Group Blog
 
All blogs
 

หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์กลางทะเลอันดามัน ตอนจบ



วันที่ 3 แล้ว(เร็วจัง) วันนี้เราจะออกไปดำน้ำแบบsnorkelกัน โดยเลือกเหมาเรือหางยาวจากร้านดำน้ำข้างรีสอร์ทของเราในราคาไม่แพงเลย ราคากลางของการเหมาเรือหางยาวติดบอร์ดที่ร้านกรมประมงจะอยู่ที่ 1600 บาทต่อวัน ราคาผิดกับวันแรกที่มาถึง ถามร้านไหนก็บอกว่า1800 ทั้งนั้นใครไประวังโดนโก่งราคานะครับ เราเลือกโปรแกรม 7 เกาะคือ หินซ้อน ลองกอย เกาะดง ราวี อาดัง หินงาม ร่องน้ำจาบัง วันนี้บรรยากาศมาคุเมฆมากแดดไม่มี จุดแรกคือหินซ้อน หินก้อนยักษ์ที่ซ้อนกันอย่างน่าประหลาดตามรูปข้างล่างนี้ กระแสน้ำแรงมาก ปะการังอ่อนน้ำใต้น้ำก็ยังสวยเหมือนเดิน จากหินซ้อนเราก็ไปดำน้ำกันต่อที่ เกาะลองกอยและเกาะดงไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่




จุดต่อไปที่ไม่ควรจะพลาดเลยคือเกาะราวี เราแวะจอดเรือกันที่หน้าหาดทรายขาวอันเป็นจุดที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน เราสามารถเอาเต็นท์มานอนที่นี้ได้นะครับ เค้ามีร้านอาหารและห้องน้ำให้แต่ไม่มีไฟฟ้า ที่ทำการอุทยานจะมีเจ้าจุ้น ลิงที่เค้าว่าติดเรือมาจากอินโด คอยต้อนรับเราอยู่ เค้าจะชอบกินของหวานมาก ถ้าเราช่วยหาเห็บให้เค้า เค้าจะนอนนิ่งเป็นลิงเชื่องดังในรูปเลย เจ้าหน้าที่บอกเราว่าไม่สามารถปล่อยเจ้าจุ้นเข้าป่าได้เพราะว่าจะโดนลิงซึ่งเป็นพันธุ์อื่นกัดเอาได้




ปะการังหน้าหาดทรายขาวยังสมบูรณ์มากๆเลยถึงแม้ว่าบางส่วนจะพังไปบ้างแล้ว ที่นี้เป็นแห่งที่2ที่ผมเจอปลาสิงโตจากการดำน้ำแบบผิวน้ำ(snorkel) อีกที่คือที่ช่องขาดเกาะสุรินทร์






ต่อจากนั้นเราก็ไปดำน้ำกันต่ออีก 3 จุด คือ เกาะอาดังด้านตรงข้ามกับเกาะราวี ด้านหลังเกาะหินงาม และที่สุดท้ายคือ ร่องน้ำจาบังซึ่งน้ำแรงสุดๆๆ แถมไม่มีแดดเลยถ่ายภาพแถบไม่ได้เลย ภาพข้างบนนี้คือภาพปลาที่พอจะถ่ายได้ทันตามที่ต่างๆ




กลับเข้าฝั่ง ก็เดินมาหาดพัทยาอีกครั้ง มื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้านวาริณ อาหารอร่อยใช้ได้ครับ




เช้าวันที่4 วันนี้ตามโปรแกรมจะต้องนั่งเล่นนอนเล่นที่ที่พักแต่เนื่องจากเมื่อวานเมฆเยอะแดดไม่มี แต่เช้าวันนี้เมฆแทบไม่มีเลย (รูปนี้ถ่ายตั้งแต่ หกโมง ตอนเจ็ดโมงกว่าเมฆไม่มีแล้ว) เราจึงตัดสินใจออกไปดำน้ำกันอีกครั้ง โดยไปเลือกไปแค่ 3 ที่highlightคือ หินซ้อน เกาะราวี และร่องน้ำจาบัง




จุดแรกที่แวะคือร่องน้ำจาบัง กระแสน้ำยังสงบอยู่แถมวันนี้มีแดดด้วย ปะการังอ่อนบนยอดหินใต้น้ำที่นี้ยังคงหน่าแน่นและสวยเหมือนทุกครั้งที่มา




เวลาดำน้ำดูปะการังต้องสังเกตุให้ดีๆนะครับ บางทีจะมีสัตว์กำลังพรางตัวอยู่ก็ได้ บนปะการังออ่นก่อนึงมีเจ้าปลาแมงป่องนอนนิ่งพรางตัวอยู่ ระวังให้ดีนะครับเจ้าตัวนี้มีเงี่ยงพิษด้วยนะ เพราะฉะนั้นเวลาดำน้ำอย่าไปโดนอะไรเป็นดีที่สุด จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังหินซ้อน เพียงไม่ถึง ชม กระแสน้ำที่สงบเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นแรงแบบต้องเกาะเชือกที่ผูกจากเรือ ไม่สารารถว่ายน้ำได้เลย



จุดต่อไปเป็นของแถมนอกเหนือโปรแกรม พี่ขับเรือใจดีพาเราไปเกาะผึ้ง อยู่ปลายเกาะดง (ถ้าจำไม่ผิด) เราลงดำน้ำกันที่หินทางขวาของรูป ถึงจุดนี้ปะการังอ่อนจะไม่หนาแน่นเท่าที่หินซ้อนหรือจาบัง แต่ที่นี้ดำน้ำง่ายกว่ามากเพราะมีหินโผล่พ้นน้ำช่วยบังกระแสน้ำได้ ที่นี่มีกัลปังหาสีชมพูสวยงามมาก




กลับมาที่เกาะราวีเป็นจุดสุดท้ายอีกรอบ วันนี้แดดดีกว่าเมื่อวานหน่อยนึง แถมมีเวลามากว่าด้วยเพราะเป็นจุดสุดท้ายแล้ว





ที่ทำการอุทยานบนเกาะราวีบรรยากาศร่มรื่น เรากินข้าวกลางวันกันที่นี้ ก่อนจะออกไปดำน้ำ




วิวระหว่างนั่งกินข้าวเที่ยง รูปมุมสุดฮิตที่ใครๆก็ต่างถ่ายมา




จากนั้นเราก็ลงไปดำน้ำกัน ที่นี้ปะการังข่อนค้างตื้น เพราะฉะนั้นระวังอย่าให้ขาไปเตะโดนปะการังนะครับ ใครว่ายน้ำไม่แข็ง ก็ควรจะไปเกาะเชือกที่เค้าทำไว้ ในรูปเจ้านีโม(ปลาการ์ตูนส้มขาว) 3 ตัวนี้ไม่อายกล้องเลย




เย็นวันสุดท้ายเราวางแผนจะกลับไปกินปลาเผาที่ร้านประมงอีกรอบปิดท้ายทริป พอเดินไปถึงร้านปรากฏว่าวันนี้ไม่มีปลาเลย เราจึงตัดสินใจเดินต่อไปที่หาดพัทยา เพิ่งรู้ว่ามีทางเดินตัดป่าจากตรงหาดกรมประมงไปที่พัทยาได้ระยะทางสั้นมาก เย็นนั้นเราจึงเดินรอบเกาะหลีเป๊ะครบทุกหาดเลย หนื่อยมากๆ เรากินร้านวาริณอีกรอบ เค้าก็ไม่มีปลาเป็นตัวๆขายเหมือนกัน เราจึงต้องจำใจต้องกินเจ้าปลากระทงร่มตัวนี้แทน เค้าคิดเป็นชิ้นๆ ชิ้นนี้ราคา 80 บาท เนื้ออร่อยสู้ปลาเก๋าไม่ได้เลย




เช้าวันสุดท้ายแล้วเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาหารเช้าของวันนี้คือร้านโรตีเจ้าดังกลางเกาะระหว่างทางไปหาดพัทยาโดยต้องเดินผ่านโรงเรียนประจำเกาะที่อยู่หาดที่เราพัก ในรูปคือสนามบาสหน้าโรงเรียน ช่างเป็นโรงเรียนที่น่าเรียนจิงๆ




ถึงแล้วร้านโรตี ที่ถ้าไม่ได้ไปกินถือว่ามาไม่ถึง หลีเป๊ะ เค้าสามารถสั่งโรตีหลายๆไส้ปนกันได้ ผมสั่งเม็ดมะม่วงช็อคโกแล็ค พร้อมกับสั่งบาเก็ตแฮมมาเป็นอาหารเช้า อร่อยสมชื่อ




กินเสร็จก็รีบตารีตาเหลือกกลับมาที่หาดที่เราพักเพราะใกล้เวลาเรืออกแล้ว เพื่อต่อเรือหางยาวไปที่เรือเฟอร์รี่ลำเดิมที่จอดอยู่หน้าหาดพัทยา ราคาค่าเรืออีกคนละ 40 บาท เรือออกประมาณ 10โมง ถึงท่าเรือปากบาราประมาณเที่ยง ถึงหาดใหญ่บาย 2 ต่อเครื่อง AirAsia กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2550 16:03:14 น.
Counter : 1521 Pageviews.  

หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์กลางทะเลอันดามัน ตอนที่ 1



เกาะหลีเป๊ะ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอาดัง ราวี ใต้สุดของไทยฝั่งทะเลอันดามัน เป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งใต้น้ำและบนบก ไปมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเบื่อเลย ผมไปอีกครั้งนึงในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 49





ผมออกจากกรุงเทพ เวลา 1 ทุ่ม ด้วยรถทัวร์ VIP 32 ที่มุ่งหน้าสู่หาดใหญ่
ใครจะจองรถทัวร์อย่าได้จองที่หลังบันไดตรงกลางรถนะครับ นั่งตรงนี้อึดอัดมากเพราะมันจะเหยียดขาไปเบาะข้างหน้าไม่ได้ ติดบันได
8 โมงเช้าของวันแรก เราก็มาถึงขนส่งหาดใหญ่ ต้องต่อรถไปที่ท่ารถตู้ไปท่าเรือปากบาราที่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ บังเอิญมีรถตู้หาดใหญ่ปากบาราผ่านมาทำธุระแถวขนส่ง เลยได้ติดรถไปฟรี ถึงท่ารถฝากของไว้แล้วก็เดินหาติมซัมกินเป็นอาหารเช้า เดินไปซัก 3 แยกไฟแดงก็มาเจอร้านนี้ อยู่ตรงข้ามโรงแรมอินเตอร์ อร่อยและถูกมาก ทุกเข่งแค่10บาท ที่นี่เค้าจะเอาทุกอย่างมาวางอลังการที่โต๊ะ กินเข่งไหนก็จ่ายเข่งนั้น เข่งที่ไม่กินก็คืนเค้าไป
กลับมาที่ท่ารถ รถตู้ไปสตูลจะมี2 สาย คือ หาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา และ หาดใหญ่-สตูล-ท่าเรือตำมะลัง สามารถต่อเรือไปเกาะหลีเป๊ะได้ทั้ง 2 ท่าเรือ แต่แนะนำให้ไป สายตำมะลังเพราะจะผ่านตัวเมืองสตูล คนจะเต็มเร็วกว่า แต่พวกเราจองตั๋วที่ท่าเรือปากบาราไว้แล้วเลยต้องรอนานหน่อย ค่ารถตู้คนละ 80 บาทครับ





นั่งรถมาประมาณ 2 ชม เราก็มาถึงท่าเรือปากบารา เรือสตูล 1 รอเราอยู่แล้ว ตามหมายกำหนดการเรือต้องออกประมาณ 11 โมง แต่เนื่องจากท่าเรือนี้มีเรือเข้าออกคับคั่งมาก เรือกว่าจะออกก็เลยไปเที่ยงครึ่ง ค่าเรือไปกลับคนละ 1000 ขาดตัว ใช้เวลา 2 ชม ถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ตั้ง 4 ชม อย่าลืมซื้อเสบียงไปกินบนเรือด้วยนะครับ ข้าวเหนียวไก่ย่างก็ง่ายดี




เรือวิ่งมาแค่ครึ่งชม เกาะตะรุเตาซึ่งเป็นทางผ่านไปเกาะหลีเป๊ะก็ตั้งตระง่านอยู่ข้างหน้า




เรือจะจอดด้านอ่าวพันเตมะละกาซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน ด้านหลังประภาคารคือท่าเรือ เรือของเราไม่เข้าเทียบท่า แต่จะมีเรือหางยาวมารับส่งคนแทน




นั่งเรือต่อมาอีกหน่อยก็ถึง เกาะไข่ เกาะที่มีสะพานหินธรรมชาติสวยงามมาก แต่ตอนไปมันย้อนแสงเลยถ่ายรูปไม่ได้ ถ้าเป็นเรือสมัยก่อนเค้าจะจอดให้เราลงไปถ่ายรูปที่เกาะได้ด้วย แต่เรือสมัยนี้ลำใหญ่ไม่สามารถจะเข้าไปจอดที่เกาะได้




ประมาณบ่ายสองครึ่งเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เกาะหลีเป๊ะ (เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 1 ทุ่มเมื่อวาน) ทะเลสีสวยข้างหน้าทำให้เราหายเหนื่อยจากการเดินทางเกือบ 19 ชม เป็นปลิดทิ้ง แต่การเดินทางยังไม่จบแค่นี้ เรือจะจอดกลางทะเลหน้าหาดพัทยา ทุกคนต้องนั่งเรือหางยาวเข้าเกาะอีกที ราคาตามระยะทางที่จะไป พวกผมต้องต่อเรือหางยาวไปอีกหาดด้านตรงข้ามกับเกาะอาดัง ค่าเรือคนละ 40 บาท




มาถึงอีกด้านของเกาะแล้วครับ เกาะเล็กๆที่เห็นในรูปคือเกาะกระอยู่หน้าหาดที่พักของเรา




ถึงแล้ว….ที่พักของเราต่อจากนี้อีก 4 คืน อันดามันรีสอร์ท ค่าห้องคืนละ 500 บาท เป็นห้องพัดลมสภาพพออยู่ได้ แต่วิวที่ระเบียงนี้ซิทำให้บังกะโลหลังนี้น่าพักขึ้นเป็นกองเลย เช็คราคาอาหารที่รีสอร์ทนี้ทำให้ผมเกือบเป็นลมเพราะอาหารจานเดียวจานละ 80 บาท ค่าอาหารทริปนี้จะบานไปเท่าไหร่เนี้ย




นั่งพักเล่นนอนเล่นที่ระเบียงจนถึงเย็น เราก็เดินตัดหมู่บ้านชาวประมง มาที่หาดพัทยาอีกครั้ง บรรยากาศที่หาดพัทยาจะพลุกพล่านกว่าหาดที่เราพัก แต่ก็สงบเมื่อเทียบกับเกาะอื่นๆ จุดเด่นของหาดนี้คือทรายที่ละเอียดเหมือนแป้งเลย เวลาเดินเท้าเปล่าแล้วจะนุ่มเท้ามากๆ




ร้านอาหารที่หาดพัทยาจะตั้งโต๊ะตรงชายหาดเลยบรรยากาศดีมากๆ เราเลือกนั่งร้านเกือบปลายสุดของหาด ราคาอาหารทำให้ผมโล่งใจขึ้น อาหารจานเดียวแค่ 50 บาทเอง เค้ามีปลาสดๆให้เราเลือกด้วย เย็นนั้นได้ทดลองกินปลามงเผา ผลปรากฏว่าเนื้อปลามงอร่อยสู้ปลาเก๋าไม่ได้ นิน่าราคาถึงถูกกว่า




วันที่2 ผมออกไปดำScuba ตั้งแต่เช้า ส่วนคนอื่นเลือกนอนเล่นที่รีสอร์ทเพราะ ดำScuba ไม่เป็นและยังเหนื่อยจากการเดินทาง ผมเลือกร้านดำน้ำข้างๆรีสอร์ทของเรา เนื่องจากอยากอุดหนุนคนไทย สำรวจมาหลายร้านมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น แถมเจ้าของร้านใจดีมาก มีผมคนเดียวในทริปแกก็ยังออกไปดำ วันนี้ผมได้ดำน้ำ2 dive แบบ VIP คือมีแต่ผมกับdiveleader เท่านั้น
Dive แรก เราลงกันข้างหินแพ หินโสโครกพ้นน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะหลีเป๊ะนั่งเรือไปประมาณครึ่งชมกว่าๆ ใต้น้ำเป็นปะการังแข็ง หลายหลากชนิด มีลอบร้าง (กรงดักปลาของชาวประมง)อยู่ 2 อัน เข้าไปดูลอบอันแรก ผมก็เจอเจ้านูดี้ (ทากเปลือย /Nudibranch) สีชมพูอ่อนหลายตัว กำลังจู๋จี๋กันอยู่ ธรรมดาจะพบเจ้านี้เยอะมากแถวเกาะพีพี แต่จะเป็นสีชมพูเข้ม






มาดูอีกลอบนึงก็เจอกับนูดี้อีกพันธุ์นึงกำลังไต่ไปตามตาข่ายบนลอบ มีอยู่หลายตัว




ช่วงพักระหว่างdive เรามากินข้าวกลางวันกันในหินแพ ไม่น่าเชื่อว่าหินโสโครกกลางน้ำแห่งนี้จะมีซอกเล็กๆให้เรือเข้าไปได้ ตรงกลางจะมีลานทรายกว้างใหญ่ให้เรานั่งเล่นกินข้าวได้ด้วย




Dive ที่สองเราลงกันที่ข้างเกาะดารัง(ถ้าจำชื่อไม่ผิด) เป็นเกาะเล็กๆไม่ไกลจากdive แรกเท่าไหร่ ภูมิประเทศคล้ายๆกัน คือเป็นปะการังแข๊ง แต่มีนูดี้มากมายหลายชนิด ดำมาสักพัก diveleader ก็เรียกให้ผมดูเจ้าฉลามเสือดาวยาวเกือบ 2 เมตร นอนหลับอุตุอยู่ที่พื้นทราย ย่องเข้าไปใกล้ได้แค่นี้เอง เค้าก็รู้สึกตัวว่ายหนีจากเราไปซะแล้ว




รวมภาพสัตว์บริเวณนี้มาให้ดู มีทั้งปลาสิงโต นูดี้อีกพันธุ์นึง คล้ายdiveที่แล้ว แต่ที่หนามเค้าจะมีสีน้ำเงินคาดด้วย และเจ้าปลาไหลมอเร่ตาขาวโผล่แต่หัวออกมาจากซอกหิน




ระหว่างทำ Safety stop (ทุกครั้งของการดำscuba ทุกคนจะต้องพักน้ำกันที่ความลึก 5 เมตร ประมาณ 3 นาที) มีแมงกะพรุนลอยผ่านมาพอดีเลยถ่ายรูปเก็บไว้




กลับมาที่หาดอีกครั้งเพิ่งบ่าย 2 เอง วันนี้ฟ้าใสมากๆๆ




จากนั้นเราก็เดินสำรวจบริเวณหาดที่เราพัก โดยเดินมาทางซ้ายของหาดเราก็มาพบกับ Mountain resort ตั้งอยู่บนหน้าผาริมเขา ที่นี่เค้าทำบันไดเดินจากหาดขึ้นไปได้ วิวข้างบนสวยมากๆเลย เกาะทางซ้ายคือเกาะอาดัง




ที่รีสอร์ทนี้เค้าทำซุ้มไว้นอนเล่นด้วย ดูบรรยากาศซะก่อนนอนเล่นทั้งวันก็ไม่เบื่อ




เกาะหลีเป๊ะจะมีชายหาดหลักๆอยู่ 3 หาดด้วยกัน หาดที่เราพักอยู่คือหาดพระอาทิตย์ขึ้น หาดพัทยา และหาดพระอาทิตย์ตกดิน วันนี้เราวางแผนไปหาดพระอาทิตย์ตกดินเพื่อไปกินอาหารเย็นกันที่ร้านของกรมประมง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยโดยการเดินย้อนกลับมาที่หมู่บ้านชาวประมงอีกครั้ง เพื่อเดินต่อไปที่หาดนี้ ร้านของกรมประมงอยู่ทางขวาสุดของหาด พวกเรารีบสั่งอาหารก่อนแล้วจึงไปถ่ายรูปเพราะรู้มาว่าอาหารที่นี้ช้ามาก เย็นนั้นเมฆเยอะเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำแต่บรรยากาศของที่นี้ก็ทำให้การรอคอยอาหารไม่น่าเบื่อเลย อาหารที่นี้ก็อร่อยสมคำล่ำลือแถมราคาถูกอีกต่างหาก ปลาเก๋าตัวเล็กย่าง ตัวแค่ 80บาท ถ้าเป็นหาดพัทยาต้องเกินร้อยนึงแน่นอน ตอนเดินกลับซึ่งมืดแล้ว (อย่าลืมเอาไฟฉายไปด้วยนะครับ) เราเพิ่งรู้ว่าสามารถเดินตัดจาก Mountain Rerost มาที่หาดของเราได้โดยไม่ต้องอ้อมผ่านหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่กลางเกาะ ย่นระยะทางไปมากโข แต่ต้องอาศัยหน้าด้านเดินตัดร้านอาหารของรีสอร์ทเค้าเท่าันั้นเอง


ติดตามต่อภาคจบเร็วๆนี้




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2550 15:58:46 น.
Counter : 1623 Pageviews.  


Charmless man
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Charmless man's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.