INGLOURIOUS BASTERDS :: ยุทธการเดือดเชือดนาซี

และแล้วก็ได้ดูหนังเรื่องหนึ่งที่รอคอยแห่งปี โดยฝีมือผู้กำกับมือทอง เควนติน ทารันติโน หลังจากทำฟอร์มไว้ไม่ดีนักกับ Death Proof วันนี้เขาสามารถกลับมาทวงตำแหน่งเจ้าพ่อหนังคัลท์ได้อีกครั้ง โดยสามารถพาหนังเรื่องนี้เข้าไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และทำให้ Christoph WALTZ ได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ

หนังแบ่งออกเป็นทั้งหมดห้าบท โดยในสามบทแรกจะกล่าวถึงความเป็นมาเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว ก่อนจะมาพบเจอและสิ้นสุดลงที่บทสุดท้าย

หลังจากนี้จะมีการเปิดเผยรายละเอียดของหนัง  ท่านใดที่ไม่อยากเสียอรรถรสในการดูก็ควรจะข้ามไปได้เลย

...

..

.

บทที่ 1 >> พูดถึงนาย Christoph WALTZ ในบทของพันเอกฮานส์ ลันดา ซึ่งเป็นทหารเยอรมันที่ประจำการในฝรั่งเศส (แน่นอนว่าเป็นนาซี) นายทหารคนนี้บุกไปที่บ้านของชาวไร่ฝรั่งเศสคนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวสามคน ในช่วงแรกจะดำเนินเรื่องเอื่อยๆ มีแต่บทสนทนาที่ยังจับเค้าเอาความไม่ได้ รู้เพียงว่า แถวบ้านของชาวไร่คนนี้เคยมีชาวยิวเหลือรอดอยู่ห้าครอบครัว ทางเยอรมันได้จัดการไปแล้วสี่ ขาดไปหนึ่งซึ่งยังหาตัวไม่พบ ณ.ตอนนั้นคิดอยู่ว่า แง๊กกก จะคุยกันทั้งเรื่องหรือเปล่าเนี่ย หนังเควนตินยิ่งเดาทางยากอยู่ แต่แล้วกล้องก็แพนไปที่ใต้ถุนห้อง และมีใครแอบอยู่ในนั้น หลังจากนั้นเรื่องก็เป็นไปตามคาด คือ ชาวไร่ยอมรับว่าซ่อนคนยิวไว้ พวกนั้นเลยถูกพันเอกลันดาสอยยับ แต่ก็มีหญิงสาวนางหนึ่งหลุดรอดไปได้

บทที่ 2 >> และแล้วก็เปิดตัวนายแบรด พิตต์ กับบทของหัวหน้าแก๊งโคตรแสบ ที่มีหน้าที่นำทหารชาวยิวถลกหนังหัวทหารนาซี ซึ่งมัน ถลกหนังหัวจริงๆ!!!! เห็นกันสดๆ แม่เจ้า ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ฮอลลีวูดเทพเจ้าจริงๆ ไม่ต้องใช้ซีจีใดๆทั้งนั้น แต่นั่นยังไม่สะใจ แก๊งโคตรแสบยังมีวิธีการสุดแสนพิสดารในการฆาตกรรมเหยื่ออีก โดยการให้"หมียักษ์ยิว"จัดการ ซึ่งเจ้าหมียักษ์ก็คือนายทหารยิวคนหนึ่งที่ชอบจัดการเหยื่อด้วยการฟาดด้วยไม้เบสบอล และฟาดเฉพาะที่หัว โหดมากกกกก เท่านั้นยังไม่พอ แบรด พิตต์ยังแสดงความบ้าด้วยการ... ทำบางสิ่งที่ทำให้คนๆนั้นเป็นนาซีไปตลอดชีวิต อันนี้ไปดูเองแล้วกัน ไม่บอก แต่ไอเดียเจ๋งมาก คิดได้ไง

บทที่ 3 >> ยังจำได้ไหมว่ามีสาวยิวคนหนึ่งหนีรอดมาได้จากบทที่หนึ่ง ในบทนี้กล่าวถึงว่าเธอได้เปิดโรงหนังแห่งหนึ่งที่ฝรั่งเศส อันที่จริงเธอไม่ได้เป็นเจ้าของหรอก แต่รับต่อมาจากคนอื่นอีกที และเธอก็มีอันต้องได้พบเจอกับพลทหารซอลเลอร์ ซึ่งเป็นผู้กล้าในสงครามฆ่าล้างชาวยิว โดยเขาได้แสดงหนังที่กล่าวถึงวีรกรรมของเขา และหนังนั้นจะได้รับการฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ของเธอ (คิดดูเหอะ ถ้าเป็นเราจะรู้สึกยังไง พวกนาซีจะเอาหนังเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวมาฉายในโรงหนังของชาวยิว เฮือก!!) นั่นทำให้เธอคิดแผนการที่จะทำลายพวกนาซีด้วยการเผาโรงหนังในวันนั้น แต่ไม่รู้แผนเธอจะล่มหรือเปล่า เพราะในที่สุดเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับพัยเอกฮานส์ ลันดาอีกครั้ง (และไม่ว่าชายคนนี้จะปรากฏตัวอีกกี่ครั้ง ก็จะต้องกินอยู่ตลอดเวลา เฮ้อ)

บทที่ 4 >> เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อทางฝั่งอเมริกาก็ได้ยินข่าวเรื่องการฉายรอบปฐมทัศน์เช่นกัน และคิดที่จะวางระเบิดเหล่านาซีพวกนั้น จึงได้คิดแผนการโดยได้นางนกต่ออย่าง บริตเจ็ต ฟอน แฮมเมอสมาร์ค ซึ่งเป็นดาราหญิงชื่อดังของเยอรมันคอยช่วยเหลือ(เป็นนาซีแต่ไปช่วยอเมริกัน ว่างั้น..) ซึ่งการคุยถึงแผนการนั้นได้จัดขึ้นที่บาร์ชั้นใต้ดินแห่งหนึ่ง เป็นการคุยระหว่างเธอ นายพลฮิตช์คอกจากฝั่งอเมริกัน และแก๊งโคตรแสบ แต่ยังไม่ทันได้คุยเป็นเรื่องเป็นราว ก็เผอิญมีนายทหารนาซีจากเกสตาโปเข้ามา และจับได้ว่าพวกที่คุยกันอยู่นี้ไม่ใช่พวกเยอร์มัน จึงได้เปิดฉากยิงกันเละ สุดท้ายก็เหลือแค่แก๊งโคตรแสบกับแม่ดาราสาวที่โดนยิงที่ขา เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ที่พันเอกฮานส์ ลันดาเข้ามาในที่เกิดเหตุ และพบหลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่การเปิดโปงแผนการชั่วร้าย

บทที่ 5 >> บทสุดท้าย ก็เป็นการจัดงานรอบปฐมทัศน์ ทั้งแม่สาวยิวและฝั่งอเมริกันก็เตรียมแผนกันเป็นอย่างดี แต่ช่างเป็นแผนที่ไม่มีอะไรดีเลย เนื่องจากนายพลฮิชคอกถูกยิงตายไปแล้ว แบรด พิตต์เลยต้องเข้ามาสานแผนต่อ และด้วยความที่พูดเยอรมันไม่ได้ จะเข้าไปในดงเยอรมันก้เลยต้องปลอมตัวเป็นคนอิตาลีแทน และเจ๊ดาราสาวยังพูดให้ความมั่นใจอีกว่า คนเยอรมันฟังสำเนียงอิตาลีไม่เป็น คงพอเอาตัวรอดไปได้ ซึ่งมันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็คท์ในโลกนี้ ไอ้พันเอกฮานส์ ลันดาจอมกินจุนั้นกลับพูดอิตาลีได้ซะนี่ แผนการเลยยิ่งอุตลุดเข้าไปใหญ่ ถ้าอยากรู้ว่าแบรดจะเอาตัวรอดยังไง และสุดท้ายใครจะชนะสงคราม ต้องไปดูเอาเอง

เอาเป็นว่า นี่เป็นหนังที่เปรี้ยวที่สุดที่ดูมาในปีนี้ และจะพูดว่าเป็นหนังฝรั่งที่ติด top five ของเราในปีนี้แน่ๆ ทั้งบทหนังที่ไม่เยิ่นเย้อน่าเบื่อ ทุกอย่างที่ตัวละครกระทำมีเหตุผลและนัยยะสำคัญ นักแสดงเจ๋งโคตรๆ เล่นกันลื่นไหลธรรมชาติสุดๆ เรื่องบทหนังไม่ต้องพูดถึง หนังของเควนตินแต่ละเรื่องบทไม่เคยธรรมดาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าถ้าคุณไปดู คุณจะต้องอ้าปากค้าง และตบมือดังๆให้กับมุขของเขา ที่สำคัญคือ ฮามาก เป็นหนังสงครามตลกร้ายที่ได้ใจไปเต็มๆ รวมไปถึงเพลงประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของเควนติน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ได้มากกว่าที่หวังไว้

และขอแนะนำให้ไปดูอย่างแรง

โดยเฉพาะคนที่ชอบหนังสไตล์โหดเลือดสาด ถ้าไม่ได้ดูจะเสียดาย และขอแนะนำให้ดูในโรงด้วยเพราะอรรถรสที่ได้จะเต็มสตรีม

ปล. รู้สึกโชคดีมากที่ได้ไปดูรอบสื่อ เพราะจะได้มาโม้ให้เพื่อนอิจฉาเล่น ฮ่าๆๆๆๆๆ

ระดับความพอใจ :: เอาไปเลย 10/10