแบบห้องมาตรฐาน ถัดจากโซฟาก็เป็นมุมทานอาหารเล็กๆ เลือกโต๊ะขนาดแค่ 75x75x75 เล็กกว่าที่คอนโดเก่าซึ่งมีขนาด 80x80x75 เพราะเสาตรงนั้นกว้าง 73 cm อยากให้มีพื้นที่เหลือไม่อึดอัด ข้างโซฟาติดกับเก้าอี้ทานอาหารอาจจะวางเครื่องฟอกอากาศ




ตอนแรกจะติดโคมไฟแขวนด้วย แต่ต่อมาก็ลังเลเพราะยังหาแบบถูกใจไม่ได้และไม่อยากเปลี่ยนระบบการเปิดปิดไฟ (ถ้าติดโคมไฟแล้ว สวิชไฟห้องต้องเปิดไว้ แล้วกดเปิดโคมไฟจากรีโมทอีกที)

ห้องอเนกประสงค์ที่ทำเป็นห้องทำงาน+ห้องพระ เบาะมูจิ เอาไว้นั่งสวดมนต์เป็นหลัก :)






ในห้องนอนเพิ่มเฟอร์นิดหน่อย จริงๆอยากได้พวกตู้ หรือลิ้นชัก ตอนแรกจะเอาตู้ล็อกเกอร์ไว้มุมห้องปลายเตียงด้วยซ้ำ แต่ด้วยขนาดของพื้นที่ รู้สึกมันไม่ลงตัว จะวางก็วางได้แต่กลัวจะอึดอัดสายตา เมื่อมีตู้มีอะไรเต็มห้อง เดินไม่สะดวก เลยเปลี่ยนเป็นแบบนี้แทน

ไฟของโครงการในห้องนอนเป็นไฟเหลือง ลองเปิดดู ปิดม่าน จำลองบรรยากาศกลางคืน


เก้าอี้นั่งใส่รองเท้า ด้านล่างมีชั้นวางของได้นิดหน่อย เอามาวางตรงนี้เพราะวิวที่มองไปทางนั้น สวยกว่าวิวฝั่งที่มองเห็นจากหัวเตียง เลยคิดว่าอาจจะมานั่งเล่นๆได้ ยืดขาพาดเตียง มีโต๊ะเล็กๆอยู่ข้างๆเอาไว้วางแก้วหรือขนม หรือหนังสือได้ ตอนนี้วางลำโพงบลูทูธ ยังเหลือที่





โต๊ะนี่ถูกใจสุดๆทั้งสีและ texture ราคาไม่แพงด้วย


พื้นที่น้อยนิดข้างเตียงที่ถอดใจไม่เอาโต๊ะข้างเตียงที่มีลิ้นชักก็ได้ เพราะหายากมาก ขนาดความกว้างแค่ 25 cm เลยใช้แบบนี้แทน สวยดี ช่องข้างล่างเราเอาไว้วางที่ชาร์จไร้สาย เสียบปลั๊กจากใต้โต๊ะเครื่องแป้ง (ดีที่เอาปลั๊กคืนมาได้หลังจากบ.บิวท์อินปิดไป ได้ใช้ประโยชน์จริงด้วย)




รูปหมดแล้วค่ะ ทีนี้จะสรุปข้อคิดทั้งหมดจากการซื้อและบิวท์อินครั้งนี้นะคะ ใครยังไม่ได้ซื้อคอนโด กำลังเลือก ตัดสินใจ ลองดูที่เราแชร์ประสบการณ์จริงนะคะ

1 คอนโดติดรถไฟฟ้า ระยะเวลาเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ต้องบวก 10-15 นาที เสมอนะคะ อย่าไปเชื่อที่บอก 15 นาทีถึงนู่นนี่ นอกจากบวกเวลาเดินแล้วยังต้องบวกเวลารอรถ ต่อรถอีก และ รถไฟฟ้าแต่ละสายมาเร็วช้าไม่เท่ากันด้วย สายหน้าคอนโดเรา ค่อนข้างช้าอ่ะ และไม่เคยได้นั่งเลย -_-

2 %ที่จอดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยที่สุดควร 40% up การออกแบบที่จอดก็สำคัญ (อันนี้เราอธิบายไม่ถูกเหมือนก้น แต่คือชอบแบบที่คอนโดเก่าเรา ทางวนขึ้น อยู่คนละมุมตึกกันอ่ะ แบบจากชั้น 2 ขึ้นชั้น 3 คือ ขับตรงไปอีกมุมตึกนึง ระหว่างทางเราก็มองหาที่จอดไป พอเห็นไม่มีว่างก็วนขึ้น ไรแบบนี้ และมันจะไม่มีช่องจอดที่อยู่ตรงทางตัน ซึ่งจอดยากด้วย แต่ที่ใหม่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น) เพิ่งรู้ว่าปัจจุบันมีกฎหมายเรื่องจำนวนช่องจอดสำหรับผู้พิการ/ใช้รถเข็นด้วย ที่เราเขียนในบล็อกแรกๆว่างงที่จอดรถเข็นเยอะมาก จริงๆเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้คอนโดใหม่จะมีที่จอดรถ ev ทำให้ที่จอดธรมมดาน้อยลงไปอีก

3 คอนโดติดรถไฟฟ้า เอาจริงๆเราว่าเสียงรถวิ่งบนถนนดังกว่ารถไฟฟ้าอีก แต่ต้องดูกระจกด้วย ในห้องนอนเป็นบานกระทุ้งเก็บเสียงได้ดีกว่าบานเลื่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ติดเรื่องทิศ ควรเลือกห้องด้านที่ไม่หันออกถนนที่มีรถไฟฟ้าก็จะเงียบกว่าอยู่แล้ว

4 คอนโดใกล้รพ.ดังในระยะ 1 กม. ฟังเสียงรถหวอทั้งวันทั้งคืน ขั้นต่ำ 6 รอบ ใครคิดว่าไม่ไหว ข้ามไปดูทำเลอื่นเลยค่ะ และทำเลแบบนี้ นอกจากบุคลากรทางการแพทย์แล้ว จะมีวัยกลางคน ผู้สูงอายุเยอะด้วย ลองพิจารณาดูว่าโอเคมั้ย

5 หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า เข้าอยู่ก่อน ต้องไม่ได้รับความสะดวกอย่างแน่นอนที่สุด เช่น ลิฟท์เสียปิดซ่อม ที่กั้นยังไม่ได้ทำ ถนนโครงการยังไม่เรียบร้อย ไฟดับ ห้องอื่นๆบิวท์อินเสียงดัง เหม็น ฯ

6 แต่การเข้าอยู่ก่อน รีบบิวท์ห้องก่อน บางทีโชคดีตรงที่กฎระเบียบยังไม่ออก ยังไม่เข้มงวดเรื่องวันเวลาเข้างาน บางที่ยังไม่ออกกฎเก็บเงินประกันเป็นต้น

7 ห้องมุมตึกยังไงก็มีปัญหาน้ำรั่วมากกว่าห้องปกติ ตั้งแต่ยังไม่เข้าอยู่ก็เห็นประกาศโรยตัวซ่อมแล้ว ไม่ใช่แค่ห้องมุมที่ได้หน้าต่างสองด้านด้วยนะคะ แต่เป็นห้องมุม ประมาณว่า สมมติตึกรูปตัว L ห้องที่อยู่มุมฉากของตัว L ก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ไม่เสมอไป ถ้าโครงการทำดีมากจริงๆ อาจจะไม่รั่วเลยก็ได้ (แต่ยังไม่เคยเห็นนะ :)

8 คอนโดต้องประหยัดทางใดทางหนึ่ง เช่น ในห้องวัสดุดีใช้ได้ เก็บเสียงดี แต่ของส่วนกลางบางอย่างอาจไม่ดี เช่นไปใช้ลิฟท์ถูกๆของเกาหลี ห่วยมาก เป็นต้น (เขียนข้อนี้แบบอัดอั้นตันใจ 555)

9 จ้างคนตรวจ ช่วยได้ 70-80% อย่างน้อยก็ช่วยเรื่องระบบที่สำคัญๆ ที่เราเช็คเองไม่ได้ แต่บางอย่างคือ คนตรวจก็ไม่เห็น เพราะไม่ได้แกะที่แพ็คพลาสติคไว้ หรืออยู่ไปแค่ 2-3 วัน ไอ้นั่นหลุด ไอ้นี่ร่วง ก็ยังต้องแจ้งซ่อมอยู่ดี

10 การแจ้งซ่อมช่วงคอนโดยังไม่ส่งมอบกันครบ ผู้รับเหมากำลังทำห้องอื่นๆที่เตรียมโอน ดีที่สุด ช่างมาไวดี

11 ยังไง ฟีดแบ็คจากโครงการเก่าๆก็สำคัญ ต้องหาอ่านให้มากก่อนซื้อ อย่างที่เราซื้อ ทั้งที่เก่าและที่ใหม่ ก็เป็นคอนโดระดับกลางที่ฟีดแบ็คด่ามีน้อยทั้งคู่ พอมาซื้อก็ใช้ได้จริงๆ ถ้า developer ใหม่มากเพิ่งทำโครงการแรก หรือ รายเก่าแต่โดนด่าเยอะมากๆ ไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง

12 เรื่อง บ.บิวท์อิน ถามดีๆว่าการเก็บงาน เก็บสีที่ทำห้องเราเสียหาย รวมอยู่ในเนื้องานมั้ย และก่อนรับมอบตรวจให้ละเอียดๆๆๆที่สุดทุกซอกมุม แม้มุมที่ไม่ได้บิวท์ แต่เป็นพื้นที่ทำงานของช่าง แหงนหน้ามองเพดาน ดูตามใต้ขอบหน้าต่างที่เตี้ยๆด้วยก็ดีนะคะ สุดท้ายแล้วเราก็เจอคราบกาวเหลืองๆเยอะมากใต้กรอบหน้าต่างห้องนอน ถึงจุดนี้ก็ช่างมันแล้วค่ะ ถือว่าไม่ได้เห็นมันทุกวัน ก็ไม่รำคาญใจเท่าไหร่

13 ซื้อห้องช่วงที่คอนโดเพิ่งเสร็จ เค้ากำลังโอนกันอยู่แต่ยังมีห้องเหลือ ดูห้องจริงได้ ดีที่สุดเลย แต่ข้อเสียคือมักเหลือห้องทำเลไม่ดีมาทำโปร เช่น ติดลิฟท์ ห้องขยะ หรือห้องที่ดีๆหน่อยมักเหลือชั้นสูงๆมากกว่า ถ้างบประมาณเยอะพอจะซื้อห้องทำเลดีชั้นสูง ซื้อช่วงนี้ดีสุดเลยค่ะ ได้ดูที่จอดรถและส่วนกลางของจริงด้วย

14 ข้อสุดท้าย เกือบลืมเตือน อย่าเลือกห้องที่ใกล้ประตูที่ต้องมีระบบการ์ดเปิดปิด และมีเสียงปี๊ดยาวๆเตือนเวลาประตูปิดไม่สนิท เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ประตูด้านลิฟท์ขนของ หรือลานจอดรถก็ตาม เพราะในชีวิตจริงจะมีคนไม่น้อยที่เปิดประตูค้าง ยกของ แล้วผลักประตู เดินออกไปเลยโดยไม่รู้ตัวว่า ประตูปิดไม่สนิท มันจะดังปี๊ดอยู่แบบนั้น เสียงเข้าห้องของคุณจนประสาทเสียได้ เราเองไม่ได้เลือกห้องใกล้เลย แต่วันก่อนเจอประตูลิฟท์ขนของระบบมีปัญหา เสียงปี๊ดยังดังเข้าไปถึงห้องเราได้เลยค่ะ

นี่คือทั้งหมดจากประสบการณ์ซื้อคอนโด และขอปิดบล็อกแต่เพียงเท่านี้ ใครกำลังจะซื้อคอนโดขอให้ได้ห้องที่ดีถูกใจกันนะคะ

สวัสดีค่ะ :)


Create Date : 29 ธันวาคม 2566
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2567 14:15:37 น. 0 comments
Counter : 182 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

cute neko
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cute neko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.