คุณพ่อ คุณแม่หลายท่านที่เลี้ยงสุนัขตั้งแต่ ตอนที่ยังไม่แต่งงาน และเลี้ยงน้องหมาให้กิน นอนในบ้านมาตลอด จนกระทั่งมาตอนนี้เริ่มจะมีลูกน้อยตัวเล็กๆ เป็นของตัวเอง คงเริ่มกังวล และมีเสียงเตือนจากหลายๆคน (บางครั้งก็มาจากคนใกล้ตัวเนี้ยแระ) บอกว่าให้เอาน้องหมาออกไปเลี้ยงที่อื่นซะ เพราะขนน้องหมาจะทำให้ลูกน้อยเป็นโรคภูมิแพ้ ได้ (และอาจโดนคำถามเด็ดทิ้งท้ายเสมอๆ ว่า รักหมา แล้วไม่รักลูกเหรอ ผมเองจะจิ๊ดทุกครั้งที่ได้ยินคำถามนี้ รักลูกครับ แต่รักลูกแล้วรักหมาด้วยไม่ได้รึไงฟะ)เอาละสิที่นี่จะทำอย่างไรล่ะ แบบว่ารักสุนัขก็รัก แต่ก็รักลูกมากเช่นเดียวกัน แต่ก็คงรักลูกมากกว่าน้องหมาอยู่แล้วล่ะ ลูกเราทั้งคน แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของน้องหมาด้วย ที่เขาเกิดมามีขนเยอะๆ ต้องทำอย่างไรจึงจะให้น้องหมากับลูกน้อยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขทั้ง 2 ฝ่าย แต่.........ช้าก่อน รู้เปล่าครับว่าการเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านเป็นการลดความเสี่ยงการเป็นโรคภูมิแพ้ของลูกได้นะ เพราะผลจากการศึกษาเป็นเวลา 6 ปี ของนายโจอาคิม เฮนริช จากศูนย์วิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมของสุขภาพ ประเทศเยอรมนี ได้มีการสำรวจเก็บข้อมูลจากครอบครัวของเด็กจำนวน 9,000 คน ด้วยการให้พ่อแม่ตอบคำถามอาการของโรคภูมิแพ้ในเด็กตั้งแต่เกิดจนถึง 6 ขวบ และคณะผู้ทำการทดลองได้นำตัวอย่างเลือดของเด็ก 3,000 คนมาตรวจหาแอนติบอดี หรือสารต่อต้านเชื้อโรคในร่างกายไปจนถึงสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ด้วยพบว่า ภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ที่ร่วมชายคาเดียวกับสุนัขจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น ภูมิคุ้มกันโรคหอบหืด โรคเรื้อนและโรคภูมิแพ้อากาศ และพบว่าเด็กที่ชอบเล่นกับสุนัขบ่อยๆ โดยไม่ได้เลี้ยงสุนัขไว้ที่บ้านของตัวเอง ไม่ได้มีการพัฒนาการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกันอย่างเช่นเด็กที่อยู่บ้านเลี้ยงสุนัข เห็นไหมล่ะครับ การเลี้ยงน้องหมาร่วมกับลูกน้อยไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดนั้นซะหน่อยใช่ไหมครับและ....ถ้าคิดจะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยให้สบายใจ ผมมี 5 เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ มือใหม่ต้องเข้มงวด 1. ยาถ่ายพยาธิ ต้องให้เป็นประจําทุกเดือน เพราะพยาธิในน้องหมาสามารถอยู่ในคนได้ ถ้ามีสนามหญ้าหน้าบ้านหลังบ้าน เวลาหมาอึต้องตามเก็บให้หมด เพราะลูกเราก้อวิ่งเล่นเท้าเปล่าบนสนามหญ้านั้นเหมือนกัน2. ยากําจัดเห็บหมัด ต้องให้เป็นประจํา เพราะเห็บเป็นสัตว์ที่อยู่ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง สามารถข้ามจากน้องหมามาเกาะคนได้ 3. หมั่นอาบน้ำ ทำความสะอาดตัวน้องหมาบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนังและภูมิแพ้ผิวหนัง บอกว่า ความเข้าใจที่ว่าโรคภูมิแพ้เกิดจากขนสุนัขนั้นผิด ที่จริงแล้ว สิ่งที่ก่อให้เกิดอาการการแพ้คือโปรตีนที่อยู่ตามผิวหนังกับน้ำลายของสุนัข ส่วนสาเหตที่เรามักคิดว่าขนหมาเป็นตัวก่อเหตนั้นเพราะเกิดจากเวลาสุนัขหรือแมวเลียขน ทำให้น้ำลายไปติดที่ขน ถ้ามีการรักษาความสะอาจอยู่อย่างสม่ำเสมอโอกาสที่จะเกิดอาการภูมิแพ้นั้นน้อยมาก4. บางคนก็กลัวว่าขนน้องหมาจะเข้าจมูกลูกน้อยได้ เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะว่าขนหมา ขนแมวจะไปเข้าจมูกได้ขนาดนั้น จมูกเรามีขนจมูกและกลไกป้องกัน ถ้าเข้าไปก็ต้องจามออกมาแล้ว เราเพียงแค่คอยทำความสะอาจขนน้องหมาที่ตกอยู่ที่พื้น และตามที่กรง หรือที่นอนประจำก็เพียงพอแล้ว5. ไม่ควรให้สุนัขเข้าห้องนอนที่ทารกนอนเป็นประจำ เพราะเด็กยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะพวก เห็บ หมัด ไร ฝุ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้ หาที่เหมาะๆ วางกรงหรือบ้านสุนัข แล้วหัดให้สุนัขนอนให้บ้านของเขานอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีกด้วยนะครับว่าการให้เด็กมีสัตว์เลี้ยงจะทำให้เค้ามีระดับ EQ ที่สูงด้วย ทำให้เค้าได้เรียนรู้ที่จะดูแลสัตว์ การเป็นเจ้าของ (<--เป็นการเรียนรู้เรื่องการrespectผู้อื่น) การเรียนรู้ที่จะเผื่อแผ่คนอื่น และสุดท้ายเมื่อสัตว์เลี้ยงได้ตายจากไป เค้าก็จะได้เรียนรู้เรื่องความสูญเสีย ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิดก็มีดับ Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2553 Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 22:26:56 น. 2 comments Counter : 8089 Pageviews. ShareTweet
จริงเหรอนี่ แต่พออ่านแล้ว อ้อ.. มันมีข้อจำกัดอย่างนี้นี่เอง