วันที่ห้า : ปางอุ๋งแบบเต็มๆ

วันนี้ขอมาอัพไคลแมกซ์ของงานครับ
ปางอุ๋งแบบเต็มๆทั้งวัน
และข้อมูลการท่องเที่ยวครับ
Guest House ที่นั่นเดี๋ยวนี้มีเยอะมาก
อย่าแห่กันไปลุงปาละที่เดียวล่ะครับ
ช่วยกันกระจายรายได้ ^_^

มาดูความหนาวของเช้าวันนี้กันก่อนเลยจ๊ะ


หลังจากแหกตาตื่นมา ตาลีตาเหลือกไปถ่ายรูปทันที อิอิ






ขาเดินกลับที่พัก แวะถ่ายรูปเบอร์โทรของบ้านอื่นๆไว้ครับ เผื่อครั้งหน้าไป ไม่ง้อลุงฯ แล้ว กรั่กๆๆ
(1)

(2)

(3)

(4)

(5)

(6)

(7)

(8)

(9)

(10)

(11) สุดท้าย..... ที่พักของเราเมื่อคืนนี้เอง


เต้นของเราสองเมื่อคืน...... เพราะบ้านพักของเราลุงดันยกให้คนอื่นซะงั้น


เช้าแล้วก็ย้ายเข้าบ้านที่จองไว้คืนนี้....... จริงๆ ไอ้คนที่ลุงเอามาเสียบแทนเรา เค้าก็ไม่มาเมื่อคืน
สรุปคือบ้านหลังนี้ว่างฟรีๆเมื่อคืน
ในขณะที่เราสองคนต้องมานอนเต้นข้างบ้าน


พอปฏิบัติภาระกิจเสร็จ เราก็ขับรถออกกันมาเลยจ้า
หาข้าวเช้าหม่ำกันที่นี่เล๊ยยย


บรรยากาศดีทีเดียว ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าถ่ายที่ชายหาด 555



พอหันกล้องเข้าร้านเท่านั้นแหละ..... คนแสนแปด


อาหารแนะนำของเราวันนี้ เมนูที่1 - ขาหมูยูนาน ใครไม่ได้ทาน มาไม่ถึงปางอุ๋งนะเออ



เมนูที่สอง ถ้าจำชื่อไม่ผิด รู้สึกจะเป็นยำยอดใบชาสดๆ อร่อยใช้ได้ไม่เหม็นเขียว


หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นกันอีกนิดๆหน่อยๆ ย่อยอาหาร



จริงๆมีแพลนจะไปอ่างเก็บน้ำแม่สะงา+น้ำตกแม่สะงากลาง+น้ำตกผาเสื่อ
แต่สุดท้ายได้ไปแค่น้ำตกผาเสื่อ แถมไม่ค่อยมีน้ำอีก จ๊อดไม่ปลื้มเลยล่ะซาร่า ฉะนั้นไม่มีรูป 555

เราไปต่อกันช่วงบ่ายที่ พระตำหนักปาตองดีกว่า


ตัวอย่างที่ดีของคนไทยตลอดกาล.....


จ๊ากกกก แควนป๋มกะกะกะกลายเป็นแกะแว้วววววววววววว


แต่ก็ดูจะกอดอุ่นกว่าเมื่อก่อนนะ 555


เจ้าชายขี่ม้าขาวมาแล้วววว (ช่วงนี้งานไม่เข้า กินมากไปหน่อย )


เจ้าตัวนี้ ดูน่ากอดนุ่มสุด แต่เชื้อโรคเต็มตัวแหงๆ


หลังจากนั้น เราก็มาภูโคลนกัน..... ตอนแรกคิดว่าคงจะเป็นแบบออนเซน แช่น้ำแร่ ไรงี้ (จินตนาการสูงจริงๆ ) แต่แล้วไม่ใช่ เค้าเอาโคลนมาพอกหน้ากัน เลยขอผ่าน


ที่สำหรับนั่งผึ่งหน้าให้แห้ง


ของฝากกลับบ้าน (ไปใช้เอง )
เรียงจากซ้ายสุด รู้สึกจะเป็นน้ำแร่ฉีดหน้า(ของแฟน) กลางเป็นโคลนผงไปผสมพอกหน้า(ของแฟน) ส่วนขวาสุดเป็นโลชั่นทาตัว(ของคนขับรถเอง ^^) ของบอกว่าโลชั่นดีมากๆ ถ้าคนที่ใช้โลชั่นอยู่แล้วไม่ควรพลาดเลย ของเค้าดีจริงๆ อย่างกว่ามันแพงแล้วซื้อมาขวดเดียว เพราะใช้ติดใจ กลับมา กทม. แล้วมันไม่มีที่ใ้ห้ซื้อ


โพสจนเหนื่อย ตัดจบเลยแล้วกัน ปางอุ๋งยามเย็น


หนึ่งพันกิโลเมตร กว่าสามพันโค้ง 8 วัน 7 คืน กับผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ยอมไว้ใจฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ขับรถมานานเกือบสองปี....
มีทั้งความสุข สนุก เศร้า โกรธ แต่ทุกครั้งมันก็ทำให้เรารักกันมากขึ้น
ขอบคุณประเทศไทย (คิดนานนะ ประโยคจบเนี่ย )


วันรุ่งขึ้นเราก็ขับรถกลับเชียงใหม่ ซื้อสตอเบอรี่ และของฝากต่างๆครับ
ผ่านทางหลวงหมายเลข 1095 - 107 ระยะทางประมาณ 155 กิโล

ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าครับพ๊ม

----- จบบริบูรณ์เจ้า -----




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552   
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 22:32:39 น.   
Counter : 1088 Pageviews.  


วันที่สี่ : ปาย-ปางอุ๋ง กับเส้นทางแสนโหดที่คุ้นเคย

หลังจากที่ไม่ได้ review มานาน เรียกว่าดองกันเป็นเดือนๆทีเดียวเชียว อิอิ
มาต่อวันที่สี่กันครับ
ตื่นเช้ามาที่ปายภูฟ้า
อย่างแรกที่ทำ...... กอดคนข้างๆ เอ๊ยไม่ช่ายยย มาวัดอุณหภูมิกัน

มีคนมากางเต้นที่หน้าบ้านด้วย -*-

ฝั่งตรงข้ามก็มีคนมากางเต้นนะ ท่าทางจะหนาวน่าดูเลยล่ะ เป็นทุ่งนาโล่งๆ

หันมาดูอาหารเช้า(ฟรี) ของเรากันดีกว่า

ที่ทานอาหารแบบ open เป็นกันเอง


พอท้องอิ่ม เราก็เที่ยวกันทันที
วัดพระธาตุแม่เย็น




วนเที่ยวรอบปายครั้งสุดท้าย




ขับผ่านทางหลวง 1095 ประมาณ 80 กิโลเมตร
ทางคุ้นมาก เพราะขับผ่านมาแล้ว 1 รอบ 555
ปวด......แวะจุดพักก่อนนะ อิอิ


มีการแสดงของชาวเขาด้วย


แวะถ้ำตามทาง ถ้ำแรก ถ้ำน้ำลอด


ขอบอกว่าทางแคบ+ยาว ขับรถลำบาก
แต่เราก็เดินเข้ามาได้แค่นี้ เพราะคิวที่จะเข้าไปในถ้ำนั้น ยาวววมาก คงรอไม่ไหว ไม่งั้นถึงปางอุ๋งดึกแน่ๆ



ขับรถต่อมาด้วยความเซ็งนิดๆ มาเจอถ้ำที่สอง ถ้ำผีแมน อยู่ระหว่างทาง แวะซักหน่อย

ซื้อตั๋วผ่านทางเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินขึ้น ปรากฏว่าอาเจ๊แกบอก จะไม่ขึ้น รออยู่ข้างล่างแล้วกัน! อ้าว.....ก็มากันสองคน จะไม่ขึ้นก็ไม่บอกแต่แรก...ซื้อบัตรมาแล้ว แล้วจะให้ขึ้นไปคนเดียวหรอ
สรุปคือได้ภาพมาแค่นี้ล่ะเน้อ พร้อมด้วยอารมณ์หงุดหงิด


ขับรถต่อไปด้วยบรรยากาศมาคุตลอดทาง
ใกล้ถึงทางเข้าปางอุ๋งแว้ววว เรามาแวะถ้ำสุดท้ายกันก่อน ถ้ำปลา

มีตู้ไปรษร๊ย์กับเค้าด้วยขอบอก ไอเดียยอดฮิตจริงๆช่วงนี้

มีคนมากางเต้นด้วย

โพรงนี้แหละจุดขายของเค้า 555 มาดูตรงนี้เสร็จก็กลับได้
ขอบอกว่าปลาที่นี่หยิ่งมากๆ เลือกอาหารสุดๆ อาหารปลาไม่กิน ขนมปังไม่กิน


เอาละจ้า เรามาถึงปางอุ๋งกันแย้วววว
ต่อแถวยาวมากกกก ตั้งแต่ทางเข้า รถแน่นมากๆ ที่จอดรถก็แทบไม่พอ
เราพักบ้านลุงปาละหน้าหมู่บ้าน แต่ต้องมาจอดรถที่เนินเขาหลังหมู่บ้านแทน

มาถึงขอถ่ายวิวก่อนเลย เดี๋ยวจะมืด

คนกางเต้นแสนแปด


มาถึงตรงนี้..... จุดเปลี่ยนเลย
บ้านลุงปาละที่เราจองไว้ มีคนมาพักแล้ว....
อ้าว...! ก็จองไว้แล้วนี่นา โทร confirm กันก็หลายรอบ เงินก็โอนให้หมดแล้ว
บอกว่าลุงอ่านหนังสือไม่ออก เลยยกบ้านเราให้คนอื่นไปแล้วซะงั้นอ่ะ
โมโหมากๆ แทบจะกัดหัวเจ้าหน้าที่
ต้องมาพักเต้นแบบนี้

ทั้งที่จริง เราด้องได้บ้านนี้แท้ๆ


และแล้วคืนนี้ก็จบด้วยการนอนเต้น
แต่ก็อบอุ่นดี เป็นการนอนเต้นครั้งแรกของเราสองคน อิอิ

เดี๋ยวมาต่อจ้า วันที่ห้า : ปางอุ๋งแบบเต็มๆ




 

Create Date : 13 เมษายน 2552   
Last Update : 14 เมษายน 2552 0:05:44 น.   
Counter : 896 Pageviews.  


วันที่สาม : แม่ฮ่องสอน-ปาย กับเส้นทางแห่งความทรงจำ

มาต่อกันครับ หลังจาก review ที่แล้ว เรายังอยู่กันที่แม่อ่องสอน
พอรุ่งเช้า เรารีบ check out ครับ แวะไปถ่ายรูปที่นี่ครับ
เป็นวัดที่อยู่ตรงถนนคนเดิน ของเมื่อคือนที่ผ่านมานั่นเอง


มีทะเลหมอกนิดหน่อย ด้านบนของบึงด้านหน้า



หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้าวเช้าทานกันครับ
ไปเจอร้านนี้ คนเยอะมั่กๆ เลยต้องแวะลองซักหน่อย


รสชาติโอเคเลยทีเดียวครับ
นี่คือข้าวเช้าของเราสองคน



หลังจากนั้นเราก็ขับหาปั๊มไปมา (หลงนั่นเอง ) เพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถึงก่อนเริ่มเดินทางอีกครั้งครับ

เอ๊าไปกันเล๊ยยย
.
.
.
ว่าแล้วเราก็มาถึงปายกันอย่างรวดเร็ว ผ่านทางหลวงหมายเลข 1095 ระยะทางประมาณ 111 กิโลเมตร คดเคี้ยวค่อนข้างมาก แต่ถนนไม่ค่อยแคบ ถือว่าความยากระดับ 3/5 ครับ

พอมาถึงเมืองปาย ก๋หลงอีกตามเคย ขับหาที่พักของเราครับ ปายภูฟ้า ที่ได้โทรจองไว้ก่อนแล้ว หลงไปหลงมาจนเจอน่ะแหละ 555


ตอนแรกที่จองไว้ นึกว่าจะเป็นบ้านแบบนี้ครับ


เพราะเราสองคนไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องที่พัก ขอให้นอนได้ มีน้ำอาบ(ถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยจะดีมั่กๆ ) แต่พอเอาเข้าจริง ได้แบบนี้มาครับ ไม่ต้องเพิ่มเงินด้วย


ภายในบ้านพัก


ห้องน้ำมาน้ำอุ่น และเป็นห้องกึ่ง open ฉะนั้น อาบน้ำตอนเช้ากับกลางคืนจะหนาวววว ได้ใจเลยล่ะ

พอได้บ้านพักแล้ว เราก็ขับรถออกมาที่ตัวเมืองครับ หาของกินตามระเบียบ
มาจบที่ผัดไทยเจ้านี้


และขนมข้าวปุก (พึ่งเคยได้ยินชื่อครั้งแรกนี่แหละ) ฝั่นตรงข้ามถนน

หน้าตามันก็คือ เอาข้าวเหนียวดำมาปิ้งๆ โรยน้ำตาล และนมข้นหวาน+งา นั่นเอง
รสชาติโอเคอีกเช่นกัน (ลิ้นจระเข้นิเรา )


ต่อไปก็ขับรถมาที่ร้านยอดฮิต คงไม่ต้องบอกชื่อ


คนแสนแปดจริงๆ ก็ช่วงปีใหม่นี่เนอะ






กาแฟคนต่อแถวยาวเหยียด


มีเค้กขายด้วย




มีม้าถูกผูกอยู่ด้วย


มุมยอดฮิต





พอขับเลยมาเราก็เจอ สะพานประวัติศาสตร์





ใกล้ๆมีคนกำลังต่อแพอยู่ สงสัยมาล่องแพกัน


กลับมาดูที่สะพานกันเรื่อยๆจ้า รูปเยอะไปหน่อย นี่คัดออกไปกว่า 80% แล้วนะ






รถต่อกันยาวเหยียดขนาดนี้ ดูเอาละกัน


หลังจากนั้น เราก็มาต่อกันที่โป่งน้ำร้อน


ทางเข้าความยากระดับ 3/5 เพราะถนนมันแคบพอควร
พอเริ่มเดินเข้ามา ก็มีไข่ขายข้างหน้าเลย อิอิ เราก็จัดการสอนมา 4 ฟอง
แล้วก็เดินเข้าไป
เริ่มจะเห็นควันฉุยๆ และกลิ่นไข่ต้ม(+ไข่เน่า)ลอยมา


ของเค้าร้อนจริงๆนะเออ


ต้มไข่กันเพลินเลย ซึ่งในน้ำนั่นก็มีทั้งเศษไข่ ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอยู่ ไข่ที่มีคนทำแตก และไข่ที่พึ่งถูกต้มใหม่ ทำไมไม่ทำความสะอาดให้ดูดีหน่อยนะ


ยังดีที่บ่อข้างๆเค้ากันไว้ไม่ให้ต้มไข่ เลยยังเหลือสภาพที่ดีอยู่






เสร็จจากบ่อน้ำร้อน เราก็ขับมาต่อกันที่วัดน้ำฮู
และนี่แหละ! จุดเริ่มต้นของเรื่องที่คาดไม่ถึง


หลังจากถ่ายภาพข้างหลังนี้ได้สามสี่วิ กล้องดิจิตอลตัวโปรดหลุดมือ ตกบันไดไปจนถึงขั้นล่างสุดเลย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า งานเข้าแล้วตรู ยังเหลืออีกสามวัน จะไปหาซื้อกล้องที่ไหนเนี่ย!


แต่ยังโชคดีที่ของเค้าทน 555 กล้องเยินหมดสี่มุม แบตหลุดกระจาย แต่เอามาประกอบแล้วยังใช้ได้ เลยใช้ๆไปก่อน กลับ กทม. แล้วค่อยซื้อใหม่

ว่าแล้วเรื่องกล้องเคลียร์ไปได้ ก็ขับมายังหมู่บ้านสันติชล เพื่อจะมาทานอาหาร
แต่ว่า!! มีแต่คนเค้ามาเป็นครอบครัว โต๊ะละ 5+ คน มาสองคนอย่างเราไม่มีที่ให้แทรกเลย สุดท้ายเลยอดไปตามระเบียบ ได้แต่เก็บรูปกลับมาจ้า




เราสองคนเริ่มเหนื่อยอ่อน เพราะเกือบๆสองทุ่มล่ะ เลยกลับกันมาที่โณงแรม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และขัยรถออกไปอีกครั้ง ยังถนนคนเดิน เพื่อไปหาซื้อของที่ระลึกและทานข้าวกัน

ร้านการ์ดยอดฮิต



ถนนคนเดินคนเยอะมากๆๆๆๆ เยอะกว่า JJ ซะอีก ต้องเดินเบียดๆกันตลอดเวลา น่ากลัวว่าลักษณะนี้ ปาย คงจะหมดสเน่ห์ กลายเป็นเมืองแสงสีเหมือนพัทยาในเร็ววัน


และแล้ว ก็มาถึงตอนจบของวันแล้ว เราขับรถกลับ แปรงฟัน และนอนกันอย่างอบอุ่น เพราะเตียงมันเป็นมุ้งข้างๆ ต้องมาเบียดกันเอาตรงกลาง 555

เจอกัน review หน้าครับ
ปาย-ปางอุ๋ง ขอขอบคุณที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น




 

Create Date : 01 มีนาคม 2552   
Last Update : 1 มีนาคม 2552 20:36:51 น.   
Counter : 1029 Pageviews.  


วันที่สอง : แม่กลางหลวง-ดอยอินทนนท์-แม่ฮ่องสอน กับ1864โค้งสุดโหด ภาค2

มาต่อกันครับ หลังจากดองมานาน(มากๆ)
ต่อ ให้ถึงจบวันก่อน ^^


เจ้าต้นนี้คือกุหลาบพันปีครับ อยู่ใกล้ๆกับที่จอดรถ


หลังจากที่ลงดอยมาแล้ว เราตั้งใจจะไปดูซากุระ (พญาเสือโคร่ง) กันที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงดอยขุนวางกัน โดยไปตามเส้นทาง 1009 ที่หลักกิโลเมตรที่ 31 แล้วก็เลี้ยวเข้าไปครับ แต่ !!!!!
ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด..... เส้นทางดีมาได้ประมาณ 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น ที่เหลือเป็นทางที่ยากลำบากมาๆสำหรับฮอนด้าแจสคันเล็กๆ หลุมเต็มถนน เล็กใหญ่ปนกันไป แต่ด้วยความอยากดู เลยขับต่อไปเรื่อยๆ อีกสิบกว่าโลได้ จนมาถึงด่านตรวจ(ที่ไม่มีคนอยู่) มีหลุมดักเซียนสองหลุมครับ ไปไม่ได้แน่ๆ.... ถ้าหลบหลุมแรกก็ไม่รอดหลุมที่สอง..... ถ้าจะพ้นหลุมที่สองต้องยอมตกหลุมแรก..... ทางไหนก็ไม่รอด = ='' เลยตัดใจกลับ พร้อมเสียเวลาขับรถในทางนี้ไปฟรีๆประมาณ 2.5 ช.ม. ด้วยกัน ทางนี้เหมาะกับกะบะและรถ four wheel เท่านั้นครับ รถตู้ก็ยังไม่น่ารอด

ต่อจากแผนซากุระที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า...... เราก็ขับไปตามเส้นทางสายเก่า เพื่อไปยังแม่ฮ่องสอนครับ ทางเล็ก โค้งเยอะและอันตราย แต่มันก็ยังมีข้อดีครับ คือรถน้อยมาก และไม่มีรถตู้ เพราะรถตู้จะวิ่งเส้นทางนี้ค่อนข้างลำบาก แถมไม่อ้อมเมืองด้วย
เส้นทาง ผ่านทางหลวงสาย 1192 --> 1088 --> 1263 --> 108 ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนครับ ระยะทางประมาณ 180 กิโล รวมหลงอีกเป็น 190 โล ใช้เวลาพอสมควรเลย เกือบๆ 5 ช.ม. ได้ครับ

มาถึงตรงนี้ ผมมีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับคนที่ต้องการใช้ทางนี้นะครับ
(เดี๋ยวบล๊อคมันจะดูไร้สาระไปซะหมด อิอิ)

1.จำเป็นต้องขับรถเก่งไหม?
- ไม่จำเป็นครับ เพราะผมเองก่อนมา ก็ไม่ได้ขับรถเลยมาเกือบๆปีได้ แต่ที่สำคัญคือการกล้าตัดสินใจ ความรอบคอบระมัดระวังและความมีสติครับ

2.เวลาจะเลี้ยวทุกครั้ง ถ้าโค้งเกิน 90 อาศา หรือมองไม่เห็นรถอีกฝั่งข้างหน้า ให้บีบแตรเลยครับ บีบๆไปเยอะๆเลย สามสี่ครั้งครับ เพื่อเป็นการบอกว่าเราจะสวนไป นึกว่าบีบไล่buff เลยครับ ไม่ต้องยั้ง เพราะไม่มีบ้านคนแถมนั้นแน่นอน 555

3.คอสะพาน ให้ระวังทุกสะพานนะครับ เมื่อเห็นสะพาน ให้เริ่มชะลอ เพราะเราไม่รู้ว่าคอสะพานไหนมันจะทำรถกระโดดบ้าง ห้ากขับมาเร็วๆ

4.เวลาขึ้นเนิน หรือลงเนิน ในเส้นทางนี้ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ครับ เหยียบเบรคให้ถูกจังหวะ เป็นพอ อย่าเหยียบเบรคค้างนานๆ เวลาเหยียบให้เหยียบจนรถเกือบหยุดไปเลย แล้วก็ปล่อยให้มันค่อยๆใหล ทำแบบนี้ซ้ำไปมาครับ

5.หากคิดจะแซง ต้องเด็ดขาดนะครับ อย่ายึกยัก และอย่าแซงตามรถคันหน้า เพราะคันหน้าอาจแซงพ้นแต่เราแซงไม่พ้นก็ได้

สำหรับวิธีการขับรถในเส้นทางนี้ก็ประมาณนี้ครับ ^^

รีวิวต่อๆ

มาถึงโรงแรมที่จองไว้ทางเนต Sawasdee Place Hotel ราคาย่อมเยาว์ บริการเป็นกันเอง (แต่ลักษณะเหมือนเอาหอพักมาดัดแปลงมากกว่า) แถมบุฟเฟ่มื้อเย็นของโรงแรมใหญ่แถวๆนั้นให้ฟรีด้วยครับ

หลังจากเช็คอินและอาบน้ำ เพราะกลัวดึกแล้วมันหนาว เราก็ขับรถไปหลงต่อครับพี่น้อง อิอิ เพราะต้องการจะไปหาศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อไปขอบัตรผ่านเข้าปางอุ๋งไว้ก่อน แต่ก็ขับเลยไปเลยมา กว่าจะรู้ตัว ขับเลยไปสองสามรอบได้ สำหรับบัตรผ่านปางอุ๋งนั้น จนท. เค้าจะออกให้ได้ก่อนไม่เกินสองวันนะครับ แต่สำหรับเราที่จองไว้ก่อน ก็บอกเค้า ว่าจองที่พักที่ลุงปาละเอาไว้ จนท. เลยยอมให้ล่วงหน้า

หลังจากได้บัตรผ่านเข้าปางอุ๋งแล้ว ก็ไปพระธาตุดอยกองมูต่อเจ้า จริงๆไม่ได้กะจะไป พอดีขับไปเรื่อยๆแล้วเจอ เลยเลี้ยวเข้ากระทันหันเลย อิอิ



บนนยากาศยามค่ำคืนสวยงามทีเดียว ขับรถขึ้นตอนดึกๆจะยากสักหน่อย แต่ไม่ผลกับคนเขียน ที่ขับลุยมาแล้วเกือบสองพันโค้งแบบ non-stop และในคืนปีใหม่นี้ก็ได้ปล่อยโคมกับคนที่รักสมใจครับ
^
^
รูปนี้โคมชาวบ้านเค้านะ 555 ของตัวเองเอาลงไม่ได้ มีรูปอาเจ๊ติดอยู่ เดี๋ยวโดนกัดหัวหลุด

ภาพบรรยากาศ บนพระธาตุดอยกองมูอีกซักหน่อยก่อนกลับครับ


มองเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ขนาดเมืองกำลังดี ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป


หลังจากนั้นก็ไปทานบุฟเฟ่ฟรีที่โรงแรม ...... (จำไม่ได้ นานจัด ) ที่ทาง Sawasdee Place ให้บัตรมาครับ อาหารใช้ได้ทีเดียว มีการแสดงให้ดูด้วย

หลังจากนั้นหาที่จอดรถครับ และลงเดินมาจนถึงถนนคนเดิน แถมนั้นเป็น one way ตอนดึกๆ มือใหม่ไม่ชำนาญทางอย่างคนเขียนเลยไม่กล้าลองดีครับ

ได้เสื้อมา 1 ตัว ซึ่งใหญ่ไป ใส่แล้วแปลกๆ แถมไม่ได้ลายที่ต้องการซื้อด้วย (ซื้อเพราะคนขายยุล้วนๆ = ='') ของ PADONC (เห็นร้านนี้ขายเสื้อแบบเทน้ำเทท่าอยู่ร้านเดียว) ราคา 250 ครับ ถือว่าซื้อมาเป็นของที่ระลึกแล้วกัน 555 ส่วนอาเจ๊ได้หมวกใส่กันหนาวสีชมพูไป1อัน

คืนนี้ก็กลับมาหลับฝันดีอีกเช่นเคย

รอพบกันใหม่ สำหรับรีวิววันที่สาม : แม่ฮ่องสอน-ปาย นะครับ เร็วๆนี้




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 1 มีนาคม 2552 0:13:55 น.   
Counter : 1254 Pageviews.  


วันที่สอง : แม่กลางหลวง-ดอยอินทนนท์-แม่ฮ่องสอน กับ1864โค้งสุดโหด ภาค1

ในที่สุดก็ได้เวลามาอัพบล๊อคดองเค็มกันต่อซักที
วันนี้เป็นวันที่สองแล้วจ้า

ต่อจากคราวที่แล้ว........
ค่ำคืนที่แม่กลางหลวง ช่าวสวยงามมากๆ ดาวเต็มท้องฟ้าจริงๆ
รูปออกดำๆ เพราะกล้องมันถ่ายได้เท่านี้ 555 แต่ของจริงสวยมากๆ ขอบอก



เช้าตรู่ที่แม่กลางหลวง เรารีบ check out ทันทีเพื่อขึ้นดอยอินทนนท์
เวลาประมาณ 8 โมงกว่าๆ รถก็ค่อนข้างเยอะแล้ว ต้องเข้าไปจอดรถที่นี่


แล้วก็เดินออกมาที่ดอย .......ระหว่างทางก็ถ่ายรูปมาเรื่อยอีกตามเคย จอดรถไหล่ทางอีกตามเคย......แล้วก็ลงมากัน เข้าไปพระธาตุดีกว่า

จเอร้านกาแฟอยู่ข้างหน้าเลย







เดินออกมาซักพักก็มาเจอกับเจ้าป้ายนี้
ขอบอกว่าคนถ่ายเยอะมาก ไอ้เราก็ยืนรอยู่ซักพัก ด้วยความหวังว่าจะได้ถ่ายกับเค้าบ้าง..... แต่ท่าทางจะอีกนาน เลยได้มาแค่นี้แหละ


เดินต่อมาอีกซักพัก ...... โอ๊ะ! เจอสิ่งที่ไม่คิดจะเจอตอนเกือบ 9 โมงเช้า......แม่คนิ้งงงง..ง......ง (หลืออยู่หย่อมนึง หุหุ)


เดินต่อมาถ่ายรูป ร้านยอดฮิต

คนเยอะมากๆๆๆๆขอบอก โดยเฉพาะรถตู้


.......

มุ่งหน้าต่อ ขึ้นยอดดอยยยย โย่ว!


และแล้วก็มาถึงยอดดอยในพริบตา

เดินมาเรื่อง จนถึงพระธาตุ




วิวด้านบนสวยงาม+ร่มรื่นใช่ยอย


เข้ามาไหว้พระธาตุกัน


...ถ้าตกลงไปนี่ คงหาซากยากอยู่.....


จะออกจากดอยแล้วววว มาถ่ายรูปที่ระลึกกันก่อนกลับๆ



หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อ....... ไปยังแม่ฮ่องสอน เดี๋ยวมาต่อภาคสอง สั้นๆ ง่ายๆ ไม่ค่อยมีใจความกันคืนนี้คร๊าบบบ




 

Create Date : 21 มกราคม 2552   
Last Update : 21 มกราคม 2552 12:23:28 น.   
Counter : 593 Pageviews.  


1  2  

B@@M
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add B@@M's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com