Group Blog
 
All Blogs
 

คอนโดพร้อมอยู่แล้ว :) สรุปข้อคิดทั้งหมดจากประสบการณ์จริง

เอาจริงๆคอนโดพร้อมอยู่ตั้งแต่สิ้นปี 2566 แล้วล่ะ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนหลังโอน เฟอร์หลักๆมีให้พออยู่ได้ ขาดแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างที่ยังไม่จำเป็นมาก คงจะทยอยซื้อไปเรื่อยๆตามงบประมาณ รูปที่ลงนี่ก็ไม่ได้เรียงวันเวลานะคะ จะเห็นได้ว่าของบางชิ้นเปลี่ยนไป เพราะแต่งห้องไปเรื่อย

ก่อนลงรูปห้อง ลงรูปตู้ลอยที่ทำบิวท์อินก่อนเพราะนึกได้ว่าลงรูปไม่ครบ ลงแต่รูปที่บิวท์อินห้องนอน

ตู้ครัว เหนือตู้เย็น เลือกสีใกล้เคียงกับหน้าบานตู้ครัวแถมของโครงการ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบครัวโครงการเพราะอยู่ในมุมมืดแล้วยังใช้สีมืดอีก แต่ก็เลือกให้เข้ากันไป


ตู้ลอยครอบตู้ไฟ เพิ่มการจัดเก็บของได้เล็กน้อย ไม่ได้ทำใหญ่มากกลัวเทอะทะไม่สวย


ตู้รองเท้า โต๊ะวางทีวี สั่งทำขนาดและรูปแบบที่ต้องการ เพราะปลั๊กโครงการเตี้ย และหาช่างย้ายขึ้นแล้วไม่สำเร็จ เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากว่าจะบิวท์อินตรงนี้ ช่างบิวท์ก็จะทำให้ได้ แต่เราตั้งใจบิวท์น้อยสุด ชอบเฟอร์ลอยไม้ๆ รู้สึกว่าเฟอร์บิวท์อินมันเป็นกล่องๆไปหมด ก็สวยนะแต่รู้สึกว่าเฟอร์ลอยดูแล้วสบายใจกว่า ราคาก็มิตรภาพด้วย (แต่เรื่องที่จัดเก็บของแน่นอนว่าแพ้บิวท์อิน)


ภาพรวมของห้อง เล็กๆ มีทุกอย่างที่เราต้องการ ในขนาดกระทัดรัด





ถ้านับเฉพาะเฟอร์ลอย สิ่งที่แพงที่สุดในห้องคือโซฟาเบดขนาด 150cm เลือกหนังกันรอย สั่งทำโดยไม่เห็นของจริงเพราะขี้เกียจไปดูไกล เลือกสีและหนังโดยทางบริษัทส่งตัวอย่างมาให้ เข้าใจว่าเลือกสีกากี แต่ออกมาเป็นสีนี้ จะว่าพลาดก็ไม่เชิงเพราะสวยถูกใจมากกก แม้จะนอยนิดหน่อยกลัวเอาเท้าพาดแล้วดำ แต่มันเป็นหนังที่เช็ดทำความสะอาดได้แม้แต่ปากกาหมึกแห้ง (แต่ควรเช็ดทันที)

อ้อ เฟอร์ลอยที่ถูกที่สุดคือล็อคเกอร์ข้างโซฟา ราคาไม่ถึงพัน

รูปแบบห้องมาตรฐาน ถัดจากโซฟาก็เป็นมุมทานอาหารเล็กๆ เลือกโต๊ะขนาดแค่ 75x75x75 เล็กกว่าที่คอนโดเก่าซึ่งมีขนาด 80x80x75 เพราะเสาตรงนั้นกว้าง 73 cm อยากให้มีพื้นที่เหลือไม่อึดอัด ข้างโซฟาติดกับเก้าอี้ทานอาหารอาจจะวางเครื่องฟอกอากาศ




ตอนแรกจะติดโคมไฟแขวนด้วย แต่ต่อมาก็ลังเลเพราะยังหาแบบถูกใจไม่ได้และไม่อยากเปลี่ยนระบบการเปิดปิดไฟ (ถ้าติดโคมไฟแล้ว สวิชไฟห้องต้องเปิดไว้ แล้วกดเปิดโคมไฟจากรีโมทอีกที)

ห้องอเนกประสงค์ที่ทำเป็นห้องทำงาน+ห้องพระ เบาะมูจิ เอาไว้นั่งสวดมนต์เป็นหลัก :)






ในห้องนอนเพิ่มเฟอร์นิดหน่อย จริงๆอยากได้พวกตู้ หรือลิ้นชัก ตอนแรกจะเอาตู้ล็อกเกอร์ไว้มุมห้องปลายเตียงด้วยซ้ำ แต่ด้วยขนาดของพื้นที่ รู้สึกมันไม่ลงตัว จะวางก็วางได้แต่กลัวจะอึดอัดสายตา เมื่อมีตู้มีอะไรเต็มห้อง เดินไม่สะดวก เลยเปลี่ยนเป็นแบบนี้แทน

ไฟของโครงการในห้องนอนเป็นไฟเหลือง ลองเปิดดู ปิดม่าน จำลองบรรยากาศกลางคืน


เก้าอี้นั่งใส่รองเท้า ด้านล่างมีชั้นวางของได้นิดหน่อย เอามาวางตรงนี้เพราะวิวที่มองไปทางนั้น สวยกว่าวิวฝั่งที่มองเห็นจากหัวเตียง เลยคิดว่าอาจจะมานั่งเล่นๆได้ ยืดขาพาดเตียง มีโต๊ะเล็กๆอยู่ข้างๆเอาไว้วางแก้วหรือขนม หรือหนังสือได้ ตอนนี้วางลำโพงบลูทูธ ยังเหลือที่





โต๊ะนี่ถูกใจสุดๆทั้งสีและ texture ราคาไม่แพงด้วย


พื้นที่น้อยนิดข้างเตียงที่ถอดใจไม่เอาโต๊ะข้างเตียงที่มีลิ้นชักก็ได้ เพราะหายากมาก ขนาดความกว้างแค่ 25 cm เลยใช้แบบนี้แทน สวยดี ช่องข้างล่างเราเอาไว้วางที่ชาร์จไร้สาย เสียบปลั๊กจากใต้โต๊ะเครื่องแป้ง (ดีที่เอาปลั๊กคืนมาได้หลังจากบ.บิวท์อินปิดไป ได้ใช้ประโยชน์จริงด้วย)




รูปหมดแล้วค่ะ ทีนี้จะสรุปข้อคิดทั้งหมดจากการซื้อและบิวท์อินครั้งนี้นะคะ ใครยังไม่ได้ซื้อคอนโด กำลังเลือก ตัดสินใจ ลองดูที่เราแชร์ประสบการณ์จริงนะคะ

1 คอนโดติดรถไฟฟ้า ระยะเวลาเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ต้องบวก 10-15 นาที เสมอนะคะ อย่าไปเชื่อที่บอก 15 นาทีถึงนู่นนี่ นอกจากบวกเวลาเดินแล้วยังต้องบวกเวลารอรถ ต่อรถอีก และ รถไฟฟ้าแต่ละสายมาเร็วช้าไม่เท่ากันด้วย สายหน้าคอนโดเรา ค่อนข้างช้าอ่ะ และไม่เคยได้นั่งเลย -_-

2 %ที่จอดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยที่สุดควร 40% up การออกแบบที่จอดก็สำคัญ (อันนี้เราอธิบายไม่ถูกเหมือนก้น แต่คือชอบแบบที่คอนโดเก่าเรา ทางวนขึ้น อยู่คนละมุมตึกกันอ่ะ แบบจากชั้น 2 ขึ้นชั้น 3 คือ ขับตรงไปอีกมุมตึกนึง ระหว่างทางเราก็มองหาที่จอดไป พอเห็นไม่มีว่างก็วนขึ้น ไรแบบนี้ และมันจะไม่มีช่องจอดที่อยู่ตรงทางตัน ซึ่งจอดยากด้วย แต่ที่ใหม่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น) เพิ่งรู้ว่าปัจจุบันมีกฎหมายเรื่องจำนวนช่องจอดสำหรับผู้พิการ/ใช้รถเข็นด้วย ที่เราเขียนในบล็อกแรกๆว่างงที่จอดรถเข็นเยอะมาก จริงๆเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้คอนโดใหม่จะมีที่จอดรถ ev ทำให้ที่จอดธรมมดาน้อยลงไปอีก

3 คอนโดติดรถไฟฟ้า เอาจริงๆเราว่าเสียงรถวิ่งบนถนนดังกว่ารถไฟฟ้าอีก แต่ต้องดูกระจกด้วย ในห้องนอนเป็นบานกระทุ้งเก็บเสียงได้ดีกว่าบานเลื่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ติดเรื่องทิศ ควรเลือกห้องด้านที่ไม่หันออกถนนที่มีรถไฟฟ้าก็จะเงียบกว่าอยู่แล้ว

4 คอนโดใกล้รพ.ดังในระยะ 1 กม. ฟังเสียงรถหวอทั้งวันทั้งคืน ขั้นต่ำ 6 รอบ ใครคิดว่าไม่ไหว ข้ามไปดูทำเลอื่นเลยค่ะ และทำเลแบบนี้ นอกจากบุคลากรทางการแพทย์แล้ว จะมีวัยกลางคน ผู้สูงอายุเยอะด้วย ลองพิจารณาดูว่าโอเคมั้ย

5 หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า เข้าอยู่ก่อน ต้องไม่ได้รับความสะดวกอย่างแน่นอนที่สุด เช่น ลิฟท์เสียปิดซ่อม ที่กั้นยังไม่ได้ทำ ถนนโครงการยังไม่เรียบร้อย ไฟดับ ห้องอื่นๆบิวท์อินเสียงดัง เหม็น ฯ

6 แต่การเข้าอยู่ก่อน รีบบิวท์ห้องก่อน บางทีโชคดีตรงที่กฎระเบียบยังไม่ออก ยังไม่เข้มงวดเรื่องวันเวลาเข้างาน บางที่ยังไม่ออกกฎเก็บเงินประกันเป็นต้น

7 ห้องมุมตึกยังไงก็มีปัญหาน้ำรั่วมากกว่าห้องปกติ ตั้งแต่ยังไม่เข้าอยู่ก็เห็นประกาศโรยตัวซ่อมแล้ว ไม่ใช่แค่ห้องมุมที่ได้หน้าต่างสองด้านด้วยนะคะ แต่เป็นห้องมุม ประมาณว่า สมมติตึกรูปตัว L ห้องที่อยู่มุมฉากของตัว L ก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ไม่เสมอไป ถ้าโครงการทำดีมากจริงๆ อาจจะไม่รั่วเลยก็ได้ (แต่ยังไม่เคยเห็นนะ :)

8 คอนโดต้องประหยัดทางใดทางหนึ่ง เช่น ในห้องวัสดุดีใช้ได้ เก็บเสียงดี แต่ของส่วนกลางบางอย่างอาจไม่ดี เช่นไปใช้ลิฟท์ถูกๆของเกาหลี ห่วยมาก เป็นต้น (เขียนข้อนี้แบบอัดอั้นตันใจ 555)

9 จ้างคนตรวจ ช่วยได้ 70-80% อย่างน้อยก็ช่วยเรื่องระบบที่สำคัญๆ ที่เราเช็คเองไม่ได้ แต่บางอย่างคือ คนตรวจก็ไม่เห็น เพราะไม่ได้แกะที่แพ็คพลาสติคไว้ หรืออยู่ไปแค่ 2-3 วัน ไอ้นั่นหลุด ไอ้นี่ร่วง ก็ยังต้องแจ้งซ่อมอยู่ดี

10 การแจ้งซ่อมช่วงคอนโดยังไม่ส่งมอบกันครบ ผู้รับเหมากำลังทำห้องอื่นๆที่เตรียมโอน ดีที่สุด ช่างมาไวดี

11 ยังไง ฟีดแบ็คจากโครงการเก่าๆก็สำคัญ ต้องหาอ่านให้มากก่อนซื้อ อย่างที่เราซื้อ ทั้งที่เก่าและที่ใหม่ ก็เป็นคอนโดระดับกลางที่ฟีดแบ็คด่ามีน้อยทั้งคู่ พอมาซื้อก็ใช้ได้จริงๆ ถ้า developer ใหม่มากเพิ่งทำโครงการแรก หรือ รายเก่าแต่โดนด่าเยอะมากๆ ไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง

12 เรื่อง บ.บิวท์อิน ถามดีๆว่าการเก็บงาน เก็บสีที่ทำห้องเราเสียหาย รวมอยู่ในเนื้องานมั้ย และก่อนรับมอบตรวจให้ละเอียดๆๆๆที่สุดทุกซอกมุม แม้มุมที่ไม่ได้บิวท์ แต่เป็นพื้นที่ทำงานของช่าง แหงนหน้ามองเพดาน ดูตามใต้ขอบหน้าต่างที่เตี้ยๆด้วยก็ดีนะคะ สุดท้ายแล้วเราก็เจอคราบกาวเหลืองๆเยอะมากใต้กรอบหน้าต่างห้องนอน ถึงจุดนี้ก็ช่างมันแล้วค่ะ ถือว่าไม่ได้เห็นมันทุกวัน ก็ไม่รำคาญใจเท่าไหร่

13 ซื้อห้องช่วงที่คอนโดเพิ่งเสร็จ เค้ากำลังโอนกันอยู่แต่ยังมีห้องเหลือ ดูห้องจริงได้ ดีที่สุดเลย แต่ข้อเสียคือมักเหลือห้องทำเลไม่ดีมาทำโปร เช่น ติดลิฟท์ ห้องขยะ หรือห้องที่ดีๆหน่อยมักเหลือชั้นสูงๆมากกว่า ถ้างบประมาณเยอะพอจะซื้อห้องทำเลดีชั้นสูง ซื้อช่วงนี้ดีสุดเลยค่ะ ได้ดูที่จอดรถและส่วนกลางของจริงด้วย

14 ข้อสุดท้าย เกือบลืมเตือน อย่าเลือกห้องที่ใกล้ประตูที่ต้องมีระบบการ์ดเปิดปิด และมีเสียงปี๊ดยาวๆเตือนเวลาประตูปิดไม่สนิท เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ประตูด้านลิฟท์ขนของ หรือลานจอดรถก็ตาม เพราะในชีวิตจริงจะมีคนไม่น้อยที่เปิดประตูค้าง ยกของ แล้วผลักประตู เดินออกไปเลยโดยไม่รู้ตัวว่า ประตูปิดไม่สนิท มันจะดังปี๊ดอยู่แบบนั้น เสียงเข้าห้องของคุณจนประสาทเสียได้ เราเองไม่ได้เลือกห้องใกล้เลย แต่วันก่อนเจอประตูลิฟท์ขนของระบบมีปัญหา เสียงปี๊ดยังดังเข้าไปถึงห้องเราได้เลยค่ะ

นี่คือทั้งหมดจากประสบการณ์ซื้อคอนโด และขอปิดบล็อกแต่เพียงเท่านี้ ใครกำลังจะซื้อคอนโดขอให้ได้ห้องที่ดีถูกใจกันนะคะ

สวัสดีค่ะ :)




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2566    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2567 14:15:37 น.
Counter : 166 Pageviews.  

บิวท์อิน กว่าจะจบ..

คิดว่าจะไม่ต้องเขียนเรื่องบิวท์อินต่อ แต่มันก็มีต่อจนได้ เลยเขียนไว้เผื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังจะทำบิวท์อินนะคะ

ก่อนวันที่ช่างเข้ามาติดตั้งลิ้นชักโต๊ะแต่งหน้า เราเห็นผนังห้องนอนเป็นรอยจากการเปิดประตูลูกบิดชน (คอนโดนี้ไม่มี door stopให้ และเราติดเองเป็นแบบกาวเพราะไม่อยากเจาะพื้น แต่มันเอาไม่อยู่สำหรับการเปิดกว้างและขนของใหญ่เข้ามาขนาดนี้) และมีรอยถลอกที่ผนังข้างๆหัวเตียงที่กรุไม้ hmr ทั้งหมดหลายจุด และที่สำคัญคือประตูคอนโดสีน้ำตาลเข้ม ด่างเป็นวงสีสว่าง เห็นชัดมากเมื่อแสงส่อง พอทีมช่างมาเราเลยบอกช่างไป ทีมช่างใส่ลิ้นชักเสร็จก็เก็บงานผนังที่เป็นรอยให้เรา ประตูคอนโดที่ด่างเค้าก็เอาผ้าเช็ดๆให้ (รู้สึกจะมีน้ำมันสนผสมอยู่นิดๆด้วย) มันไม่หายและยิ่งเป็นรอยถู ช่างบอกว่าน่าจะเป็นรอยมือ แต่เราถามว่ามือเปื้อนอะไร ไม่มีใครตอบได้เลย ซึ่งเราแค่อยากรู้เพราะเราจะได้แก้ปัญหาต่อ อาจจะไปปรึกษานิติ ถามช่างโครงการอะไรแบบนี้ สรุปวันนั้น เซลให้เราตรวจงานรอบสุดท้ายและบอกว่า เรื่องประตูให้เราติดต่อนิติดู (ตอนคุยแชต เซลบอกน่าจะรอยเปื้อนสีและถามว่าช่างทาสีห้องเราได้ wrap ประตูมั้ย เราตอบไปว่าเราไม่รู้ แต่หลังทาสีประตูยังไม่ได้เป็นแบบนี้ และตอนหลังยืนยันได้จากรูปถ่ายก่อนเริ่มงานของช่างบิวท์อินเองที่ส่งเข้าไลน์กรุ๊ป ตอนนั้นประตูไม่ได้เป็นแบบนี้ ทางเซลเลยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เรา โดยให้เราสอบถามทางนิติ ช่างคอนโด)

ประตูเป็นแบบนี้ค่ะ ตรงบริเวณระดับต่ำกว่าตู้ลอยนิดนึงและตรงใต้ตาแมว

ซึ่งเราไม่รู้ว่าคนอื่นจะรับได้มั้ย แต่เรารู้สึกขัดตามาก

วันนั้นเราได้เซ็นรับงาน จบงาน ทีมช่างบอกหลังจากนี้ถ้ามีอะไรให้ติดต่อทีมบริการหลังการขาย ซ่อมตามที่รับประกัน

แต่พอช่างกลับไป วันต่อมาเราเห็นว่าผนังห้องนอนส่วนที่ช่างโป๊วและทาสีทับให้ มันไม่เนียน มีสีสว่างกว่าบริเวณรอบๆ เห็นชัดตอนแสงส่อง แล้วพอไปดูผนังส่วนห้องนั่งเล่นซึ่งตอนแรกเราไม่ได้ตรวจ เพราะไม่ได้บิวท์อินตรงนั้น กลับพบรอยถลอกที่ผนัง เยอะแยะไปหมด บางจุดสีกระเทาะออกเห็นปูนเลย ก็มาคิดออกว่า เค้าแบกของต่างๆเข้ามา ทั้งบันได แผ่นไม้ hmr มาพิงและใช้พื้นที่ตรงนั้นทำงาน เลยเป็นรอยได้ แต่เรากลับไม่ได้ตรวจ พอมาทำความสะอาดครัวถึงได้เห็นอีกว่า บานตู้ลอยที่ติดตั้ง ฝั่งขวา (ฝั่งด้านในที่ไม่ได้เดินผ่าน) มีคราบสีขาวเต็มไปหมดและไม่ได้ทำสีเลยซักนิด เราอึ้งเลย แบบว่า นี่คือเกมจับผิดเหรอ คนทำ ควรรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร ทำไมไม่เก็บงานให้ดีด้วยตัวเองก่อนส่งมอบ ลูกค้าต้องตาสัปปะรดขนาดไหนถึงจะเห็นทุกจุด ถ้าไม่เห็นหรือเป็นคนชิวๆ ก็สบายไป ไม่ต้องแก้ไข แบบนี้เหรอ

เราแชตหาเซล โชคดีที่เซลรับผิดชอบ และขอโทษที่ตัวเองก็ตรวจงานไม่ละเอียด เรื่องประตูบอกจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องซ่อมสีบานตู้คือจะส่งช่างมาทำให้โดยเรายังไม่ต้องเข้าไปในระบบแจ้งบริการหลังการขาย

หลังจากนั้น ก็มีช่างที่มีหน้าที่ซ่อมสีโดยเฉพาะมากัน 2 คน ทำงานดีมาก เราถามเค้าว่าการโป๊วซ่อมสีต้องด่างแบบนี้เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้เรายอมไม่ทำนะ เค้าบอกว่าโป๊วแล้วรอแห้ง ทาสีทับ ประมาณ 2-3 รอบจะไม่เป็น เราเลยให้ช่างทำทั้งเก็บงานตู้ลอยและสีผนังห้องนอน,ห้องนั่งเล่น งานออกมาเรียบร้อย ถูกใจมาก รู้สึกว่าในความเซ็งก็ยังมีความโชคดีที่เซลรับผิดชอบ และได้ช่างซ่อมสีที่ดีมาทำให้ ส่วนงานพ่นสีประตูใหม่ก็ทำว้นเดียวกัน เซลโอนเงินมาให้ เป็นช่างของผู้รับเหมาทำคอนโดเลย เพราะยังอยู่ในช่วงที่มีการทำห้อง รอโอนคอนโดกัน เลยได้ช่างไว ทุกอย่างเรียบร้อยแฮปปี้

แต่ๆๆ อีกไม่กี่วันต่อมาเราก็ดันเงยหน้ามองเพดาน เจอคราบสีเหลือง กับรอยถลอกที่เพดานอีก ไม่ใหญ่มาก แต่ถามว่าเห็นมั้ย ก็เห็นแหละ เลยปรึกษาเซล เพราะเซลเคยบอกว่าตอนทำห้องพี่สาวจะสามารถมาเก็บงานสีห้องเราได้ แต่ปรากฏเซลบอกว่า เปลี่ยนทีมช่าง เป็นคนละทีมกันทำไมได้ เราก็ อ้าว.. เห็นตอนแรกเซลเคยบอกเอง ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร เอาสีแต้มๆน่าจะได้ แต่คุยไปคุยมา สุดท้ายเซลบอก มีห้องอื่นในคอนโด นัดส่งงานวันที่.. พอดี จะให้ช่วยมาดูให้ โชคดีไป

สุดท้ายก็ได้ซ่อมแซมส่วนที่เป็นตำหนิจากการบิวท์อินทั้งหมด เพดานไม่ถึงกับเนียน ช่างบอกว่าเพราะการผสมน้ำ ต่อให้เป็นสีที่ถูกต้องของโครงการ แต่ผสมน้ำต่างกันโทนสีก็มืดสว่างต่างกัน และการทาด้วยแปรงกับลูกกลิ้ง ก็ทำให้เห็นรอยต่อด้วย ช่างทาลูกกลิ้งให้แล้ว ก็ไม่ได้เนียนสุดๆแต่แทบไม่เห็น

เขียนเรื่องบิวท์อินยาวมาก ขอจบบล็อกด้วยรูปงานที่เรียบร้อยแล้ว สวยถูกใจอยู่นะคะ แค่เหนื่อยกว่าจะได้มาแค่นั้นเอง



ห้องนอนแคบแต่อยากได้เตียง 5 ฟุต การกรุปิดเสาและทำตู้ซ่อนแบบนี้ อย่างน้อยวางของเล็กๆได้ และเมื่อปิดตู้ก็ดูเรียบร้อยดี แต่จะมีเฟอร์นิเจอร์จัดเก็บเพิ่มอีกนิดหน่อย เพราะคิดว่าคง minimal ขนาดนี้ไม่ได้ ถ้ามานอนจริงๆ


ติดม่านแล้ว สีถูกใจมาก ช่างแนะนำให้เป็นโทนน้ำตาล ตัวเองเคยคิดว่าจะเอาสีเทามาตลอด พอมาดูห้องจริง สีน้ำตาลอมเทาแบบนี้ก็เข้ากับงานไม้และสีผนังที่ทามากๆ ชอบ

บล็อกหน้าจะลงรูปห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์เกือบครบ แบบสามารถเข้าอยู่ได้แล้ว และจะสรุปข้อคิดต่างๆจากการซื้อและทำบิวท์อินคอนโดครั้งนี้อีกที เป็น blog ปิดท้ายจริงๆซะทีค่ะ




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2566    
Last Update : 28 ธันวาคม 2566 15:34:29 น.
Counter : 196 Pageviews.  

กว่าจะได้บิวท์..

การหาบ.บิวท์อิน เราไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นหาได้ง่ายๆ และจบงานได้ง่ายๆหรือเปล่า แต่สำหรับเรา มันไม่ง่ายเลยแฮะ หลังจากพยายามหาบิวท์อินถึงได้รู้ว่า หลังโควิด ธุรกิจที่ยังดีและเฟื่องฟูอยู่ ก็คือ บ.บิวท์อินนี่แหละ

เราเริ่มหาจากการแคปรูปสวยๆทางเฟซ และ สอบถามจากพี่ที่เพิ่งซื้อคอนโดเมื่อปีก่อน ติดต่อทั้งบริษัทที่เห็นในเฟซ และบริษัทที่ทำห้องให้รุ่นพี่ แต่เงื่อนไขที่เราอยากได้คือ อยากได้พื้น spc และทาสีด้วย เพิ่มปลั๊กด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วก็หาไม่ได้ แม้แต่เจ้าที่เขียนว่ารับงานรีโนเวท ก็บอกว่าช่วงนี้ขอรับแต่งานเฟอร์บิวท์อินก่อน (คิวยาวมาก) จึงทำให้เราต้องทำเองไปแล้ว 2 อย่างคือเปลี่ยนพื้น spc กับทาสี

การได้คุยกับบริษัทบิวท์อินหลายเจ้า ทำให้ทราบว่า
-การหาบิวท์อินท์ต้องหาแต่เนิ่นๆ เพราะคิวติดตั้งมักจะเต็มยาวไปขั้นต่ำ 1 เดือน (เราเองก็หาแต่เนิ่นๆก่อนห้องจะพร้อมโอน)
-บางเจ้า มีราคาขั้นต่ำ แสนกว่า แต่บางเจ้า 2-3 แสนขึ้นไป
-บางเจ้า คุยทางแชตเสียดิบดี เราบอกความต้องการไป เค้าบอกจะประเมินราคาแจ้งกลับ แต่หายเงียบไปเลย (บิวท์อินเจ้าดังที่ราคาไม่แพงมาก)
-บางเจ้า แม้แต่ทางแชต ก็ตอบช้า โทรไปก็ไม่ค่อยมีคนรับอีกด้วย พอได้คุยก็คิวเต็ม ไม่แสดงความใส่ใจหรือง้อลูกค้าแต่อย่างใด

จนเรามาเจอบิวท์อินเจ้าที่เราใช้ เห็นมีฟีดแบ็คที่ดีในเฟซบุ๊ค งานที่ทำก็เห็นมีแนวที่เราชอบด้วย และเซลมีความกระตือรือร้นดีมาก โทรไปคือรับสายเร็ว ตอบคำถามแบบกระตือรือร้น อธิบายละเอียด ขอให้แจ้งว่าจะทำอะไรบ้างและให้ส่งแบบที่ชอบไป จะประเมินราคาให้เลย จากนั้นติดต่อมาตลอด โทรมาคุยกลางคืน วันหยุด ส่งใบเสนอราคามาอย่างไว (ส่งกลางคืนด้วย เซลขยันทำงานสุด) และเร่งให้รีบโอนเงินจองคิวก่อน เพราะคิวเต็มถึงสิ้นเดือนตุลาคมแล้ว (เราคุยตอนประมาณต้นหรือกลางกันยา) ใจเราก็เทียบเจ้านี้กับเจ้าอื่น รู้สึกดีกว่ามาก แต่ลึกๆก็เหมือนรีบจังเลย แถมสิ่งที่บอกว่าทำไม่ได้ตามที่เราต้องการก็มีหลายอย่าง เช่น กระจกลอนลูกฟูก โต๊ะโค้ง (แต่ตอนหลังทำได้แฮะ) แต่เราก็ตัดใจโอนไป อันไหนทำไม่ได้เราก็ไม่เอา

จากนั้นก็ปวดหัวมากมายกับการพยายามสื่อสารสิ่งที่ต้องการให้เข้าใจตรงกัน ลำดับขั้นตอนการทำงานก็ค่อนข้างแปลก ให้เราส่งแบบที่ชอบไปพร้อมกับคำถามมากมาย ว่าจะเอาอะไรไว้ที่ไหน อันนี้จะเอาขนาดกี่เซ็นต์ สูงเท่าไหร่ ฯ อันนี้เอากี่ช่อง แบบว่า เราก็ไม่ใช่นักออกแบบอ่ะนะ และห้องยังว่างเปล่า ยังไม่ได้โอนห้องเลยตอนนั้น จะเข้าไปวัดที่เองก่อนยังไม่ได้เลย ต้องใช้จินตนาการสุด ถึงจะตอบคำถามเซลได้ เพราะตอนนี้อินทีเรียยังไม่เข้ามาคุยกับเราเลยและไม่มีการเสนอไอเดียให้เรา ทุกสิ่งเราต้องคิดเองหาเอง ออกแบบการใช้งานเอง เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเรา ไม่รู้เจ้าอื่นเป็นยังไง

สุดท้ายการที่รีบจ่ายเงินจองเพื่อนัดติดตั้งสิ้นตุลา ก็เป็นอันต้องเลื่อนไปอีกเพราะหลังจากตรวจห้องรอบแรกผ่านมาเกือบเดือน ทางคอนโดก็เงียบไปไม่นัดตรวจรอบ 2 ซักที เลยไม่แน่ใจว่าจะได้โอนห้องเมื่อไหร่ จะทำพื้น ทาสี เสร็จทันก่อนสิ้นตุลามั้ย สรุปต้องเลื่อนคิวติดตั้งเป็นปลายพย.แทน

วันที่โอนห้องเรียบร้อยแล้ว ก่อนทำพื้นและทาสี เราก็ให้ทางบริษัทมาวัดพื้นที่หน้างานก่อน รู้สึกดีขึ้น เพราะมี interior design มาด้วย คุยรู้เรื่อง แนะนำเราได้ หลังจากนั้น ก็ปรับความต้องการเล็กน้อยแล้วบริษัทก็ทำราคามาใหม่ เราก็รอแบบ และต้องโอเคกับแบบ+เซ็นสัญญาก่อน ถึงได้เห็น3d แถม3d ออกมาแล้วแก้ไม้ได้ แก้ได้แค่วัสดุเล็กๆน้อยๆเช่นมือจับ

จากวันที่วัดห้องเสร็จและร่างแบบ เราก็รอเซ็นสัญญานานมากๆ เหมือนบริษัทมีงานเยอะ สุดท้ายเอาสัญญามาให้เซ็น คิดว่าทุกอย่างจบแล้ว รอวันติดตั้งอย่างเดียว แต่พอมาติดตั้ง ก็พบความผิดพลาดอีก คือ

- ด้านข้างลิ้นชักโต๊ะแต่งหน้า มุมบิ่นและแก้ไขโดยเอาซิลิโคนยิง ทาสีเนื้อทับ อันนี้รับไม้ได้รอแก้ไข
- ลิ้นชักทั้งในตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าเป็นลูกปืนธรรมดาทั้งที่เซลบอกว่าทำเป็น soft close ทั้งหมด เรารับได้ยกเว้นตรงโต๊ะแต่งหน้า (เป็นปัญหาการสื่อสารของเซล ซึ่งไม่ได้แจ้งโรงงาน/ช่างตอนสั่งของ)
- ปลั๊กที่ให้เพิ่มด้านบนโต๊ะแต่งหน้า อันเดิมใต้โต๊ะให้คงไว้ กลับไปปิดอันเดิม แล้วย้ายไปข้างบนโต๊ะ ทั้งที่คิดว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วว่าของเดิมอย่ายุ่งกับมัน ในใบเสนอราคาก็เขียนว่า เพิ่มปลั๊ก ไม่ใช่ย้ายปลั๊ก แต่เอาจริงๆกลับกลายเป็นสื่อสารไม่ตรงกันอีก อันนี้ช่างแก้ไขให้ได้เลยโดยเจาะรูติดปลั๊กใต้โต๊ะให้ ไม่ต้องรอ รอแก้แค่ 2 อันบน

เหนื่อยมากมาย แต่ถามว่าผลงานออกมาโอเคมั้ย ชอบนะ แม้จะยังไม่เสร็จ

หัวเตียงที่เต็มไปด้วยเสา เป็นแบบนี้แล้ว มีตู้เล็กๆซ่อนอยู่ เพิ่มปลั๊กข้างหน้าต่าง


โต๊ะเครื่องแป้งที่ขาดไป 1 ชิ้นส่วนรอเปลี่ยน เพิ่มปลั๊กบนไว้เสียบไดร์เป่าผม อันล่างเอาไว้แบบนั้นเผื่อเสียบพวกเครื่องฟอกอากาศ ฯ (เก้าอี้สตูลมาส่งหลังวันติดตั้งพอดี)


ตู้เสื้อผ้า เลือกบานทึบเพราะไม่อยากให้กระจกส่องเตียงแม้จะส่องแค่ช่วงขาหรือลำตัว


จริงๆมีสั่งเฟอร์มาส่งหลังจากติดตั้งบิวท์อิน (ซึ่งคิดว่าเสร็จแล้ว แต่ต้องรอแก้โต๊ะแต่งหน้าต้นธันวา) ยังไม่อยากโชว์รูปเพราะห้องยังรกอยู่ รอห้องสมบูรณ์จะโพสอีกที

แต่ชั้นไม้ติดผนังนี่อยากโชว์ เพราะชอบรูปแมวพวกนี้มาก ซื้อก่อนคอนโดเสร็จอีก


เก้าอี้สั่งจากช็อปปี้ ประกอบสำเร็จ สีเทาอ่อน ถูกใจมาก คิดไว้แต่แรกว่าจะต้องใช้เก้าอี้กินข้าวทรงนี้ ชอบ (โต๊ะกินข้าวยังไม่มีเลย)


ครั้งหน้าพอเฟอร์ลงครบๆ สภาพห้องไม่มีพวกกล่องหรือของวางรก จะลงรูปอีกทีเป็นการปิดจ็อบ my 2nd condo ค่ะ  :-)




 

Create Date : 01 ธันวาคม 2566    
Last Update : 2 ธันวาคม 2566 12:37:40 น.
Counter : 192 Pageviews.  

ทาสีเสร็จซะที.. ลงเฟอร์ชิ้นแรกก่อนลงบิวท์อิน

เราเป็นคนไม่ชอบผนังสีขาว แบบเกาหลี เกาใจ ที่นิยมกัน และไม่ชอบสีด้าน (ที่เปื้อนง่ายมาก) ของทางโครงการ และ จะไม่ติดวอลล์เปเปอร์เด็ดขาด เพราะที่บ้านติดแล้วพอเก่าขาด ลอกออกยาก เละมาก ถึงแม้สมัยใหม่อาจจะวัสดุดีขึ้นแต่ถ้าอนาคตเปลี่ยนใจไม่เอาวอลล์เปเปอร์แล้ว ยังไงก็ต้องเหนื่อยกับการลอกและปรับผิวผนังอยู่ดี เราจึงเลือกทาสี แบบ semi gloss เช็ดล้างง่าย

สำหรับเรา การทาสีคอนโดเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสีที่อยู่รอบตัวกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกของเราได้ บางคนอาจจะเฉยๆไม่ซีเรียส แต่เราตั้งใจเลือกมากเพราะคอนโดเก่าก็พลาดไปครั้งนึงต้องซื้อสีมาแก้ คราวนี้เลยชอบเข้าไปดูเว็บของบริษัทสี และลองเลือกดูก่อนล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนคอนโดจะเสร็จอีก (แต่ก็เลือกสีโทนคล้ายเดิมเพราะชอบส่วนตัว)

ทีนี้บทเรียนจากคอนโดเก่ามันก็มากำหนดวิธีการเลือกสีในคอนโดใหม่ด้วย ซึ่งผลออกมาตอนทาเสร็จ ก็.. จะเรียกพลาดก็ไม่ใช่ ถูกใจ 100% ก็ไม่เชิง

คือเราได้กำหนดยี่ห้อสีไว้แล้วว่าจะเลือกยี่ห้อที่ซื้อมาทาทับแก้ของคอนโดเก่า เพราะคุณภาพดีมากๆ ผ่านไป 10 กว่าปีไม่มีปัญหาใดๆ คราวนี้เพิ่มเกรดเป็นเกรด ultra premium 15 ปีไปเลย และเนื่องจากห้องเล็กกว่าเดิม 10 กว่าตรม. เลยพยายามเลือกสีอ่อนเข้าไว้ อาจจะอ่อนกว่าที่ใจชอบนิดนึงเพื่อกันพลาด กันห้องดูเล็กแคบเกิน

ตอนหาช่างก็ลำบากอยู่ ที่เก่าติดต่อทางนิติเค้าให้จ้างช่างที่ทำของโครงการได้ แต่ที่ใหม่ต้องหาเอง ทางบริษัทบิวท์อินมีบริการ แต่ราคาสูงมากเวอร์แบบรับไม่ได้ แถมจะทาหลังลงบิวท์อิน(ซึ่งก็เหลือพื้นที่ในการทาน้อยมากแต่ราคาสูงลิบ) เลยลองแชตหาบริษัทที่เราเคยดูยูทูบเจอ เหมือนจะให้ความรู้ดีมีความเชี่ยวชาญ

บริษัทนี้แชตตอบไว มีราคาเหมาของคอนโดตกตรม.ละ 300 รวมสี แต่เราต้องการเลือกยี่ห้อและซื้อสีเอง+ซื้อสีรองพื้นเองด้วย เลยแจ้งเค้าไป เค้าเลยบอกราคาเหมามาใหม่เป็นราคาที่รับได้และถูกกว่าบริษัทบิวท์อินประมาณ 3 เท่ากว่า

พอถึงวันทาสีก็ลุ้นมาก จะเสร็จทั้งสองห้องมั้ย (ห้องเรากับพี่สาว) สุดท้ายก็มาเสร็จเอาตอนเย็นมาก เริ่มมืด ตอนตรวจงานก็เห็นสีตอนเปิดไฟนีออน ช่างถามว่าได้สีที่ตามที่คิดไว้ม้้ย เราเงียบไปนิดนึงเพราะดูไม่ค่อยออก แต่ที่แน่ๆมันไม่ว้าว.. เหมือนตอนคอนโดเก่าที่เห็นเป็นสีที่ชอบทันที  สาเหตุเพราะตัวเราเองด้วย เลือกสีซีดเกิน

ห้องเราเลือกทา 3 ห้อง 3 สี เหมือนคอนโดเก่าเลย รู้สึกชอบให้แต่ละห้องเป็นแต่ละอารมณ์

สีแรก ทาส่วนห้องนั่งเล่นด้านนอกทั้งหมด เลือกสีเทาอ่อน คอนโดเก่าเป็นโทนกลาง(ค่อนไปทางเย็น) คอนโดใหม่เป็นโทนอุ่นเล็กน้อย ชื่อ Ebony Coast เป็นสีอ่อนสุดในแถว ใจคิดว่าเป็นแนว muji และห้องจะได้สว่าง ดูในการ์ดสวยมากๆ




สีที่สอง สีชมพูอมม่วงอ่อน ชื่อสี marvelous mauve เป็นสีที่เราชอบมากในกระดาษ เป็นสีระดับความอ่อนเป็นอันดับ 2 ของแถว (195-2) สีนี้ไว้ทาห้องอเนกประสงค์ คล้ายคอนโดเก่าที่สุดแต่อ่อนกว่าเล็กน้อย


สีที่สาม ทาห้องนอนซึ่งจะเห็นน้อยที่สุดเพราะหัวเตียงกรุผนังไม้ทั้งหมด เห็นสีแค่ปลายเตียงเต็มๆ กับส่วนหน้าต่าง แถวประตูเล็กน้อย สีนี้เลือกนานมากและพลาด 555 ชื่อสี Pale Grey ในการ์ดเป็นสีเทาอ่อนมาก ติดม่วง ของจริงออกขาว ติดม่วงนิดๆๆ แบบน้อยมากๆ (รูปการ์ดสีนี่ก็ซีดกว่าของจริงตอนเราเลือก)


สีที่ทาเสร็จ ช่างบอก สีเกรดสูง ส่วนที่โดนแสงเต็มๆจะสะท้อนทำให้ดูสีอ่อนกว่าอีกฝั่งที่โดนแสงน้อย รูปไหนมืดรูปนั้นก็เห็นสีกำแพงเข้มเกินจริงจากที่ตาเห็น

ห้องนั่งเล่นและส่วนนอกทั้งหมด ได้สีเทานี้ คล้ายขาวมากเวลาสว่าง


ด้านขวา ห้องอเนก ตอนได้รับแสงสว่าง


ห้องนอน


หลังจากทาสีเสร็จได้ไม่นาน ตัดสินใจสั่งตู้หนังสือมาก่อนทั้งที่ความจริงไม่ควรลงเฟอร์ก่อนมาติดตั้งบิวท์อิน เหตุผลเพราะทางบริษัทบิวท์อินต้องการพื้นที่ทำงาน + ฝุ่นจะเยอะมาก แต่เราซื้อก่อน เพราะส่วนนี้จะวางในห้องอเนกประสงค์ ซึ่งไม่ได้ลงบิวท์อิน และคิดว่าทางบิวท์อินน่าจะมีพื้นที่ทำงานเพียงพอแล้วทางด้านนอก และถึงฝุ่นจะลง แค่ปัดเช็ดก็น่าจะโอเค

เลือกตู้หนังสือ/ตู้โชว์ ขนาด 79cmx2 ตู้มาต่อกัน เลือกรุ่นนี้เพราะปิดทึบส่วนนึงไว้ซ่อนของรก และอีกส่วนนึงเป็นกระจก กันฝุ่นดี อ้อ รูปนี้ถ่ายแบบแสงมืด สีห้องอเนกประสงค์กลายเป็นแบบนี้เลย


ไม่สามารถถ่ายตู้หนังสือตรงๆได้เพราะห้องแคบมาก สั่งกระจกมาติดอันนึงด้วย จริงๆไม่ได้ชอบแบบมากนัก แต่ถ้าเลือกกระจกที่ถูกใจจากร้านในเว็บทั่วไป จะหาช่างมาติดตั้งยาก เราก็ทำไรไม่เป็น เลยต้องเลือกซื้อมาพร้อมตู้เลยให้ช่างมาติดตั้งทีเดียว

รูปสุดท้ายให้ดูสีของผนังตอนเปิดไฟนีออน สรุป ก็เรียบๆ ชอบมากกว่าสีโครงการที่ออกขาวอมครีมๆ เหมือนได้ลดโทนให้เย็นลงมาหน่อยแต่ยังคงสว่างอยู่ แต่ไม่ชอบมากเท่ากับคอนโดเก่า




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2566    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2566 11:53:56 น.
Counter : 250 Pageviews.  

แอร์ไม่เย็น อาจเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด..

ก่อนที่จะไปเรื่องทาสีห้อง อยากแชร์เรื่องนี้ซักเล็กน้อย เพราะมีปัญหาทั้งสองห้องเลย ไม่รู้ลูกบ้านคนอื่นเจอกันเยอะแค่ไหน

ห้องของเราและพี่สาวใช้บริการตรวจคอนโด ซึ่งวิศวกรก็ตรวจให้แบบเอาเครื่องวัดอุณหภูมิมาเช็ค พบว่าห้องเราอุณหภูมิไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ แบบห่างไปไกลเกิน รอนานเป็นชั่วโมงก็ไม่เย็นขึ้น ลมไม่ฉ่ำเลย ส่วนในห้องนอนโอเคอยู่ ซึ่งปัญหามาจากหลายสาเหตุ เป็นได้ทั้งการติดตั้ง แรงอัดอะไรซักอย่าง ฯ อันนี้ต้องให้ทางคอนโดตรวจสอบละเอียด ส่วนห้องพี่สาว แอร์เย็นฉ่ำดีไม่มีปัญหาใดๆ

จากนั้นห้องเราได้รับการแก้ไขโดยเบื้องต้น ทีมช่างมาดูที่คอยล์ร้อน และอัดน้ำยาแอร์ใหม่ พอวันรุ่งขึ้นทดสอบดู ถ้าเย็นคือจบ แล้วมันก็เย็น แม้จะไม่เท่าแอร์ที่บ้านแต่ก็คิดว่าคงเป็นที่ยี่ห้อแอร์ เราก็เซ็นรับห้องไปพร้อมกับห้องพี่สาวซึ่งไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้

แต่หลังจากนั้นพอเข้าไปทำห้อง พบว่า ห้องพี่สาว แอร์ไม่มีไอเย็นออกมาเลย มีแต่ลม จึงได้แจ้งทางนิติไป แล้วทีมช่างก็นัดเข้ามาดูให้อย่างรวดเร็ว (ที่นี่บริการหลังการขายดีมาก รับโอนมาแล้ว แจ้งซ่อมจะได้รับการติดต่อมาอย่างไว ของพี่สาวไม่ได้แจ้งเป็นทางการในแอปด้วยซ้ำแค่บอกเจ้าหน้าที่ไว้) พอถึงวันนัด ช่วงเช้าทดลองเปิดแอร์ 20 องศา ดันเย็น เลยลองเปลี่ยนเป็น 25 องศา ปรากฏว่าแอร์มีแต่ลมออกมาอีก ไม่มีความเย็น จนทีมช่างมาตรวจสอบ ยกทีมกันมา 6-7 คนเลยทีเดียว ได้แก่ ทีมช่างของคอนโด ทีมช่างเสื้อน้ำเงินของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และทีมช่างแอร์ ทุกคนรุมไปดูที่คอยล์ร้อน และพูดคุยอะไรกันซักพัก

สุดท้ายแจ้งพี่สาวเราว่า ขออนุญาต กรีดฝ้า เพราะน่าจะเป็นปัญหาจากการติดตั้งสลับท่อกัน แอร์ห้องนั่งเล่น 18000 btu แต่ต่อท่อไปที่คอยล์ร้อนตัวเล็กของห้องนอน 9000 btu ซึ่งจำเป็นจะต้องเปิดฝ้า และแก้ไข ใช้เวลา 1 วันทำการ (ช้าตรงซ่อมสีฝ้า)

หลังจากแก้ไข พี่สาวเราไปเช็คแอร์ที่ห้อง เปิด 25 องศา พบว่าเย็นดีแล้ว แต่มันทำให้เรานอยด์ว่า ห้องเรา แม้กระทั่งตอนแก้ไขแล้ว เราก็ไม่สามารถเปิด 25 องศาได้ เพราะมันเย็นไม่พอ เราจะเปิด 24 องศา หรือต่ำกว่าตลอด และห้องนอนก็จะไม่เย็นเท่าห้องนั่งเล่นด้วย (แต่มันห้องเล็ก แอร์ 9000 btu ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันปกติใช่ม้้ยที่จะไม่เย็นเท่า) ตอนนี้เข้าอยู่ยังไม่ได้จึงได้แค่ลองเปิดดู 1-2 ชม.เวลาที่แวะเข้าไป

สำหรับใครที่ตรวจรับคอนโดใหม่ อย่าลืมเช็คแอร์ดีๆนะคะ ตอนตรวจห้องบางทีคนเยอะ เปิดประตูห้องไว้ หรือเข้าๆออกๆ บางคอนโด(เช่นที่นี่) ไม่มีรีโมทแอร์ให้ด้วย ทางโครงการเปิดแอร์ไว้รอแบบตั้งอุณหภูมิต่ำ 18-20 องศาเพราะกลัวคนในห้องเยอะจะไม่เย็น ทำให้เราเห็นไม่ชัด และอาจมองข้ามได้ ทางที่ดีขอปิดห้องและเอามือจ่อแอร์ดู(ถ้าไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ) จะดีกว่าค่ะ




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2566    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2566 14:23:53 น.
Counter : 181 Pageviews.  

1  2  3  

cute neko
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cute neko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.