ll .... จำครั้งแรกที่เราเจอกันได้ไหม .... ll
Group Blog
 
All Blogs
 

ความสุขซื้อได้

หลังจากทนทรมานกับการนอนไม่หลับมามากกว่าหนึ่งเดือน
จึงได้ตัดสินใจใช้เงินที่เก็บไว้ มาติดแอร์ในห้องนอนตัวเอง
และห้องนอนของน้องด้วย เพราะอยากให้น้องนอนสบายๆ
เหมือนกับเรา หมดไปทั้งหมด สองหมื่นแปดพันบาท
แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า เงินที่เก็บไว้ ไม่รู้จะตายก่อนรึเปล่า
การหาความสุขให้ชีวิตตัวเอง คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก

ตอนนี้มีความสุขที่สุดกับห้องนอนใหม่ ราวกับว่าคนละห้องกับ
ที่เคยนอนก่อนหน้านี้... ชีวิตโสดของฉันเริ่มเข้าที่เข้าทาง
รอยยิ้มของฉันเริ่มมากขึ้น มากขึ้นในทุก ๆ เดือนที่ผ่านผัน
ค่อยๆ เก็บสะสมเพิ่มขึ้นทีละน้อย เดือนละนิด
แค่นี้ฉันก็สามารถเติมเต็มความสุขในมุมเล็ก ๆ ที่ฉันจับต้อง
มันได้...... ความสุขซื้อได้... กริส...ฉันมีความสุข





 

Create Date : 24 เมษายน 2553    
Last Update : 24 เมษายน 2553 21:22:50 น.
Counter : 611 Pageviews.  

Welcome Home!!

Welcome Home!!

.....ฉันกลับบ้านอีกครั้งหลังจากย้ายไปสิบปี โชคดีที่ไม่แย่เท่าใดนัก ฉันไม่ได้กลับมา
เนื้อตัวเปียกมอมแมมแบบหมดสภาพ!
หลังจากเรียนจบฉันก็ออกไปทำงาน และยาวล่วงเลย จนกระทั่งมีแฟน
นานครั้งหรือตามแต่มีโอกาส จะกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้าน
แต่ก็ส่งเสียดูแลท่านไม่เคยขาดตกบกพร่องอย่างดีมาเสมอ
ห้องที่ฉันเคยเป็นเจ้าของ ลูกของอา ซึ่งเป็นน้องที่โตมาด้วยกันย้ายเข้ามาอยู่นานหลายปี
ก่อน อา จะกลับมาจากต่างประเทศน้องจึงย้ายกลับไปอยู่กับ อา

.....ดังนั้นห้องนอนนี้จึงกลายๆ เป็นห้องเก็บของที่สามารถหยิบใช้ง่าย
เช่นผ้าห่ม ที่นอน หมอนมุ้ง ยามมีญาติๆ ของแม่แวะมาเยี่ยมเยือน


.....หลายเดือนก่อนหน้านี้ ฉันเพียงเกริ่น ๆ กับแม่ หลังจากกลับจากต่างประเทศ
แต่ไม่กล้าเอ่ยอย่างเต็มปากนัก แม่เพียงแค่มองตาฉัน
"ไม่เป็นไรลูก... กลับบ้าน... มาอยู่ด้วยกัน" จากนั้นเราเพียงนั่งใกล้ ๆ กัน
ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดจากปากเราทั้งสองอีก
ความกังวลใด ๆ ที่ฉันมีในใจ คลายไปได้อย่างหมดสิ้น


.....ฉันตกแต่งบ้านใหม่หลายอย่าง ตามเท่าที่เงินในกระเป๋าเหลือ
พอจะสามารถสร้างความสะดวกสบายขึ้นมาได้บ้าง
เดือนที่แล้วเราต้องย้ายของออกจากบ้านหลังเดิม ไปอีกหลังที่อยู่ติดกัน
ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินและบ้านของอา และฉันก็ซื้อไว้เพราะอยากให้ที่ดินผืนนี้
ยังคงเป็นของคนในตระกูลของเรา เพราะในความทรงจำตอนเด็ก ๆ ฉันเห็นปู่และย่า
นั่งที่ใต้ถุนบ้านหลังนั้นเสมอ ความทรงจำที่แสนงดงามที่ฉันหลงเหลือให้คิดถึง
ฉันกัดฟันซื้อด้วยเงินเก็บเกือบทั้งปีที่ฉันไปลำบากขายแรงงานมา
ซึ่งเดิมทีหวังไว้ว่ากลับเอาไปเป็นต้นทุนในการตั้งหลักชีวิต
สำหรับผู้หญิงหลักสามต้นๆ ภาระจำยอม! ฉันจำเป็นต้องซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างเสียมิได้

.....วันนี้หลังจากบ้านเดิมตกแต่งใหม่เสร็จ เราทั้งครอบครัวช่วยกันขนของ
กลับเข้าบ้านหลังเดิม ของหลายชิ้นที่เห็น ย้อนความทรงจำกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เสื้อบางตัวนำมาซึ่งความทรงจำเก่าๆ กลิ่นอายของตู้เสื้อผ้าที่ฉันจากไปสิบปี
ยังเป็นกลิ่นคุ้นเคย เหมือนฉันจากไปเพียงเมื่อวาน
ฉันมองเห็นภาพปักใส่กรอบที่ฉันตั้งใจทำให้ใครสักคน ที่มีความรู้สึกดี ๆ ด้วย
ตอนวัยยี่สิบ ป้าบ!! ,มันเตะความรู้สึกในก้นบึ้งฉันอย่างจัง

.....ท่อนนึงของผ้าที่ในกรอบ "จะเป็นไรไปหากเมล็ดพันธ์แห่งรักเรา ในใจใครคนนั้น
มันไม่เจริญเติบโตอย่างที่เราหวังไว้ ถึงจะผิดหวังแค่ไหน เจ็บปวดแค่ไหน
แต่ 'รัก' นั้นจะยังเติบโตต่อไป อย่างเงียบเชียบในใจเราเองเสมอ"
อ่านแล้วช่างเป็นความรู้สึก ที่งดงามปลอบประโลมหัวใจที่แห้งหยาบ
กลับพลันนุ่มละมุนละไมมีน้ำหล่อเลี้ยงขึ้นมา ในความใสของความรู้สึก
รักในอุดมคติ

.....เย็นย่ำข้าวของทุกอย่างเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ จัดเตียงและตู้มุมใหม่
ดูดีในความรู้สึกและสามารถลบความทรงจำบางสิ่งออกได้เล็กน้อย
ของบางอย่างไม่ได้ใช้ ย้ายไปไว้บ้านข้างหลัง ฉันเห็นรูปการ์ตูนสีอัดลงบนแผ่นไม้อัด
ซึ่งฉันเคยใช้ตกแต่งร้านเช่าการ์ตูนที่ฉันและแฟน เคยทำเป็นธุรกิจแรกของชีวิต
"ใช่ จริงๆ ฉันก็เริ่มจากจุดเล็กๆ ตรงนั้นแล้วค่อย ๆ ต่อยอดเป็นอย่างอื่น"

.....วันนี้ฉันก็ไม่ต่างจากวันนั้นนัก นอกจากวัยที่เพิ่มขึ้น ประสบการณ์ที่มากขึ้น
แต่ฉันก็ไม่ได้กลับไปเริ่มจากศูนย์ ตอนนี้ฉันยืนอยู่สูงกว่าศูนย์มากมายนัก
ฉันควรมีความสุขกับสิ่งที่มีในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เคยผ่านมาในช่วงหลายปีหลัง
ความคิดนั้นตกตะกอนในใจฉันทันที.......

.....คืนก่อนฉันนั่งรถปรับอากาศชั้น 1 จากหมอชิต กลับบ้าน ชีวิตแบบนี้ที่ฉัน
ไม่คุ้นเคยมาสิบปีเช่นกัน ผู้คนบนรถไม่เยอะนัก ฉันเลือกเบาะไม่ไกลคนขับนัก
ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นเพียงแสงไฟโดดเด่น
ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กม. จิตใจฉันล่องลอยไปไกล
และเร็วกว่า ความเร็วรถที่ฉันนั่ง......


.....คำถามผุดขึ้นมากมายเกี่ยวกับชีวิตตัวเอง ฉันเริ่มไม่แน่ใจกับความต้องการ
ตัวเองสักเท่าไหร่.... หลายเดือนผ่านมา แรงบัลดาลใจฉันขาดวิ่น...
ความฝันฉันไกลเกินหยิบมาทำให้เป็นจริงได้....
ความหวังฉันเลือนลาง จนแทบจำไม่ได้
ฉันหยิบโทรศัพท์และกดหาเพื่อนคนนึง "เธอ" คนนี้ มีคำตอบดี ๆ ที่จริงแท้
เพียว ๆ ไม่มีสี ไม่มีควัน และ ไม่มีโซดาผสมให้เสมอๆ

.....หลังจากวางหู หัวใจและสมองฉัน อิสระและความหวังและแรงบัลดาลใจ
กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง ฉันยิ้มน้อย ๆที่มุมปากในความมืดของแสงราตรี......


.....ฉันเรียงหนังสือหลายเล่มบนหัวเตียง จู่ๆ ประโยคท่อนนึงจาก "คิดถึงทุกปี"
ของบินหลา สันกาลาคีรี ก็ลอยเข้ามาในหัว "ถ้ารู้ว่าแต่งแล้วต้องเลิกกัน
ยังจะแต่งอยู่ไหม" มันแว่บเข้ามาตอนที่ฉันหยิบกรอบรูปซึ่งฉันใส่ชุดเจ้าสาว
วางลงบนหัวเตียงที่ซึ่งมันเคยอยู่ ฉันตอบตัวเองในใจ

"ฉันก็ยังเลือกจะแต่ง เพราะระหว่างทางที่ผ่านมา มันมีความทรงจำ
และความผูกพันดีๆ ยังอยู่ในหัว และ อยู่ในใจเราเสมอ"

.......แม้ชีวิตคู่มันจะเดินต่อไปไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่รักกัน........


.....น้ำตาฉันเอ่อนิดหน่อย ฉันเอื้อมหยิบกรอบรูปอีกอันไปวางไว้บนตู้ นอกห้อง
ในรูปนั้นมีพ่อและแม่ขนาบอยู่ข้างๆ เรา ฉันมองเห็นรอยยิ้มของแม่ซึ่งเด่นและ
ดูมีความสุขมากที่สุดครั้งนึงในชีวิต คล้ายกับว่าเหมือนแม่เป็นเจ้าสาวเอง

"อย่างน้อยมันก็เคยมี" ฉันเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ



.....ฉันยังเดาไม่ออกนัก ว่าจากนี้ชีวิตฉันจะเดินไปในเส้นทางไหน ซึ่งฉันก็พยายาม
ทำให้มันดีที่สุดตามแต่โอกาสในชีวิตที่เปิดให้

.....ความฝันฉันเล็กลง มันจับต้องได้และฉันสามารถเอื้อมถึง
ความฝันอยู่ในหัวฉัน ในขณะที่ฉันนั่งอยู่กับพ่อและแม่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน
ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แม่กำลังง่วนกับการเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะ เพื่อจะกินข้าวเย็น
สายลมโชยอ่อนๆ เย็นสบายๆ คล้ายกับฝนตกไกล ๆ

ก็เท่านี้ไม่ใช่หรือ ที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราจะมีความสุขได้
การได้นั่งกินข้าวด้วยกัน พูดคุย หัวเราะ กับครอบครัว
นี่เป็นความสุขที่แท้จริง ที่ชีวิตฉันเอง โหยหาตลอดหลายปีที่ผ่านมา "บ้าน"




 

Create Date : 17 มีนาคม 2553    
Last Update : 17 มีนาคม 2553 13:38:11 น.
Counter : 352 Pageviews.  

อ้วนได้ก็ต้องผอมได้

บินกลับบ้าน เมื่อต้นเดือน พย. พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่น้ำหนักเกินไป 20 กก.
โดนปรับซะเละ!!
แต่มีสิ่งที่หนักหนามากกว่านั้น คือ...
การแบกน้ำหนักตัวกลับไทยเพิ่มขึ้น 6 กิโล!!เพียงสามเดือนสุดท้ายก่อนกลับ
สาเหตุหลัก ๆ มาจากไวน์ กินเ็ป็นเทน้ำ และตามใจปากอย่างสุดๆ
หนักดูซีรีส์ถึงตีสาม ก็ยังนั่งกิน+ดื่ม (เมาคนเดียวไม่เกี่ยวกะใคร)
ป้าดดด

ความทรงจำสามเดือนอันเลวร้าย
-เคยตื่นกลางดึกแล้วมาลูบเอวตัวเองแล้วอยากกหลับไปสักสามคืน
-เคยท้อแท้กับตัวเอง ไม่อยากเจอผู้คน แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่กล้ารับ
-แต่ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน ยิ่งดื่ม
นี่หล่ะนะผู้หญิง พอรู้สึกว่ามีอะไรมาทำให้ตัวเองดูดีน้อยลง
มันก็ทำให้ต้องวิตกกังวล บางครั้งมากไปเหมือนจะกลายเป็นคนบ้า

ช่วงที่ผ่านมาที่รู้สึกแย่กับน้ำหนักของตัวเอง
ได้แต่ปลอบใจว่า เอาน่า!! กลับไทยเดี๋ยวก็ผอมแล้ว
อาหารไทย,อากาศ ดังนั้น จึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยถึงวันที่จะบินกลับไทยมาก
เหมือนเมืองไทยเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ปลายอุโมงค์
พอมีความหวัง มันก็มีกำลังใจ

ความอ้วนรุกราน
-ปวดเอวมาก คงเพราะพุงขยายเลยไปดึงช่วงเอวทำให้มีอาการปวด
-เหนื่อยง่าย,ทำอะไรก็อืดอาด,เชื่องช้า,นั่งแล้วไม่อยากลุก(หนัก)
-สิวขึ้นเขรอะ เหมือนไขมันพยายามหาทางออกจากร่างกาย
-หายใจลำบากเวลานอน รู้สึกทุกอย่างหนาแน่นไปหมด
-แขนกลายเป็นขา ขากลายเ็ป็นอะไรแล้วก็ไม่รู้
-ความสวย,ความเซ็กส์ซี่หายไปอย่างไม่เหลือคราบ

อ้วนแล้วไม่เห็นมีอะไรดีเลย มีแต่เสีย
โรคอ้วนทำร้ายฉันทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ใครๆ เห็นที่เมืองไทยก็ทักว่าตัวใหญ่ขึ้น (สุภาพ)
บ้างก็บอก ดีนะไ่ม่ต้องเดิน กลิ้งเอา (อยากด่ามันอย่างสุภาพ)


ได้เวลาเริ่มต้นเอาจริงเอาจังสักที





 

Create Date : 16 ธันวาคม 2552    
Last Update : 16 ธันวาคม 2552 21:50:35 น.
Counter : 352 Pageviews.  

เคยอยากกอดใครสักคน เพื่อร้องไห้ดังๆ ไหม

อยากร้องให้ แต่ไม่อยากนั่งร้องไห้คนเดียว!!!

ทุกคนคงเคยรู้สึก กับวันเวลาเลวร้าย กับเหตุการณ์ร้ายๆ หัวใจบอบช้ำ เหนื่อยล้า แรงยืนแทบไม่มี นาทีนี้
อยากกอดใครสักคนแล้วร้องไห้ดัง ๆ จัง.......

ไกลบ้าน... สำเนียกในมโนสำนึกของตัวเอง
ตัวคนเดียว...สำเนียกในห้วงความคิดของตัวเอง



หลายครั้งหลายครา มักจะเกิดคำถามในหัวบ่อยๆ ทำไมมันเหงาขนาดนี้ชีวิต
ความเหงานี่ เหมือนเพื่อนสนิทคุ้นหน้า แต่ไม่เคยคุ้นเคยกันสักที ว่าไหม...
มันมาเยี่ยมเราทีไร หัวใจก็ไม่เคยชาชินสักที....

ปัญหาคนไกลบ้าน "เหงา" บางช่วงสนุกสนาน ลืมมันไป แต่สุดท้ายก็วนกลับมา ให้เหงาอยู่ร่ำไป

อยากร้องไห้...... เหนื่อย..... อยากมีใครสักคนให้กอด จะได้ร้องไห้ดังๆ




 

Create Date : 10 เมษายน 2552    
Last Update : 10 เมษายน 2552 10:52:31 น.
Counter : 1516 Pageviews.  

New Life in Melbourne

ชีวิตเริ่มต้นใหม่แล้วที่นี่ ณ วันที่ 5 / 11/ 51
เริ่มต้นตั้งแต่ บินคนเดียวด้วยระยะทางหลายพันไมล์ เป็นครั้งแรกที่เดินทางไกล ๆ แบบนี้
และที่สำคัญบินคนเดียว ไม่รู้จักใครสักคน
กระเป๋า แพ็คไป ยี่สิบเจ็ดกี่โล ผ่านฉลุยไม่มีปัญหา สาวหน้าหวานที่เคาเตอร์เช็คอิน
ไม่ทักท้วงติงแต่อย่างใด

มากับการบินไทย ก็สบายใจอย่างสำหรับคนไม่เคยเดินทาง แพงกว่า แควนตัส แปดพันแปด
แต่เอาเหอะ ฉันคนไม่เคย เน้นความสบายอุราแล้วกัน
บริการแบบไทย ๆ กับคนไทย อาหารอร่อย พร้อมเครื่องดื่ม ที่เสริฟได้ตลอดการเดินทาง ถ้าไม่หลับซะก่อน ก็เรียกร้องได้เรื่อย ๆ

การเดินทางครั้งนี้แย่นิดหน่อย เบาะข้าง ๆ มีเด็กราว สี่ขวบ ร้องให้บ่อยเหลือเกิน
และสาวฝรั่งเบาะหลัง นอนเตะเบาะนั่งฉันจัง
แหม...... นึกว่านั่งอยู่ในโรงหนังซะอีก


ตอนที่ต้อง declare ก็เป็นภาษาไทยที่แสนจะเข้าใจง่าย
เหมาะกับคนที่สอบ ILELTS 4.5 อย่างดิฉันจริง ๆ เห่อ ๆ

บนเครื่องกินไวน์ไปแก้วเดียว เล่นเอาหลับเพลินไปเลย หนังก็มีให้ดูเป็นหน้าจอส่วนตัว
ดีนะ ปกติบินบ่อยๆ (บินแต่ในประเทศ 555+) ไม่เคยมีพวกนี้ให้เล่นเท่าไหร่

ตอนจองตั๋วเครื่องบินผ่านเอเจ้นท์บอกไปว่า พี่คะ ไม่เอาตรงปีกนะคะ เอาเลยสักสองหรือสามแถว
เลยตรงปีกมาหน่อยเสียงมันดัง และเวลาปีกมันขยับเราจะรู้สึกได้ตลอดเวลา
พอไปถึง แหม............. ปีกเด๊ะ ๆ กำ ทำไรไม่ทันแระ รับสภาพไป


เครื่องบินใกล้ร่อนลง มองออกมาเห็นที่เมล์เบิร์น ทะเลทรายผืนใหญ่โต
มิหน่าบ้านเมืองเค้าถึงประหยัดน้ำกันมาก ๆ เพราะเหตุนี้เอง

ลงเครื่อง เดินเซนิดหน่อย เพราะนั่งนาน เลยเสียศูนย์นิดนึง ลากกระเป๋าใบเล็ก ไม่กี่เซน
แต่หนักมากกก พร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ้คซึ่งหนักมากอีกหนึ่งใบ

ตรูจะขนอะไรนักหนาฟร่ะ !! (ขนได้ขนก่อนสิ มาครั้งแรก เคยที่ไหน)
ตอนเข้าอิม เค้าดูใบที่ declare แล้วก็บอกให้ไปที่ช่องหมายเลข 1
ทุกคนก็ดูเป็นมิตร ทักทาย เซย์ เฮลโล โอว เย กันไป
ไม่รู้มันฟังเรารู้เรื่องป่าว เพราะมันก็เงียบ ๆ ไป 555+
ไงหล่ะ เจอไทยคำอังกฤษคำ งงเลยเหรอ

ระหว่างที่รอ เจ้าหน้าที่ผู้หญิง ก็ถามสัพเพเหระ เป็นสาระบ้างไม่สาระบ้าง
ก็ว่ากันไป
ที่ต้องเข้าช่อง 1 เพราะ รองเท้าส้นสูงที่ใส่ไปดินเน่อกับเพื่อนๆ เปื้อนดิน
แล้วดิฉันยัดใส่กระเป๋ามา เพราะในช่องที่ให้ declare บอกว่า
ถ้าไม่แน่ใจให้ตอบ yes ดิฉันมันซื่อนี่นา
สอง ดิฉันมียาสมุนไพรแผนโบราณเป็นผง มาสองห่อเล็ก ๆ ซึ่งมันบอกว่า
ถ้ามีอะไรที่ทำจากสมุนไพรต้องสำแดง

มันเริ่มให้ดิฉันเปิดกระเป๋าเล็กใบแรก เริ่มสวมถุงมือและทำการค้น
กริสสส ดิฉันคิดในใจ เอาแล้วว กระเป๋าตรูเยอะ ค้นกี่ชม.กว่าจะเสร็จฟร่ะนี่
เลยบอกไป ยู ๆ นี่ สิ่งที่คุณต้องการดูอ่ะ อยู่กระเป๋า ไอ ใบนี้
ชี คนนั้นถามกลับ คุณแพ็คกระเป๋าทั้งหมดเองไหม รู้ไหมว่าอะไรอยู่ตรงไหน
เออ... สิ ตรูแพ็คเองทุกอย่างเลย เพราะตรูกลุ้มเรื่องกระเป๋ามาเป็นเดือน ๆ แระ
คิดแต่เรื่องแพ็คของอย่างเดียว ทั้งหมดนี่ ตรูจัดการเองหมดเลย

ว่าแล้วก็เดินไปหยิบสิ่งของน่าสงสัยให้มันดู โอเค ชีบอก รอเจ้านายชีมาดูนะ
ระหว่างนี้ ชีถาม ยูมาทำอะไรที่นี่ ไอก็บอกไป ไอมาทำงานร้านนวด

ชี : มาสซาจ โอนลี้
ไอ : เยส ชัวร์ โอนลี่มาสสาดดดดดดด
(รู้นะคิดไรอยู่ ชะนีเอ๋ย)
ชี : ฮาว ดู ยู ดู อิน ไทยแลนด์
ไอ : ไอ แฮฟ อะ คอม พิว เตอร์ ชอปปป

บลา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะล๊อตออฟติง ถามไม่หยุด ไม่หย่อน ถามจนลิงหิวกล้วย
เง้ยย... คนนะไม่ใช่ลิง

หลายคนอาจจะหงุดหงิดที่โดนถามแบบนี้ ถามเซ้าถามซี้อยู่นั่นหล่ะ
แล้วผู้หญิงไทยก็ขึ้นชื่ออยู่ด้วย เรื่องที่เรารู้ ๆ กัน

แต่ฉัน สบายมาก ยิ้มตลอดเวลา อยากถามไรถามมาสิ ตรูตอบได้หมด
ใจเย็นด้วย แบบว่าไม่เคยไง ชีวิตไม่เคยเจอไรตื่นเต้น ท้าทาย แล้วแบบว่า
สมองต้องคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมๆ กับ ต้องพูดแล้ว
ให้มันเข้าใจด้วยไปพร้อม ๆ กันทั้งหมด 555+ สนุกดีแท้ เหมือนได้เพิ่มรอยหยักในสมอง
สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย คล้าย ๆ สมองส่งอะดีนาลีมากระตุ้นต่อมหมวกไตซะมากมาย

เพราะชีวิตอยู่เมืองไทย ทำอะไรแต่เดิม ๆ ซ้ำซาก ทำจนหลับตาทำได้
อันนี้แปลกใหม่สนุกสนานดีจัง หุหุ

สักพัก เจ้านายมาดม ๆ ถุงสมุนไพร บอก ฉุน ๆ วุ้ยย อ่ะ ผ่าน ๆ
มาหยิบรองเท้าส้นสูงที่ฉันใส่ไปอำลาปาร์ตี้ซิสเล่อร์กับเพื่อน ๆ แล้วก็ อ่ะ ผ่าน ๆ


ก่อนจะจากมา ชีคนนั้นบอกนิดนึงว่า ย่านที่จะไปอยู่ ระวังหน่อยนะ เพราะวัยรุ่นอยู่เยอะ
เป็นแหล่งผับ แหล่งเทคด้วย
โอเค เซย์ กู๊ด บาย พร้อมรอยยิ้มงามๆ ก่อนจะจากกัน

ลัลลา แล้วฉันก็เดินเข้าประเทศที่ดิฉันไม่เคยมา และไม่คิดว่าจะได้มาสำเร็จ YESSS!!!





 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 14:47:01 น.
Counter : 306 Pageviews.  

1  2  

ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันนี้ยังเห็นอยู่ พรุ่งนี้อาจว่างเปล่า
Friends' blogs
[Add ฟ้าฝนไม่เป็นใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.