ดำนาที่ธรรมศาสตร์

ตั้งแต่มาอยู่ที่ธรรมศาสตร์ เราก็ได้ยินคำคมมากมายที่บ่งบอกว่า ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชน เนอะั

"ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน"

"มหาวิทยาลัยทำหน้าที่ประดุจ “บ่อน้ำ” ที่คอยดับกระหายของราษฎร"

ฯลฯ

แล้วคราวนี้ก็มีอันใหม่

"ร่วมกันปักดำ-ทำนา-ติดดิน เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ติดดิน!"

โห! ฟังอันนี้แล้วจี๊ดอะ มหาวิทยาลัยที่ไหนจะสอนให้เราติดดินกันอีก จริงๆแล้ว ประโยคนี้คือประโยคเชิญชวนให้นักศึกษาธรรมศาสตร์ร่วมไปปลูกข้าวในวันธรรมศาสตร์ทำนา เป็นวันที่ 18 พย ซึ่งก็คือเมื่อวานนี้

เมื่อรู้แล้ว จะปล่อยโอกาสไปทำไม เพราะมัีนคือการทำนาครั้งแรกในชีวิตของเราด้วย แล้วเราก็ไม่เคยรู้จริงๆว่า ชาวนาเขาปลูกข้าวกันยังไง ดังนั้น เราก็เลยไปที่แปลงนาซึ่งก็อยู่ในตัวมหา'ลัยเองน่ะแหละ

พอไปถึงแล้วก็ถึงกับตะลึง โห คนเยอะมาก สปีริตธรรมศาสตร์สุดยอดจริงๆ อิอิ

เอาล่ะ ถอดรองเท้า ลงนา หยึย มันยุบยับมากเลยอะ คือมันเป็นโคลนใช่ปะ ก็แบบ เหมือนเท้าจะจมๆนิดนึง จากนั้นก็ได้ต้นกล้ามา แล้วเราก็ปักลงไปบนดิน

ข้าวต้นแรกในชีวิต ฮ่าๆๆ

ขอตั้งชื่อเลยละกัน ต่อไปนี้ แกชื่อว่า ต้นข้าวคุง

ปลูกกันไม่นานครับ เพราะว่าคนเยอะอยู่แล้ว ที่นาประมาณ หนึ่งสนามบอลได้มั้ง ก็เต็มไปอย่างง่ายดายด้วยสองมือไม่ใหญ่ของเด็กเลือดเหลืองแดงทั้งหลาย

จริงๆงานนี้เขาบอกว่า ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงน่ะ แต่เราโคตรไม่เห็นด้วยเลย มันคือการปลุกจิตวิญญาณให้วัยรุ่นสมัยนี้พอจะระลึกขึ้นมาได้บ้างว่า เราไม่ได้เรียนเพื่อไปทำงานงั้นๆนะเว้ย

เรามาเรียนเพื่อช่วยเหลือประชาชน แล้วที่ดำนากันอยู่นี่ก็เหมือนกับเราพยายามเข้าใจประชาชนอยู่นี่เอง

เราก็หวังว่าเพื่อนๆธรรมศาสตร์ที่ไปดำนาเมื่อวานจะคิดเหมือนเราแบบนี้นะ ถ้าคิดแบบนี้ได้ ชาติไทยเจริญแน่นอน คอนเฟิร์ม~!

ปล.อยากลงรูปอะ แต่พักนี้งานยุ่งนิดหน่อย เลยจะลงวันหลังละกัน ใครที่อยากเห็นเจ้าต้นข้าวคุงก็รอก่อนนะ อิอิ




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 4 มกราคม 2553 16:45:40 น.   
Counter : 1085 Pageviews.  


ได้ลง a day แล้ววว

ไม่ได้เขียนเป็นเดือนเลยง่ะ

ช่วงนี้รู้สึกขี้เกียจแบบประมาณ ไม่รู้จะเขียนอะไรดี แล้วก็ไม่รู้เขียนไปจะมีคนมาอ่านเยอะมั้ย (ค่อนข้างเรียกร้องความสนใจเนอะ) เรื่องที่จะเขียนนี้ ก็กะว่าจะเขียนตั้งแต่วันแรกที่ a day ฉบับ 110 ออกแล้ว แต่ก็ขี้เกียจอีกซะงั้น

เข้าเรื่องๆก่อนอิอิ

ประมาณสองสามเดือนก่อน ก็อ่าน a day ตรงคอลัมน์ a day station อะ ปกติคอลัมน์นี้ก็ให้เราทำอะไรครีเอทีฟๆ เสมอแหละ คราวนี้เขาให้ทำ newspaper blackout poem คือ ให้เตรียมหนังสือพิมพ์หรือหนังสือมา แล้วก็ให้ใช้ปากกาสีดำขีดๆข้อความทิ้ง จนเหลือเป็นประโยคน่ะ

อ่ะ ไม่คิดอะไรมาก ก็อยากลองทำดูบ้าง เลยไปหยิบ a day bulletin ของนานมาแล้ว ตัดมาหนึ่งคอลัมน์ แล้วก็เริ่มคิดคำจากในนั้นง่ะ

"รักแท้รออยู่ในโชคชะตา แต่ไม่เคยได้มาโดยบังเอิญ"

ว่าแล้วเราก็ไปซื้อปากกาสีำดำมาหนึ่งด้าม แล้วก็ขีดๆๆๆๆๆๆๆ

ทำเสร็จก็ส่งไป

ปรากฏว่าได้ลงนิตยสารเฉยเลย! ไม่รู้เพราะไม่มีใครส่งไปแข่งกับเราหรือเปล่านะ? ฮ่าๆๆ

ณ โอกาสนี้ จึงแนบรูปมายืนยันด้วย อิอิ



หมายเหตุ ทั้งนี้ ความฝันที่จะได้ลง a day ก็เป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ไ้ด้โผล่หน้าไปก็ตามเถอะ

ปล. สักวันจะเป็น a day junior โว้ยย




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 4 มกราคม 2553 16:45:32 น.   
Counter : 395 Pageviews.  


RICH DAD POOR DAD+ CASHFLOW อีกรอบนึง!!!

วันนี้ว่างจัด เลยปั่นจักรยานไปรอบ มธ.
...
กลางคืน
...
คนเดียว

เข้าไปใน สวทช. ซึ่งเ้ป็นส่วนที่เงียบมากตอนกลางคืนเนี่ย บรรยากาศกำลังโรแมนติก
แล้วก็ขี่ไปตึกวิดวะ ที่นั่นมีสะพานวิดวะซึ่งชันมาก ก็ขี่ข้ามไปอีก
แล้วก็ขี่ผ่านตึกคณะ ผ่านตึกโดมบริหาร(กลางคืนสวยมาก)

กลับมาที่หอเห็นสองคอมเม้นต์มะวาน

ดีจัยย มีคนสนใจเกม CASHFLOW ด้วย !

ก็เลยจะให้ข้อมูลเพิ่ม

แต่ก่อนอื่น เรามาเริ่มจากหนังสือของโรเบิร์ต ที. คิโยซากิ ชื่อ RICH DAD POOR DAD กันก่อน



คือในหนังสือเล่มนี้บอกว่า เฮียโรเบิร์ต เขา้เป็นลูกครึ่้งญี่ปุ่น อเมริกันครับ
อาศัียอยู่ที่ฮาวาย
ที่นั่น เขามีพ่อสองคน!
อย่าพึ่งคิดมากไป คือ คนนึงเป็นพ่อของเพื่อนเขาครับ แต่เขาก็ยกย่องพ่อของเพื่อนคนนี้ให้เป็นพ่อตัวเองอีกคน

เพราะอารายล่ะ?
ก็เพราะพ่อคนนี้สอนให้เขา "รวย" ไงล่ะ !!!!!

พ่อแท้ๆของเขา เป็นนักวิชาการครับ (เขาเปรียบว่าพ่อคนนี้ของเขาคือพ่อจนนะ)
สิ่งที่ พ่อจน สอนเฮียโรเบิร์ตเรื่องการหารายได้ ก็เหมือนพ่อแม่ทั่วๆไปน่ะแหละ
ก็คือ "เรียนสูงๆ หางานดีๆทำ"

แต่ พ่อรวย ไม่สอนอย่างนั้น
พ่อรวย คิดว่าทำไมเราต้องเรียนสูงๆ เพื่อมาเป็น ลูกจ้าง คนอื่นเขา
เขาเปรียบว่า เราทำงานเป็น ซาลารี่แมน ก็ไม่ต่างจาก หนูถีบจักร (Rat Race) ตรงที่เราได้เงินมาแล้วก็จ่ายค่านู่นค่านี่ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต ฯลฯ
เราเอาเงินที่เหลือมาคิดๆดูแล้ว สิบปี จะเก็บได้สักกี่ล้านบาท
สมมติถ้าเราเก็บให้ได้เดือนละ 5000 บาท สิบปี 5000คูณ12คูณ10 โห 600000 บาทเองอะ แล้วเมื่อไหร่เราจะรวยเนี่ยยย เราอาจต้องทำงานเพิ่ม สุขภาพเราอาจแย่ลงจากการโหมงาน สุดท้ายเราก็เอาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล จนเราเกษียนอายุ เราก็ยังมีเงินไม่พอสำหรับเลี้ยงตัวเองในบั้นปลายชีวิตอีก แล้วเมื่อไหร่เราจะรวยเนี่ยยย

เขาเลยสอนให้เรามีความรู้ด้านการเงินมากขึ้น
ความรู้แบบไหน ไปอ่านเองละกัน หนังสือดีนะ เป็นหนังสือที่เราขอแนะนำให้อ่านตั้งแต่ช่วงวัยเรียนๆอยู่นี่แหละ

แล้วเขาก็สร้างเกมนี้ขึ้นมา



เกมนี้มีที่มาจาก คำสอนในหนังสือเขานี่ล่ะ เขาบอกว่ามันมีรายได้อยู่ประเภทนึง เราไม่ต้องทำงาน เราก็ได้เงินเหมือนกัน เราเรียกมันว่า PASSIVE INCOME

อีกรอบนะ PASSIVE INCOME อาจจะมาจาก ระบบธุรกิจ อย่างเช่น ถ้าเรามีอพาร์ตเม้นต์ เราเปิดให้คนเช่า เราไม่ต้องเข้าออฟฟิศทำงานแต่เราก็ได้ค่าเช่าจากคนเช่าทุกเดือน อื้ม ดีมั้ยล่ะ

คราวนี้เรามาจำลองชีวิตจริงลงในเกม
เราจะได้เป็นคนอาชีพต่างๆ มีรายได้ต่างๆกัน มีรายจ่ายต่างๆกันด้วย
้เราจะเดินอยู่ในวงกลมเล็กๆนี่ ไปเรื่อยๆ เหมือนหนูถีบจักรน่ะแหละ
ส่วนต่างระหว่างรายได้กับรายจ่ายอันน้อยนิด เราจะเก็บไว้สำหรับโอกาสทำธุรกิจต่างๆเช่น เดินไปตกช่องโอกาส ได้โอกาสทำธุรกิจแฟรนไชส์ ก็เลือกได้ว่าจะทำรึไม่ทำ ถ้าทำก็เสียตังค์ แต่ผลที่ได้คือ เราจะได้รายได้มากขึ้นนอกเหนือจากรายได้จากงานที่ทำอยู่

รายได้จากธุรกิจพวกนี้นะ ถ้าเรามีรายได้ในส่วนนี้มากกว่ารายจ่ายแล้ว
หมายความว่า เราก็ไม่จำเป็นต้องไปทำงานประจำก็ได้นี่ อยู่เฉยๆ เราก็จ่ายค่าผ่อนนู่นผ่อนนี่ได้ นั่นแหละ โรเบิร์ตเรียกว่า เรามี "อิสรภาพทางการเงิน"

แล้วเราก็จะหลุดไปวงนอก เราไม่เดินในวงกลมอีกต่อไป แถมเราจะได้รายได้มากขึ้นระดับหลักล้าน โอ้ ทำไมอยู่ดีๆเราได้รายได้เพิ่มขนาดนี้? ก็เพราะเขาบอกว่า ถ้าคุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว คุณก็ฉลาดพอที่จะทำเงินให้ถึงล้านได้ง่ายๆแล้วล่ะ

ที่วงนอก เรามีสิทธิ์ชนะเกมสองแบบ คือหนึ่ง เราเดินไปตกช่องความฝันระดับแพงๆที่วางแผนไว้ตอนต้นเกม แล้วก็ซื้อความฝันนั้นซะ เช่น ฝันจะไปเที่ยวรอบโลก ราคา 2500000 บาท หรือไม่ก็ ทำเงินเพิ่มอีกระดับนึง แค่นี้ล่ะจบเกม

ฟังดูยากไหม
เขาบอกว่า บางคนเล่นเกมนานถึง 6 ชั่วโมง
ยังไม่สามารถหลุดจากวงกลมข้างในเลยพี่น้อง!
เขาก็เลยสรุปว่า นี่ล่ะ คนที่ไม่มีความรู้ทางการเงิน เราต้องมีไหวพริบมากกว่านี้

ลืมบอกอีกอย่าง ระหว่างที่เราเล่น เราจะมีแผ่นบัญชีไว้คำนวณรายรับรายจ่ายด้วย ทำบัญชีไม่เป็นก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไปเล่นกับคนอื่น เขาจะสอนให้ว่าต้องเขียนอะไรตรงไหน แล้วมันก็ไม่เหมือนบัญชี 100% หรอก ก็แค่ดูรายรับ รายจ่าย เองเท่านั้นล่ะ

น่าเล่นไหมล่ะ
คนที่สนใจลองเข้าไปดูใน //www.richdadthai.com เขาน่าจะยังมีเปิดสมัครเล่นเกมอยู่ (อย่างที่เคยบอกน่ะ เกมมันหยุดผลิตไปแล้ว แถมราคาแพงด้วย) หรือไปเสิร์ชในกูเกิลดูที่อื่น เผื่อจะมีเปิดสมัครให้เล่นนะ ชื่อไทยของ CASHFLOW ก็คือ เกมกระแสเงินสด น่ะ

สุดท้าย อยากให้เล่นจริงๆ อยากให้อ่านหนังสือชุด RICH DAD POOR DAD ด้วย โดยเฉพาะพวกวัยมัธยมนี่แหละ ยิ่งอ่านก่อน เราก็จะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่า แล้วยังดีกว่าเอาเวลาไปเล่นเกมอย่าง .A ด้วยนะ




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2552   
Last Update : 4 มกราคม 2553 16:45:24 น.   
Counter : 785 Pageviews.  


เกม CASHFLOW ?

ไม่้ได้เขียนตั้งนาน...

หนึ่งในเหตุผลที่ไม่อยากเขียนอะไรก็เพราะคอมเม้นต์ของบล๊อกเก่าน่ะแหละ

อ่านแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ เราผิดด้วยหรอ ที่จะเล่าเรื่องตัวเอง?

แต่ อ่ะ ไม่โกรธใครดีกว่า


สอบเสร็จตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาเรียนใหม่ กิจกรรมเยอะเหมือนเดิม

ช่วงนี้เราได้ยินถึงเกม CASHFLOW บ่อยมากๆ

เห็นคนเล่นที่มหา'ลัยทีนึง
พี่เคยมาถามว่ารู้จักเกมนี้มั้ย
มีเพื่อนโีรงเรียนเก่าชวนไปเล่นเกมนี้ด้วย

รวมๆก็ได้ยินเกมนี้ประมาณ 3-4 ครั้งอะ ภายในช่วงนี้น่ะนะ

แปลกมั้ยล่ะ

เกม CASHFLOW เป็นเกมประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว คิดโดยคุณ Robert T. Kiyosaki เจ้าของหนังสือชุด "พ่อรวยสอนลูก" น่ะ รู้จักป่าว
เป็นเกมกระดานที่สอนเกี่ยวกับการเงิน (เขาเขียนว่า เกมนี้จะทำให้คุณเป็นอิสระทางการเงิน) แต่ไม่เหมือนเกมเศรษฐีน่ะ

7-8 ปีที่แล้ว เกมนี้ขายที่ร้าน ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ตอนนี้หมดสต๊อกไปนานแล้วล่ะ
ราคาไม่แพงครับ 3850 บาท !!!!!!!!!

แล้วเกมนี้มันดียังไง? แล้วทำไมตอนนี้มันกลับมาฮิตล่ะ?

อย่างที่บอก มันไม่เหมือนเกมเศรษฐีนะ ปกติ เกมเศรษฐีจะมีทางเดินรอบกระดานสี่เหลี่ยมใช่ไหมล่ะ
เกมนี้มันมีทางเดินอยู่สองชั้นด้วยกัน ชั้นแรก เป็นทางเดินสำหรับมนุษย์เงินเดือน เงินจะได้นิดๆมาก เราต้องหาทางเพิ่มรายได้ตัวเอง (อันนี้อธิบายแบบง่ายๆน่ะ) จนมีเงินในระดับที่ไม่จำเป็นต้องทำงานอีก เราก็จะย้ายตัวเองไปชั้นที่สอง เป็นทางคนรวย สามารถเดินไปหาซื้อความฝันได้

ดูเหมือนว่าเด็กมหาลัยสมัยนี้เริ่มมีค่านิยมของการหารายได้ การทำธุรกิจมากขึ้น อย่างพวกคณะวิศวะที่จบไปต่อ ป.โท บริหารธุรกิจอะไรงี้ เราคิดว่าตอนนี้เกมนี้มันกำลังกลับมาใหม่นะ เมื่อก่อนฮิตในหมู่วัยทำงาน ตอนนี้ก็คงเด็กมหาลัยล่ะ มั้ง

อื้ม~ คิดว่าไงล่ะ?




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2552   
Last Update : 4 มกราคม 2553 16:46:44 น.   
Counter : 487 Pageviews.  


ชีวิตว้าวุ่น... (สอบมิดเทอมวันที่ 2)

(เรื่องต่อจากเมื่อวาน...)
เมื่อเช้าตื่นแปดครึ่ง

วันนี้มีสอบ TU110 ตอนเที่ยงตรง

นอนอยู่บนเตียง รู้สึกแปลกๆ

อยู่ดีๆก็คิดว่าตัวเองเป็นคริสเตียน พลางคิดว่าชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปยังไง

เข้าโบสถ์ทุกอาทิตย์? อ่านไบเบิล? ห้อยกางเขน?

เพ้อเจ้อจังเลยเรา... >[]<

อาบน้ำ ไปกินข้าว อ่านหนังสือทบทวน

จะขี่จักรยานไปสอบ กุญแจดันมาหักคาล๊อกซะได้
....

ไม่เป็นไร วันนี้เดินก็ด้ะ! ไม่ไกลมากเท่าไหร่ เวลาก็เหลือก่อนสอบกว่าครึ่งชั่วโมง

สอบ...

ข้อสอบก็พอยากอยู่ แต่พอทำได้ เราว่า วิชานี้เป็นวิชาที่ดีมากเลยนะ หลายๆคนอาจไม่สนใจ เพราะวิชามันอาจน่าเบื่อ วัยรุ่นคนไหนจะมาสนใจความหมายของชีวิต? (เราสนอะ) อย่างเช่น มันมีคำพูดของนักคิดที่ชื่อค้านท์ กล่าวถึง "duty for duty's sake" คือให้เราทำหน้าที่ เพื่อบรรลุจุดประสงค์ฺของหน้าที่นั้น

คือการถามง่ายๆว่า เราเรียนวิชาต่างๆในมหาวิทยาลัยเพื่ออะไร?

เพื่อความรู้ถ่องแท้ในวิชานั้น

หรือ แค่เพื่อเกรด และ ใบทรานสคริปต์ ?

เราว่าตอนนี้คนที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยคงหลงลืมไปแล้ว
ทุกๆคนก็แค่ เรียน จบแล้วไปทำงาน
พวกเราตีความ ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ไว้แค่นั้น?

...สอบเสร็จ

ไปแวะกินข้าวกับขนมที่ปาร์คกับเพื่อนๆครับ ดาร์ลี่ซึมๆ เพราะทำไม่ค่อยได้ เพื่อนๆก็เลยปลอบๆกัน สอบเสร็จก็กลับมาพักผ่อน เดี๋ยวก็ไปกินข้าวอีกแระ

พรุ่งนี้สอบภาษาไทยครับ สอบเป็นยังไงเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกเรื่อยๆ ^^

ปล. ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และคนที่เม้นต์จริงๆนะ แม้ว่าเราไม่ได้เม้นต์กลับก็เถอะ แต่ใครอยากให้เม้นกลับก็บอกด้วยละกัน จะรีบตอบเลยล่ะ!




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 4 มกราคม 2553 16:46:51 น.   
Counter : 492 Pageviews.  


1  2  3  4  5  

CHoCoLaTion
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add CHoCoLaTion's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com