|
ความสุขซื้อได้
หลังจากทนทรมานกับการนอนไม่หลับมามากกว่าหนึ่งเดือน จึงได้ตัดสินใจใช้เงินที่เก็บไว้ มาติดแอร์ในห้องนอนตัวเอง และห้องนอนของน้องด้วย เพราะอยากให้น้องนอนสบายๆ เหมือนกับเรา หมดไปทั้งหมด สองหมื่นแปดพันบาท แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า เงินที่เก็บไว้ ไม่รู้จะตายก่อนรึเปล่า การหาความสุขให้ชีวิตตัวเอง คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก
ตอนนี้มีความสุขที่สุดกับห้องนอนใหม่ ราวกับว่าคนละห้องกับ ที่เคยนอนก่อนหน้านี้... ชีวิตโสดของฉันเริ่มเข้าที่เข้าทาง รอยยิ้มของฉันเริ่มมากขึ้น มากขึ้นในทุก ๆ เดือนที่ผ่านผัน ค่อยๆ เก็บสะสมเพิ่มขึ้นทีละน้อย เดือนละนิด แค่นี้ฉันก็สามารถเติมเต็มความสุขในมุมเล็ก ๆ ที่ฉันจับต้อง มันได้...... ความสุขซื้อได้... กริส...ฉันมีความสุข
Create Date : 24 เมษายน 2553 | | |
Last Update : 24 เมษายน 2553 21:22:50 น. |
Counter : 611 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Welcome Home!!
Welcome Home!!
.....ฉันกลับบ้านอีกครั้งหลังจากย้ายไปสิบปี โชคดีที่ไม่แย่เท่าใดนัก ฉันไม่ได้กลับมา เนื้อตัวเปียกมอมแมมแบบหมดสภาพ! หลังจากเรียนจบฉันก็ออกไปทำงาน และยาวล่วงเลย จนกระทั่งมีแฟน นานครั้งหรือตามแต่มีโอกาส จะกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้าน แต่ก็ส่งเสียดูแลท่านไม่เคยขาดตกบกพร่องอย่างดีมาเสมอ ห้องที่ฉันเคยเป็นเจ้าของ ลูกของอา ซึ่งเป็นน้องที่โตมาด้วยกันย้ายเข้ามาอยู่นานหลายปี ก่อน อา จะกลับมาจากต่างประเทศน้องจึงย้ายกลับไปอยู่กับ อา
.....ดังนั้นห้องนอนนี้จึงกลายๆ เป็นห้องเก็บของที่สามารถหยิบใช้ง่าย เช่นผ้าห่ม ที่นอน หมอนมุ้ง ยามมีญาติๆ ของแม่แวะมาเยี่ยมเยือน
.....หลายเดือนก่อนหน้านี้ ฉันเพียงเกริ่น ๆ กับแม่ หลังจากกลับจากต่างประเทศ แต่ไม่กล้าเอ่ยอย่างเต็มปากนัก แม่เพียงแค่มองตาฉัน "ไม่เป็นไรลูก... กลับบ้าน... มาอยู่ด้วยกัน" จากนั้นเราเพียงนั่งใกล้ ๆ กัน ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดจากปากเราทั้งสองอีก ความกังวลใด ๆ ที่ฉันมีในใจ คลายไปได้อย่างหมดสิ้น
.....ฉันตกแต่งบ้านใหม่หลายอย่าง ตามเท่าที่เงินในกระเป๋าเหลือ พอจะสามารถสร้างความสะดวกสบายขึ้นมาได้บ้าง เดือนที่แล้วเราต้องย้ายของออกจากบ้านหลังเดิม ไปอีกหลังที่อยู่ติดกัน ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินและบ้านของอา และฉันก็ซื้อไว้เพราะอยากให้ที่ดินผืนนี้ ยังคงเป็นของคนในตระกูลของเรา เพราะในความทรงจำตอนเด็ก ๆ ฉันเห็นปู่และย่า นั่งที่ใต้ถุนบ้านหลังนั้นเสมอ ความทรงจำที่แสนงดงามที่ฉันหลงเหลือให้คิดถึง ฉันกัดฟันซื้อด้วยเงินเก็บเกือบทั้งปีที่ฉันไปลำบากขายแรงงานมา ซึ่งเดิมทีหวังไว้ว่ากลับเอาไปเป็นต้นทุนในการตั้งหลักชีวิต สำหรับผู้หญิงหลักสามต้นๆ ภาระจำยอม! ฉันจำเป็นต้องซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างเสียมิได้
.....วันนี้หลังจากบ้านเดิมตกแต่งใหม่เสร็จ เราทั้งครอบครัวช่วยกันขนของ กลับเข้าบ้านหลังเดิม ของหลายชิ้นที่เห็น ย้อนความทรงจำกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เสื้อบางตัวนำมาซึ่งความทรงจำเก่าๆ กลิ่นอายของตู้เสื้อผ้าที่ฉันจากไปสิบปี ยังเป็นกลิ่นคุ้นเคย เหมือนฉันจากไปเพียงเมื่อวาน ฉันมองเห็นภาพปักใส่กรอบที่ฉันตั้งใจทำให้ใครสักคน ที่มีความรู้สึกดี ๆ ด้วย ตอนวัยยี่สิบ ป้าบ!! ,มันเตะความรู้สึกในก้นบึ้งฉันอย่างจัง
.....ท่อนนึงของผ้าที่ในกรอบ "จะเป็นไรไปหากเมล็ดพันธ์แห่งรักเรา ในใจใครคนนั้น มันไม่เจริญเติบโตอย่างที่เราหวังไว้ ถึงจะผิดหวังแค่ไหน เจ็บปวดแค่ไหน แต่ 'รัก' นั้นจะยังเติบโตต่อไป อย่างเงียบเชียบในใจเราเองเสมอ" อ่านแล้วช่างเป็นความรู้สึก ที่งดงามปลอบประโลมหัวใจที่แห้งหยาบ กลับพลันนุ่มละมุนละไมมีน้ำหล่อเลี้ยงขึ้นมา ในความใสของความรู้สึก รักในอุดมคติ
.....เย็นย่ำข้าวของทุกอย่างเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ จัดเตียงและตู้มุมใหม่ ดูดีในความรู้สึกและสามารถลบความทรงจำบางสิ่งออกได้เล็กน้อย ของบางอย่างไม่ได้ใช้ ย้ายไปไว้บ้านข้างหลัง ฉันเห็นรูปการ์ตูนสีอัดลงบนแผ่นไม้อัด ซึ่งฉันเคยใช้ตกแต่งร้านเช่าการ์ตูนที่ฉันและแฟน เคยทำเป็นธุรกิจแรกของชีวิต "ใช่ จริงๆ ฉันก็เริ่มจากจุดเล็กๆ ตรงนั้นแล้วค่อย ๆ ต่อยอดเป็นอย่างอื่น"
.....วันนี้ฉันก็ไม่ต่างจากวันนั้นนัก นอกจากวัยที่เพิ่มขึ้น ประสบการณ์ที่มากขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้กลับไปเริ่มจากศูนย์ ตอนนี้ฉันยืนอยู่สูงกว่าศูนย์มากมายนัก ฉันควรมีความสุขกับสิ่งที่มีในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เคยผ่านมาในช่วงหลายปีหลัง ความคิดนั้นตกตะกอนในใจฉันทันที.......
.....คืนก่อนฉันนั่งรถปรับอากาศชั้น 1 จากหมอชิต กลับบ้าน ชีวิตแบบนี้ที่ฉัน ไม่คุ้นเคยมาสิบปีเช่นกัน ผู้คนบนรถไม่เยอะนัก ฉันเลือกเบาะไม่ไกลคนขับนัก ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นเพียงแสงไฟโดดเด่น ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กม. จิตใจฉันล่องลอยไปไกล และเร็วกว่า ความเร็วรถที่ฉันนั่ง......
.....คำถามผุดขึ้นมากมายเกี่ยวกับชีวิตตัวเอง ฉันเริ่มไม่แน่ใจกับความต้องการ ตัวเองสักเท่าไหร่.... หลายเดือนผ่านมา แรงบัลดาลใจฉันขาดวิ่น... ความฝันฉันไกลเกินหยิบมาทำให้เป็นจริงได้.... ความหวังฉันเลือนลาง จนแทบจำไม่ได้ ฉันหยิบโทรศัพท์และกดหาเพื่อนคนนึง "เธอ" คนนี้ มีคำตอบดี ๆ ที่จริงแท้ เพียว ๆ ไม่มีสี ไม่มีควัน และ ไม่มีโซดาผสมให้เสมอๆ
.....หลังจากวางหู หัวใจและสมองฉัน อิสระและความหวังและแรงบัลดาลใจ กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง ฉันยิ้มน้อย ๆที่มุมปากในความมืดของแสงราตรี......
.....ฉันเรียงหนังสือหลายเล่มบนหัวเตียง จู่ๆ ประโยคท่อนนึงจาก "คิดถึงทุกปี" ของบินหลา สันกาลาคีรี ก็ลอยเข้ามาในหัว "ถ้ารู้ว่าแต่งแล้วต้องเลิกกัน ยังจะแต่งอยู่ไหม" มันแว่บเข้ามาตอนที่ฉันหยิบกรอบรูปซึ่งฉันใส่ชุดเจ้าสาว วางลงบนหัวเตียงที่ซึ่งมันเคยอยู่ ฉันตอบตัวเองในใจ
"ฉันก็ยังเลือกจะแต่ง เพราะระหว่างทางที่ผ่านมา มันมีความทรงจำ และความผูกพันดีๆ ยังอยู่ในหัว และ อยู่ในใจเราเสมอ"
.......แม้ชีวิตคู่มันจะเดินต่อไปไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่รักกัน........
.....น้ำตาฉันเอ่อนิดหน่อย ฉันเอื้อมหยิบกรอบรูปอีกอันไปวางไว้บนตู้ นอกห้อง ในรูปนั้นมีพ่อและแม่ขนาบอยู่ข้างๆ เรา ฉันมองเห็นรอยยิ้มของแม่ซึ่งเด่นและ ดูมีความสุขมากที่สุดครั้งนึงในชีวิต คล้ายกับว่าเหมือนแม่เป็นเจ้าสาวเอง
"อย่างน้อยมันก็เคยมี" ฉันเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ
.....ฉันยังเดาไม่ออกนัก ว่าจากนี้ชีวิตฉันจะเดินไปในเส้นทางไหน ซึ่งฉันก็พยายาม ทำให้มันดีที่สุดตามแต่โอกาสในชีวิตที่เปิดให้
.....ความฝันฉันเล็กลง มันจับต้องได้และฉันสามารถเอื้อมถึง ความฝันอยู่ในหัวฉัน ในขณะที่ฉันนั่งอยู่กับพ่อและแม่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แม่กำลังง่วนกับการเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะ เพื่อจะกินข้าวเย็น สายลมโชยอ่อนๆ เย็นสบายๆ คล้ายกับฝนตกไกล ๆ
ก็เท่านี้ไม่ใช่หรือ ที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราจะมีความสุขได้ การได้นั่งกินข้าวด้วยกัน พูดคุย หัวเราะ กับครอบครัว นี่เป็นความสุขที่แท้จริง ที่ชีวิตฉันเอง โหยหาตลอดหลายปีที่ผ่านมา "บ้าน"
Create Date : 17 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 17 มีนาคม 2553 13:38:11 น. |
Counter : 352 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อ้วนได้ก็ต้องผอมได้
บินกลับบ้าน เมื่อต้นเดือน พย. พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่น้ำหนักเกินไป 20 กก. โดนปรับซะเละ!! แต่มีสิ่งที่หนักหนามากกว่านั้น คือ... การแบกน้ำหนักตัวกลับไทยเพิ่มขึ้น 6 กิโล!!เพียงสามเดือนสุดท้ายก่อนกลับ สาเหตุหลัก ๆ มาจากไวน์ กินเ็ป็นเทน้ำ และตามใจปากอย่างสุดๆ หนักดูซีรีส์ถึงตีสาม ก็ยังนั่งกิน+ดื่ม (เมาคนเดียวไม่เกี่ยวกะใคร) ป้าดดด
ความทรงจำสามเดือนอันเลวร้าย -เคยตื่นกลางดึกแล้วมาลูบเอวตัวเองแล้วอยากกหลับไปสักสามคืน -เคยท้อแท้กับตัวเอง ไม่อยากเจอผู้คน แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่กล้ารับ -แต่ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน ยิ่งดื่ม นี่หล่ะนะผู้หญิง พอรู้สึกว่ามีอะไรมาทำให้ตัวเองดูดีน้อยลง มันก็ทำให้ต้องวิตกกังวล บางครั้งมากไปเหมือนจะกลายเป็นคนบ้า
ช่วงที่ผ่านมาที่รู้สึกแย่กับน้ำหนักของตัวเอง ได้แต่ปลอบใจว่า เอาน่า!! กลับไทยเดี๋ยวก็ผอมแล้ว อาหารไทย,อากาศ ดังนั้น จึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยถึงวันที่จะบินกลับไทยมาก เหมือนเมืองไทยเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ปลายอุโมงค์ พอมีความหวัง มันก็มีกำลังใจ
ความอ้วนรุกราน -ปวดเอวมาก คงเพราะพุงขยายเลยไปดึงช่วงเอวทำให้มีอาการปวด -เหนื่อยง่าย,ทำอะไรก็อืดอาด,เชื่องช้า,นั่งแล้วไม่อยากลุก(หนัก) -สิวขึ้นเขรอะ เหมือนไขมันพยายามหาทางออกจากร่างกาย -หายใจลำบากเวลานอน รู้สึกทุกอย่างหนาแน่นไปหมด -แขนกลายเป็นขา ขากลายเ็ป็นอะไรแล้วก็ไม่รู้ -ความสวย,ความเซ็กส์ซี่หายไปอย่างไม่เหลือคราบ
อ้วนแล้วไม่เห็นมีอะไรดีเลย มีแต่เสีย โรคอ้วนทำร้ายฉันทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ใครๆ เห็นที่เมืองไทยก็ทักว่าตัวใหญ่ขึ้น (สุภาพ) บ้างก็บอก ดีนะไ่ม่ต้องเดิน กลิ้งเอา (อยากด่ามันอย่างสุภาพ)
ได้เวลาเริ่มต้นเอาจริงเอาจังสักที
Create Date : 16 ธันวาคม 2552 | | |
Last Update : 16 ธันวาคม 2552 21:50:35 น. |
Counter : 352 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เคยอยากกอดใครสักคน เพื่อร้องไห้ดังๆ ไหม
อยากร้องให้ แต่ไม่อยากนั่งร้องไห้คนเดียว!!!
ทุกคนคงเคยรู้สึก กับวันเวลาเลวร้าย กับเหตุการณ์ร้ายๆ หัวใจบอบช้ำ เหนื่อยล้า แรงยืนแทบไม่มี นาทีนี้ อยากกอดใครสักคนแล้วร้องไห้ดัง ๆ จัง.......
ไกลบ้าน... สำเนียกในมโนสำนึกของตัวเอง ตัวคนเดียว...สำเนียกในห้วงความคิดของตัวเอง
หลายครั้งหลายครา มักจะเกิดคำถามในหัวบ่อยๆ ทำไมมันเหงาขนาดนี้ชีวิต ความเหงานี่ เหมือนเพื่อนสนิทคุ้นหน้า แต่ไม่เคยคุ้นเคยกันสักที ว่าไหม... มันมาเยี่ยมเราทีไร หัวใจก็ไม่เคยชาชินสักที....
ปัญหาคนไกลบ้าน "เหงา" บางช่วงสนุกสนาน ลืมมันไป แต่สุดท้ายก็วนกลับมา ให้เหงาอยู่ร่ำไป
อยากร้องไห้...... เหนื่อย..... อยากมีใครสักคนให้กอด จะได้ร้องไห้ดังๆ
Create Date : 10 เมษายน 2552 | | |
Last Update : 10 เมษายน 2552 10:52:31 น. |
Counter : 1516 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
New Life in Melbourne
ชีวิตเริ่มต้นใหม่แล้วที่นี่ ณ วันที่ 5 / 11/ 51 เริ่มต้นตั้งแต่ บินคนเดียวด้วยระยะทางหลายพันไมล์ เป็นครั้งแรกที่เดินทางไกล ๆ แบบนี้ และที่สำคัญบินคนเดียว ไม่รู้จักใครสักคน กระเป๋า แพ็คไป ยี่สิบเจ็ดกี่โล ผ่านฉลุยไม่มีปัญหา สาวหน้าหวานที่เคาเตอร์เช็คอิน ไม่ทักท้วงติงแต่อย่างใด
มากับการบินไทย ก็สบายใจอย่างสำหรับคนไม่เคยเดินทาง แพงกว่า แควนตัส แปดพันแปด แต่เอาเหอะ ฉันคนไม่เคย เน้นความสบายอุราแล้วกัน บริการแบบไทย ๆ กับคนไทย อาหารอร่อย พร้อมเครื่องดื่ม ที่เสริฟได้ตลอดการเดินทาง ถ้าไม่หลับซะก่อน ก็เรียกร้องได้เรื่อย ๆ
การเดินทางครั้งนี้แย่นิดหน่อย เบาะข้าง ๆ มีเด็กราว สี่ขวบ ร้องให้บ่อยเหลือเกิน และสาวฝรั่งเบาะหลัง นอนเตะเบาะนั่งฉันจัง แหม...... นึกว่านั่งอยู่ในโรงหนังซะอีก
ตอนที่ต้อง declare ก็เป็นภาษาไทยที่แสนจะเข้าใจง่าย เหมาะกับคนที่สอบ ILELTS 4.5 อย่างดิฉันจริง ๆ เห่อ ๆ
บนเครื่องกินไวน์ไปแก้วเดียว เล่นเอาหลับเพลินไปเลย หนังก็มีให้ดูเป็นหน้าจอส่วนตัว ดีนะ ปกติบินบ่อยๆ (บินแต่ในประเทศ 555+) ไม่เคยมีพวกนี้ให้เล่นเท่าไหร่
ตอนจองตั๋วเครื่องบินผ่านเอเจ้นท์บอกไปว่า พี่คะ ไม่เอาตรงปีกนะคะ เอาเลยสักสองหรือสามแถว เลยตรงปีกมาหน่อยเสียงมันดัง และเวลาปีกมันขยับเราจะรู้สึกได้ตลอดเวลา พอไปถึง แหม............. ปีกเด๊ะ ๆ กำ ทำไรไม่ทันแระ รับสภาพไป
เครื่องบินใกล้ร่อนลง มองออกมาเห็นที่เมล์เบิร์น ทะเลทรายผืนใหญ่โต มิหน่าบ้านเมืองเค้าถึงประหยัดน้ำกันมาก ๆ เพราะเหตุนี้เอง ลงเครื่อง เดินเซนิดหน่อย เพราะนั่งนาน เลยเสียศูนย์นิดนึง ลากกระเป๋าใบเล็ก ไม่กี่เซน แต่หนักมากกก พร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ้คซึ่งหนักมากอีกหนึ่งใบ
ตรูจะขนอะไรนักหนาฟร่ะ !! (ขนได้ขนก่อนสิ มาครั้งแรก เคยที่ไหน) ตอนเข้าอิม เค้าดูใบที่ declare แล้วก็บอกให้ไปที่ช่องหมายเลข 1 ทุกคนก็ดูเป็นมิตร ทักทาย เซย์ เฮลโล โอว เย กันไป ไม่รู้มันฟังเรารู้เรื่องป่าว เพราะมันก็เงียบ ๆ ไป 555+ ไงหล่ะ เจอไทยคำอังกฤษคำ งงเลยเหรอ
ระหว่างที่รอ เจ้าหน้าที่ผู้หญิง ก็ถามสัพเพเหระ เป็นสาระบ้างไม่สาระบ้าง ก็ว่ากันไป ที่ต้องเข้าช่อง 1 เพราะ รองเท้าส้นสูงที่ใส่ไปดินเน่อกับเพื่อนๆ เปื้อนดิน แล้วดิฉันยัดใส่กระเป๋ามา เพราะในช่องที่ให้ declare บอกว่า ถ้าไม่แน่ใจให้ตอบ yes ดิฉันมันซื่อนี่นา สอง ดิฉันมียาสมุนไพรแผนโบราณเป็นผง มาสองห่อเล็ก ๆ ซึ่งมันบอกว่า ถ้ามีอะไรที่ทำจากสมุนไพรต้องสำแดง
มันเริ่มให้ดิฉันเปิดกระเป๋าเล็กใบแรก เริ่มสวมถุงมือและทำการค้น กริสสส ดิฉันคิดในใจ เอาแล้วว กระเป๋าตรูเยอะ ค้นกี่ชม.กว่าจะเสร็จฟร่ะนี่ เลยบอกไป ยู ๆ นี่ สิ่งที่คุณต้องการดูอ่ะ อยู่กระเป๋า ไอ ใบนี้ ชี คนนั้นถามกลับ คุณแพ็คกระเป๋าทั้งหมดเองไหม รู้ไหมว่าอะไรอยู่ตรงไหน เออ... สิ ตรูแพ็คเองทุกอย่างเลย เพราะตรูกลุ้มเรื่องกระเป๋ามาเป็นเดือน ๆ แระ คิดแต่เรื่องแพ็คของอย่างเดียว ทั้งหมดนี่ ตรูจัดการเองหมดเลย
ว่าแล้วก็เดินไปหยิบสิ่งของน่าสงสัยให้มันดู โอเค ชีบอก รอเจ้านายชีมาดูนะ ระหว่างนี้ ชีถาม ยูมาทำอะไรที่นี่ ไอก็บอกไป ไอมาทำงานร้านนวด
ชี : มาสซาจ โอนลี้ ไอ : เยส ชัวร์ โอนลี่มาสสาดดดดดดด (รู้นะคิดไรอยู่ ชะนีเอ๋ย) ชี : ฮาว ดู ยู ดู อิน ไทยแลนด์ ไอ : ไอ แฮฟ อะ คอม พิว เตอร์ ชอปปป
บลา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะล๊อตออฟติง ถามไม่หยุด ไม่หย่อน ถามจนลิงหิวกล้วย เง้ยย... คนนะไม่ใช่ลิง
หลายคนอาจจะหงุดหงิดที่โดนถามแบบนี้ ถามเซ้าถามซี้อยู่นั่นหล่ะ แล้วผู้หญิงไทยก็ขึ้นชื่ออยู่ด้วย เรื่องที่เรารู้ ๆ กัน
แต่ฉัน สบายมาก ยิ้มตลอดเวลา อยากถามไรถามมาสิ ตรูตอบได้หมด ใจเย็นด้วย แบบว่าไม่เคยไง ชีวิตไม่เคยเจอไรตื่นเต้น ท้าทาย แล้วแบบว่า สมองต้องคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมๆ กับ ต้องพูดแล้ว ให้มันเข้าใจด้วยไปพร้อม ๆ กันทั้งหมด 555+ สนุกดีแท้ เหมือนได้เพิ่มรอยหยักในสมอง สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย คล้าย ๆ สมองส่งอะดีนาลีมากระตุ้นต่อมหมวกไตซะมากมาย
เพราะชีวิตอยู่เมืองไทย ทำอะไรแต่เดิม ๆ ซ้ำซาก ทำจนหลับตาทำได้ อันนี้แปลกใหม่สนุกสนานดีจัง หุหุ
สักพัก เจ้านายมาดม ๆ ถุงสมุนไพร บอก ฉุน ๆ วุ้ยย อ่ะ ผ่าน ๆ มาหยิบรองเท้าส้นสูงที่ฉันใส่ไปอำลาปาร์ตี้ซิสเล่อร์กับเพื่อน ๆ แล้วก็ อ่ะ ผ่าน ๆ
ก่อนจะจากมา ชีคนนั้นบอกนิดนึงว่า ย่านที่จะไปอยู่ ระวังหน่อยนะ เพราะวัยรุ่นอยู่เยอะ เป็นแหล่งผับ แหล่งเทคด้วย โอเค เซย์ กู๊ด บาย พร้อมรอยยิ้มงามๆ ก่อนจะจากกัน
ลัลลา แล้วฉันก็เดินเข้าประเทศที่ดิฉันไม่เคยมา และไม่คิดว่าจะได้มาสำเร็จ YESSS!!!
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 14:47:01 น. |
Counter : 306 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|