Thi Lor Su : นั่งรถตูดบาน ชมความงามทีลอซุ
หากคิดถึงน้ำตกดังๆ ในเมืองไทย คงต้องมีน้ำตกทีลอซูโผล่ขึ้นมาในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะความสวยที่เป็นที่โจษจันติดอันดับต้นๆของเอเชีย ดังนั้นพอมีสหายมาชวนไปเที่ยว มีรึที่เราจะปฏิเสธ Smiley



ตกปากรับคำเรียบร้อยก็ต้องหาความรู้กันหน่อยเน้อ จะได้รู้ว่าน้ำตกนี้อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย

น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ทีลอซู เป็นภาษากระเหรี่ยง แปลว่าน้ำตกดำ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร

แต่เนื่องจากทริปนี้มีพี่ร่วมทริปอาสาเป็นผู้ติดต่อหาข้อมูลการท่องเที่ยว เราเลยสบายแฮ โดยทริปนี้กลุ่มเราได้ใช้บริการของ ใจอุ้มผางทัวร์  (ติดต่อ พี่สุพิน  email: supin616@gmail.com)

หลังจากนั้นก็เริ่มจองตั๋วรถทัวร์ กรุงเทพ - แม่สอด - กรุงเทพ ปักหมุดเดินทางกันศุกร์สิ้นเดือนคืนวันปล่อยผีซะเลยจะได้ไปปล่อยแก่ในคืนวันฮาโลวีน 555 กลับถึง กทม เช้าวันจันทร์เตรียมทำงานต่อ

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง หลังจากเลิกงานก็รีบกลับบ้านอาบน้ำมุ่งหน้าสู่หมอชิต เนื่องจากฝนตก ศุกร์สิ้นเดือน ฮาโลวีน มาหมดครบทุกวาระเพราะงั้นรถก็เลยติดตามระเบียบ ทำให้มีเรื่องระทึกกันตั้งแต่เริ่มต้น เพราะมีพี่ร่วมทริปคนนึงเดินทางมาจากชุมพร​ เลยต้องมาลงสายใต้ก่อนต่อรถตู้มาหมอชิต รอบรถทัวร์คือออกสามทุ่มครึ่งแต่สามทุ่มแล้วพี่แกยังไม่ถึงไหน เมื่อรถทัวร์มาเทียบท่าแล้ว เลยต้องไปถามคนขับรถแต่พี่คนขับบอกว่ารอได้แค่ 15 นาทีนะตามระเบียบของ บขส พวกเราเลยต้องลุ้นระทึกภาวนากันยกใหญ่ แอบคิดว่าทริปจะล่มหรือเปล่าน้า แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์ทรงโปรดพี่แกวิ่งหน้าตั้งมาถึงท่าเทียบรถตอนสามทุ่มสี่สิบสามนาที ทันอย่างหวุดหวิด

หลังจากลุ้นจนเหนื่อย พอขึ้นรถก็ขอนอนเอาแรงกันซะหน่อย ประมาณเที่ยงคืน รถก็จอดแวะพักให้รับประทานอาหารที่สิงห์บุรี ประมาณ 20 นาที แล้วก็เดินทางต่อ ส่วนเราก็นอนยาวๆไป

ถึงแม่สอดประมาณ ตีห้ากว่าๆ ก็โทรติดต่อลุงคนขับรถ ที่ทางใจอุ้มผางให้เบอร์มา

ออกเดินทางจากแม่สอดสู่อุ้มผาง ลืมถ่ายรูปรถมา แต่ว่าจะเป็นรถกะบะ isuzu มีแคป ด้านหลังทำเป็นที่นั่งเหมือนรถสองแถว

ระยะทางจากแม่สอดไปอุ้มผาง 164 กม ใช้เวลาประมาณ 4 ชม ทางโค้งเยอะแยะมากมาย เพราะงั้นใครเมารถเตรียมกินยาไว้เลยก็ดี ไม่งั้นได้อ้วกแตกอ้วกแตนแน่

ประมาณแปดโมง เราก็ถึงจุดพักรถ เรามากันครึ่งทางแว๊ววว 









หาอะไรรองท้องเสร็จก็เดินทางต่อ จากจุดนี้ขับไปสักพักด้านซ้ายมือเราจะเห็นศูนย์อพยพ มีบ้านตามไหล่เขาเป็นตับเลย ได้แต่กินบรรยากาศไม่ได้ควักกล้องมาถ่ายรูปเลย 555

กว่าจะถึงที่พัก ใจอุ้มผาง ก็สิบโมงกว่าแล้ว เลยต้องรีบวางสัมภาระ เปลี่ยนกางเกงเป็นขาสั้น เก็บของจำเป็นใส่ถุงกันน้ำ แล้วเดินทางกันต่อเลย แผนคือพวกเราต้องนั่งรถไปจุดลงเรือ แล้วนั่งเรือแพประมาณ 15 km ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ชมความงามของบรรยากาศรอบๆ แม่น้ำแม่กลอง

คนนี้คือหนึ่งในน้องฝีพายของเรา แรงเยอะจริง




นั่งเรือชมวิวไปสักพักใหญ่ ฝีพายของเราก็จะหยุดให้ไปชมบ่อน้ำร้อน ที่นี่จะมี 7-11 ป่าด้วย มีไข่ปิ้ง มันปิ้ง กาแฟ โอวัลติน ขายให้นั่งกินชิวๆ





ถ้วยโอวัลตินของ 7-11 ป่า ได้ฟิวมากๆ เป็นกระบอกไม้ไผ่ ไม้คนก็เป็นทรงไม้พายเลย กินเสร็จก็เอากลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้เลย


บ่อน้ำร้อน


นั่งผ่อนคลายกันแล้วก็ไปกันต่อเลย

ไปอีกเกือบชั่วโมงก็เที่ยงกว่าๆแล้ว น้องฝีพายก็หยุดพักเกาะข้างทางให้เรากินข้าวกล่องที่ทางทัวร์เตรียมไว้ให้ เป็นข้าวกระเพราหมูสับไข่ต้ม



อิ่มแล้วก็ไปต่อกันเลย ไปอีกไม่ไกลก็ถึงจุดขึ้นเรือ รถที่มาส่งเราตอนลงเรือ มารอรับเราที่จุดนี้ เพราะจากนี้พวกเราต้องเปลี่ยนพาหนะมานั่งรถตุเรงๆต่อไปอีก 10 กม แต่ทางหฤโหดมาก เขย่ามาตลอดเวย์ แค่ 10 กม แต่ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง เหนื่อยโฮก

และแล้วก็ถึงทางเดินเท้าเข้าน้ำตก แวะซื้อบัตรเข้าอุทยานกันก่อนเลย




ณ จุดนี้น้องอุ่นใจก็ตามมาให้กำลังใจเราให้ฮึดสู้เดินต่อไป




นั่งเล่นสักพักก็ต้องเดินต่อกันเลย บ่ายสามโมงล่ะต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อย






จากจุดนี้เดินต่ออีก 1.5 km ต้องรีบเดินแล้วรีบกลับออกมาก่อนเวลาปิด ตอนห้าโมงเย็น

ทางเดินง่ายๆ ไม่เหนื่อย มีบันไดบ้างนิดหน่อย

และแล้วก็ถึงสักที
































ดื่มด่ำกับความงามของน้ำตกทีลอซูแล้ว ก็เดินกลับทางเดิมออกมาถึงก็สี่โมงกว่าแล้ว นั่งพักหาน้ำกินแล้วขึ้นรถเดินทางกันต่อเลย

รอบนี้เราต้องนั่งรถยาวไปถึงที่พักเลย จากจุดนี้ไปออกไปประมาณ 25 กม กว่าจะถึงถนนใหญ่ ทางก็เหมือนขามาหฤโหดมาก แถมฝนยังมาตกอีก เล่นเอาถนนเละเลย ดีนะพี่คนขับเค้าโปรมากๆ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็นเราคงต้องให้สมาชิกลงไปเข็นเพราะติดหลุมแหง๋ๆ

พอถึงถนนใหญ่ก็ขับต่อไปอีกประมาณ 40 กม ผ่านสามหมู่บ้านเห็นจะได้ ก็ถึงที่พัก แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า

กลุ่มของเราได้พักที่ชั้น 3 ตอนนี้กำลังก่อสร้างต่อเติมอยู่ เลยยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีเท่าไหร่ พวกเรามากัน 7 คนกับเด็กอีก 1 คน พี่สุพินเค้าใจดีจัดให้ 3 ห้องเลย



แต่ละห้องมีเต้นท์ใหญ่ๆ ให้ 2 เต้นท์ นอนสบายเลย



เมื่อสมาชิกอาบน้ำกันเสร็จแล้ว พี่สุพินก็จัดรถพาพวกเราไปกินอาหารร้านใกล้ๆระแวกนั้น ไม่ได้เอากล้องไปเลยอดถ่ายรูปอาหารมาเลย อาหารอร่อยดี อิ่มหน่ำสำราญแล้วก็กลับที่พักนอนเอาแรง

สำหรับวันรุ่งขึ้นเราขอให้พี่สุพินช่วยหารถเพื่อไปดูหมอกที่ดอยหัวหมด สำหรับรายนี้เป็นรายการนอกแผน ค่ารถสำหรับไปที่ดอยหัวหมด ราคา 300 บาท

ตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ครึ่งล้างหน้าแปรงฟัน แล้วขึ้นรถไปดูหมอกกันเลย คนขับรถเป็นลุงที่ขับพาพวกเรามาจากแม่สอด

จากที่พักไป ดอยหัวหมด ประมาณ 11 km พวกเรามาเป็นกลุ่มแรกเลย เลยจับจองที่นั่งดูวิวยามเช้าได้สบายใจเชิบ

















ชมวิวไปสักพัก หันไปอีกทีไม่รู้คนมาจากไหน ตรึมเบย เลยกลับดีกว่า ขากลับตามคำรีเควของพวกเรา ลุงคนขับแวะพาพวกเราไปตลาดเพื่อหาซื้อหมูปิ้งกระแทกปากซะหน่อย แต่ปรากดว่าตลาดวายไปแล้ว ลุงเลยพาพวกเราแวะไปถ่ายรูปเล่นที่ ร้านขายของฝากบ้านครูซัน แทน























ด้านหน้าร้านครูซันมีร้านกาแฟให้นั่งกินชิวๆ ด้วย





แผนที่น่ารักๆ เก็บมาจากร้านครูซัน


ด้านหลังแผนที่มีรายละเอียดเบอร์โทรที่พักในอุ้มผางด้วย


เสร็จแล้วก็กลับที่พักกันเลย ระหว่างทางมีเจอเพลิงร้านไก่ย่าง ลุงคนขับเลยแวะให้ซื้อของกินรองท้อง แต่ที่เด็ดของร้านนี้คือน้องคนนี้ 555 พอเห็นกล้องปุ๊ป โพสให้ถ่ายภาพทันที รู้งานนะเนี้ย





ถึงที่พัก เค้าก็มีเตรียมอาหารเช้าพร้อมเลย อาหารเช้าจะเป็นข้าวต้มหมู อาหารเบาๆยามเช้า



อิ่มแล้วก็แยกย้ายกันอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มาเก็บภาพบรรยากาศของที่พัก และบริเวณรอบๆ

สำหรับที่พักของใจอุ้มผาง กำลังก่อสร้างเพิ่มเติม ถ้าเสร็จแล้วเห็นพี่สุพินบอกว่าจะมี 32 ห้อง







อันนี้ชั้น 2 เห็นพี่สุพินบอกว่าจะใช้เป็นห้องสัมนา















ขอถ่ายรูปพี่สุพินไว้หน่อยเก็บเป็นทีระลึก พี่เค้าเป็นอาสาพัฒนาชุมชน (อช) ด้วย พี่แกทำด้านการปราบปรามยาเสพติด ฟังพี่แกเล่าตอนที่ไปจับพวกพม่าที่ชอบเอายาซ่อนมาที่ต่างๆ ข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทย มีวิธีแปลกๆเยอะมาก มิน่าเดี๋ยวนี้ยาบ้ามันเยอะเหลือเกิน



เสร็จแล้วก็ได้เวลาร่ำลาพี่สุพิน เก้าโมงเศษๆก็ขึ้นรถลุงคนเดิมกลับมาที่แม่สอด วิวเดิมๆ แล้วก็แวะพักที่จุดพักรถเหมือนเดิม













เดินทางต่อถึงแม่สอด ก็เกือบบ่ายสองแล้ว ให้ลุงคนขับแนะนำร้านอาหาร ลุงแกเลยพาพวกเราไปส่งที่ร้านไก่ย่าง หน้า ช.ค. 34 เห็นลุงแกบอกว่าร้านนี้ดัง แล้วก็ร่ำลาลุงคนขับที่พาพวกเรามาถึงจุดหมายอย่างสวัสดิภาพ เสร็จก็เข้าร้านเติมพลังแบบจัดเติม























สั่งมาแบบจัดเต็มแต่เหลือบาน ไม่ใช่ว่าไม่หิว แต่รสชาติอาหารมันไม่โดน ไม่ถูกปากคนภาคกลางแบบเราๆเลยแฮะ ตอนเข้ามาร้านนี้คนเยอะเชียวแอบคิดว่าจะอร่อย ผิดหวังฝุดๆ

เติมพลังแล้วเราก็เดินจากร้าน เอาสัมภาระไปฝากไว้ที่ ท่ารถก่อน จะได้ไม่ต้องแบกพะรุงพะรัง เค้าคิดค่าฝากใบละ 20 บาท

เสร็จแล้วก็ไปนั่งรถไปตลาดริมเมย บรรยากาศยังกะคลองถม ไม่ค่อยมีอะไร เดินได้แค่แป๊ปเดียว จึงลงความเห็นว่าไปตากแอร์เย็นๆที่โลตัสดีกว่า

มาขอสิงสถิตที่ฟู้ดคอร์ท นั่งเย็นๆ ที่โลตัสแม่สอดนี้ มีภาษาพม่ากำกับอยู่ทุกป้ายเลย คนพม่าข้ามแดนมาเที่ยวโลตัสเยอะ เห็นเค้าบอกกันว่าแค่ปีเดียวโลตัสสาขานี้ก็คืนทุนหมดล่ะ



หลังจากนั่งตากแอร์จนเย็นช่ำ ก็หาไรกินที่นี่แล้วก็กลับไปท่ารถ รอบรถพวกเราออก สามทุ่มสิบห้า

พอได้ขึ้นรถก็หลับเป็นตาย เหนื่อยโฮกจนถึงกทมเลย ถึงกรุงเทพเช้าวันจันทร์ เตรียมตัวไปทำงานต่อ T_T

จบทริปนั่งรถตูดบานอย่างเป็นทางการ

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆของทริปนี้จร้า





Create Date : 05 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2558 13:17:29 น.
Counter : 2256 Pageviews.

1 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2557 เวลา:3:04:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

cool life
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]