ฮ่องกง (ประเทศจีน)

การเดินทางขึ้นเครื่องบินครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่นักใจเท่าไหร่เพราะเคยมีประสบการณ์ขึ้นเครื่องมาแล้ว
แต่ปัญหาอยู่ที่ตรงการเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมินี่นะสิ
เลยตัดสินใจ ...แท็กซี่........สนามบินสุวรรณภูมิ...จบ

เครื่องบินดีเล เมื่อก่อนไม่รู้ว่าดีเล แปลว่าอะไรว่ะ อ๋อเครื่องบินมาช้ากว่ากำหนดนี่เอง
อืมเพิ่งรู้วันนี้ "ไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ ไม่เจอกับตัวคงโง่ไปอีกนาน"
ก็ไม่นานเท่าไหร่แค่ 2 ชั่วโมงเอง แต่ก็ได้คูปองกินอาหารฟรี 300 บาท
โหได้คืนตั้งเยอะกินอะไรดีนะคิดไว้คิดไว้ และก็ไปในที่ที่ระบุในคูปองว่าทานได้ที่ไหน
ไอ้ที่คิดไว้เนี่ยลืมไปได้เลยแค่ข้าวจานเดียวก็ปาได้ตั้ง 200 บาทขึ้นไปแล้ว น้ำส้มแก้วละ 100 บาท ซูซิคำละ 80 บาท OH ON ขนาดประเทศไทยนะเนี่ย ชีวิตหนอชีวิต








ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนี้เป็นสนามบินแห่งใหม่ของฮ่องกง
สนามบิน Chek Lap Kok
และก็นั่งรถข้ามฝั่งมาฝั่ง Kowloon
มายังโรงแรมจำชื่อโรงแรมไม่ได้รู้แต่ว่าอยู่แถว ถนน Nathan




เมื่อเก็บสัมภาระที่โรงแรมแล้วก็ไปช๊อปปิ้ง
ย่านถนน Nathan ทะลุไปทั่วไม่รู้ตรงไหนเป็นตรงไหนไม่ได้มองป้ายเลยมองแต่ร้านค้า ช๊อปกระจาย ต่อกระเจิง



ทายสิ รถอะไรเอ่ย
รถไอติมไง ว่าแล้วก็ต้องชิมกันสักหน่อย ไอศรีมโคนอันละ 6 เหรียญฮ่องกง = 30 บาทนั่นเอง อร่อยมาก รสนมนุ่มลิ้น



กินไอติมแล้วมันไม่อิ่มนี่นา ก็เลยต้องกินบะหมี่อีกถ้วย 25 เหรียญฮ่องกง = 125 บาท/ชาม
แต่ขอบอกว่ากินไม่หมด ต้องแบ่งครึ่งเพราะชามมันใหญ่มากก็เลยต้องลงแชร์กัน
จ่ายแค่ 12 เหรียญฮ่องกง = 60 บาท

และแล้วก็เข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เวลาที่ฮ่องกงจะเร็วกว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมง
..............



ตื่นขึ้นมาก็หิวอีกหาอะไรกินดีกว่า ร้านอาหารอยู่ในซอยข้าง ๆ โรงแรมที่พักมีหลายร้านพอดีเห็นพรรคพวกนั่งอยู่ในร้านนี้เยอะก็เลยเข้าไปดู
ลืมบอกไปการเดินทางครั้งไปประมาณ 50- 60 คนมั้ง นักศึกษากับอาจารย์และเจ้าหน้าที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ติดตาม
เราเป็นอะไรเหรอ เป็นเจ้าหน้าที่ค่ะ
กิน กิน กิน อย่าพูดมาก



น่ากินมั้ย โจ๊กไง ไม่มีเมนูให้ดูได้แต่มองโต๊ะข้าง ๆ แล้วก็ชี้ให้เค้าดูว่าเราจะเอาอย่างนั้นหน่ะ ที่เค้ากินกันอยู่หน่ะ เค้าก็เอามาให้
โจ๊กชามละ 10 เหรียญฮ่องกง = 50 บาท



ว่าแล้วก็สั่งมาอีก ทั้งปาท่องโก๊ น้ำเต้าหู และก็แซนวิช ส่วนบะหมี่นั่นพรรคพวกอิ่มแล้วกำลังจะกลับโรงแรมเลยยกให้ ของฟรีชอบ

***************

การเดินทางได้เริ่มขึ้นเนื่องจากการมาครั้งนี้เป็นการมาทัศนศึกษาของเด็กสถาปัตย์
เราก็ต้องพาไปดู ตึก อาคารสถานที่ กันซะหน่อย ว่าแล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อมายังพิพิธภัณฑ์ (สถานีใกล้จากที่พักมากไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงสถานี)ค่ารถไฟประมาณ 4-5 เหรียญฮ่องกง 2-3 สถานี





มาถึงแล้ว




ขึ้นบันได้เลื่อน

ข้างในนี้จะมีหลายชั้นประมาณ 3-4 ชั้นมั้ง จำไม่ได้
แต่ละชั้นก็จะแสดงงานต่างกันออกไป
ชั้น 2 เนี่ยจะเป็นภาพวาด เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยอด มีภาพสวย ๆ เยอะเลย มีทั้งภาพเก่าและภาพใหม่



ี้จะมีกระดาษไว้ให้เขียนแล้วแต่เราจะเขียน ได้สารภาพรักกับหนุ่มก็คราวนี้แหละI LOVE หนุ่ม HONGKONG









ห้องตัวหนังสือวิ่งตาม (ตั้งชื่อเอง)จริง ๆ แล้วไม่ได้ชื่อนี้
ถ้าเราเคลื่อนไหวจะมีตัวหนังสือวิ่งตาม technology แจ่ม ๆ



นี่ก็คือห้องมึนงง ก็มันสีเดียวกันหมดเลย มองแล้วก็งง งง ก็เลยเรียกมันหยั่งงี้

******** ออกเดินทางต่อ ********


ตอนนี้เราก็เดินมาถึง Avenue of Stars
เส้นทางนี้ทำให้เราสัมผัสกับดาราดัง เช่น





รูปปั้น BRUCE LEE



๋ประทับมือกับ เฉินหลง หรือ JACKIE CHAN



หรือจะเลือกประทับมือกับ JET LI



หรือจะเลือก LEUNG CHIU WAI ,TONY



พร้อมถ่ายรูปวิวสวย ๆ ของอีกฟากฝั่ง ซึ่งเป็นฝั่งที่เราจะต้องข้ามไปโดยเรือ

เห็นอาคารที่มีหลังคานั่นมั้ยค่ะ
หลังคาตรงนี้แหละค่ะที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง วิ่งสู้ฟัด 5 หรือ New Police Story ที่เฉินหลงกับแดเนียล วู ต่อสู้่กัน วิ่งกันสนั่น



ดูชัด ๆ




ภาพข้างบนสังเกตุด้านซ้ายนะค่ะ ตึกที่สูง ๆ ค่ะ เป็นตึกที่สูงที่สุดใน HONGKONG
ชื่ออาคาร Two International Finance Center
Hong Kong, China

เป็นสาขา 2 นะค่ะ สาขาแรกก็อยู่ข้างกัน ๆ รูปร่างเหมือนกัน แต่เตี้ยกว่า ขวามือนั่นไงค่ะ
นั่นแหละ สาขา 1



กำลังจะไปขึ้นเรือเพื่อไปฝั่งนู้นก็ผ่านหอนาฬิำกาดูเวลา แต่ไม่ทราบประวัติของมัน





ข้ามฝั่งมาแล้วค่ะ
เดิมออกมาจากท่าเรือก็จะเจอตึกที่สูงที่สุดในฮ่องกง ข้าง ๆ นั่นไงค่ะ สาขา 1



นี่เป็นอาคารของ LIPPO ตึกที่มีรูปร่างแปลกที่เด็ก+อาจารย์สถาปัตย์ ให้ความสนใจกันมาก






เห็นตึกนี่มั้ยค่ะ สุดยอดของฮวงจุ้ย เลยนะค่ะเนี่ย
ตึกที่เป็นเลข 8 และมีดาบปลายแหลมบนตึก
ดาบนี่แหละค่ะที่ทำให้เกิดศึกฮวงจุ้ย ฟ้องร้องกันแหลกราน
ตึกนี้เป็นตึกของธนาคารถ้าจำไม่ผิดของธนาคารจีนมั้งค่ะ
ตัวตึกหันหน้าเข้าหาธนาคารของฮ่องกง ซึ่งธนาคารฮ่องกงเชื่อว่ามีดที่อยู่บนตึกคอยทิ่มแทงจึงฟ้องร้องกันแหลกราน
และแก้ไขโดย......................... ชมภาพต่อไปแล้วจะรู้คำตอบ



การแก้เคล็ดก็คือการสร้างสิ่งที่เหมือนปืนใหญ่ หันปากกระบอกปืนไปทางตึกของธนาคารจีน (ปืนใหญ่อยู่มุมซ้ายบนสุดค่ะ)

สุดยอด คิดได้ไงเนี่ย
ตึกของ HSBC ยังมีประวัติที่น่าสนใจอีกนะค่ะ

ในอดีตตึกนี้เคยเป็นตึกที่มีราคาแพงที่สุดในโลก (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
สถาปนิกเป็นชาวต่างชาติ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นชาวอังกฤษนะค่ะ
ซึ่งสถาปนิกคนนี้ออกแบบ โดยให้ก่อสร้างโดยวัสดุพิเศษซึ่งต้องนำเข้าจากประเทศอังกฤษค่ะ
ทำให้สถาปนิกคนนี้กลายเป็นท่านเซ่อร์ไปเลยเพราะนำรายได้ให้ประเทศพี่แกอื้อซ่าเลย คนไทยน่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะค่ะเนี่ย

ความน่าอัศจรรย์ของตึกนี้อีกอย่างคือ สามารถย้ายชิ้นส่วนได้เมื่อเกิดสงคราม
สถาปนิกคนนี้อัจฉริยะจริง ๆ นับถือ

ตกเย็นไปขึ้น Victoria peak กันดีกว่า



นี่ไงรถที่จะพาเราขึ้นไปบน Victoria peak
ทางขึ้นชันมาก มีบางช่วงชันถึง 45 องศา เลยหล่ะ



เป็นจุดชมวิวที่ได้บรรยากาศมาก (ก็แน่หล่ะสิเพราะเป็นจุดที่สูงที่สุดบนเกาะฮ่องกงนี่จะไม่สวยได้ไง) อากาศบนนั้นหนาวประมาณ 15 องศาเซลเซียส หนาวมากใครไม่ใส่เสื้อแขนยาวขึ้นไปจะชมวิวได้นิดหน่อยก็ต้องกลับเข้าไปข้างในเพราะมันหนาวจริง ๆ




ีที่ดินบน Victoria peak แพงมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่จะอยู่ที่นี่ได้ก็คือ เศรษฐีเท่านั้น
ดาราฮ่องกงจะอยู่ที่นี่กันส่วนมาก





พอลงมาจาก Victoria peak ก็ได้เวลาดูแสงสีแสง กับ ซิมโฟนี ออฟ ไลท์













หลังจากที่ชม ซิมโฟนี ออฟ ไลท์ เสร็จแล้วก็พากันเดินช๊อปปิ้ง และก็เข้านอนจ้า

เช้าวันต่อมา ไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิมกัน





บริเวณรอบวัดจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะมากมาย



ว่ากันว่าใครเดินข้าม 1 รอบ ก็จะทำให้อายุยืน 10 ปี แล้วถ้าข้าม 10 รอบหล่ะ WOW







ไปไหว้พระใหญ่ที่เกาะวัดเตา พระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พระพุทธรูปสำริดสูง 24 เมตร น้ำหนักกว่า 200 ตัน) ทัวร์ฮ่องกงณ วัด โปวลิน



ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ข้ามเขา 6-7 ลูก เอง


ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นเหล็ก




ยังกับอยู่สวนสนุกแน่ะ ขึ้น และ ก็ลง ขึ้น และ ก็ลง



มองเห็นพระแล้ว

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2550		6 comments
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 18:28:12 น.
Counter : 4805 Pageviews.
Share Tweet