
กรุงเทพมหานคร คว้ารางวัล World Best City จากผลโหวตของนักท่องเที่ยว
จากการจัดลำดับเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี ของ เทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ (Travel & Leisure) นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลโหวตล่าสุดจากการออกแบบสอบถามผู้อ่าน ปรากฎว่า กรุงเทพมหานครสามารถได้รางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลก หรือ World s Best Award ประจำปี 2011 มาครองได้สำเร็จ ด้วยคะแนนโหวต 90.99 % ตามมาด้วยเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คะแนน 89.92 % และกรุงโรม ประเทศอิตาลี คะแนน 88.45 % ตามลำดับ
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้รับราวัล Worlds Best Award เป็นครั้งที่สาม จากที่เคยได้รับมาแล้วในปี 2008 และปี 2011 โดยรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลกได้พิจารณาจากสถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงาม ร่มรื่น ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน แหล่งช้อปปิ้ง ความเป็นมิตรของผู้คน และความคุ้มค่าของเงิน

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีกำหนดเดินทางไปรับรางวัลด้วยตัวเองในวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 นี้ ณ นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ส่วนการจัดอันดับ Worlds Best Award 2011 โดยผู้อ่านนิตยสาร Travel & Leisure 10 อันดับ มีดังนี้

อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

อันดับ 2 เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
อันดับ 3 กรุงโรม ประเทศอิตาลี

อันดับ 4 นครนิวยอร์ค
อันดับ 5 นครอิสตันบู ประเทศตุรกี

อันดับ 6 เมืองเคป ทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้

อันดับ 7 เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
อันดับ 8 นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

อันดับ 9 เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน

อันดับ 10 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โดยเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดังได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด เริ่มจากเว็บไซต์ TripAdvisor ผู้ให้คำปรึกษาและบริการต่างๆด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความเชื่อถือจากทั่วโลก ได้สำรวจค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและทำเป็นดัชนี ทริปอินเด็กซ์ ที่บ่งบอกค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวใน 50 เมืองทั่วโลก โดยมีเงื่อนไขในการคำนวณจากค่าที่พักในโรงแรม อาหาร เครื่องดื่ม และค่าแท็กซี่ในแต่ละเมืองต่อหนึ่งวัน

การคำนวณทริปอินเด็กซ์ ในส่วนของโรงแรมเป็นโรงแรม 4 ดาวที่อยู่ในเครือข่ายการจองของเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ในแต่ละเมือง ค่าอาหารวัดจากราคาพิชซ่า ประเภทซีสพิซซ่าถาดใหญ่ ซึ่งราคาเฉลี่ยของแต่ละร้านทั่วโลกจะเท่าๆกัน ส่วนเครื่องดื่มจะวัดจากราคาดรายมาร์ตินีที่คนอเมริกันนิยมดื่ม โดยวัดจากคลับหรือบาร์ในโรงแรม ส่วนค่าแท็กซี่วัดจากมิเตอร์ในระยะ 8 กิโลเมตร
ต้นทุนของทริปอินเด็กซ์ทั้ง 4 รายการจะสำรวจราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นและนำมาแลกเปลี่ยนเป็นดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงวันที่ 14 กรกฏาคมปีนี้ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับชาวอเมริกันที่ต้องการทราบรายจ่ายคร่าวๆในการท่องเที่ยวทั่วโลกและภายในประเทศช่วงฤดูร้อนจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม เพราะหากพ้นช่วงนี้ไปแล้วค่าใช้จ่ายของแต่ละเมืองอาจมีการเปลี่ยนแปลง แล้วแต่ฤดูกาลท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค โดยจะมีการเปรียบเทียบว่าเมืองไหนมีค่าครองชีพแพงและถูกที่สุดทั่วโลกและในสหรัฐ
ในสหรัฐมีการสำรวจพบว่าลาสเวกัส ซึ่งเป็นเมืองที่มีบ่อนกาสิโนชื่อดังอยู่ในรัฐเนวาดา มีค่าครองชีพถูกที่สุดในบรรดาเมืองท่องเที่ยว โดยมีทริปอินเด็กซ์อยู่ที่ 164 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดคือ นิวยอร์ก มีทริปอินเด็กซ์อยู่ที่ 367 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการสำรวจเมืองที่คุ้มค่าที่สุดในการท่องเที่ยวสำหรับคนอเมริกัน (best-value global city) พบว่า
กรุงเทพฯของเรา ค่าใช้จ่ายต่ำสุดเมื่อเทียบกับอีก 49 เมืองทั่วโลกที่คนนิยมไปเที่ยวกัน และนี่คือ 10 อันดับ ของเมืองที่มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าที่สุดในโลก
1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ค่าที่พัก 85.71$ ค่าเดินทาง 2.49$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 23.79 $ รวม 111.99$ คิดเป็นเงินไทย 3,360 บาท
2. เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ค่าที่พัก 97.99$ ค่าเดินทาง 4.02$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 18.10 $ รวม 120.12$ คิดเป็นเงินไทย 3,600 บาท
3. เมือง Sharm El Sheikh ประเทศอียิปต์ ค่าที่พัก 103.96$ ค่าเดินทาง 3.36$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 20.92 $ รวม 128.24$ คิดเป็นเงินไทย 3,840 บาท
4. กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทสมาเลย์เซีย ค่าที่พัก 105.77$ ค่าเดินทาง 3.33$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 24.90 $ รวม 134.01$ คิดเป็นเงินไทย 4,020 บาท
5. เมืองโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย ค่าที่พัก 114.35$ ค่าเดินทาง 3.88$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 17.42 $ รวม 135.66$ คิดเป็นเงินไทย 4,070 บาท
6.เมืองบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี ค่าที่พัก 117.24$ ค่าเดินทาง 11.71$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 14.44 $ รวม 143.40$ คิดเป็นเงินไทย 4,300 บาท
7. เมืองออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ค่าที่พัก 102.36$ ค่าเดินทาง 22.91$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 21.85$ รวม 147.13$ คิดเป็นเงินไทย 4,415 บาท
8. เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก ค่าที่พัก 120.13$ ค่าเดินทาง 2.52$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 25.06$ รวม 147.71$ คิดเป็นเงินไทย 4,431 บาท
9. กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ค่าที่พัก 116.81$ ค่าเดินทาง 10.57$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 21.10 $ รวม 148.48$ คิดเป็นเงินไทย 4,454 บาท
10. รัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ค่าที่พัก 128.44$ ค่าเดินทาง 5.17$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 20.70 $ รวม 154.31$ คิดเป็นเงินไทย 4,630 บาท
คราวนี้มาดูเมืองที่มีค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด เมืองที่แพงที่สุดเรียกว่า Most expensive International city
1. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ค่าที่พัก 362.28$ ค่าเดินทาง 12.49$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 56.66$ รวม 431.43$
2.เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ค่าที่พัก 307.50$ ค่าเดินทาง 41.68$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 30.44$ รวม 379.62$
3. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ค่าที่พัก 299.65$ ค่าเดินทาง 32.24$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม41.90 $ รวม 373.79$
4.กรุงโตเกียว ประเทศญีปุ่น ค่าที่พัก 272.28$ ค่าเดินทาง 37.70$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 62 $ รวม 371.98$
5. นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ค่าที่พัก 324.38$ ค่าเดินทาง 12.5$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 29.99 $ รวม 366.87$
6. กรุงริโอ เดอ จานาโร ประเทศบราซิล ค่าที่พัก 310.43$ ค่าเดินทาง 6.70$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 29.25 $ รวม 346.37$
7. กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ค่าที่พัก 302.58$ ค่าเดินทาง 8.90$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 33.58 $ รวม 344.96$
8. เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ค่าที่พัก 309.25$ ค่าเดินทาง 4.38$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 17.90 $ รวม 331.53$
9. กรุงอัมส์เตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ค่าที่พัก 234.36$ ค่าเดินทาง 29.82$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 48.64 $ รวม 312.82$
10. กรุงสตอคโฮม ประเทศสวีเดน ค่าที่พัก 253.45$ ค่าเดินทาง 13.43$ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 44.76 $ รวม 311.64$
และเป็นข่าวดีที่หนังสือพิมพ์รายวันของแคนาดา ได้ลงบทความเกี่ยวกับเมืองไทยว่า ถ้าจะมาเมืองไทย ขอให้ทำ 4 อย่างที่ต้องทำ
1.ขอให้เช่าเรือไปที่เกาะใน.จ.กระบี่ ไปกินอาหารกลางวันและเย็นบนเกาะ รับรองว่ามีความสุขแน่นอน
2.ขอให้เที่ยวป่า ดูสัตว์ ล่องแพ ชมนก
3.ขอให้ไปดำน้ำดูปะการัง ดูปลาทะเลที่เกาะพีพี และถ้ามีโอกาสได้ว่ายน้ำเคียงคู่ไปกับฉลามครีบดำ ซึ่งเป็นปลาฉลามที่ไม่ทำร้ายคน เป็นความตื่นเต้นที่หาไม่ได้ง่ายๆ
4.ขอให้เรียนอาหารไทย
ซึ่งผู้เขียนหนังสือพิมพ์ชาวแคนาเดียล มาเมืองไทยก็ได้เรียนการทำอาหารไทย 3 อย่างคือ สเต็กไก่ แกงเผ็ดทะเล และต้มยำกุ้ง ซึ่งเค้าบอกว่าอร่อยจนลืมตายเลยที่เดียว
จากเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์มาถึง Cnngo.com ในเครือเดียวกับ Cnn.com ของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังในสหรัฐ ได้ทำการสำรวจอาหารยอดเยี่ยมทั่วโลก 50 จาน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสรรหาอาหารจานเด็ดมาลิ้มลองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ โดยสำรวจผ่านแฟนเพจของเฟซบุ๊ค
จากการสำรวจอาหารยอดเยี่ยมของโลก 50 จาน พบว่าอาหารไทยติดอันดับ 4 ชนิด แต่ละชนิดเป็นอาหารขึ้นชื่อของไทยและมีรสชาติผสมผสานกัน เป็นอาหารที่มีความพิถีพิถันในการปรุง เริ่มจากอันดับที่ 46 ส้มตำ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า Thailands salad อันดับที่ 16 น้ำตกหมู ในภาษาอังกฤษบรรยายว่าเป็นอาหารที่ทำจากเนื้อหมูย่าง (Grilled pork) แล้วนำมายำกับเครื่องปรุงอื่นๆ อันดับที่ 8 ต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และมักจะเรียกเป็นภาษาทับศัพท์ว่า Tom yum goong

อาหารไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของซีเอ็นเอ็นโกคือ แกงมัสมั่น (the king of curry) เพราะเป็นสุดยอดของแกงที่อร่อยที่สุด เนื่องจากมีเครื่องปรุงหลายอย่าง ทั้งเครื่องแกงที่ทำมาจากเครื่องเทศหลายชนิด กะทิ และเครื่องปรุงอื่นๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรุงหลายชั่วโมงเพื่อให้รสชาติเข้ากัน สาเหตุที่แกงมัสมั่นเป็นที่รู้จักเพราะมีการผลิตเป็นน้ำแกงปรุงสำเร็จบรรจุลงในกระป๋องหรือกล่องยูเอชทีส่งขายไปตามร้านซูเปอร์มาร์เกตที่ขายสินค้าไทยทั่วโลก
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโกเปิดเผยว่า เมืองไทยไม่ได้เป็นแค่แผ่นดินแห่งรอยยิ้ม แต่ยังมีฉายาใหม่ที่คนไทยน่าจะภูมิใจคือ ดินแดนแห่งอาหารอร่อยสุดยอดของโลก
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับที่ 322 วันที่ 6 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554คอลัมน์ Small World โดย อุษณีษ์ สาลิฟา
//news.mthai.com/world-news/129783.html